Journey Journal with NineNoname

 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 กันยายน 2553
 

สะพายกล้องท่องเกาหลี (ตอนที่ 3 - จบ): Korea III



     เช้าวันรุ่งขึ้นจุดหมายหลักของเราคือเดินทางไปยังสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ แต่ก่อนจะถึงก็แวะเข้าไปยังไร่สตรอเบอรี่ซะหน่อย ช่วงนี้กำลังออกผลให้เก็บทานได้ โดยเขาให้เก็บกันคนละ 5 ลูกเท่านั้น ฟาร์มที่นี่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลยสามารถเก็บแล้วทานได้เลยครับ หลังจากชิมสตรอเบอรี่หวาน ๆ กันแล้วใครสนใจก็สามารถสั่งซื้อได้เลย 




     สำหรับอาหารกลางวันวันนี้เป็น คาลบี้ หมูย่างเกาหลี ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองเกาหลีที่เลื่องชื่อและรู้จักกันดี โดยนำหมูส่วนที่ติดกับกระดูกไปย่างบนเตาถ่านร้อนๆแบบดั้งเดิม รับประทานพร้อมพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และเครื่องเคียงต่าง ๆ ซอสกระเทียม น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว และน้ำซุปสาหร่าย


     หลังอาหารก็ได้เวลาสนุกสนานกันที่ เอเวอร์แลนด์ สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา เจ้าของสวนสนุก (จริง ๆ ต้องบอกว่าเจ้าของภูเขาลูกนี้) คือ Samsung นั่นเอง


     ดาวเด่นของที่นี่ก็คือ ไลเกอร์ ซึ่งเกิดจากการผสมระหว่าง สิงโตผู้เป็นพ่อและเสือผู้เป็นแม่ นับเป็นแฝดผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก มีอายุกว่า15 ปี นั่นเอง จริง ๆ เดือนนี้จะเข้าสู่ช่วงที่มีการจัดสวนเป็นดอกทิวลิป แต่ช่วงที่ผมไปกำลังทำการตกแต่งอยู่เลยอดถ่ายสวนดอกไม้งาม ๆ มาให้ชมกัน



     สำหรับสวนสนุกสามารถเล่นได้ไม่จำกัดรอบ ปกติช่วงฤดูหนาวจะมีสโนว์สเลดให้เล่นด้วย แต่ตอนผมไปนี่ปิดซะแล้ว เข้าใจว่าแถวนี้ถึงอากาศจะเย็นอยู่แต่ไม่มีหิมะซะแล้ว งานนี้ก็เลยอด





     ก่อนไปทานอาหารเย็นมีให้ไปทำกิมจิกันก่อนที่ Kimchi School ซึ่งทำเสร็จก็สามารถเอากลับบ้านได้ด้วย สำหรับอาหารเย็นเป็นไก่ตุ๋นโสมคนละ 1 ตัว รสชาดกลมกล่อมกำลังดี เสริฟในหม้อดินท่ามกลางน้ำซุปที่เดือด ภายในตัวไก่จะยัดไส้ ด้วยข้าวและของบำรุงต่าง ๆ พร้อมข้าวเหนียวใส่ลงไปในตัวไก่





     จากนั้นก็ได้เวลาช๊อปปิ้งสำหรับสาว ๆ ที่ “ตลาดทงแทมุน” ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ได้ชื่อว่าใหญ่ ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่บริเวณประตูเมืองโบราณทางทิศตะวันออก มีสินค้าให้เลือกมากมายตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ร้านหลัก ๆ ที่เราไปกันกลายเป็น ETUDE, Skin Food, The Face Shop ซะงั้น...อิอิ...


     วันสุดท้ายเป็นการเที่ยวชมกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักของประธานาธิบดี หรือ บลูเฮ้าส์ อนุสาวรีย์นกฟินิกส์ พิพิธภัณฑ์คติชนพื้นเมือง พระราชวังเคียงบ็อค ซึ่งมีพลับพลากลางน้ำเคียงเฮวรู เป็นท้องพระโรงสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองในสมัยก่อน






     เสร็จแล้วก็พักร้อนโดยการไป ICE BAR เป็นบาร์ที่อุปกรณ์ภายในร้านจะทำด้วยน้ำแข็งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้, โต๊ะ, ประตู, แก้ว ฯลฯ ภายใต้อุณหภูมิห้องที่ -5 องศาเซลเซียส มีเสื้อกันหนาวให้ใช้พร้อม Cocktail เล็ก ๆ อีก 1 แก้ว


     หลังจากนั้นก่อนกลับก็แวะไปช้อปปิ้งย่านเมียงดง หรือ สยามสแควร์ของเกาหลี แหล่งรวมหนุ่มสาววัยรุ่นพร้อมช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมเกาหลีอย่างมากมาย ซึ่งบริเวณใกล้ๆเมียงดง ยังมี ตลาดนัมแดมุน ซึ่งเป็นศูนย์ค้าส่งมากมาย อาทิ เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ อีกด้วย สำหรับที่นี่ก็คงหนีไม่พ้นร้านเจ้าประจำ ETUDE, Skin Food, The Face Shop อีกเช่นเคย ช๊อปแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยนิดก็สนุกดีเหมือนกัน


     หลังจากละลายเงินวอนกันจนหมด ...หมดจริง ๆ นะนี่เหลือกลับกรุงเทพฯแค่ 150 วอน (ประมาณ 4 บาท 50 สตางค์) เอง...ก็ได้เวลาเดินทางไปสนามบิน...จบซะที...ยาวไปหน่อย (น่าจะมากนะ) แต่อยากเล่าอะครับ พอเล่าแล้วเลยติดลมบน...หุหุ...ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะขอรับ...การเดินทางหมื่นลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ...ขอให้มีความสุขในการเดินทางนะครับ




Create Date : 15 กันยายน 2553
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2560 11:36:29 น. 2 comments
Counter : 2343 Pageviews.  
 
 
 
 
เพิ่งไปมาค่ะ ขอตามมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวด้วยคนค่ะ
 
 

โดย: mamminnie วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:18:22:02 น.  

 
 
 
ยินดีค๊าบบบ...สนุกไหมครับ
 
 

โดย: iamnoname วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:18:39:42 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com