+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!

“หนีตามกาลิเลโอ” + “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” ... ความ Feel Good ที่มีเหมือน แต่ความสุขที่ได้ต่างกัน

เราคงรู้กันเป็นอย่างดีแล้ว... ว่า 'GTH' เขาขึ้นชื่อแค่ไหนกับการทำหนัง Feel Good ออกมาล่อตาล่อใจให้คนดูอยากจะเจียดตังค์เข้าโรง หรือเช่าแผ่นมาดูชม ..หวังเพื่อได้รับความสุขสบายใจ ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปพร้อมๆกับยังได้แง่คิดดีๆที่น่าสนใจ ..แม้ในแง่มุมเหล่านั้น มันจะเต็มล้นไปด้วย การมองแบบบวกๆก็เถอะ

แต่ถึงอย่างไรแล้ว เมื่อมาถึงเวลานี้... ปัญหาอย่างหนึ่งที่ดูว่าจะกลายเป็นข้ออคติในใจของคอหนังไปแล้วเรียบร้อย สำหรับการเมียงมองดูหนัง Feel Good แบบ GTH ..ก็คือ การที่หนังของค่ายนี้ ไม่สามารถหลุดจากกรอบเดิมๆ ที่ตั้งเอาไว้เป็นมาตรฐานของตัวเองได้เลย ...ซึ่งแม้จะยังพยายามสร้างเงื่อนไขใหม่ๆให้กับตัวเอง เพื่อบอกกับคนดูว่า มันก็มีการพัฒนา ..แต่ถึงท้ายที่สุด ก็ยังชอบที่จะ play safe เพื่อจะหาทางออกให้กับเหตุการณ์ และตัวละครด้วยวิธีการที่มองโลกในแง่ดีเข้าว่าเสมอๆ

ซึ่งก็ด้วยเหตุผลเช่นนี้นี่เอง ...เลยทำให้คอหนังตัวจริง(ที่ต้องการดูหนังที่หลากหลาย)ในวันนี้ เริ่มจะรู้สึกอยากตีตัวออกห่างจากหนังของ GTH ..ห่างขึ้น ห่างขึ้น และห่างขึ้น จนกลายเป็นความเฉยชา และเฉยเมย ..ไม่ตื่นเต้น หรือปลาบปลื้มใจ อะไรอีกต่อไป ที่ได้รู้ว่า GTH จะส่งหนัง Feel Good เรื่องใหม่ออกมาทักทายอีกแล้ว

ผมบอกอย่างนี้ ..มันไม่ได้มีความหมายเชิงว่า ผมไม่รัก GTH แล้ว ...แต่ในความรู้สึกส่วนตัว ก็เห็นว่ามันน่าเบื่อ มากกว่าที่จะบอกว่าน่าสนใจ

มิหนำซ้ำ อยากจะเห็นหนังที่กล้าแตกต่าง และไม่สนตลาด อย่าง “กอด” , “มหาลัยเหมืองแร่” หริอว่า “15 ค่ำ เดือน 11” ..เป็นผลิตภัณฑ์ที่กำเนิดออกมาจากค่ายนี้อีกสักครั้ง สักครั้ง และสักครั้ง

เพียงอย่างน้อยๆ ขอให้ได้มี ออกมาเอาใจ สักเรื่องละปี ...แล้วผมจะไม่ขออะไรให้มากเรื่องอีกเลยจริงๆ

แต่ช่างเหอะ นั่นก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ต้องการจากค่ายนี้ ซึ่งไม่ได้หวังว่าต้องทำออกมาให้ได้ ..แค่อยากเรียกร้องก็เท่านั้น

เพราะเอาเข้าจริง ผมก็ได้สมัครรักใคร่ใน GTH ไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ..ให้มีหนังเรื่องไหนออกฉาย ก็ตามไปดูไปชม แบบไม่สนคำใคร ...แม้สุดท้ายอาจจะออกมามีให้ผิดหวัง แต่ก็ยังรู้สึกชื่นชมนิดๆว่า ในบรรดาหนังที่ผลิตออกมาจากหลากๆค่ายหนังไทยด้วยกัน ..ค่ายนี้ จัดว่า ใส่ใจในคุณภาพ แทบทั้งนั้น (เอากระทั่งหนังที่หลายคนว่าแย่ ไปถึงขั้นห่วย อย่างการแสดงคาเฟ่ลงโรงของ “จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก” ..ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าให้ ตลกคนอื่นๆมากำกับหนังแบบมือสมัครเล่น)

