สะพายกล้องท่องนิวซีแลนด์ Wanaka - Te Anau
ตอนที่แล้วเรามาถึงเมือง Wanaka แล้วแต่ยังไม่ได้เที่ยวในเมือง วันนี้ก็เลยวางแผนเที่ยวในเมืองและทะเลสาปกัน โปรแกรมวันนี้เลยเป็นแบบสบาย ๆ ครับ ไม่มีอะไรมาก หลังจากเที่ยวในเมืองเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังเมือง Te Anau เพื่อไปล่องเรือชม Milford Sound กัน โดยอาจจะแวะเที่ยวระหว่างทางกันนิดหน่อย สำหรับเมือง Wanaka เป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ เนื่องจากตัวเมืองถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา หันไปทางไหนก็เจอแต่ภูเขา โดยมีทะเลสาป Wanaka อยู่เบื้องหน้า สวยงามจริง ๆ ยิ่งอากาศวันนี้เป็นใจ ฟ้าใส แดดดีอย่างนี้ เป็นภาพที่ประทับใจมาก ๆ ... อยากให้มีแดดอย่างนี้ตลอดการเดินทางจริง ๆ บริเวณทะเลสาปมีศูนย์ให้ข้อมูล (I-site) อยู่ด้วยครับ ถ้าสนใจอยากได้ข้อมูลหรือโปสการ์ด หรือจะนั่งชมวิวจิบกาแฟก็ได้เลยครับ
วิวริมทะเลสาป Wanaka
อีกมุมหนึ่งจากริมทะเลสาป
มุมมองจากบริเวณ I-site
เราแวะชมวิว ชมเมืองและชมของที่ขาย (โดยให้เจ้าของร้านชมเงินของเรา) ในเมืองกันชั่วโมงกว่า ก็ขับรถย้อนกลับไปยัง Puzzling World ที่เราผ่านกันมาเมื่อวานนี้ โดยจุดเด่นของ Puzzling World คือ ทางเดินที่ทำเป็นเขาวงกตระยะทางกว่า 1.5 กม. รวมทั้งห้องต่าง ๆ ที่มีสิ่งลวงตาหลายแบบอยู่ภายใน นอกจากนี้บริเวณห้องน้ำยังมีภาพวาดและสิ่งก่อสร้างที่จำลองให้มีลักษณะเป็นห้องน้ำสาธารณะในสมัยโรมันให้เราได้เข้าไปถ่ายรูปกันด้วย ดูมีมิติและให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสมัยโรมันจริง ๆ อัตราค่าเข้าชมคือ 9 เหรียญครับ น่าจะเหมาะกับเด็ก ๆ นะผมว่าดูเด็ก ๆ ที่นี่สนุกกันมากทีเดียว
ขำขำหน้า Puzzling World
ระหว่างทางจะผ่านเมือง Cromwell ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้ ขับรถวนดูนิดหน่อยก็ขับต่อไปเนื่องจากไม่มีใครสนใจจะลงไปดูเท่าไหร่นัก โดยก่อนถึงเมือง Queentown เราจะพบกับจุดกระโดด Bungy Jump แห่งแรกของโลก ของนาย A.J. Hackett (www.ajhackett.com) ซึ่งจุดกระโดดจะอยู่ตรงกลางสะพานข้ามแม่น้ำคาวาราว การกระโดดมีหลายแบบครับ กระโดดธรรมดาไม่เปียกน้ำ เปียกแค่หัว หรือจะเปียกครึ่งตัวก็เลือกได้แล้วแต่ความสะใจของแต่ละคน โดยระหว่างกระโดดทีมงานก็จะมีการถ่ายรูปพร้อมวีดีโอไว้ให้ด้วยเผื่อใครสนใจจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกก็สามารถซื้อหากันได้ ใครสนใจจะกระโดดก็เชิญเลยนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว
ไม่ดีกว่า
ของแบบนี้เด็ก ๆ เค้าเล่นกัน (โม้อีกแล้ว) วิวจากจุดกระโดด
เมื่อออกจากจุดกระโดดบันจี้ของ A.J. เราจะผ่านเมือง Arrow Town ครับ เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่เป็นเมืองที่สวยเหมือนเมืองในฝันกันเลยทีเดียว จะอธิบายยังงัยดีหละ ช่วงที่จะเข้าเมืองจะมีต้นไม้ใหญ่สองข้างคลุมถนนไว้คล้ายซุ้มทางเข้า พอผ่านเข้าไปแล้วสิ่งที่เห็นก็คือ เมืองเล็ก ๆ ที่ฉากหลังถูกระบายด้วยสีหลากสีจากต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีอยู่เต็มเขา เป็นภาพที่ประทับใจจริง ๆ ครับ แวะชมเมืองแล้วเราก็ทานอาหารกลางวันกันในสวนสาธารณะของเมือง ได้บรรยากาศจริง ๆ (ถ้าไม่นับรวมแมลงดูดเลือดที่เจอกัด จนเป็นแผลมาถึงวันนี้นะ) เมือง Arrow Town ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาห่างจากเมือง Queentown ประมาณ 19 กิโลเมตร เป็นเมืองเก่าในยุคตื่นทองที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ได้กลายเป็นเมืองร้างหรือเปลี่ยนเป็นเมืองอันทันสมัยเหมือนเมืองอื่น ๆ สวยจริง ๆ ครับใครผ่านมาหละก็ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ทางเข้าเมือง Arrow Town
