และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของทริปนี้กันซะทีนะครับ...ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนจบ ตอนที่แล้วเรามาอยู่กันที่เมือง Queentown  เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศที่เลวร้ายเหมือนเดิม ฝนตกทั้งคืน เช้ามาก็ยังตกอยู่ ตื่นกันตอน 7 โมงครึ่ง ไม่ต้องตื่นเช้ามากนักเพราะมีห้องน้ำพอให้ทุกคนอาบในเวลาเดียวกันได้ (เป็นข้อดีอีกอย่างของ YHA) โปรแกรมวันนี้ไม่มีอะไรมาก เที่ยวอยู่ใน Queentown ครึ่งวันแล้วออกไป Lake Tekapo เลย

     เมือง Queentown เป็นเมืองแห่งกิจกรรม มีกิจกรรมกลางแจ้งที่มีชื่อเสียงและน่าลองเล่นหลายชนิด ทั้ง Shotover Jet, Bungy Jump, Skyline Gondola, Luge, ล่องแก่ง, ล่องเรือกลไฟชมวิวทะเลสาป Wakatipu หรือจะชมการตัดขนแกะก็ยังได้ เราวางแผนจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เมืองนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ดูจากสภาพอากาศแล้วคงเป็นไปได้ยาก มีคนเขียนไว้ที่ YHA ว่าจริง ๆ Queentown มีกิจกรรมให้ทำเยอะแต่ต้องวันที่อากาศดีเท่านั้น ถ้าอากาศไม่ดีนอนดูทีวีอยู่บ้านจะดีกว่า...แต่เราไม่มีบ้านที่นี่ ไม่มีทีวีให้นอนดูเลยตัดสินใจว่าไปขึ้น Skyline Gondola แล้วกัน ดีกว่าอยู่เฉย ๆ ราคาสำหรับการขึ้น Gondola ก็ประมาณ 19 เหรียญ ก่อนขึ้นจะมีการถ่ายรูปเราไว้ถ้าสนใจตอนลงมาสามารถมาหาซื้อได้

บรรยากาศบนกระเช้าตอนขึ้น Gondola

     ด้านบนมีจุดชมวิว ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จุดชมวิวนี่ถ้าฝนไม่ตกคงเป็นจุดที่น่าถ่ายรูปจุดหนึ่ง เพราะเราสามารถเห็นเมือง Queentown ได้ทั้งเมืองทีเดียว ชมวิวที่ขมุกขมัวซักพักก็มีหิมะตกลงมาครับ  แต่ยังเป็นหิมะที่ตกปนลงมากับฝนคาดว่าอีกไม่กี่วันเมืองนี้คงเต็มไปด้วยหิมะ มองจากด้านบนเห็นมันตกลงไปด้านล่างของเมืองแล้วสวยจริง ๆ เสียดายที่ภาพที่ถ่ายมาให้รายละเอียดได้ไม่เท่ากับที่เห็นด้วยตา ส่วนร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกบนนี้ ระดับราคาก็ถือว่าไม่แตกต่างจากร้านค้าด้านล่างมากนัก หาอะไรอุ่น ๆ ทานก็ได้บรรยากาศดีเหมือนกัน

 บรรยากาศจากจุดชมวิวด้านบน

     กว่าจะออกจาก Queentown ก็เที่ยงกว่า ๆ แล้ว ขับรถย้อนกลับมาตามทางเดิมที่มาจากเมือง Cromwell แวะเข้าไปที่เมือง Arrow Town อีกครั้ง วันนี้หนักกว่าเดิมเพราะนอกจากจะไม่มีแสงแล้ว ฝนยังตกลงมาอีก ไม่สามารถมาถ่ายรูปได้เลย แต่ถึงอากาศจะไม่ดีอย่างนี้เมืองนี้ก็ยังสวยจริง ๆ เราออกจาก Highway สาย 94 เข้าสู่ Highway สาย 6 เพื่อมุ่งหน้าสู่เมือง Cromwell แล้วเลี้ยวไปยังเมือง Omarama ตาม Highway สาย 8 ขับมาได้ซักพักรถชักเยอะแถมขับช้าอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า อุบัติเหตุอีกหรือเปล่านะ ซักพักถึงได้รู้...หิมะครับ ขาวโพลนไปหมดเลย อย่างนี้จะไม่จอดลงไปถ่ายรูปได้อย่างไร จอดลงไปถ่ายกันซักพักก็เดินทางต่อ อากาศเย็นมาก ๆ เล่นเอามือชากันเลยทีเดียว

