"ฟีฟ่ายี" กลับถึงไทยชูนโยบาย "ลูกหนังอุ้มชาติ"
"ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี นายกลูกหนังไทย ที่พ่วงตำแหน่งบอร์ดบริหารฟีฟ่าหมาดๆ กลับถึงไทย แล้ว พร้อมชูนโยบายเจ๋ง ฟุตซอลโลก 2012 จะใช้โปรโมตเมืองไทยไปในตัว ขณะเดียวกัน ยังจะเดินเครื่องเสนอเป็นเจ้าภาพ อีก 3 รายการใหญ่ทั้ง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012, ยช.โลก รุ่น 17 และ 20 ปี ในปี 2013 ชูจุดยืนชัดเจนเน้น หนักประเด็นสำคัญในการพัฒนาลีกอาชีพ เตรียมนำมาตรฐานเรื่องการจัดการในแบบของฟีฟ่า เข้ามายกระดับฟุตบอลลีกอาชีพเมืองไทย


ภายหลังจากที่ "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหารสหพันธ์นานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ในสัดส่วนของตัวแทนจากทวีปเอเชีย เป็นสมัยที่สามติดต่อกัน

โดย "ฟีฟ่ายี" ได้รับการโหวตให้เข้ามาเป็นอันดับที่ 1 ด้วยคะแนน 24 เสียงตามมาด้วย เวอร์นอน มานิลาล เฟอร์นานโด จากศรีลังกา ที่ได้ 23 เสียง ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ทางด้าน "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี บอร์ดบริหารฟีฟ่า ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 โควตาของเอเชียพร้อมคณะ ประกอบด้วย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาฯ สมาคมฟุตบอลฯ, "บังทร" สุนทร มีสุวรรณ อุปนายกสมาคมฟุตบอลฯ, อ.วรวิทย์ สัมปะชัญสถิตย์ ตัวแทนสมาคมฟุตบอลฯ และ "บิ๊กเหม็น" ไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยสายการบินกาตาร์ แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน QA612 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงเวลา 07.30 น.

เปาแป๊ก, ฟีฟ่าใหม่ให้การต้อนรับ


โดยบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งก็เต็มไปด้วยการต้อนรับของบุคคลในวงการลูกหนังไทย ซึ่งงานนี้ "เปาแป๊ก" ปรัญชา เพิ่มพานิช อดีตผู้ตัดสินฟีฟ่า ที่เคยไปทำหน้าที่ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาฯ คณะกรรมการผู้ตัดสิน

พร้อมด้วย "เฮียตง" วัฒนชวินท์ บุญศิริสมบัติ ตัวแทนจากคณะกรรมการผู้ตัดสิน, ศักดา ปานสุด ผู้ตัดสินฟีฟ่า 2011, ธีรจิตร สิทธิสุข ผู้ช่วยผู้ตัดสินฟีฟ่า 2011 และ พลกฤษณ์ นิตยชาติ ผู้ตัดสินสมาคมฟุตบอลฯ ร่วมกันให้การต้อนรับคณะของ "ฟีฟ่ายี" พร้อมกันนั้น "เปาแป๊ก" ปรัญชา เพิ่มพานิช ก็ได้เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีแก่ นายกวรวีร์ มะกูดี ที่ได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นบอร์ดบริหารฟีฟ่าต่อไปอีกเป็นสมัยที่ 3 ได้เป็นผลสำเร็จ

พร้อมโชว์ศักยภาพฟุตซอลโลก 2012


พร้อมกันนั้น "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี ก็ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากชาติสมาชิกของฟีฟ่า ให้ตนเองดำรงตำแหน่งบอร์ดบริหารฟีฟ่าต่อไปเป็นสมัยที่ 3 ว่า "อย่างแรกเลย ก็รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ชาติสมาชิก ยังคงเลือกให้ผม ได้ทำงานในตำแหน่งบอร์ดบริหารฟีฟ่าไปอีก 4 ปี

โดยสิ่งสำคัญนับจากที่ผมยังคงได้เป็นบอร์ดบริหารฟีฟ่านั้น ก็คือเรื่องการที่จะทำให้ชาติต่างๆ ได้รู้เอาเลยว่า ประเทศไทย ก็มีศักยภาพไม่แพ้นานาชาติในการจัดการแข่งขันรายการใหญ่ๆ ซึ่งในปี 2012 ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลก ซึ่งก็จะถือเป็นการโปรโมตประเทศไทยไปในตัว

