มัลดีฟส์...หมู่เกาะในฝัน สวรรค์บนดิน
ไปมาพักนึงหละเพิ่งจะได้ฤกษ์เอามาเขียนให้จบ ทริปนี้เป็นทริปไปฉลองครบรอบแต่งงานครบ 9 ปีที่มัลดีฟส์ครับ เอาประสบการณ์มาเล่าให้อ่านกันกันเหมือนเคย ทริปนี้วางแผนกันนานพอสมควร เราไปพักกันที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ไอส์แลนด์รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ (Centara Grand Island Resort and Spa Maldives)
สาเหตุที่เราเลือกที่นี่ก็คือ เป็นโรงแรมที่คุ้นเคย และโรงแรมนี้ก็มีกิจกรรมให้เราเลือกทำวันละหนึ่งอย่าง โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม สามารถจัดสรรและจองไปได้ตั้งแต่ก่อนไป แต่ปัญหาหนึ่งที่เจอสำหรับการจองโรงแรมคือ เราจองเองไม่ได้ พยายามจองผ่านเว็บแต่ก็ไม่มีห้องว่างเลย สุดท้ายเลยต้องจองผ่านเอเจนซี่ ซึ่งกว่าจะได้ก็ต้องเปลี่ยนวันกันหลายรอบพอสมควร นี่ขนาดไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวของมัลดีฟนะเนี่ย ...
แพ็คเกจนี่แล้วแต่จะเลือกเลยครับว่าอยากได้ห้องแบบไหน อาหารจะครอบคลุมกี่มื้อ อันนี้เลือกได้ตามความชอบและงบประมาณของแต่ละคน แต่ละครอบครัว ครบรอบทั้งทีคราวนี้เลยจองแบบสุดทุกอย่าง จองห้องแบบ Sunset Ocean Pool Villa และจ่ายแบบเหมารวมทุกอย่างกันเลยทีเดียว ราคานี้รวมตั้งแต่ Sea plane ไปและกลับ ห้องพัก ตลอดจนอาหารและเครื่องดื่มตลอด 4 วัน 3 คืนบนเกาะ
จริง ๆ จะบอกว่าที่จองแบบเหมาจ่ายทั้งหมดเพราะครบรอบวันแต่งงานก็คงไม่เชิง เพราะลองคิด ๆ ดูการไปอยู่บนเกาะ อาหารและเครื่องดื่มก็คงยากในการเอาไปอยู่แล้ว ราคาก็น่าจะแพงตามและเราไปอยู่บนเกาะของเขา ราคาอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะแพงแค่ไหน แถมมีเด็กไปด้วยจัดแบบรู้งบประมาณไปเลยก็น่าจะควบคุมได้ดีกว่า ...
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปสนามบินเวลานา หรือสนามบินมาเล (MLE) นี่ต้องซื้อเอง มี 2 สายการบินที่บินตรงคือ บางกอกแอร์เวย์และแอร์เอเชีย หลายคนอาจจะบอกว่าแอร์เอเชียถูกกว่า แต่ผมว่าลองรวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ากระเป๋า ค่าอาหาร ฯลฯ ราคาก็ไม่น่าจะต่างกันมากนัก แถมตอนจองบางกอกแอร์เวย์มีโปรโมชั่นวันแม่ออกมาพอดี ราคาเลยยิ่งไม่ต่างกัน เวลาเดินทางก็ไล่ ๆ กันไปทั้งขาไปและขากลับ เลยเลือกที่จะซื้อแบบ Boutique ไปเลยดีกว่า สำหรับการบินไทยถ้าไปต้องไปลงที่โคลัมโบ (CMB) และต่อเครื่องมาลงที่สนามบินมาเล่อีกที เพื่อต่อ Sea plane อันนี้ก็หลายต่อเกิน เลยเปิดประสบการณ์การนั่ง Boutique Airline ให้กับคุณลูกชายเลยแล้วกัน สิ่งที่อ่านเสมอเมื่อขึ้นเครื่อง เราไปถึงกันแต่เช้าเพราะอยากลองใช้บริการห้องรับรองของบางกอกแอร์เวย์ เพื่อชิมข้าวต้มมัดอันเลื่องชื่อ ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง อร่อยมาก เราออกการเดินทางด้วยบางกอกแอร์เวย์เที่ยวบินที่ PG711 จากสนามบินสุวรรณภูมิตอน 9 โมงครึ่งใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง โดยเวลาที่มัลดีฟส์จะช้ากว่าไทยอยู่ 2 ชั่วโมงไปถึงสนามบินนานาชาติเวลานา เมืองมาเล ประเทศมัลดีฟส์ตอนเกือบเที่ยง
โหลดกระเป๋าเตรียมขึ้นเครื่องกัน ถึงสนามบินปุ๊ปก็ออกมาหาเคาท์เตอร์ของโรงแรม ซึ่งมีมากมายจริง ๆ ใครจองโรงแรมไหนก็ไปตามนั้นเลยครับ พนักงานที่เคาท์เตอร์ก็จะตรวจสอบชื่อที่จองและพาเราไปโหลดกระเป๋า และเดินทางไปขึ้น Sea plane ซึ่งก็ไม่ได้ไปไหนไกล อยู่อีกด้านของสนามบินมาเลนี่แหละ มีรถตู้ให้บริการ เราต้องดู Terminal ให้ดีว่า A B หรือ C จะได้ลงถูก พอลงไปก็ไปเช็คชื่อที่เคาท์เตอร์ (ที่เหมือนโต๊ะประชาสัมพันธ์) เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอ มีร้านขายเครื่องดื่มให้บริการ ลูกค้าค่อนข้างเยอะส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานใส่เสื้อขาว กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ซึ่งเราก็จะเห็นเขาเหล่านี้นี่แหละ ... ขับ Sea plane ให้เรานั่ง ... 555
ในรถตู้ที่พาเราไปส่ง Terminal ต่าง ๆ ระหว่างรอเวลาก็หาอะไรทานเล่น ๆ และเดินชม เดินถ่ายรูปสนามบินได้เลย เป็นอีกจุดที่อยากแนะนำเพราะเราคงไม่ได้เห็นเครื่องบินแบบ Sea Plane มาจอดรอเยอะ ๆ แบบนี้บ่อยนัก ผมไม่แน่ใจว่ามี Sea Plane ให้บริการกี่สายการบินแต่เราใช้บริการของ Trans Maldivian Airways สีขาวแดงสดใส บริการเป็นกันเองสุด ๆ ไม่มีแจ้งอะไรใด ๆ เลย ไม่ว่าจะดีเลย์ไปแค่ไหน เวลาเครื่องออกก็ต้องเดินไปถามเอง ... 555 ... ขาไปกว่าจะได้ไปก็ดีเลย์ไปพอสมควรทีเดียว เครื่องบินก็เป็นแบบใบพัดอย่างที่เห็น มีที่นั่งประมาณ 12 ที่นั่งเท่าน้น ส่วนท้ายเครื่องก็เอาไว้เก็บกระเป๋าเดินทางซึ่งน้ำหนักกระเป๋าไม่ให้เกิน 20 กิโลกรัมต่อคนและถือขึ้นเครื่องได้เพียง 5 กิโลกรัมเท่านั้น
เป็นสนามบินที่มีพื้น run way สดใสมาก ๆ
ความเป็นกันเองของนักบิน ... ชิวมาก เครื่องขึ้นลงมีการสั่นไหวเล็กน้อย แต่ด้วยความชิวของกัปตันที่ใส่รองเท้าแตะขับ เราเลยรู้สึกสบายใจมาก ๆ สบายใจจนคุณชายบอกว่าไม่ขึ้นอีกแล้ว ... 555 ... เป็นการเปิดประสบการณ์ให้เขาอีกแบบนึง ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ตอนลงนี่สนามบินก็คือท้องทะเล ส่วน Terminal ถ้าเป็นบ้านเราก็จะเรียกว่า โป๊ะ นั่นเอง ... จาก Terminal ก็จะมีเรือของโรงแรมต่าง ๆ มารอรับ
ถึงแล้วครับ เกาะนี้เป็นของเรา
ไม่มี Terminal ให้เลือก มีอันเดียวนี่แหละ