อากาศหนาวได้ใจจริง ๆ

     ที่เมือง Omarama เราเติมพลังให้รถและแวะหาอะไรใน Supermarket เติมพลังให้คนในรถด้วย เสร็จสรรพแล้วก็ออกเดินทางกันต่อเพื่อไปยัง Lake Tekapo โดยก่อนจะถึง Lake Tekapo จะมีฟาร์มปลาแซลมอนอยู่เลยต้องแวะเข้าไปชมและชิมกัน ปลาสดมาก ๆ กัดเข้าไปแต่ละคำเนี่ย...สุดบรรยาย แวะถ่ายรูปกันซักหน่อยพร้อมซื้อปลากลับมาด้วยเผื่อทำอาหารเย็น กิโลกรัมละ 18 เหรียญใครสนใจก็แวะชมและชิมได้ครับ

บรรยากาศหน้าฟาร์มปลาแซลมอน

     เลยฟาร์มปลาแซลมอนมาเราก็จะเจอทะเลสาป Pukaki ทะเลสาปแห่งนี้เป็นทะเลสาบที่มีสีฟ้าโดยไม่ต้องง้อใคร นี่ขนาดท้องฟ้ามีแต่เมฆฝนนะทะเลสาบยังฟ้าได้ใจขนาดนี้ ถ้าอากาศดี ๆ จะฟ้าได้ขนาดไหนหละนี่

ทะเลสาบ Pukaki สีฟ้าสดใสแบบไม่ง้อใครจริง ๆ

      เราขับมาถึง Lake Tekapo กันตอน 6 โมงเย็น เมืองนี้เป็นอีกเมืองที่ไม่ได้จองที่พักไว้ แต่ในที่สุดเราก็ได้ที่พักชื่อ Lake Tekapo Motels & Motor Camp เป็นบ้านพักที่มีห้องน้ำและห้องครัวในตัว แถมตั้งอยู่ริมทะเลสาปเลย ราคาก็ 160 เหรียญต่อคืน เป็นบ้านพักที่สวยและกว้าง แต่เสียอยู่อย่างตรงที่ Heater ในห้องน้ำไม่ทำงานแถมที่มีอยู่ตัวเดียวในห้องนั่งเล่นก็ไม่ได้ทำให้อุ่นสักเท่าไหร่...วันนี้เราขับรถกันประมาณ 259 กม. ครับ…

บรรยากาศหน้าบ้านพัก

     วันรุ่งขึ้นเป็นวันสบาย ๆ มุ่งหน้ากลับสู่ Christchurch อย่างเดียวเลยตื่นนอนกับตอน 8 โมงมองออกไปนอกห้องพัก อากาศดีเห็นแสงแดดลอดผ่านเมฆมาไกล ๆ ฝนหยุดตกแล้วแต่เมฆก็ยังคงเยอะอยู่ดี เมืองนี้มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ โบสถ์และอนุสาวรีย์สุนัขต้อนแกะ เราเลยแวะไปชมและถ่ายรูปซะหน่อย ตัวโบสถ์เป็นโบสถ์เล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบครับสร้างจากหินโดยมีทางเข้าเพียงทางเดียว มีปรัมพิธีหันหน้าออกสู่ทะเลสาบ โบสถ์นี้ชื่อ “Church of the good shepherd” แปลตรง ๆ ก็อาจจะแปลได้ว่า “โบสถ์ของคนเลี้ยงแกะที่ดี“ แต่เท่าที่อ่านจากในหนังสือคำว่า “Shepherd” ยังมีความหมายที่เกี่ยวกับบาทหลวงหรือพระได้ด้วย ส่วนอนุสาวรีย์สุนัขต้อนแกะก็สร้างจากสำริด เพื่อระลึกถึงความดีของสุนัขที่ได้ช่วยต้อนแกะ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้...ช่างเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับสิ่งรอบ ๆ ตัวจริง ๆ

