Ice Age : Dawn of the Dinosaurs ... เมื่อยุคน้ำแข็ง หลุดไปอยู่ในโลกล้านปี อย่างงี้ก็มีแต่ ฮา
มีเรื่องให้แถได้ตลอดจริงๆ สำหรับหนังการ์ตูนตัวแม่แห่งค่ายฟอกซ์ อย่าง Ice Age ..เพราะถึงตัวหนังทั้งสองภาค ออกจะจบในตอนได้เลย จนแทบอาจไม่ต้องมีภาคต่อตามออกมาหรอก ...แต่ในเมื่ออุตส่าห์ว่า ทำเงินไปได้เยอะแล้ว ก็คงต้องเข็นออกมาตอบรับความชื่นชอบของมิตรรักแฟนหนังสักหน่อย
ซึ่งหลังจากที่ภาคแรก เล่นกับความอลหม่านที่นำพา มนุษย์พูดไม่เป็น มาข้องเกี่ยวกับ สัตว์พูดได้!!? ..อีกกระทั่งภาคต่อก็ยังขอมาแนวอนุรักษ์น้ำแข็ง สู้วิกฤตโลกร้อน เพื่อหวังจะเข้าเทรนด์ฮิตกะเขาบ้าง (ทั้งๆที่ยุคน้ำแข็ง มันไม่มีทางเกิดเรื่องน้ำแข็งละลาย อย่างงี้ขึ้นมาได้เล้ยยยยยย ..ผิดยุคแล้ว คุณเอ๋ย!) ...มาถึงในภาคสาม ล่าสุดนี้ ก็ช่างคิดช่างสรรหาดีจริงๆ สำหรับคนคิดเรื่อง ที่คงกะว่าถ้าเอา โลกดึกดำบรรพ์ ยุคล้านปีที่มี ไดโนเสาร์ เป็นพระเอก มาเผชิญหน้ากันกับยุคน้ำแข็งแล้ว ย่อมจะทำให้เกิดเสียงมหึฮาขึ้นมาได้!!!
โดยความจริงมันก็คิดถูกอยู่หรอก ..เพราะเมื่อเซ็ท และเสร็จทุกอย่างออกมาเป็น Ice Age : Dawn of the Dinosaurs ที่เราได้ดู ...เอาเท่าที่วัดจากคนในโรง ก็ค่อนข้างจะคึกครื้น เฮฮากันใหญ่ ให้กับวีรกรรมวีรเวรของแก๊งค์สัตว์ตัวป่วน ที่ยังคงครบครันในลูกบ้า มากันแต่ภาคแรกเหมือนเคย
หากแต่ถ้าถามความรู้สึกตัวเองที่มีต่อ Ice Age 3 แล้ว ...ผมคิดว่า ผมได้แต่ ฮา
และที่ได้แต่ ฮา แบบนี้ ..ผมก็ว่า ผมเคยได้มาแล้วจาก สองภาคแรก ในปริมาณใกล้เคียงกัน ...ที่มันไม่เคยได้ทำให้ผมรู้สึกตกหลุมรักในหนังชุดนี้แต่อย่างไร
ซึ่งก็น่าแปลกใจ ที่ตัวผมเอง ก็จัดว่าเป็นคนที่ชื่นชอบการดูการ์ตูน โดยมักขอเน้นที่การสร้างสีสันให้กับคาแรกเตอร์ต่างๆ เป็นอย่างแรกๆ ..และเหล่าคาแรกเตอร์ต่างๆ ใน Ice Age ก็ถือว่าล้วนเข้าทางผมแทบทั้งนั้น ในส่วนของลูกบ้า ลูกกล้า ที่แต่ละตัวมันมีกันอยู่ ...เพียงแต่ ความสำเร็จที่มีอยู่อย่างเดียว มาตลอดทั้ง 3 ภาค ก็ใช่ว่า จะทำให้หนังโดยรวมของแต่ละภาค สนุกถึงขีดสุดได้
ปัญหาหลักๆที่ Ice Age ทุกภาค มีมันเป็นจุดอ่อนเหมือนๆกัน คือ การพยายามแถที่มักไม่เนียนมาตลอด ..แม้ในแง่ของการหยิบเอามุขต่างๆ ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละภาค มาใช้ จะถือว่าได้ผลด้วยดี ไม่ค่อยมีที่เรียกว่า มุขแป้ก มาทำสะดุดสักเท่าไหร่ ...แต่นั่นก็ใช่ว่า จะเอาเสียงฮา มากลบความไม่มีเหตุไม่มีผลของตัวเรื่องได้หมด
เพราะถ้าหากเอาจริงเอาจังกัน ในส่วนของบทแล้ว ..มันก็ย่อมไม่ยากเท่าไหร่หรอก ที่จะหาเหตุผลให้เรื่องราวของมัน ทำแนบเนียนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ...ซึ่งถึงแม้บางอย่าง จะยังเชื่อถือไม่ได้ เพราะมันไม่น่าเกิดขึ้นได้จริง แต่อย่างน้อยๆ แค่เห็นภาพลักษณ์ว่ามันเป็นการ์ตูน ก็พอจะถอดคราบความเป็นผู้ใหญ่เคร่งเครียด มาทำตัวเป็นเด็กๆเริงร่าก็ยังพอเป็นไปได้