ซึ่งกับ GTH สองเรื่องล่าสุด ที่ได้ออกฉายสู่สายตาชาวเราไปแล้วในปีนี้ อย่าง “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” และ “หนีตามกาลิเลโอ” ..ก็ยังคงเอาแน่เอานอนในเรื่องของการสร้างงานที่มีคุณภาพได้อยู่

แต่หากเอาความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อหนังแต่ละเรื่อง เข้ามาเป็นส่วนเปรียบเทียบกันแล้ว ..เรื่องของความชอบ มันอยู่ในระดับที่ต่างกันอย่างชัดเจน...


“หนีตามกาลิเลโอ”




หลังจากที่บินเดี่ยวครั้งแรก พร้อมกับได้รับความชื่นชมจากคอหนังไทย ในระดับที่ยังถูกยกให้เป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆคนได้อีกด้วยแล้ว ...ผู้กำกับเด็กปั้นประจำค่ายนี้ คนหนึ่งที่ถือเป็นที่รอคอยของแฟนๆในผลงานเรื่องใหม่อย่างแหงแก๋ ..ย่อมต้องไม่พ้นที่จะคิดถึง “นิธิวัฒน์ ธราธร” แห่ง “Seasons Change” เป็นแน่แท้

ซึ่งพอได้ที กลับมาแล้วจริงๆ ..ผู้กำกับคนนี้ ก็ยังคงเลือกที่จะขอบินเดี่ยวเหมือนเดิม ...หากแต่ที่พิเศษสุดๆสำหรับงานนี้แล้ว มันก็คือ การขอบินไปพร้อมกับเครื่องบินจริงๆ ..เพื่อหวังจะได้ร่อนลงสู่ 3 ประเทศในยุโรป ที่ๆเป็นโลเคชั่นสำหรับหนังเรื่องใหม่ของเขาในที่นี้

“หนีตามกาลิเลโอ” เล่าเรื่องของสองสาว สองสไตล์ ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าเจ็บปวด จี๊ดๆในใจของแต่ละคน

เมื่อสาวคนหนึ่ง กำลังจะจบจากมหาลัยด้วยเกียรตินิยมแล้วแท้ๆ แต่ดันไปริมีกลโกง ด้วยการปลอมลายเซ็นของอาจารย์ ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ..และนั่นก็เลยทำให้เธอต้องพานพบความผิดหวังครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อต้องถูกพักการเรียน และทำให้การจบการศึกษาของเธอ ต้องล่าช้าออกไปอีกเป็นปีๆ

ส่วนสาวอีกคนหนึ่ง ก็เพิ่งจะเฮิร์ทเรื่องความรักมาแหม่บๆ หลังจากที่เจ้าตัวดันปากดี ไปขอเลิกกับแฟนหนุ่ม.. ที่มันก็แค่บ่นๆ ว่าสาวเจ้าเข้ามาจุ้นจ้านกับชีวิตของเขามากเกินไป ..แต่ไปๆมาๆ ก็ทะลึ่งเอาจริง ที่จะเลิก และขอคืนความสัมพันธ์กลับมาเป็นแค่เพื่อนที่ดีเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง



สาวคนแรกชื่อ “เชอร์รี่” ส่วนอีกคนชื่อว่า “นุ่น” ..และสาวทั้งสองคนนี้ ก็คือเพื่อนกัน (ตามสูตร)