หลังจากอิ่มก็ออกเดินทางจาก Arrow Town โดยตั้งใจว่าขากลับจะแวะมาอีก เพราะรูปที่ถ่ายวันนี้ยังไม่มีแสงแดดเลย ถ้ามีคงจะได้ภาพที่น่าประทับใจกว่านี้ เราขับผ่านเมือง Queentown มาโดยไม่ได้แวะครับ ไว้ค่อยกลับมาเก็บทีหลังเราจะเลยไปเมือง Te Anau เลย ยังมีระยะทางไว้ให้เราต้องทำเวลากันอีกกว่า 178 กม. ขับรถกันเพลินเลยเพราะถนนรอบข้างสวยงามมาก ๆ เหมือนมีใครเอาสีน้ำมาระบายเป็นวิวไว้ตลอดทาง
เป็นดินแดนในฝันจริง ๆ
ผมว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ ประชากรอยู่กันอย่างพอเพียง ใช้และดูแลทรัพยากรที่มีอยู่อย่างดี แต่นี่ก็เป็นมุมมองของคนเดินทางคนหนึ่งครับ ไม่รู้ว่าในมุมของคนในประเทศจะเป็นอย่างที่ผมเห็นหรือเปล่า อาจจะมีปัญหาหรือมุมบางมุมที่คนเดินทางอย่างเรามองไม่เห็นก็ได้ ทิวทัศน์งาม ๆ ระหว่างการเดินทาง
ขับมาตาม Highway สาย 6 และมาแยกเข้า Highway สาย 94 อีก 78 กม. ครับ (จริง ๆ ก่อนถึงทางแยกจะมีทางลัดเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ซึ่งจะมาตัดกับ Highway สาย 94 ได้) ระหว่างทางแดดแรงมาก ๆ ทำไมมามีแดดเอาวันที่เราไม่อยากได้นะ ไม่เรียกแกล้งจะเรียกว่าอะไรหละเนี่ย
ใช้เวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงก็มาถึงเมือง Te Anau ครับ เราไม่ได้จองที่พักไว้ก่อนกะว่าจะมาหาเอาที่นี่เลย พยายามจะหาที่พักริมทะเลสาป โดยไปดูที่ Backpacker ก่อน โดย Backpacker ที่นี่อยู่ติดทะเลสาปเลยครับ ท่าทางวิวจะสวยแต่ปรากฏว่าเมื่อไปดูสภาพห้องพักแล้วไม่ผ่านครับ คณะกรรมการที่ไปด้วยกันไม่อนุมัติถึงแม้จะราคา 20 เหรียญต่อคนก็เถอะ ในขณะที่ที่พักอื่น ๆ ถ้าราคาไม่แพงเกินไป ก็ไม่มีห้องพักสำหรับ 5 คนเลยต้องตัดใจไปหาที่พักด้านหลังแทน อดนอนชมวิวทะเลสาปกันเลย
ในที่สุดเราก็ได้ที่พักที่อยู่บนถนนถัดขึ้นมาชื่อ Alpine View ครับ เป็นสาขาของโรงแรมที่เราพักเมื่อคืน สนนราคาก็ 150 เหรียญสำหรับ 5 คน และเราสามารถจองเรือเพื่อเดินทางไป Milford Sound ได้เลยครับ โดยเจ้าของแนะนำให้เรา 3 บริษัทคือ บริษัท Red boats (www.redboats.co.nz), Real Journeys (www.realjourneys.co.nz) และอีกแห่งเป็นของ local เค้าพยายามแนะให้เราไปกับบริษัท local โดยให้เหตุผลว่าราคาแพงกว่าแต่มีบริการที่ดีกว่า ใช้เวลาอยู่บนเรือนานกว่า แต่ในที่สุดเราก็เลือก Red boat เพราะเชื่อจากข้อมูลที่อ่านกันมานั่นเอง ค่าธรรมเนียมสำหรับค่าเรือก็ 55 เหรียญครับ
คืนนี้คงต้องพักผ่อนกันแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันแต่เช้า ระยะทางจากเมืองTe Anau เพื่อไป Milford Sound ก็ประมาณ 120 กม. น่าจะใช้เวลาเดินทางกันประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง เราเลยกะว่าจะออกกันตอน 8 โมงเช้าเพราะจองเรือไว้ตอน 11 โมง ควรจะเผื่อเวลาไว้หน่อยนะครับ ไปถึงก่อนเวลาน่าจะดีกว่าไปไม่ทัน
วันนี้ขับรถกันประมาณ 248 กม.
การเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับ
Create Date : 17 มีนาคม 2554 |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2560 15:29:16 น. |
|
4 comments
|
Counter : 3136 Pageviews. |
|
|
|