โคเปน ... I love U
ดองเอาไว้นานมากเพิ่งจะได้เอามาลง ... 555 ... ช่วงนี้นอกจากความจำจะเริ่มสั้น สันหลังยังยาวขึ้นอีกครับ ... หลังจากได้วีซ่ามาแบบฉิวเฉียดดันเนื่องมาจากการอนุมัติผิดเดือน ( อ่านวิธีขอวีซ่าได้ ที่นี่ ) ในที่สุดเราก็ได้บินไปกรุงโคเปนเฮเกนเมืองหลวงของประเทศเดนมาร์กกัน ภูมิประเทศของเดนมาร์กประกอบด้วยแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเยอรมันที่เรียกกันว่า Jutland และเกาะต่าง ๆ อีกกว่า 400 เกาะ โดยเกาะที่ใหญ่ที่สุดคือเกาะ Zealand อันเป็นที่ตั้งของกรุงโคเปนเฮเกนนั่นเอง ออกเดินทางกันครับ เช่นเคยครับเราเดินทางด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG950 ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิตอน 01:20 และไปถึงกรุงโคเปนเฮเกนตอน 7 โมง 40 นาทีของวันเดียวกันใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง ช่วงที่ผมไปเวลาที่โคเปนเฮเกนต่างจากกรุงเทพฯประมาณ 5 ชั่วโมง (บางช่วงก็ต่างกัน 6 ชั่วโมง) ไปถึงเราใช้เวลาในการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองไม่นาน แถมไม่ต้องเขียนเอกสารขาเข้าประเทศจากบนเครื่องอีกด้วย ทำให้ผมคิดถึงกระบวนการทำงานว่าถ้าเราเริ่มต้นการทำงานไว้ดีปลายทางก็ทำงานสบาย ประหยัดเวลา ประหยัดทรัพยากร ฯลฯ อีกมากมาย บรรยากาศรอบ ๆ และภายในบ้านพักของเราในทริปนี้ ทริปนี้เรามีเจ้าภาพมารับถึงสนามบินไปพักยังที่พักซึ่งห่างจากสนามบินเพียง 20 นาทีและจากที่พักก็ห่างจากตัวเมืองเพียง 20 นาทีเช่นเดียวกัน ไปถึงเก็บข้าวของ อาบน้ำอาบท่าแล้วเราก็ออกเดินทางกลับไปสนามบินอีกครั้งเพื่อเดินทางกลับ ... 555 ... ไม่ใช่หละ ... เรากลับไปสนามบินอีกครั้งจริง ๆ แต่เพื่อขึ้นรถไฟไปยังเมือง Malmo ของประเทศสวีเดน อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่ากรุงโคเปนเฮเกนตั้งอยู่บนเกาะ Zealand โดยมีช่องแคบออร์ซึนด์ (Oresund) กั้นระหว่าง 2 ประเทศ เราเลยสามารถขึ้นรถไฟข้ามช่องแคบนี้ด้วยสะพาน Oresund ไปประเทศสวีเดนได้ ถ้าจะไปเมือง Malmo ก็แค่ 3 สถานีใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ราคาค่ารถไฟไป-กลับสำหรับคนเดียวก็ 172 โครน (Krone:DKK) แต่ถ้าซื้อ 2 คนก็มีโปรโมชั่นเหลืองเพียง 284 โครนเท่านั้น (เป็นเงินไทยเท่าไหร่ก็คูณด้วย 5.5 บาทครับ) เพิ่งจะผ่านไปวันเดียวเราไปถึง 2 ประเทศกันเลยนะครับ ... คุ้มจริง ๆ Malmo เมืองเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ทางตอนใต้ของสวีเดน เมือง Malmo เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศสวีเดน มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ผมเดินจากสถานีรถไฟไปเรื่อย ๆ ตามถนนคนเดินจนไปสุดแถว Stortorget ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าและมีแหล่งช๊อปปิ้งเล็ก ๆ มีร้านค้าที่คนไทยเรารู้จักกันหลายร้านเช่น H&M Zara ฯลฯ เขาบอกว่าซื้อของทีสวีเดนจะถูกกว่าที่เดนมาร์กนิดหน่อย เพราะค่าเงินของเราเมื่อเทียบกับที่นี่จะตกแค่ 4.8 บาทต่อ 1 โครนสวีเดน โชคดีที่ไม่มีร้านพระเจ้าหลุยส์ให้เข้าไปคารวะ ไม่งั้นคงตัวเบากันตั้งแต่วันแรก ผมว่าเมืองนี้เป็นเมืองน่ารัก มีส่วนผสมระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ เหมาะกับการมาเดินเล่นชมเมือง ชมผู้คนและหาซื้ออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือกลับไป Roskilde Cathedral วันรุ่งขึ้นเราออกนอกเมืองไปยัง Roskilde Cathedral ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโคเปนเฮเกนไปทางตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตร ภายนอกจะเห็นเป็นโบสถ์ที่มียอดสูงแหลม 2 ยอด