เมื่อต่างคนต่างก็เข้าอกเข้าใจ และรับรู้ว่าอีกคนก็คงเจ็บปวดไม่ต่างกัน (แม้ประเด็นที่เจ็บจะไม่เหมือนกันก็ตามที) ..จึงไม่แปลกอะไรที่ ทั้งสองคนนี้ ต่างก็เลือกที่จะหนีปัญหา และตามหาบทสรุปที่ดีกว่าของชีวิต ด้วยการหนีสุดหล้าฟ้าเขียว ไปพร้อมกับเครื่องบิน เพื่อต้องการจะแลนด์ดิ่ง ลงสู่ 3 ประเทศในยุโรป ที่ๆจะเป็นแหล่งพักใจ และเยียวยา ให้พวกเธอคืนกลับมาสู่ความสดใสได้อีกครั้งหนึ่ง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว... “กาลิเลโอ กาลิเลอี” ได้เข้ามาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะนั้น?? ...มันคงจะน่าสงสัย สำหรับใครที่ไม่รู้เนื้อเรื่อง ไม่เห็นตัวอย่าง หากอ่านแต่ชื่อ ก็ยังมึนๆ และรู้แค่ว่ามันเป็นหนัง Feel Good เรื่องใหม่ของ GTH

แต่ถ้าให้ผมต้องเฉลยความเป็นจริงแล้วละก็ ...ผมพูดได้เลยว่า กาลิเลโอ ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอะไรเลย ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อหนังเรื่องนี้ ...หากเอาเข้าจริง มันก็คงจะเป็นได้เพียงแนวคิดเก๋ๆเท่ห์ๆของคนคิดเรื่อง ที่อยากจะโยงเอาบุคคลสำคัญของโลก เข้ามามีเอี่ยว กับการเดินทางข้ามโลก ของหนังไทย ในครานี้ ซะมากกว่า



เพราะหากใครได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับผม ..ว่า กาลิเลโอ มีบทบาทก็แค่ถูกเอ่ยถึงเป็นบุคคลที่สาม พร้อมยกกล่าวอ้างทฤษฎีที่สร้างชื่อของเขา ขึ้นมาเกี่ยวพันกับบทหนังด้วยก็เท่านั้น ..ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้จัก กาลิเลโอ มากขึ้นแต่ใดเลย

แต่มันก็ไม่น่าเสียใจ กับเสียดายเท่าไหร่หรอก ที่ท่านกาลิ จะได้มีส่วนร่วมกับหนังที่ขายชื่อเขาแบบแกนๆอย่างนี้ ..หากความผิดหวังเช่นนั้น ก็ยังอาจเทียบไม่ได้เลยกับตัวหนังเต็มๆ ของ หนีตามกาลิเลโอ ...ที่อุตส่าห์มาพร้อมปมประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ให้รวมมาพรั่งพรูไว้ในหนังเรื่องเดียวกันทั้งที แต่เมื่อนำเสนอออกมาแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง มันก็ล้วนแล้วแต่มาแบบแกนๆ

แม้ผมจะไม่คิดคาดว่า ผู้กำกับ ต้น-ธราธร จะสามารถทำหนังเรื่องใหม่เรื่องนี้ ของเขาออกมาได้ในระดับที่น่าประทับใจ พอๆกับที่เคยเป็นใน Seasons Change ..แต่พอได้เห็นผลลัพธ์ของผลงานออกมาในรูปแบบที่น่าผิดหวัง กันอย่างนี้แล้ว ...มันก็ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่า ผู้(เคย)กำกับ “แฟนฉัน” ไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล และไม่ใช่กลุ่มคนที่เก่งที่สุด ที่น่าให้ไว้วางใจ ในแวดวงหนังไทย เสมอไป




ซึ่งแม้ว่า หนีตามกาลิเลโอ จะไม่ถึงกับเป็นหนังที่แย่ซะทีเดียว อีกถ้าดูเอาความเพลิดเพลินแล้ว ..ก็นับว่า ยังสนุกได้ ด้วยการแสดงที่มีเสน่ห์ ของ 3 ดารานำ อย่าง ต่าย เต้ย และเรย์ ที่สามารถคงความเป็นคาแรกเตอร์ของตัวเองได้อยู่หมัด ...แล้วก็ได้เจริญหูเจริญตาไปกับแหล่งท่องเที่ยวในยุโรปหลายๆแห่ง ที่ผมมีความฝันใฝ่ว่าจะไปให้ได้ในอนาคตข้างหน้า ..จะถือว่า เป็นการยั่วน้ำลายที่ได้ผลต่อหัวใจให้เกิดอาการตบะแตก ก็จริงอยู่