แน่นอนว่าครั้งนี้ผมก็คงจะต้องเน้นหนักไปที่การทำงานเพื่อส่วนรวมควบคู่กันไป โดยเฉพาะการสนับสนุนชาติเล็กๆ ของทวีปเอเชีย ในการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันรายการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีตามวาระ

เสนอเจ้าภาพ 17,20 ปี โลก, ซูซูกิ 2012


แน่นอนว่า หลังจากได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นบอร์ดบริหารฟีฟ่าต่อไปอีกเป็นสมัยที่ 3 ทางด้าน "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี ก็เตรียมที่จะเสนอชื่อประเทศไทย เข้าเป็นหนึ่งในแคนดิเดต สำหรับการร่วมลุ้นคว้าสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอล ยช.17 ปี ชิงแชมป์โลก และ ยช.20 ปี ชิงแชมป์โลก

โดยแผนการที่ "ฟีฟ่ายี" เล็งเสนอสำหรับการขอสิทธิ์เป็นเจ้าภาพทั้ง 2 รายการ ในประชุมซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. นี้ ประกอบไปด้วยศึก ยช.17 ปี ชิงแชมป์โลก และ ยช.20 ปี ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2013 ซึ่งจะเสนอเจ้าภาพไปทั้ง 2 รุ่น แต่หากได้สิทธิ์จัดก็จะได้เพียงแค่รุ่นเดียว

ส่วนปี 2015 จะเสนอชื่อในการเป็นเจ้าภาพ ยช.20 ปี ชิงแชมป์โลก เช่นเดียวกับในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งต่อไป ที่จะมีขึ้นในปี 2012 บิ๊กบอสแห่งสมาคมฟุตบอลฯ ก็เผยต่อด้วยว่า เตรียมที่จะส่งชื่อประเทศไทยร่วมเป็นแคนดิเดตในการลุ้นเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในเดือน ก.พ. นี้

ย้ำไทยมีลุ้นจัดประชุมใหญ่ฟีฟ่า


เช่นเดียวกับงานใหญ่อีกหนึ่งงาน ซึ่งถือเป็นความหวังของประเทศไทยเกี่ยวกับการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอย่างการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่สามัญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ครั้งที่ 62 ที่จะมีขึ้นในปี พ.ศ. 2555 โดยเรื่องนี้ นายกวรวีร์ มะกูดี ยังได้เผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า

"ในการประชุมใหญ่สามัญของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ครั้งที่ 62 ที่จะมีขึ้นในปี พ.ศ. 2555 นอกจากประเทศไทยที่ได้แจ้งความจำนงเอาไว้อย่างชัดเจนในเรื่องของการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพแล้วนั้น ตอนนี้ยังมีอีกหลายๆ ประเทศที่ได้ขอสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพเหมือนกับเรา

แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ผมเป็นเมมเบอร์ฟีฟ่า ซึ่งก็ดูจะได้เปรียบกว่าชาติอื่นๆ และก็น่าจะส่งผลทำให้เราทำงานง่ายขึ้นในการลุ้นเป็นเจ้าภาพอย่างหวัง ซึ่งหากเราได้เป็นเจ้าภาพจริงๆ ก็จะถือเป็นการกอบโกยเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศได้อย่างมหาศาลอีกทางหนึ่ง"

นำมาตรฐานฟีฟ่ายกระดับลีกอาชีพ


ขณะที่เรื่องของการเตรียมดึงความช่วยเหลือของฟีฟ่าเพื่อมาช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในอนาคตนั้น ทางด้าน "ฟีฟ่ายี" ก็ยังเผยต่ออีกด้วยว่า "แน่นอนครับว่าที่ผ่านมา ฟีฟ่าก็ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือวงการฟุตบอลไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลอนุสรณ์สึนามิ จ.ภูเก็ต, สนามฟุตบอลหญ้าเทียม รวมถึงอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ที่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด กับวงการฟุตบอลลีกบ้านเราในตอนนี้ ก็คือเรื่องของมาตรฐานในการที่จะเป็นลีกอาชีพอย่างแท้จริง โดยผมเองคิดว่าเราจะต้องนำมาตรฐานทั้งในส่วนของการจัดการและบริหารสโมสรตามแบบฉบับของฟีฟ่าเพื่อเข้ามาช่วยให้ฟุตบอลลีกบ้านเรามีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น"