ลงเครื่องมาอย่างงาม ๆ ขึ้นเครื่องมาไม่เมา มาเมาตอนยืนรอเรือนี่แหละแกว่งน่าดู (พอดีเหมือนฝนจะตก) รอนานพอควรเพราะเครื่องลำที่เรามามีผู้โดยสารจากหลายโรงแรมมาพร้อมกัน ขึ้นเรือไปที่เกาะอีกประมาณ 5 นาทีเท่านั้นเราก็มาถึง Centara Grand Island Resort and Spa Maldives
ขึ้นเรือไปขึ้นเกาะของเรากันดีกว่า สวยงาม...ฟ้าสวย ทะเลใส โรงแรมพักสบาย
ออกสำรวจโรงแรมกันดีกว่าครับ ทั้งเกาะที่เราขึ้นไป คือส่วนของโรงแรมทั้งหมด สามารถสัมผัสกับท้องทะเลและธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ มีห้องพักให้เลือกหลายรูปแบบตามความชอบ มีห้องอาหารอีก 6 ห้อง มีอุปกรณ์กีฬาให้ใช้ มีสปาและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักท้องทะเลและธรรมชาติอย่างแท้จริง สำหรับคราวนี้เราจองห้องพักแบบ Sunset Ocean Pool Villa ห้องพักขนาดกว้างขวางด้วยพื้นที่ใช้สอยกว่า 110 ตารางเมตร มีระเบียงและสระว่ายน้ำในตัวสำหรับรับลมทะเลและชมพระอาทิตย์ตกดิน ห้องน้ำกว้างขวางพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พื้นที่บริเวณห้องนอนและห้องนั่งเล่น
พื้นที่ห้องน้ำด้านหลัง
ระเบียงหน้าห้อง เอาจริง ๆ เราสามารถอยู่ในโรงแรมโดยไม่ต้องออกไปไหนเลยก็ได้เพราะที่นี่มีทุกสิ่งอย่างครบครัน แต่ทางโรงแรมก็มีกิจกรรมสำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมทางทะเลไว้บริการด้วยเช่นกัน ซึ่งก็หลากหลายพอสมควร เช่นดำน้ำดูฉลามวาฬ นั่งเรือชมพระอาทิตย์ตก ตกปลา โดยให้เราเลือกได้วันละหนึ่งอย่างโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราสามารถแจ้งความต้องการไว้ล่วงหน้าได้เลย ไม่ใช่เพียงแต่กิจกรรมเท่านั้นห้องอาหารทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น รีฟ อัซซูริ มาเร่ สวนบัว ฯลฯ ก็สามารถจองล่วงหน้าไว้ได้เลยเช่นกัน เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรมก็จะไม่ค่อยมีอะไรมากมาย พักผ่อนซะเป็นส่วนใหญ่ เล่นน้ำ ชมทะเล ฯลฯ ขอจบด้วยการเอาภาพบรรยากาศในมุมต่าง ๆ มาให้ชมแล้วกันครับ
บริเวณทางเดินไปห้องพัก
เล่นกับท้องฟ้าซะหน่อย
กิจกรรมที่ทำได้จากหน้าบ้านเลย
ทะเลหน้าบ้าน
บรรยากาศสบายมาก ๆ
เรือที่พาเราออกไปทำกิจกรรมทางทะเล
บรรยากาศยามกลางวัน
บรรยากาศก่อนค่ำ
เวลาให้อาหารปลา...ปลาก็มาอย่างกับมีนาฬิกา
นั่งรับลมชมวิว
สบายแค่ไหน...ต้องลองไปดู การเดินทางหมื่นลี้...เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้มีความสุขและสนุกกับการเดินทางครับ
11-14SEP17
Create Date : 02 เมษายน 2561 |
|
1 comments |
Last Update : 10 เมษายน 2561 13:38:44 น. |
Counter : 1962 Pageviews. |
|
|
|