แต่หากว่า กันด้วยเรื่องด้วยราวของหนังละก็ ..จะพบว่านี่เป็นหนังของ GTH เรื่องหนึ่งที่เบาโหวง และเล่าเรื่องได้อย่างกระท่อนกระแท่น ...พาลให้ความรู้สึกที่น่าจะอินกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ มันเลยไม่เกิดกับผม ..หรืออาจจะมีบ้าง ก็ไม่ถึงขั้น ทำให้รู้สึกสะทก สะท้าน และสะเทือน อย่างที่ควรจะเป็นได้ซะเท่าไหร่

ผมรู้สึกเสียดายหลายๆอย่าง ที่พลอตเรื่องนี้มี และดูแข็งแรงมากๆ ..ขณะที่ดูแค่ตัวอย่าง ก็ยังเข้าใจไปเองอีกว่า ตัวหนังเต็มๆคงจะทำให้อินได้ไม่เบา ...หากเมื่อเห็นของจริงแล้ว ไม่ว่าจะพลอตใหญ่ หรือพลอตเล็กพลอตน้อย ก็ไม่มีพลอตไหนที่ไปของมันได้ถึงสุดทางเอาซะเลย



แล้วถ้าหากจะเรียกร้องความเป็นธรรมชาติ จากสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ด้วยละก็ ..ผมคิดว่า หนีตามกาลิเลโอ ให้ความรู้สึกนั้นได้เบาบางเหลือเกิน ...เพราะโดยส่วนมาก ผมจะรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น ด้วยความไม่เชื่อเต็มร้อย อันเกิดจากการประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างจงใจ ..และต่อให้ฝืนกันอย่างไร เนียนสักแค่ไหน ผมก็ยังว่ามันเฟค และดูไม่ลื่นพอจะทำให้หลงลืมสิ่งเหล่านั้นให้ผ่านไปง่ายดาย


ถึงหากแม้ทว่า งานก่อน อย่าง Seasons Change ก็อาจจะมีบางฉากที่เมคขึ้นมาอย่างจงใจ และหวังผลให้สะเทือนอารมณ์โต้งๆ ก็จริงอยู่ ..แต่ถ้าวัดกันด้วยความลื่นแล้ว ยังถือว่า งานนั้น ผู้กำกับต้น ทำให้เราเลือกจะเชื่อได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ..ไม่ฝืนธรรมชาติใดๆ ที่จะอิน

ความประดิษฐ์ที่ตั้งใจ อาจดูว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าปลื้มแล้ว พอมาประสบกับตัวเรื่องที่ไม่สามารถเล่นกับทรัพยากรต่างๆที่มีได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นตัวบทตัวพลอต แม้กระทั่งกับสถานที่รอบข้างที่อยู่ในหนัง ที่พยายามขายเน้นๆ ก็รวมไว้ในกรณีนี้ด้วย ..มันเลยพลอยให้ดูแล้วไม่ยักคล้อย ไม่ยักอิน อย่างที่ควรจะเป็น

ซึ่งถึงตรงนี้ นอกเหนือจากความไม่อิน ...ถ้าจะถามว่า หนีตามกาลิเลโอ ได้ให้ข้อคิดอะไรกับผมบ้าง และให้ได้มากขนาดไหนแล้วละก็ ..ก็บอกเลยว่า ไม่ให้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันซะเท่าไหร่ (ขนาดกลับมาคิดตีความต่อที่บ้าน ..ก็ยังไม่รู้สึกเคลิ้มตามมันไปอยู่ดี) แล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเลยว่า ตัวละครของ เชอร์รี่ และนุ่น จะได้รับประสบการณ์ชีวิตที่คุ้มค่า จากการหนีตามกาลิเลโอแบบแกนๆในครั้งนี้



โดยเฉพาะในกรณีการหนีปัญหาความรักของนุ่น.. ที่ ณ บทสรุปของมัน ไม่ได้ทำให้ตัวละครนี้เรียนรู้อะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ...แทนที่ในที่สุดควรจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ผิด และอยากจะแก้ไขความผิดพลาดนั้น ให้คืนมาสู่ความสุขได้ในอีกครั้ง ..แต่หนังกลับกล้าที่จะเลือกหาทางออกแบบผิดๆ ให้ นุ่น ได้พบเจอรักครั้งใหม่ ที่สดใสกว่าเดิมเสียอย่างงั้น

