Journey Journal with NineNoname

<<
ตุลาคม 2555
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 ตุลาคม 2555
 

ศรัทธาแห่งพุทธศาสนา...ที่พม่ารามัญ(ตอน 1)

     “พม่า” ประเทศเพื่อนบ้านที่ตามประวัติศาสตร์ไทยไม่ค่อยจะเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรกับเราเท่าไหร่นัก แต่ผมว่าประวัติศาสตร์ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นประวัติศาสตร์ของใคร และใครเป็นคนเขียน เรื่องเดียวกันแต่อาจจะเขียนขึ้นมาแตกต่างกัน อย่างตอนหนึ่งในพงศาวดารของไทยที่เรา ๆ คุ้นเคยนั่นคือตอนที่องค์สมเด็จพระนเรศวรยิงพระแสงปืนต้น ข้ามแม่น้ำสะโตงที่ กว้างกว่า  600 เมตรไปถูกสุระกำมาทัพหน้าของพม่าตกช้างตายนั้น ในประวัติศาสตร์พม่าก็ไม่ได้กล่าวถึง อันนี้ก็ต่างคนต่างว่า ต่างคนต่างเชื่อกันไป ... ขอไม่กล่าวถึงมากนักแล้วกันครับ เพราะคราวนี้ผมเดินทางอีกครั้งเพื่อศรัทธาแห่งพุทธศาสนา

     ทริปนี้เริ่มขึ้นแบบฉุกละหุกพอสมควรมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 7 วันเท่านั้น ปัญหาหลักคือวีซ่าเพราะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมและใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการถึงจะได้รับวีซ่า เอกสารที่ต้องเตรียมก็มีใบคำร้องขอวีซ่า ประวัติการทำงานตามแบบฟอร์มของสถานทูต รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป สำเนาพาสปอร์ต 1 ใบ พาสปอร์ตตัวจริง พร้อมค่าธรรมเนียม ไปยื่นได้ที่สถานทูตพม่าตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยง ... กรณีของผมเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเวลาผมเลยใช้แบบเร่งด่วน จ่ายเงินเพิ่มขึ้นจะได้ใช้เวลาน้อยลงครับ

      เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม เอกสารพร้อมก็ออกเดินทางกันได้เลย เช่นเคยครับเดินทางด้วยการบินไทย ซึ่งมีบริการวันละ 3 เที่ยวบินด้วยกัน แรกเริ่มเดิมทีผมตั้งใจจะเดินทางด้วย TG303 ออกเดินทางตอนเช้าเกือบ 8 โมงเช้าไปถึงเกือบ 9 โมง ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนิด ๆ (เวลาที่พม่าช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง) แต่เนื่องจากไฟล์ทเต็มผมเลยถูกความจำเป็นบังคับให้เดินทางตอนบ่ายโมงแทน (ชีวิตตั๋วพนักงานก็น่าสงสารอย่างนี้แหละครับ นี่ขนาดกันพลาดซื้อแบบคอนเฟริม์ที่นั่งด้วยนะเนี่ย) ทัวร์หายไปครึ่งวัน…แต่ก็คิดซะว่าคนจะไปทำบุญ มันก็อาจจะมีอุปสรรคบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อวัดความศรัทธาของเรา ... 555

     ออกไปหาอาหารเช้าทานก่อนแล้วก็เข้าไปที่ Lounge เพื่อนั่งรอนอนรอก่อนจะขึ้นเครื่องตอนบ่ายโมง เราเดินทางไปถึงสนามบินมินกะลาดง เมืองย่างกุ้งประมาณบ่าย 2 โมง...รถมารอรับเราอยู่แล้ว แต่ต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อยจากเดิมที่วันนี้เราจะไปหงสาวดีก็ต้องเปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้แทน โดยวันนี้เราจะไปเลี้ยงช้างที่ปางช้างกันก่อน ช้างที่ว่านี้ไม่ใช่ช้างปกติครับ เป็นช้างเผือกซึ่งปัจจุบันพม่ามีอยู่ 8 เชือกด้วยกัน แต่ที่ปางช้างเผือกที่เราจะไปชมมี 3 เชือกเป็นพ่อ แม่ ลูก (เพศเมีย) 

