Journey Journal with NineNoname

<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 มีนาคม 2554
 

สะพายกล้องท่องนิวซีแลนด์ Te Anau – Milford Sound – Queentown



     ตอนที่แล้วเรามาถึงเมือง Te Anau กันแล้วนะครับ วันนี้เราจะไปชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติกันที่ Milford Sound ว่าแต่...เบื่อกันหรือยังครับ...ใกล้จะครบรอบกันแล้วหละ เขียนทั้งทีก็อยากเขียนให้จบครบรอบกันไปเลย  เผื่อใครที่อยากเดินทางไปจะได้ตามรอยกันได้ง่าย ๆ...ไม่อยากเขียนแบบกระโดดไปกระโดดมาอ่านแล้วจะเดินทางลำบาก...วันนี้เราทยอยตื่นกันตั้งแต่เช้า เพราะเรามีกิจกรรมทำกันเยอะ เดินทางกันอีกไกลทีเดียว อากาศวันนี้เย็นมาก ๆ แถมลมแรงอีกต่างหาก ระยะทางจาก Te Anau ไป Milford Sound ประมาณ 119 กม. รวมระยะทางไป-กลับก็เกือบ 250 กม. ควรเติมน้ำมันไปให้เต็มเป็นดีที่สุดเพราะไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีที่ให้เติมหรือเปล่า


ภาพแรกที่Milford Sound


     ระหว่างเส้นทางมีจุดจอดให้เราลงไปเยี่ยมชมหลายจุดทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเช่น Mirror Lakes, Homer Tunnel, The Chasm ฯลฯ แต่เท่าที่เวลามีอยู่ตอนนี้เราเลือกที่จะแวะชม Mirror Lakes ก่อนแล้วขากลับเราค่อยแวะเก็บที่เหลือ จากข้อมูลที่มีถ้าน้ำในทะเลสาปนิ่งพอจะสะท้อนเงาของภูเขาที่อยู่ด้านหลังได้ชัดเจนราวกับกระจกทีเดียว ที่นี่แม้แต่ป้ายชื่อทะเลสาปก็ยังเขียนกลับหัวเพื่อให้เราอ่านเงาสะท้อนในทะเลสาปครับ เค้ามั่นใจว่ามันใสขนาดนั้นเลย แต่วันนี้ (และหลาย ๆ วันก่อนหน้านี้) ก็ยังไม่ใช่วันของเรา น้ำในทะเลสาปไม่นิ่งพอเนื่องจากมีลมค่อนข้างแรงประกอบกับมีน้องเป็ดมาว่ายน้ำเล่นอยู่แถวนั้นน้ำก็เลยยิ่งไม่นิ่งเข้าไปใหญ่ ทำให้เราไม่เห็นอะไรอีกเช่นเคย แม้แต่ป้ายชื่อเรายังเห็นไม่ชัดเลยครับ…ไม่มีเวลารอแล้วหละ เดินทางไปกันก่อนแล้วเดี๋ยวขากลับค่อยว่ากันใหม่


     ก่อนถึง Milford Sound จะมีอุโมงค์ที่เราต้องผ่าน นั่นคือ Homer Tunnel อุโมงค์นี้ใช้เวลาในการขุดทะลุภูเขาไปเป็นเวลาถึง 20 ปีมีระยะทาง 1,200 เมตร และเพราะอุโมงค์นี้นี่เองที่ทำให้เราสามารถขับรถไปยัง Milford Sound ได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก ถ้าไม่มีอุโมงค์ค์นี้การเดินทางคงยากลำบากน่าดู อุโมงค์นี้อยู่ห่างจาก Milford Sound ประมาณ 19 กม. ช่างเป็นความพยายามและความสามารถของมนุษย์เราจริง ๆ ครับ


     เราไปถึง Milford Sound กันตอนประมาณ 10 โมงกว่า จุดจอดรถไม่ติดกับท่าเรือต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 10 นาที ระหว่างทางเดินก็จะมีจุดให้เราได้ถ่ายรูปกัน วันนี้ฟ้าไม่เปิดเท่าไหร่นักแต่ก็ยังพอมีแสงให้เห็นบ้างแต่ที่ดีที่สุดคือไม่มีฝนครับ เรือของเราจะออกตอนประมาณ 11 โมง ใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ล่องไปตามแนวฟยอร์ดด้านซ้ายจนถึงทะเลทาสมานและเลี้ยวกลับมาตามแนวฟยอร์ดด้านขวากลับสู่ท่าเรือ