ถึงแม้ว่า ในโลกของความเป็นจริง ..เรื่องราวที่ลงเอยอย่างนี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ และไม่มีเหตุผลอันใด จะถกเถียงว่ามันไม่ควรเกิด ...แต่หากจะว่ากันในมุมมองที่เตือนใจคนได้ มันก็น่าจะยอมให้นุ่นได้กลับไปเคลียร์ปัญหารักครั้งเก่า ให้จบๆกันไปก่อน จะดีกว่ามั้ย? ..เพราะอย่างน้อยๆ มันก็จะทำให้รักครั้งใหม่ เกิดขึ้นมาได้อย่างสะดวกใจในที่สุด


แต่เอาเหอะ ...แม้ส่วนตัวจะยังไม่รู้สึกยินดีกับการหาทางออกของหนังเรื่องนี้ ..แต่หากตอนจบของ หนีตามกาลิเลโอ จะสามารถเรียกคะแนนคืนมาได้บ้าง ผมก็ยินดีที่จะให้มันไป

ซึ่ง ณ จุดจบ ที่หนังได้ส่งคนดูออกจากโรง พร้อมอารมณ์แห่งความซาบซึ้ง อย่างถึงจุดสูงสุดนั้น ..ผมมองว่า หนีตามกาลิเลโอ ได้ทำมันออกมาให้น่าประทับใจกว่า Seasons Change เสียอีกต่างหาก

ถึงตัวผู้กำกับทำมันได้ถึง ก็อาจเกี่ยว ..อีกตัวนักแสดงในฉากนี้ก็เล่นส่งอารมณ์กันได้สุดๆ ...รวมทั้งอาจต้องบวกกับภาพความสัมพันธ์ที่น่ารักของสองสาว ช่วยทำให้เกิดความเคลิ้มได้มากมาย

แต่ถึงที่สุดแล้ว ในจุดสุดท้ายนี้ ก็คงต้องขอขอบคุณเพลง "แค่ได้คิดถึง" ของ ญารินดา แทนคนทำหนังเรื่องนี้ เป็นอย่างมากๆๆๆๆๆเลย... ที่ช่วยส่งให้ดนดูอย่างผมออกจากโรง มาพร้อมกับความอิน แอบให้อมยิ้ม และขนลุก


ซึ่งถ้าไม่ติดว่า ฉากจบส่งความสุขให้ ผมพอได้จำจดจะนึกชอบอะไร ใน หนีตามกาลิเลโอ ขึ้นมาได้บ้างแล้ว ..ท้ายที่สุด ผมก็คงจะจัดหนังเรื่องนี้ ให้อยู่ในหมวดหมู่หนัง GTH ที่ดูจบแล้วเฉยๆ เช่นเดียวกันกับ “เด็กหอ” , “หมากเตะ”, “เก๋า..เก๋า” เลยทีเดียว






“ความจำสั้น แต่รักฉันยาว”




เคยเห็นแต่เชื่ยวชาญ การกำกับหนังตลกมาตลอด ..พอได้ลองพลิกแนวมาทำสยองใน “สี่แพร่ง” เป็นหนแรก ... “ยงยุทธ ทองกองทุน” ก็คงชักติดใจ และขอพลิกอีกสักหน กับการมากำกับหนังโรแมนติกเป็นเรื่องแรกอย่างเต็มตัว

“ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” ว่าด้วยเรื่องของ “บางสิ่งที่อยากจำ เรากลับลืม ..บางสิ่งที่อยากลืม เรากลับจำ ...คนเรานี้ คิดให้ดี ก็น่าขำ อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ”



หนังได้ยกกรณีตัวอย่างนี้ขึ้นมา ถึงคนสองคู่ ..คู่ที่หนึ่ง เป็นคู่หนุ่มสาว ที่ฝ่ายหนุ่ม เคยแอบรักฝ่ายสาวอยู่เงียบๆ แต่ต้องเกิดทุกข์ใจเพราะความต้องการมันเป็นไปไม่ได้ เมื่อเธอคนนั้นดันเป็นแฟนของเพื่อนสนิท แต่ในสุดท้ายฝ่ายสาวก็ไปกันไม่รอดจนได้ ต้องเลิกรา และกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ...ส่วนอีกคู่หนึ่ง เป็นคู่กล้วยไม้ (ก็ผวนสิเอย) ที่จู่ๆ ก็มาเกิดสปาร์ค รักกันในเวลาที่สถานการณ์ไม่เป็นใจ เมื่อฝ่ายคุณป้าต้องเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศแบบตั๋วเที่ยวเดียวกับครอบครัว ส่วนตัวคุณลุง ก็เกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่ทำให้สูญเสียความทรงจำ กลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืม

เมื่อคู่แรก พยายามจะลิมความรักครั้งอดีต แต่กลับต้องจำและเผชิญหน้ากับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ..หากกลับกันกับในคู่หลัง ที่พยายามทุกวิถีทางที่จะจดจำรักครั้งใหม่ และครั้งสุดท้ายครั้งนี้ ให้ยาวนานมากที่สุด แต่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันต้องมีอุปสรรคกีดกันทั้งเรื่องของครอบครัว และเรื่องของความชรา



ตอนแรกที่ได้รู้พลอตของ ความจำสั้นฯ ..ผมติดใจในทันที ที่รู้ว่านี่คือหนังที่จะมีพระนางเป็นคนชรา ...ซึ่งมันต้องดูแปลกใหม่อยู่แล้วสำหรับหนังไทยด้วยกัน ที่ยังไม่เคยมีใครกล้าเอาคนวัยนี้ มาเล่นเป็นตัวละครนำเรื่องสักที

นี่คงถือเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่า น่าสนใจ ในจำนวนน้อยเรื่องของ GTH ..ที่ผมรู้สึกอย่างจริงๆจังๆ ว่ามันน่าดู ...ซึ่งไม่ใช่จะไปดู เพราะความเป็นแฟน มันค้ำคอ แต่อย่างใด

โดยในที่สุด มันก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่อยากดู ...เพราะ ความจำสั้นฯ คือหนังรัก Feel Good อีกเรื่องของค่ายนี้ ที่ถูกจริตผม ด้วยความที่มันไม่กี่เรื่องที่มีวุฒิภาวะ(คือมีความเป็นผู้ใหญ่สูง) ..และเรื่องนี้ ก็คือเรื่องหนึ่งที่ผมรู้สึกเข้าใจ และอินตามสิ่งที่เกิดขึ้น

ผมชอบที่หนังเรื่องนี้ ค่อยๆปู ค่อยๆเสนอ เรื่องราวของคนสองคู่ แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ ..แต่กระนั้นก็ไม่ยืดยาด เยิ่นเย้อ และลงตัว ดูได้แบบเพลินๆ ไปพร้อมกับความลื่นไหลในบทหนัง การกำกับที่รู้จังหวะจะโคน อันสัมพันธ์ไปกับการแสดงของ 2 รุ่นใหม่ และ 2 รุ่นใหญ่ ที่เล่นออกมาได้น่าเชื่อถือ



บทหนังที่ยังหยอดมุขตลก ตามสไตล์ของหนังพี่สิน ลงมาได้อย่างลงตัว ก็ถือว่าเป็นส่วนของคอมเมดี้ ที่ดูเอาฮาเอาขำก็รู้สึกสนุกดี ..แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องด้วยราวที่เป็นความโรแมนติก และแง่มุมดรามาของหนังโดยเฉพาะแล้ว การเล่าของพี่สินในครั้งนี้ ดูมีความจริงจัง ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม และแสดงออกมาซึ่งความจริงใจ ที่ทำให้เราสัมผัสมันได้

อีกเมื่อมารวมกับการกำกับที่แม่นยำในการนำเสนอ อันเป็นหน้าที่ของพี่สินเช่นเดียวกัน ..มันก็ยิ่งชวนให้รู้สึกเชื่อในเรื่องราวของมันได้อย่างไม่ยากเย็น