     เดิมช้างเผือกเป็นสัตว์ที่ทางการพม่าหวงมาก ถ่ายรูปก็ไม่ได้ เข้าใกล้ก็ไม่ได้ เนื่องจากหายากและถือเป็นสัตว์คู่บ้าน คู่เมือง คู่กษัตริย์ (ความเชื่อเช่นเดียวกับไทย) จะเห็นได้จากลานแสดงที่ค่อนข้างไกลจากจุดชม เนื่องจากกลัวจะถูกลอบฆ่านั่นเอง แต่ปัจจุบันเมื่อมีมากขึ้นก็เลยผ่อนปรนมากขึ้น ตอนนี้เราสามารถถ่ายรูปได้แล้ว (แต่จุดชมยังคงค่อนข้างไกลเหมือนเดิม) เราสามารถบริจาคเงินเพื่อซื้ออ้อยให้ช้างได้ แต่เจ้าหน้าที่จะเป็นคนให้เองโดยใช้อ้อยที่เตรียมไว้เอง (กลัวถูกวางยา) แต่ทริปนี้ต้องเรียกว่าเป็นทริปพิเศษมาก ๆ เพราะเราได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตหวงห้าม ได้เข้าไปให้อ้อยด้วยตัวเอง สามารถถ่ายรูปคู่ รูปคี่ได้ด้วย เรียกได้ว่าชมกันแบบถึงเนื้อถึงตัวเลยทีเดียว

     หลังจากเลี้ยงช้างเสร็จก็เดินทางต่อไปยังเจดีย์กาบาเอ (แปลว่าโลกแห่งสันติสุข) เป็นเจดีย์ที่มีความสูงและเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากันคือ 34 เมตร ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 และเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรม-สารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกอีก 2 องค์ คือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลนะ คราวนี้เรามีโอกาสได้เข้าไปกราบองค์พระประธานที่หล่อด้วยเงินบริสุทธิ์และมีน้ำหนักถึง 500 กิโลกรัม พร้อมทั้งได้รับโอกาสพิเศษให้เข้าพิธีเทินศรีษะ โดยบูชาพระธาตุทั้งสามและนำขึ้นมาเทินไว้บนศรีษะเพื่อความเป็นสิริมงคล หลังเสร็จพิธีพระธาตุก็จะถูกเก็บไว้ในตู้เซฟ ปิดประตูห้องซึ่งประตูห้องนี้ก็เป็นตู้เซฟและมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าตลอดเวลา


          พิธีเทินศรีษะที่เจดีย์กาบาเอ

     ไปต่อที่พระมหาเจดีย์ชเวดากองกันครับ ทริปนี้เป็นทริปเล็ก ๆ ไปกันเอง 8 คน เลยไปกันแบบสบาย ๆ ไม่รีบร้อน ทางไกด์พาเราขึ้นไปตั้งแต่ 4 โมงเย็น (ปกติจะพามาช้ากว่านี้ เนื่องจากพื้นยังค่อนข้างร้อนอยู่ อาจจะเดินลำบาก) เพื่อที่จะค่อย ๆ ดู ค่อย ๆ ชม แนะนำกันไปทีละจุด ไปพร้อม ๆ กันแบบทัวร์หวานเย็น มหาเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของพม่า ถ้าไม่ได้มาที่นี่น่าจะเรียกได้ว่ามาไม่ถึงย่างกุ้งกันเลยทีเดียว “ชเว” แปลว่า ทอง ส่วน “ดากอง” เป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเชียงกุตตระ มีบันไดทางขึ้นอยู่ 4 ทิศแต่ทางขึ้นใหญ่ทางทิศใต้จะมีลิฟท์ไว้ให้บริการด้วย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ตี 4 จนถึง 4 ทุ่มกันเลยทีเดียว

