Journey Journal with NineNoname

<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 มิถุนายน 2554
 

2 Days 1 Night in Japan (Day 2)



     วันที่สองนี้เราจะไปกรุงเกียวโตกัน ( วันที่หนึ่งอ่านกันได้ ที่นี่ ครับ) นั่งรถไฟฟ้าจากโอซากาก็ประมาณ 1 ชั่วโมง เราเลยนัดกันว่าจะออกจากโรงแรมตอน 7 โมงครึ่ง เพื่อจะเที่ยวให้ทันเพราะเราต้องกลับกันคืนนี้ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ ... จากสถานี Namba เราขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีแดงเพื่อไปลงยังสถานี Umeda แล้วต่อรถไฟสาย Hankyu เพื่อมุ่งหน้าไปเมืองเกียวโต วันนี้เราจะไปวัดน้ำใสและวัดทองกัน บัตร Surutto Kansai ที่เราซื้อกันเมื่อวานสามารถนำมาใช้ได้ทั้งกับรถไฟฟ้าที่เดินทางไปเกียวโต และรถประจำทางภายในเมืองเกียวโตโดยไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรโดยสารใหม่...เห็นไหมครับว่าคุ้มจริง ๆ

     เมื่อถึงกรุงเกียวโตเราใช้ทางออกที่ 6 เพื่อไปต่อรถประจำทางสาย 207 (ค่าโดยสารครั้งละ 220 เยน) ลงป้าย Nishi Otani Mausoleum เดินไปอีกนิดเลี้ยวเข้าซองแล้วเดินเข้าซอยไปอีกเยอะ...555...กว่าจะถึงวัดก็เล่นเอาหอบเหมือนกันครับเพราะทางเดินเป็นทางขึ้นเขา ถึงจะไม่ชันเท่าไหร่แต่ก็เรียกเหงื่อได้เลย ถนนเส้นนี้เรียกว่าถนนสายกาน้ำชา บริเวณ 2 ข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ขายน้ำ ขายไอศกรีมต่าง ๆ มากมาย ถ้าไม่สนใจระยะทางับทางเดินที่ชัน การเดินชมเดินชิมบรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั่งเดิมก็ทำให้หายเหนื่อยได้เหมือนกัน


บรรยากาศของถนนสายกาน้ำชา


บริเวณหน้าวัดน้ำใส 


น่าร๊ากกกก ... 


     วัดน้ำใส หรือ วัดคิโยมิสึ ( Kiyomizu-dera ) เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาฮิงายามา สถานที่สำคัญของวัดแห่งนี้ก็คือวิหารที่มีระเบียงไม้ยื่นออกมา สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเกียวโตได้อย่างชัดจน ระเบียงแห่งนี้มีเสาค้ำยันกว่า 130 ต้น แต่ละต้นก็ใหญ่โตได้ใจแถมใช้วิธีเข้าเดือยแทนการตอตะปูอีกด้วย น่าทึ่งจริง ๆ ครับ วัดแห่งนี้ได้รับการูแลเป็นอย่างดีจากทางภาครัฐและประชาชนชาวเกียวโต จนองค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกโลกและยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเกียวโตอีกด้วย


วิหารไม้ขนาดใหญ่...มหัศจรรย์งานสร้างมาก ๆ

     จากวิหารถ้ามองลงมาด้านล่างเราก็จะห็นที่มาของชื่อวัดน้ำใสแห่งนี้ ใช่แล้วครับน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำ 3 สายไหลมาที่วัดแห่งนี้นั่นเอง โดยทางวัดได้ทำเป็นทางน้ำให้น้ำทั้ง 3 สายที่ไหลมาจากบนเขาไหลลงมาตรงศาลาแห่งนี้เพื่อให้ประชาชนที่ศรัทธาสามารถตักดื่มได้ โดยมีความเชื่อว่าน้ำสายแรกจะช่วยให้สมหวังในเรื่องของการเรียน น้ำสายที่สองจะช่วยให้สมหวังในเรื่องของความรัก และน้ำสายที่สามจะช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ... แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรหละว่าสายไหนเป็นสายที่ 1 สายที่ 2 และ สายที่ 3 ... อันนี้ถามมาได้ความว่าถ้าหันหน้าเข้าไปยังศาลาทางซ้ายมือจะเป็นสายที่ 1 ตรงกลางสายที่ 2 และขวามือเป็นสายที่ 3 ครับ...อ้อ...เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าอย่าโลภนะครับ ควรเลือกทานเพียงสายใดสายหนึ่งเท่านั้น เดี๋ยวธาตุไฟจะเข้าแทรก (อันนี้ผมเติมเอง...555...)


บรรยากาศบริเวณศาลา...คิวยาวเชียว


จะเลือกสายไหนดีคะ

     สำหรับกระบวยที่เห็นเขาตักน้ำดื่มกันนั้นเป็นบริการของทางวัดซึ่งทางวัดเองก็ได้จัดทำตู้ฆ่าเชื้อด้วยรังสีอุลตร้าไวโอเลตไว้ให้บริการด้วยครับ เมื่อใช้เสร็จก็จะเอาด้านกระบวยสอดเข้าไปในตู้ที่ว่านี้เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจในความสะอาด...เราก็สามารถมีถ้วยเป็นของตัวเองได้ โดยระหว่างต่อแถวจะมีซุ้มที่ตั้งสำหรับขายถ้วยน้ำครับใบละ 200 เยน เป็นถ้วยพลาสติกมีสีเงินกับสีทองให้เลือกพร้อมถุงใส่ สามารถใช้งานและเก็บเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย...