ในส่วนการแสดงของคน 2 รุ่น ..แต่ละรุ่นต่างก็ดูว่ามีเคมีที่เข้ากันได้ และทำหน้าที่ของตัวเองได้น่ารักกำลังดี ...แต่ถ้าให้ถามว่าประทับใจใครเป็นพิเศษ ก็คงไม่พ้นที่จะปลื้มไปกับ สองรุ่นใหญ่ ซึ่งรับบทโดย คุณลุง “กฤษณ เศรษฐธำรงค์” และคุณป้า “ศันสนีย์ วัฒนานุกูล” (หรือที่เราๆรู้จักว่าเป็น ..คุณป้าโนบิตะ แห่งการ์ตูนช่อง 9 นั่นเอง)

โดยเฉพาะกับความเศร้าซึมปนอมยิ้ม ในฉากขอแต่งงานที่โคตรกินใจที่สุดในรอบปีนี้ ..มุขชมพู่มะเหมี่ยว ช่างโดนใจผมอย่างแรง!!!




แม้เห็นว่า หลายๆอย่างจะออกมาดี และโดน ได้เช่นนี้แล้วก็ตาม ..แต่ก็ใช่ว่า ความจำสั้นฯ จะไม่มีจุดตำหนิ เอาเสียเลย ...ซึ่งมันก็น่าเสียดายอยู่พอสมควร ที่จุดที่ว่านี้ มันได้มาเกิดขึ้นกับช่วงท้ายเรื่อง และเกิดกับคู่หนุ่มสาว ที่เป็นของ “เป้-อารักษ์” และ “ญารินดา”

ความน่าเสียดายนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้กับบทสรุปของคนคู่นี้ ...เพราะถ้าว่ากันแต่ตอนต้นเรื่อง ก็จะเห็นได้ว่า หนังเลือกจะเทน้ำหนัก สร้างประเด็นความสัมพันธ์ ให้กับฝั่งของคู่หนุ่มสาว มากกว่าลุงกับป้าเสียด้วยซ้ำ (ในขณะที่คู่หลัง จู่ๆก็เข้ามามีบทบาทเลย ในตอนที่ “เก่ง” ได้รู้จักเป็นครั้งแรก ..ไม่ได้มีการบอกกล่าวเลย ว่าสองคนนี้ เขามาเจอกันได้อย่างไร) แต่พอเมื่อหนังกลับมาถ่วงน้ำหนักให้แก่คู่ลุงป้า ในช่วงกลางเรื่องเป็นต้นมา ..เมื่อนั้น เก่ง และ “ฝ้าย” ก็ดรอปลงไปอย่างชัดเจน (ให้ลุงป้าแย่งซีนกันอย่างสนุกเลยทีเดียว) และนั่นก็ส่งผลมาถึงตอนจบของตัวละครคู่นี้ ที่จู่ๆก็รักกันง่ายๆ อย่างไม่มีเหตุมีผลอันดี



ซึ่งแทนที่จะทำให้เรารู้สึกเข้าใจ และซาบซึ้ง ไปพร้อมๆกับคู่ลุงและป้า ที่ทำการจบเรื่องจบราวของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด ..กลับกลายเป็นว่า ในท้ายที่สุด ความจำสั้นฯ ก็ยังคงมีประเด็นที่ค้างคา จบไม่ลง ...ถึงต่อจะทำให้มันเป็นตอนจบแบบปลายเปิด ปล่อยให้เรากลับไปคิดต่อกันเอง แต่ในแง่ของความเข้าใจ ผมกลับมึนๆ ตีความไม่ออก และสุดแล้วแต่ก็ส่งผลให้ความประทับใจในหนัง มันดูดรอปไปด้วย ..ทั้งๆที่ผ่านมาทั้งเรื่อง ก็ว่าใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบแล้วนะนั่น


แต่กระนั้นก็ตามที ..หากเอาหนังเรื่องนี้ มาวัดกันกับความประทับใจส่วนตัวที่เคยมีมากับหนังไทยอีกหลายเรื่องที่ดูมาในรอบปีนี้แล้ว ...ผมก็ขอจัดให้ ความจำสั้น แต่รักฉันยาว เป็นหนังไทยอันดับ 1 ในเวลานี้เลยทีเดียว

แม้จะยังอิ่มอกอิ่มใจไม่เท่ากับ “เพื่อนสนิท” หรือว่า “กอด” ที่มีวุฒิภาวะในระดับเดียวกัน ..แต่ก็ถือว่าเป็น หนัง Feel Good ของ GTH ที่ดี อย่างแน่แท้

อาจจะดูเดิมๆ ออกแนวน่าเบื่อจัง ..แต่ถึงอย่างไร ถ้าหนังมันทำได้ออกมาดีจริงๆ อีกยังได้เห็นถึงความตั้งใจของคนทำ แล้วเราจะทำใจให้ไม่ชอบได้อย่างไร ..จริงมั้ย??