     สำหรับขั้นตอนการบูชาเจดีย์ชเวดากองนั้นให้เราไหว้พระประธานที่วิหารทิศใดทิศหนึ่ง เสร็จแล้วก็เดินวนขวาไปไหว้และสรงน้ำพระประจำวันเกิดของตน โดยแต่ละจุดจะมีน้ำและขันน้ำเล็ก ๆ ให้ มีพระประจำวัน องค์เทวดาและสัตว์ประจำวันเกิด ที่นี้ก็ให้เราสรงน้ำโดยกระจายกันไปให้เท่าจำนวนอายุ (นิยมบวกหนึ่ง) โดยมีความเชื่อว่าเพื่อชีวิตจะได้ร่มเย็นนั่นเอง หลังจากนั้นก็ไปสวดมนต์ อธิษฐานขอพรที่ลานอธิษฐานและสุดท้ายก็ตีระฆังเพื่อให้เทพยดาได้รับทราบ ... อ้อ ... อย่าลืมบริจาคจตุปัจจัยตามกำลังศรัทธาเพื่อบำรุงองค์พระเจดีย์ด้วยนะครับ เพราะอย่างน้อยเราก็มาใช้น้ำใช้ไฟที่นี่
   
บูชามหาเจดีย์ชเวดากองและสรงน้ำพระประจำวันเกิด

     หลายท่านอาจจะสงสัยว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตรงไหนคือวันอะไร ให้เราดูจากสัตว์ประจำวันเกิดของพม่าเป็นหลักครับ (เพราะป้ายบอกก็เป็นภาษาพม่าอ่านอย่างไรก็ไม่ออก) วันอาทิตย์แทนด้วยครุฑ วันจันทร์เป็นเสือ วันอังคารเป็นสิงห์ วันพุธ(เช้า)เป็นช้างมีงา วันพุธ(กลางคืน)เป็นช้างไม่มีงา วันพฤหัสบดีเป็นหนู วันศุกร์เป็นหนูตะเภาและวันเสาร์เป็นพญานาค

     ผมแนะนำว่าควรจะอยู่ถึงค่ำ ๆ ครับ เพราะเขาจะฉายไฟขึ้นไปยังยอดของเจดีย์ ซึ่งถ้าเราไปยืนยังจุดที่กำหนดก็จะสามารถเห็นประกายของแสงที่สะท้อนกับเพชรพลอยด้านบนได้นั่นเอง ที่นี่ยิ่งดึกผู้คนยิ่งเยอะครับ ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวพม่าเองที่จูงลูกเล็กเด็กแดงขึ้นมา มองดูก็รู้ว่าเขาศรัทธากันจริง ๆ เมื่ออิ่มบุญกันเรียบร้อยเราก็กลับไปนอนให้เต็มอิ่มกันดีกว่าครับ โดยคราวนี้เราพักกันที่ Chatrium Hotel Royal Lake Yangon อ่านรีวิวโรงแรมได้ ที่นี่ ครับ ... การเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทางนะครับ

- - - ตอนที่ 2 อ่านได้ ที่นี่ ครับ - - -




Create Date : 24 ตุลาคม 2555
Last Update : 25 ตุลาคม 2555 13:10:47 น. 3 comments
Counter : 3139 Pageviews.  
 
 
 
 
พม่าเป็นอีกประเทศที่อยากไปมากๆก่อนที่สภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงเพราะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเข้าไปลงทุนของต่างชาติค่ะ
 
 

โดย: Backlit.Iconic วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:22:53:33 น.  

 
 
 
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ... คุณ backlit.Iconic ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมครับ
 
 

โดย: iamnoname วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:13:08:46 น.  

 
 
 
เห็นด้วยด้วยคนคะ อยากไปดูทองของไทยเราที่ ชเวดากอง
 
 

โดย: ครีม600 วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:18:13:34 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com