รับรังสี UV สักถ้วยไหมครับ...555


เลือกไม่ได้ รองมาให้ทั้ง 3 สายเลยครับ

     เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันต่อ โดยคราวนี้เราจะออกเดินทางไปยังวัดทอง หรือวัดคินคะคุจิ ( Kinkakuji Temple ) ที่ได้ชื่อว่าวัดทองก็เพราะวิหารทองคำที่อยู่ภายในวัดนั่นเอง ... คุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างไหมครับกับวิหารหลังนี้ ... ถ้ายังไม่คุ้น ผมเพิ่มประโยคนี้ให้อีกประโยค ... “ จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวนึงสินะคร๊าบบบบบ ” ... คุ้นขึ้นมาแล้วใช่ไหมครับ ... ใช่แล้วครับวิหารแห่งนี้เป็นปราสาทของท่านโชกุนอาชิคางะ โยชิมิทสึ โชกุนคู่ปรับของอิกคิวซังนั่นเอง ...


งามงดและงดงาม

     วัดคินคะคุจิตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเกียวโต ว่ากันว่าถ้ามาเกียวโตแล้วไม่ได้มาวัดนี้ก็เหมือนกับยังมาไม่ถึงกรุงเกียวโต ... ปราสาทหลังนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1397 ถูกใช้เป็นบ้านพักของท่านโชกุนอาชิคางะ โยชิมิทสึ (มีตัวจริงด้วยนะเนี่ย) ซึ่งหลังจากท่านโชกุนเสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1408 จึงได้ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นวัดพุทธนิกายเซนจนถึงปัจจุบัน


อีกซักมุมครับ

     การเดินทางจากวัดน้ำใสไปยังวัดทองค่อนข้างไกลทีเดียวใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มจากเดินกลับลงมาที่ถนนใหญ่ (ตรงที่เราลงรถเมล์ก่อนขึ้นไปวัดน้ำใส) แล้วข้ามไปฝั่งตรงข้าม ขึ้นรถประจำทางสาย 206 ไปลงยังสถานี Kitaoji bus terminal (พูดง่าย ๆ ว่านั่งกันจนสุดสาย) แล้วไปต่อสาย 204 หรือ 205 ก็ได้ไปลงที่ป้าย Kinkakuji-michi ข้ามถนนแล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 300 เมตรเพื่อเข้าสู่เขตวัด


ถ่ายผ่านหมู่ไม้...

     เมื่อเข้าสู่เขตวัดก็จะรู้สึกได้ถึงความร่มรื่นเนื่องจากมีต้นไม้เยอะมาก ๆ พอเดินไปได้สักพักก็จะมีที่ขายบัตรเข้าไปชมด้านใน ค่าเข้าชมก็คนละ 400 เยน ทางวัดเปิดให้บริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เมื่อได้บัตรแล้วก็เดินต่อไปเพื่อเข้าไปชมด้านในกัน ผมว่าทางวัดเข้าใจสร้างทางเดินมาก ๆ เพราะหลังจากผ่านประตูมา ทางเดินจะเป็นทางโค้งที่เมื่อพ้นโค้งออกมาแล้วภาพแรกที่เห็นก็จะเป็นภาพปราสาทสีทองตั้งอยู่กลางน้ำ รายล้อมด้วยต้นไม้และสวนสวย แถมด้วยเงาสะท้อนของปราสาทสีทองสวยงามมาก ๆ ประทับตา ประทับใจจริง ๆ


จากมุมสูงด้านหลังปราสาท

     สวนภายในวัดร่มรื่นมาก ๆ จัดได้งดงาม ให้ความรู้สึกนิ่ง สงบแบบเซนจริง ๆ ระหว่างทางเดินก็จะมีรานน้ำชาไว้ให้บริการ ผ้าสีแดงรองนั่งตั้งอยู่กลางสวน สวยแปลกตาและงดงามมาก ๆ หลังจากเก็บภาพความประทับใจตามมุมต่าง ๆ ไว้อย่างมากมายก็ได้เวลาเดินทางกลับกันดีกว่า  ขากลับเรากลับคนละเส้นทางกับตอนมาเพราะจะกลับไปสถานีรถไฟฟ้าเลย พอออกจากประตูวัดแล้วเลี้ยวขวาเลยครับไม่ต้องเดินตรงไป เจอป้ายรถประจำทางแล้วก็รอสาย 12 สายนี้จะพาเราไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่เมื่อตอนเช้าเรามาเลยครับ...แวะเติมพลังกันที่นี่ก่อนจะนั่งรถไฟฟ้ากลับไปยังโอซากา


สีแดงแรงฤทธิ์

     กลับมายังโอซากายังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย เลยไปช๊อปปิ้งที่ Shin Sai Bashi อีกครั้งพร้อมทั้งหาอาหารเย็นรองท้องก่อนไปขึ้นเครื่องคืนนี้ ขากลับเรากลับด้วยการบินไทยอีกเช่นเคย เที่ยวบินที่ TG673 ออกเดินทางจากสนามบินคันไซตอนเที่ยงคืนครึ่ง ตามเวลาจะมาถึงกรุงเทพฯ ตอน 04.20 น. แต่เนื่องจากลมส่งท้าย (หรือกัปตันขับซิ่งก็ไม่ทราบ...555...) เราเลยมาถึงกรุงเทพฯตั้งแต่ตีสามครึ่ง...จบการเดินทางแบบรวบรัดและรวดเร็วเอาไว้แค่นี้แล้วกันครับ การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ...ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทางครับ





Create Date : 21 มิถุนายน 2554
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2560 16:54:24 น. 1 comments
Counter : 1217 Pageviews.  
 
 
 
 
แวะมาเยี่ยมค่ะ ทักทายค่ะ

แวะชมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ อย่าลืม Vote ให้ด้วยนะค่ะ
ThaiLand Travel สถานที่ท่องเที่ยว

 
 

โดย: nonguide วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:13:47:58 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com