บริเวณหน้า Homer Tunnel


     หลายคนอาจจะสงสัยว่าที่เรียกว่า Sound  เนี่ยมันคืออะไร...ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ อ้าว...แล้วใครจะตอบผมได้หละนี่ งานนี้อากู๋ครับ กู๋เกิ้ล (Google) ช่วยท่านได้ จากข้อมูลเพิ่มเติมเท่าที่อ่านและพอจะสรุปได้ก็คือ การกัดเซาะของธารน้ำแข็งทำให้เกิดสองสิ่งนี้ขึ้นมานั่นคือ “ฟยอร์ด (Fiord)” และ “ซาวด์ (Sound)” โดย “ฟยอร์ด” จะใช้เรียกส่วนที่เป็นแผ่นดินที่ถูกกัดเซาะและยื่นเข้าไปในน้ำ ในขณะที่ “ซาวด์” จะใช้เรียกส่วนของน้ำmujกินพื้นที่เข้าไปในส่วนของพื้นดิน


ออกเดินทางกันดีกว่าครับ


     สำหรับบริษัทเดินเรือที่เราใช้บริการก็คือบริษัท red boats ซึ่งเป็นหนึ่งในสองบริษัทใหญ่ที่ให้บริการอยู่ (อีกบริษัทคือ Real Journeys) เท่าที่เห็นก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ เรือค่อนข้างใหญ่ ดูปลอดภัย ในขณะที่เรือของบริษัท Local ที่เจ้าของโรงแรมแนะนำ ลำเล็กกว่ากันเยอะ โดยเรือที่เราใช้เดินทางในครั้งนี้ชื่อ  Pride of Milford ครับ จุดสำคัญที่เรือจอดให้ชมมีดังนี้ครับ
• ยอดเขาไมเทอร์ (Mitre Peak) ซึ่งเป็นยอดเขาที่โผล่มาจากมหาสมุทรที่สูงที่สุดในโลก คือ 1,682 เมตร
• เดลล์พอยท์ (Dale Point) ซึ่งเป็นประตูสู่ Milford Sound จากทางทะเล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่เรือจะเลี้ยวกลับ ลมแรงมาก ๆ ครับขนาดเรือใหญ่ยังเอนเลยถ้าเป็นเรือเล็ก ๆ ไม่รู้จะรับมือไหวหรือเปล่า
• หินแมวน้ำ (Seal Rocks) เป็นจุดพักผ่อนของแมวน้ำ มีแมวน้ำมานอนให้เราถ่ายรูปกัน แต่ผมถ่ายไม่ทันครับ ไม่รู้เค้าจอดทำไม นึกว่ารอเข้าไปชมน้ำตก … เศร้าเลย
• น้ำตกสเตอร์ลิ่ง (Stirling Falls) เป็นน้ำตกหนึ่งในสองแห่งของที่นี่มีความสูง 155 เมตร และน้ำตกโบเว่น (Bowen Falls) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดสูง 160 เมตร ใหญ่โตจริง ๆ เรือหันหัวเข้าไปในน้ำตกด้วย เก็บกล้องแทบไม่ทัน งานนี้เปียกปอนกันเป็นพิธีครับ

 


ยอดเขาไมเทอร์ (Mitre Peak)


     การเดินทางมา Milford Sound ครั้งนี้ผมว่าผมได้ข้อคิดติดมือกลับมาเหมือนกัน ผมว่าธรรมชาติยิ่งใหญ่มาก ๆ ครับ...พอได้เดินทางออกไปกลางหุบเขา กลางทะเล ผมรู้สึกว่าตัวเล็กลงในทันทีที่ได้อยู่ต่อหน้าความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเหล่านี้ ถึงเราจะตัวเล็กเมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติ แต่ถ้าเรามีความพยายามเราก็สามารถปรับหรือเปลี่ยนแปลงธรรมชาติได้เช่นกัน ก็อย่างอุโมงค์ Homer ที่ถึงจะต้องใช้ระยะเวลานานถึง 20 ปีในการเจาะแต่ในที่สุดมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเราก็ทำได้...เพ้อไปไหมครับนี่...