ซึ่งไม่ต้องมองหาตัวอย่างที่ดีของกรณีที่ว่านี้ ที่ไหนไกล ...ดูได้จากหนังจากค่ายคู่แข่งอย่าง พิกซาร์ ใน Up ..ที่ถึงจะต้องแถแหลกราญถึงขั้นปล่อยให้บ้านมันบินได้ หากกระนั้นก็ยังดูมีเหตุมีผล (ด้วยการใช้ลูกโป่งสวรรค์นับแสนๆล้านๆดึงให้มันลอยขึ้นไป) ที่ทำให้เรารู้สึกไม่กระด่างกระเดื่อนกับมันจนเกินไป
พอมองย้อนกลับมาใน Ice Age 3 ..ที่ควรทำให้เรารู้สึกได้ว่า มันมีเหตุมีผลนะ ที่ทำให้โลกไดโนเสาร์(ซึ่งมีมาก่อน) ถูกฝังอยู่ใต้ยุคน้ำแข็ง ...แต่ไปๆมาๆ บทหนังกลับเลือกที่จะไม่ให้เวลา สร้างจุดเชื่อมโยงของโลกทั้งสองเลย ..หากจะกะว่า แค่ให้เอา สัตว์จากยุคหนึ่ง ตกไปสู่อยู่ในอีกยุคหนื่งที่ไม่เคยคุ้น ก็จะทำให้เราสนุกไปกับมันได้เอง โดยปล่อยให้ความขำมีหน้าที่เป็นไกด์นำทางแล้ว ...ผมถือว่า หนังได้หลงทางไปสู่เส้นทางที่อันตรายในทันที โดยให้นับเริ่มเอาตั้งแต่ ตอนที่ตัวคนเขียนบทคิดจะผูกเรื่องแบบหลวมๆกันเช่นนี้ แล้วล่ะ
อันตรายในที่นี้ ไม่ใช่แค่ในแง่ที่หนังไม่สามารถทำให้เรารู้สึกจมดิ่ง ติดไปอยู่ในห้วงเวลานั้นด้วยอีกคน ..แต่ยังจะรวมไปถึง การลดระดับความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อ Ice Age ลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งแม้ส่วนตัวผมแล้วจะไม่ได้อยากเป็นแฟนของอนิเมชั่นชุดนี้มาแต่ไหนแต่ไร ...แต่หากยังมีภาคหน้าต่อๆไป ความรู้สึกอยากตามติด มันก็คงเหือดแห้งลงไปอีก ..ซึ่งมันก็คงคล้ายๆกับอารมณ์ที่ตอนนี้ก็รู้ว่า "Shrek" กำลังจะมีภาค 4 แต่ความน่าสนใจมันแทบไม่มีให้เลย (ทั้งๆที่ผมก็เคยเป็นแฟนที่ชอบภาคแรก และสองเอามากนะนั่น)
คือ คงจะดูเอาฮากันอย่างเดียวก็คงน่าจะได้ ...แต่ไม่อยากคาดหวังอะไรที่จะคิดว่ามันจะมีสิทธิ์ดีไปกว่านี้
แต่เอาเหอะ แม้ภาคสามของ Ice Age จะไม่ได้ทำให้ผมประทับใจสิ่งใด ...แต่ถ้าดูแบบไม่คิดอะไร แล้วเน้นเอาฮา เอาบ้า กับมุขตลก ก็จัดว่าพอถูไถได้
อย่างน้อยๆ การเพิ่มเข้ามาของตัวละครใหม่ 2 ตัว (ที่แต่ละตัวขโมยซีนได้ชะงัดนัก) พ่วงด้วยตัวละครเก่าๆ ที่ยังคงความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง อีกกับฉากที่ทำออกมาฮามากๆหนักๆ ก็ยังมีให้เห็น (ภาคนี้จัดมาสองฉาก ..ฉากหนึ่งคล้ายๆกับมุขหนึ่งใน Up แต่ฮาไม่น้อยไปกว่ากัน ส่วนอีกฉากยกให้เป็นหน้าที่ของ Mr.&Mrs. Scratt กับการเต้นรำสุดเพี้ยนของนายและนาง) ...เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบหนังชุดนี้ ก็คงจะยอมรับกันได้อยู่
หากจะสนุกมากขึ้น หรือน้อยลง ไปกว่าเก่าอันนี้ ผมคงตอบแทนไม่ได้จริงๆ ..ในฐานะที่เฉยๆกับมันมาตลอด! (แต่ถ้าเทียบกันโดยส่วนตัว ในสองภาคแรก ..ยังโอเคกับภาคสองมากกว่าหน่อยๆ ..ส่วนภาคสาม จะจัดให้อยู่ตรงไหนก็ยังไม่รู้ได้เลย)
เว้นแต่กับอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆของฟอกซ์ อย่าง Robots เอย Horton Hears a Who! เอย ..ทำไมมันถึงทำออกมาให้น่าตกหลุมรักกันได้หนอ!!?
เกรด B ... {}
ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ |
|
|
Create Date : 12 กรกฎาคม 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 12:25:32 น. |
Counter : 2712 Pageviews. |
|
|
|