ภายในเป็นโบสถ์เพดานสูงตกแต่งสวยงามและมีห้องต่าง ๆ ที่ใช้เก็บพระศพของกษัตริย์เดนมาร์กหลายพระองค์ด้วยกัน ที่เด็ดคือมีเสาต้นหนึ่งที่จะมีขีดบันทึกความสูงของกษัตริย์หลายประเทศที่เสด็จมาเยือนที่นี่ โดยหนึ่งในนั้นมี รัชกาลที่ 5 รวมทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพฯ ของเรารวมอยู่ด้วย แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี Frederiksborg Castle ถัดไปไม่ไกลมีพิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้งให้เข้าชม เสียดายที่เวลาเราน้อยและพอมองไกล ๆ เห็นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเราเลยไม่แวะและออกเดินทางต่อไปยังปราสาทเฟรดเดอริคบอร์ก (Frederiksborg Castle) ปราสาทแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซอง สร้างขึ้นโดยพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 2 ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบที่สวยงาม ที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนา พิธีสำคัญ ๆ ของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์แล้ว ยังเป็นที่เก็บของสะสมต่าง ๆ ของราชวงศ์อีกด้วยครับ มาเดนมาร์กทั้งทีต้องมาเยี่ยมเจ้าบ้านซะหน่อย Little Mermaid บ่าย ๆ เรากลับเข้ามายังตัวเมืองโคเปนเฮเกนเพื่อไปเยี่ยมเยียนนางเงือกน้อย หรือ Little Mermaid ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองก็ว่าได้ เรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มาหาเธอนี่ถือว่ามาไม่ถึงเดนมาร์กกันเลยทีเดียว ที่มาของเงือกน้อยตัวนี้ก็สืบเนื่องมาจากนิทานอันโด่งดังของเดนมาร์กเรื่อง เงือกน้อยผจญภัย ที่แต่งโดยนาย Hans Christian Andersen นั่นเอง โดยผู้ก่อตั้งโรงกลั่นเบียร์ Carlsberg ได้ไปดูบัลเล่ต์เรื่องนี้เข้าแล้วเกิดประทับใจ จึงได้จ้างนาย Edvard Eriksen นักปั้นฝีมือดีมาปั้นรูปนางเงือกให้โดยนางแบบก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ภรรยาของนาย Edvard นั่นเอง เราลงไปทักทายเจ้าบ้านได้ไม่นาน ไม่รู้พระพิรุณท่านไม่พอใจอะไรตกมาไล่เราซะงั้น วิ่งกลับขึ้นรถกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว ... 555
บริเวณอันกว้างขวางของ Amalienborg Palace ขับรถต่อไปอีกไม่ไกลก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรมานั่นคือ Amalienborg Palace ที่นี่เป็นสถานที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวมักจะมาชมการเดินสวนสนามและการเปลี่ยนเวรยามกันที่บริเวณหน้าพระราชวังแห่งนี้ตอนเวลาประมาณเที่ยงตรงของทุกวัน หลังจากชมความงามและความยิ่งใหญ่ของพระราชวังต่าง ๆ ได้ซักพักก็ต้องรีบกลับ เพราะเรามีหมายกำหนดการไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์กันครับ ... 555 ... เราเข้าตัวเมืองไปอีกนิดไปยังแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกัน ใช่แล้วครับย่าน Strøget นั่นเอง แถวนี้เป็นถนนคนเดินที่มีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตร มีร้านค้าต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงแบรนด์เนมที่มีราคาแพง รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่เราจะไปเข้าเฝ้าก็อยู่บนถนนนี้ด้วย บรรยากาศในเมืองโคเปนเฮเกน เราใช้เวลาช่วงบ่ายจนถึงเย็น ๆ อยู่ตามร้านรวงต่าง ๆ บนถนนสายนี้เพราะเย็นนี้เรามีนัดทานอาหารกันที่ร้านอาหารไทยชื่อบ้านแก้วครับ ระหว่างเดินไปยังร้านอาหารเราก็มีโอกาสได้เดินผ่านสถานที่น่าสนใจอีกหลายทีไม่ว่าจะเป็น ศาลากลาง สถานีรถไฟ สวนสนุก Tivori ฯลฯ ครับซึ่งแต่ละที่ก็ดูขลัง ดูยิ่งใหญ่ อลังการ แต่ผมกลับมาสะดุดกับร้านเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังสถานีรถไฟ ... เขียนเป็นภาษาไทยชัดเจนว่า ตลาดเด่นใจ ใช่แล้วครับที่นี่เป็นร้านขายของจากเมืองไทยและรับทำแทบทุกอย่าง รวมทั้งมีของจากเมืองไทยแทบทุกอย่าง บางอย่างผมว่าที่เมืองไทยเองยังน่าจะหาซื้อยากด้วยซ้ำเช่น มะอึก เป็นต้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทาง อีกหนึ่งความสำเร็จของคนไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งครับ ร้านเด่นใจ ... ขายของไทย ถึงแม้จะมีร้านขายสินค้าจากเมืองไทย แต่สนนราคานี่ตามเมืองนอกนะครับ เห็นติดไว้ 25 บ้าง 30 บ้างนี่คิดเป็นโครนนะครับ ไม่ใช่คิดเป็นบาท ... อย่างสับสน ... 555 ... ราคาก็ใช้ได้อยู่ครับ ... แพงใช้ได้อยู่ เมื่อวัตถุดิบแพงมาเจอค่าแรงอีกก็ไม่ต้องแปลกใจถ้าเข้าไปในร้านอาหารไทยแล้วราคาจะไม่ค่อยมิตรภาพเท่าที่ควร ราคาอาหารส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 99 ไข่เจียวธรรมดาก็ 95 ถ้าไข่เจียวหมูสับ 115 ครับ ... คิดเป็นโครนนะครับ อย่าคิดเป็นบาท ... ถ้าจัดหนักจัดเต็มกันเลยนี่มื้อนึงก็หลายอยู่ครับ ... เหอ เหอ เยี่ยมชมโรงงานผลิตเบียร์ Carlsberg Nyhavn สถานที่ที่เห็น (ในภาพ jigsaw) ตั้งแต่เด็ก วันรุ่งขึ้นเราได้ไปเที่ยวชมโรงงานผลิตเบียร์แห่งแรกของ Carlsberg ซึ่งตอนนี้ตัวโรงงานได้ย้ายไปแล้วแต่สถานที่ได้พัฒนามาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตเบียร์ เครื่องมือต่าง ๆ ขวดเบียร์ในแต่ละประเทศ รวมทั้งมีเบียร์ชนิดต่าง ๆ ให้ทดลองชิมอีกด้วย หลังจากเมาได้ที่ ... เอ้ย ... ไม่ใช่หละ ... ไม่ได้มาวครับ ... 555 ... เราก็ได้ไปอีกหนึ่งสถานที่ที่เห็นในภาพ Jigsaw มาตั้งแต่เด็ก ๆ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเดนมาร์กนั่นคือ Nyhavn อ่านว่า นูฮาวน์ เป็นภาษาอังกฤษก็คือ New Port หรือท่าเรือใหม่นั่นเอง เดิมที่นี่เป็นแหล่งบันเทิงริมน้ำของเมืองโคเปนเฮเกน ดังนั้นจึงมีทั้งร้านค้า ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ มากมายและได้ปรับปรุงพัฒนาจนกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเดนมาร์ก เห็นแล้วนึกถึงตลาดน้ำบ้านเราถ้าพัฒนาดี ๆ ผมว่าก็สู้ได้อยู่ ... 555 ... เราซื้อตั๋วขึ้นเรือออกไปล่องแม่น้ำเที่ยวชมเมืองด้วยครับ ผู้ใหญ่ก็ 40 โครนเด็ก ๆ ก็ 15 โครนครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการล่องแม่น้ำเที่ยวชมเมืองซึ่งก็สวยและแปลกตาไปอีกแบบ แวะไหว้พระทำบุญที่วัดป่าโคเปนเฮเกน DragørStrand เมืองเล็ก ๆ น่ารักก่อนถึงสนามบิน
วันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาเดินทางกลับกันหละเราเดินทางกลับด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG951 ออกจากสนามบินกรุงโคเปนเฮเกนตอนประมาณบ่าย 2 โมงมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 6 โมงครึ่งของอีกวัน ช่วงเช้าเราเลยยังพอมีเวลาเลยถึอโอกาสไปทำบุญและกราบท่านเจ้าอาวาสที่วัดป่าโคเปนเฮเกน เป็นวัดเล็ก ๆ ที่พอเข้าไปแล้วรู้สึกได้ถึงความเงียบ ความสงบมาก ๆ ครับ หลังจากกราบลาท่านเจ้าอาวาสเรียบร้อย ก็แวะเที่ยวชมและละลายเงินโครนอีกนิดที่เมือง DragørStrand ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลที่น่ารักมาก ๆ จนได้เวลาค่อยออกเดินทางไปสนามบิน ... เป็นทริปเล็ก ๆ ที่สวยงามและสนุก แถมด้วยการมีลุ้นตั้งแต่เริ่มเดินทางอีกด้วย ... การเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรกเสมอ ขอให้สนุกและมีความสุขกับการเดินทางครับ ...
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2557 15:18:44 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3810 Pageviews. |
|
|
|
ตามมาเที่ยวชมด้วย ภาพสวย Likeครับ