เมื่ออยู่ต่อหน้าความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ มนุษย์เราก็ตัวเล็กนิดเดียว


     เราออกจากท่าเรือตอนประมาณบ่ายโมง ฝนเริ่มตกอีกรอบครับ ยังดีที่ไม่ตกตอนที่เราออกเรือ ถ้าตกตอนนั้นคงจะแย่ แต่จุดที่เรากะว่าขากลับจะมาแวะเนี่ย ไม่ได้แวะเลยครับไม่ว่าจะเป็น The Chasm ที่ในหนังสือระบุว่าเป็นสถานที่ “ห้ามพลาด” เพราะมีวิวที่สวยมาก แต่ต้องเดินจากจุดจอดรถอีกประมาณ 20 นาที ฝนตกขนาดนี้ไม่มีใครยอมลงแน่ ๆ Homer Tunnel ก็เช่นกัน กะว่าจะลงไปถ่ายรูปด้วยซะหน่อยก็หมดสิทธิ์ อีก รวมทั้ง Mirror Lake ที่กะว่าจะลงมาดูใหม่เผื่อน้ำจะนิ่งขึ้น ก็ไม่ต้องพูดถึง ฝนกระหน่ำขนาดนี้น้ำคงไม่มีทางนิ่งแน่นอน ขับรถยาวกลับมาที่ Te Anau เลยหละกันใช้เวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมง แวะเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสายกันที่นี่ซักพักก็ออกเดินทางต่อไปยังเมือง Queentown



ความสดชื่นของธารน้ำตกระหว่างทาง


     ระยะทางจาก Te Anau ไปยัง Queentown อีกประมาณ 177 กม.ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงในการขับรถ ถึง Queentown เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว อากาศที่เมืองนี้เย็นมาก ๆ ยิ่งรวมกับฝนที่ตกอยู่ตลอดแล้วเนี่ยเย็นได้ใจจริง ๆ ครับ คืนนี้เราจะพักที่ YHA (Youth Hostel Association) ตกคนละ 27 เหรียญต่อคืน ผมว่าเป็นที่พักที่ราคาก็ไม่ได้ถูกนัก แต่ถ้าเทียบกับโรงแรมแถว ๆ นี้แล้วที่นี่ถูกสุดครับ เราได้ห้องพักเป็นห้อง 6 คนมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียงและเตียงเดี่ยวอีก 2 เตียง ต้องใช้ห้องน้ำ ห้องครัวร่วมกันครับ แต่ถือได้ว่าเป็นที่พักที่ทั้งห้องน้ำและห้องครัวสะอาดและใหญ่เพียงพอที่จะรองรับคนที่มาพัก เราก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีใครมาพักในอีกหนึ่งที่ที่เหลือเลยหละกันซึ่งในที่สุดก็ไม่มีครับ (ไม่รู้โชคดีของเค้าหรือโชคดีของเรากันแน่)


     หลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จก็ตกลงว่าจะไปเดินเล่นในเมือง  ร้านค้าที่นี่ยังไม่ปิดรู้สึกว่าที่เมืองนี้จะปิดร้านกันประมาณ 4 ทุ่ม ในขณะที่เมืองอื่น ๆ นี่ 5 โมงเย็นก็ปิดกันหมดแล้ว ยิ่งวันนี้เป็นวัน Anzac Day ซึ่งถือเป็นวันหยุดด้วยแล้วถ้าเป็นที่อื่นคงไม่มีร้านไหนเปิด แต่ที่เมืองนี้เปิดตลอดครับ เลือกซื้อของฝากกันหลายร้าน รู้สึกว่าร้านขายของที่ระลึกที่เมืองนี้จะถูกกว่าทุก ๆ เมืองที่ผ่านมา (เริ่มมีเสียงบ่นว่าถ้ารู้อย่างนี้มาซื้อเมืองนี้ดีกว่า) รวมทั้งร้านรูปที่จะเอาไฟล์จากกล้องลง CD ด้วยครับ ที่นี่ 10 เหรียญ (เมืองอื่น ๆ 14 เหรียญ) โดยถ้าเอาแผ่นมาเองก็เหลือแค่ 5 เหรียญเองครับ เดินอยู่จน 3 ทุ่มก็กลับที่พักกันดีกว่า อากาศเย็นสุด ๆ ระยะทางที่ขับรถกันมาวันนี้ประมาณ 420 กม. เยอะที่สุดในทริปนี้แล้ว...การเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับ





Create Date : 20 มีนาคม 2554
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2560 14:11:48 น. 0 comments
Counter : 1235 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com