Church of the good shepherd

     ถ่ายรูปกันได้สักพักก็ออกเดินทางกันต่อดีกว่า ระหว่างทางที่จะกลับไปยัง Christchurch จะต้องผ่านอีกหลายเมืองทีเดียว ทั้งเมือง Fairlie, Geraldine, Ashburton และอีกหลาย ๆ เมือง แต่เมืองส่วนใหญ่ไม่ค่อยน่าสนใจหรือมีอะไรเด่น ๆ มากนัก เราเลยได้แต่ขับผ่านไปเรื่อย ๆ ไม่ได้แวะ ไม่รู้ว่าตามเส้นทางวันนี้ไม่มีอะไรเด่นและน่าสนใจ หรือเราเจอสิ่งน่าสนใจกว่านี้มาแล้ว ทุกคนในคณะเลยดูหงอย ๆ เหงา ๆ เบื่อ ๆ ไม่ค่อยมีเสียงกระตือรือร้นในการที่จะลงไปถ่ายรูปกัน บรรยากาศรอบข้างก็ค่อนข้างแห้งแล้ง ที่แย่กว่านั้นคือนอกจากสภาพแวดล้อมจะไม่น่าสนใจแล้วยังมีการทำทางเป็นระยะทำให้ขับรถได้ช้าลงไปอีก จริง ๆ แล้วมีเครื่องกลับไปยังเมือง Auckland จากทางเมือง Queentown เลยครับ ถ้าใครเห็นว่าเมืองด้านนี้ไม่น่าสนใจก็สามารถกลับจากเมือง Queentown ได้เลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถกลับไปเริ่มต้นที่เมือง Christchurch แต่อาจจะไม่ได้ชมทะเลสาป Pukaki และทะเลสาป Tekapo

     พวกผมกลับมาถึงเมือง Christchurch ตอนบ่าย 2 โมงกว่า เข้า check-in ที่โรงแรมเดิมที่มาพักกันวันแรก โดยคราวนี้พักที่ห้องด้านหน้าไม่ต้องยกกระเป๋าขึ้นไปชั้นสองเหมือนวันแรกที่มา เก็บข้าวของเสร็จก็เลยถือโอกาสไปเดินเล่นและทานข้าวเย็นกันในเมือง การขับรถในเมืองสำหรับผมแล้วค่อนข้างยากและวุ่นวายพอสมควรเพราะนอกจากเราจะไม่คุ้นทางแล้วป้ายถนนก็ค่อนข้างเล็กทำให้ดูทางลำบากแล้ว ที่จอดรถในเขตเมืองก็หาค่อนข้างยากจนเราต้องยอมจอดในที่เสียเงิน สำหรับค่าธรรมเนียมก็ 2 เหรียญจอดได้ 1 ชั่วโมง

     มื้อเย็นวันนี้เราทานกันที่ Asia Food Court อยู่ในเขต city center ของเมืองเลย ที่นี่เป็นศูนย์รวมของอาหารเอเชียมีอาหารจากหลายประเทศ ของประเทศไทยเราก็เป็นอาหารอีสานจำพวกไก่ย่าง ส้มตำ ฯลฯ แต่มื้อนี้ผมเลือกทานข้าวมันไก่ของสิงค์โปร์หลังจากที่ติดใจมากตอนไปทานที่นู่น และก็ไม่ผิดหวังอร่อยเหมือนกับที่เคยทานเลย ราคา 7 เหรียญอาจจะดูแพงแต่ปริมาณก็เยอะคุ้มราคา