ฉะนั้นแล้ว ถ้าให้ผมต้องเลือกระหว่าง การตีตั๋วเข้าโรง หนีฝนไปผึ่งแอร์กับ “หนีตามกาลิเลโอ” กับ การเช่า/ซื้อแผ่นไปนั่งชิลบนโซฟาที่บ้านกับ “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” ..ผมขอคอนเฟิร์มว่า กรณีหลัง คุ้มกันกว่าเยอะเลยทีเดียว

“หนีตามกาลิเลโอ” -> เกรด B ... {}
“ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” -> เกรด A- ... {} -> ขอแนะนำ...ครับ





ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
5 comments
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 13:07:42 น.
Counter : 2534 Pageviews.

 

แวะมานั่งฟังเจ้าบ้านคุยเรื่องหนังค่ะ

สำหรับเรา ถ้าถามง่ายๆ ว่าชอบเรื่องไหนมากกว่ากัน
คำตอบแรกคือ หนีตามฯ ค่ะ

แต่ถ้าถามว่าซึ้งกับเรื่องไหนมากกว่ากัน
ก็คงต้องเป็น ความจำสั้นฯ

เรื่องแรก
เราชอบเพราะ 3 ประเทศนี้ เป็นสถานที่ในฝันที่หวังไว้กับคุณอดีตแควน ว่าจะไปชี้ชวนกันดู และเพลงของญารินดาตอนจบเช่นกัน

ส่วนเรื่องที่สอง
ซึ้งตรงคำพูดกินใจ กระชากน้ำตาของทั้งป้าพิซซ่าและคุณลุงที่ค่อยๆ ยิงออกมาเป็นช่วงๆ น่ะค่ะ

ขอบคุณนะคะ

 

โดย: sweetsakura 27 กรกฎาคม 2552 13:35:42 น.  

 

อยากจะดูกาลิเลโอเหมือนกันคะ

 

โดย: นู๋แอนแสนเก๋ (cbreeze21 ) 27 กรกฎาคม 2552 14:23:25 น.  

 

ยกมือเห็นด้วยเลยครับ
"ความจำสั้นแต่รักฉันยาว"
คุ้มกว่า
"หนีตามกาลิเลโอ"

 

โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) 27 กรกฎาคม 2552 20:26:30 น.  

 

เห็นด้วยค่ะ .. จนถึงวันนี้ ยังพยายามบอกให้คนสนิทไปหาแผ่นมาดู และชอบมากกับมุขสะพานลอย รักนะ จุ๊บ จุ๊บ..ไม่เคยชอบเป้มาก่อน ก็ชอบจากเรื่องนี้แหล่ะ โคตรจริงใจเลย ญารินดาก็ด้วย

หนีตามนี่ .. ดูตัวอย่างแล้ว อยากไปดูมาก ไม่ใช่เพราะวิว แต่เป็นเพราะชอบเต้ย เด็กอะไรก็ไม่รู้ มีเสน่ห์ แต่พอออกมาแล้วผิดหว้งอ่ะ หนังมันแบนอย่างที่คุณว่าจริงๆแต่วิจาร์ณไม่ถูก ไม่ชอบที่สุดก็ตรงที่ สุดท้ายแล้วเชอรี่ก็ยังไม่สำนึกว่าทั้งหมดทั้งปวง เป็นเพราะตัวเองไม่ตรง โกงนิดโกงหน่อยเห็นเป็นเรื่องไม่ผิดและสนุก

 

โดย: แสบสันต์ IP: 125.25.117.4 28 กรกฎาคม 2552 22:48:20 น.  

 

+ อืม ... พี่ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับรีวิวของทั้ง 2 เรื่องนะครับ และก็ชอบความจำสั้นฯ มากกว่าหนีตามฯ พอสมควรเช่นกัน

 

โดย: บลูยอชท์ 4 กันยายน 2552 13:48:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.