ไร้ปัญหาแม้สวมหมวก 2 ใบ


ส่วนเรื่องที่ประมุขแห่ง ส.บอลไทย ซึ่งตอนนี้ถือได้ว่าจะต้องสวมหมวกถึง 2 ใบ ทั้งการเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ รวมถึงบอร์ดบริหารฟีฟ่า ซึ่งก็ดูจะมีหน้าที่ให้ต้องรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนจนอาจส่งผลให้การดูแลภารกิจต่างๆ ภายในประเทศอาจจะทำได้ไม่ทั่วถึง

แต่เรื่องนี้ วรวีร์ มะกูดี ก็ได้ออกมาให้ความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปว่า "จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เหมือนกับที่หลายฝ่ายกังวลกับ 2 ตำแหน่ง ที่ผมจะต้องดูแลรับผิดชอบต่อไปจากนี้ ทั้งในส่วนของนายกสมาคมฟุตบอลฯ และบอร์ดบริหารฟีฟ่า ซึ่งความเป็นจริงในตอนนี้ ก็ดูเหมือนจะแบ่งแยกชัดเจนอยู่แล้ว

สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับสมาคมฟุตบอลฯ นั้น ก็คือเรื่องของทีมชาติไทยในชุดต่างๆ นั้นก็จะมีผู้ที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรงกับตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งปีนี้เราจะมีโปรแกรมแข่งขันหลักๆ เลย นั่นก็คือทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก ที่จะต้องลงเล่นรอบแรกพบกับปาเลสไตน์ในเดือน ก.พ. นี้

โดยทีมปรีโอลิมปิกชุดนี้ มี คุณเกษม จริยวัฒน์วงศ์ เป็นผู้จัดการทีม ซึ่งก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ลึกเกี่ยวกับปรีโอลิมปิกที่จะเปรียบเสมือนเป็นผู้ดูแลทีมอย่างชัดเจน ส่วนผมก็จะมีหน้าที่ให้คำปรึกษารวมถึงเช็กรายละเอียดในขั้นสุดท้ายต่อไป ส่วนตำแหน่งในการเป็นบอร์ดบริหารฟีฟ่าก็ถือเป็นงานหลักที่ผมอยู่แล้วดังนั้น จึงไม่น่าที่จะเป็นปัญหาแต่อย่างใด"

เผยคิวอุ่นปรีโอลิมปิก 2 นัดต้นเดือน ก.พ.


สืบเนื่องเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก ซึ่งก่อนจะลงสนามพบกับปาเลสไตน์ในรอบแรกที่จะใช้ระบบการแข่งขันแบบเหย้าเยือนนั้น ทางด้าน "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ในฐานะบอร์ดบริหารฟีฟ่าก็ได้เผยข่าวดีด้วยว่า เกาหลีเหนือ รวมถึงชาติในย่านตะวันออกกลางบางส่วน ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา

ซึ่งทั้งคู่เป็นทีมในชุดปรีโอลิมปิกได้ติดต่อมายังตนเอง เพื่อขอเดินทางมาอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก โดยคาดว่าเกมอุ่นเครื่องทั้ง 2 นัดจะมีขึ้นในช่วงต้นเดือน ก.พ. รวมถึงอาจจะมีทีมชาติปากีสถานเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งทีมอีกด้วยแต่ก็ยังคงต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง

เลือกตั้ง ส.บอลรู้อยู่แล้วใครเป็นใคร


ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถาม "ฟีฟ่ายี" ถึงเรื่องที่ประมุขแห่ง ส.บอลไทย จะหมดวาระในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ พร้อมกับจะต้องมีการเลือกตั้งนายกฯ คนใหม่กันในช่วงเดือน มี.ค. นี้

โดย "ฟีฟ่ายี" ได้เปรยออกมาอย่างชัดเจนถึงเรื่องนี้ว่า "เรื่องการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ คนใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือน มี.ค. ที่จะถึงนี้ ผมเองมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องสานต่อในการสร้างฟุตบอลลีกให้มีความเป็นอาชีพ รวมถึงโครงสร้างต่างๆ ของแต่ละสโมสร ก็จะต้องเดินหน้าสู่ความเป็นทีมอาชีพอย่างแท้จริง

หากถามว่าหนักใจกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไหม ผมบอกได้เลยว่าไม่หนักใจแต่อย่างใด เพราะผมเชื่อว่าบุคคลในวงการฟุตบอลไทย ย่อมรู้กันอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ที่น่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้"




ที่มาsiamsport.co.th



Create Date : 09 มกราคม 2554
Last Update : 9 มกราคม 2554 14:49:04 น.
Counter : 864 Pageviews.

0 comments

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
มกราคม 2554

 
 
 
 
 
 
3
6
7
12
23
25
27
 
 
All Blog