     ส่วนที่ขาดไม่ได้ตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายนั่นก็คือ Supermarket ต้องแวะทุกวัน แต่วันนี้ไม่ได้มาเติมเสบียงเหมือนทุกทีแต่แวะมาซื้อขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมาเป็นของฝาก คืนสุดท้ายที่ได้อยู่ที่นี่แล้วสิเนี่ย...วันพรุ่งนี้ต้องไปขึ้นเครื่องของแอร์นิวซีแลนด์แต่เช้าเพื่อกลับไปยังเมือง Auckland ที่เกาะเหนือ และต่อเครื่องของการบินไทยกลับไปยังกรุงเทพฯ ที่สนามบิน Auckland เราต้องเสียค่าธรรมเนียมสนามบินเพิ่มเพราะไม่ได้คิดรวมไว้ในตั๋ว ราคาก็ 25 เหรียญสามารถซื้อได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต สำหรับบัตรเครดิตมีเครื่องขายอัตโนมัติอยู่บริเวณที่ Check-in เลย ถ้าจะซื้อด้วยเงินสดก็ซื้อได้ที่ Bank of New Zealand ซึ่งก็ตั้งอยู่หน้าที่ Check-in เช่นกัน

บรรยากาศบนฟ้า

     นอกจากค่าธรรมเนียมแล้วเรายังต้องกรอกแบบฟอร์มสำหรับผู้โดยสารขาออกอีกหนึ่งใบ กรอกคล้าย ๆ ขาเข้าเลยครับ เสร็จแล้วก็ไปยื่นที่ Immigration ได้เลย หลังจากผ่านเข้าไปด้านในก็ยังมีร้านค้าปลอดภาษีให้เลือกซื้อสินค้าได้อีกหน่อย สำหรับคนที่ต้องการละลายบรรดาเหรียญที่มีอยู่ก็สามารถละลายได้ที่นี่ แต่เท่าที่ดูของใน Duty Fee นี่แพงกว่าข้างนอกค่อนข้างมาก...เป็นไปได้ก็ซื้อข้างนอกน่าจะดีกว่าไม่ควรมารอซื้อที่นี่...จะจ่ายแพงกว่าทำไมจริงไหมครับ

     ทริปนี้เป็นทริปที่ได้ครบทุกบรรยากาศจริง ๆ ทั้งฝนตก แดดออก หิมะตก ดินถล่ม ฯลฯ การเดินทางทำให้เราได้เห็นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ บางคนอาจมองว่าการเดินทางทำให้โลกของเราเล็กลง เพราะเรารู้ เราเห็นอะไรมากขึ้น ในขณะที่บางคนก็มองว่าการเดินทางทำให้รู้สึกว่าโลกของเราใหญ่ขึ้น เพราะเราได้รู้ว่ายังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ แต่สำหรับผมไม่ว่าโลกจะเล็กลงหรือใหญ่ขึ้นก็ตามขอให้สนุกและมีความสุขกับการเดินทางก็น่าจะพอ ... อาจจะยาวไปสักหน่อยแต่ผมก็หวังว่าการเดินทางทริปนี้ของผมจะทำให้ทุกคนมีความสุข สนุกและอยากจะออกเดินทางกันบ้าง ... การเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ...ขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับ

------------------------------------------------------

     ทริปนี้เป็นทริปที่ไปมานานพอสมควรและได้เขียนไว้ที่อื่น เพิ่งได้มีโอกาสเอามาเขียนลงบล็อกของตัวเอง ข้อมูลบางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามระยะเวลา ต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ

Create Date : 27 มีนาคม 2554
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2560 14:44:42 น.		1 comments
Counter : 1596 Pageviews.
Share Tweet