Journey Journal with NineNoname

<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 มีนาคม 2554
 

สะพายกล้องท่องนิวซีแลนด์ Fox Glacier - Wanaka



     หลังจากตอนที่แล้วเรามาถึงเมือง Fox กันแล้วและก็ผิดหวังที่ไม่สามารถถ่ายภาพเงาสะท้อนของยอดเขา Mount cooks และ Mount Tasman วันนี้เลยตื่นมาแต่เช้า ตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปแก้มือกันอีกซักที เมื่อคืนนี้ฝนก็ยังคงตกทั้งคืนกว่าจะหยุดตกก็เช้าแล้วครับ แต่เมฆยังคงเยอะอยู่ดี ลองเสี่ยงดูอีกทีแล้วกัน ยังไงเราก็ไม่ได้มากันบ่อย ๆ เมื่อไปถึงจุดชมวิว (วันนี้แค่จุดแรกพอครับ…เดินกันไม่ไหวแล้ว) น้ำในทะเลสาปนิ่งกว่าเมื่อวานเนื่องจากไม่ค่อยมีลม แต่เมฆที่เยอะทำให้ฟ้าไม่เปิด เราเลยอดเห็นเงาสะท้อนของยอดเขาอีกเช่นเคย


     วันนี้เพิ่งจะสังเกตุครับว่าน้ำในทะเลสาปที่นี่สีแปลกดี สีค่อนข้างจะเป็นน้ำตาลเข้ม ๆ หน่อยจนเกือบดำ ทั้งน้ำในทะเลสาปเองและน้ำที่ไหลลงมาในทะเลสาป ผมว่าน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดเงาสะท้อนได้ดีกว่าที่อื่นนะ เพราะพอไหลลงไปรวมกันในทะเลสาปแล้วเนี่ยดำสนิทเลยครับ แต่นี่ก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานส่วนตัวนะครับ ถ่ายกันไปได้แค่ 3 – 4 รูปฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาอีก…เฮ้อ…มาคราวนี้สงสัยไม่ได้พกดวงมาด้วย…ผิดหวังอีกเช่นเคย



ธารน้ำแข็งฟอกซ์ (Fox Glacier)


     ลุยฝนกลับมาที่รถและก็ตัดสินใจกันว่าจะยกเลิกการขึ้นไปเดินบน Fox Glacier ที่จองไว้เพราะฝนตกขนาดนี้และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ซะด้วยท่าทางจะเดินกันลำบาก เอาแค่ไปดูกันที่จุดชมวิวแทนแล้วกันสำหรับการจองทัวร์ที่นี่ถ้าเราไปยกเลิกก่อนเดินทาง 1 ชั่วโมงจะไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่ถ้าไปยกเลิกหลังจากนั้นต้องเสีย 50 เปอร์เซ็นต์ครับ พนักงานบอกว่าช่วงที่เหมาะกับการมาเดินบนกลาเซียร์ คือช่วงหน้าหนาวและหน้าร้อน ถ้ามาหน้านี้เนี่ยอาจจะมีฝนได้…แบบที่เรากำลังเจออยู่…พลาดอีกแล้วครับงานนี้ สำหรับทัวร์เดินบนกลาซียร์ทางบริษัททัวร์จะเตรียมพวกเสื้อกันฝน ถุงเท้า รองเท้าไว้ให้ โดยเค้าเตือนว่าไม่ควรใส่กางเกงยีนส์ขึ้นไปเพราะกางเกงจะซับน้ำไว้ทำให้หนักและที่สำคัญคือ บนนั้นหนาวมากให้เราเตรียมถุงมือและเสื้อกันหนาวไปให้พร้อมครับ


     หลังจากยกเลิกทัวร์เราก็มีเวลาว่างมากขึ้น (พร้อมเงินที่มากขึ้น) เพราะเดิมเนี่ยกว่าจะเสร็จจากการเดินก็ประมาณบ่ายโมงเข้าไปแล้ว เราก็เลยกลับมาทานข้าวเช้ากันและออกจากที่พักกันประมาณ 9 โมงกว่า…ฝนยังคงตกอยู่ตลอดเวลา…ขับรถออกมาเพียงนิดเดียวก็ถึงจุดชมวิวแล้วครับ โดยจุดชมวิวหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 จุดด้วยกัน จุดแรกจะอยู่ก่อนข้ามสะพานข้ามแม่น้ำกับอีกจุดหนึ่งอยู่หลังจากข้ามสะพานไปแล้ว ทั้งสองจุดต่างกันที่ระยะทางในการเดินเท้าและระยะทางระหว่างจุดชมวิวกับกลาเซียร์ จุดแรกนี่ได้ใกล้ชิดมาก ๆ ถึงขั้นสัมผัสกันเลยหละ ในขณะที่จุดที่สองจะได้ภาพความยิ่งใหญ่ของกลาเซียร์จากมุมไกล ๆ แต่วันนี้อากาศแย่มาก ๆ ภาพจากมุมไกลนี่ไม่มีความชัดเลยครับ เห็นแต่ละอองฝนเต็มไปหมด


     หลายคนอาจจะถามว่ากลาเซียร์หรือธารน้ำแข็งคืออะไร เท่าที่หาข้อมูลมาได้ความว่าเป็นธารน้ำแข็งเกิดจากการที่หิมะตกลงมาจนเกิดการสะสมขึ้น พอเวลาผ่านไปหิมะเหล่านี้ก็จะกลั่นตัวเป็นน้ำแข็ง เมื่อสะสมจนหนาได้ระดับหนึ่งก็จะเกิดการเคลื่อนตัว โดยจะเคลื่อนตัวลงมาตามไหล่เขาอย่างช้า ๆ และด้วยความหนักของน้ำแข็งที่กำลังเคลื่อนตัวทำให้พื้นดินที่รองรับธารน้ำแข็งอยู่ถูกครูดจนกลายเป็นร่องลึกและกว้างจนกลายเป็นลักษณะภูมิประเทศอย่างที่เราเห็นกันครับ โดยกว่าที่จะเกิดการสะสมของหิมะและกว่าที่หิมะจะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำแข็งจนกลายเป็นธารน้ำแข็งนี่ว่ากันว่าต้องใช้เวลายาวนานเป็นร้อยปีกันเลยทีเดียว


     แถบชายฝั่งตะวันตกของเกาะใต้นี่มีธารน้ำแข็งอยู่ 2 แห่งที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว นั่นคือ ธารน้ำแข็งฟรานซ์ โจเซฟ (Franz Josef Glacier) ที่เราไม่ได้แวะเมื่อวานนี้ กับธารน้ำแข็งฟอกซ์ (Fox Glacier) ที่เรากำลังจะไปชมกัน ธารน้ำแข็งทั้งสองเป็นธารน้ำแข็งที่เข้าถึงได้ง่ายเพราะปลายของธารน้ำแข็งอยู่ในระดับความสูงเพียง 300 เมตรเท่านั้น สำหรับการขึ้นไปท่องธารน้ำแข็งนี่ก็มี 2 แบบด้วยกันคือ การเดินเพียงอย่างเดียวคือเริ่มเดินตั้งแต่พื้นล่างและปีนขึ้นไป ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นเรียกว่า เฮลิ-ไฮก์ (Heli-hike) นั่นคือการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปด้านบนของกลาเซียร์แล้วเดินชมถ้ำน้ำแข็งที่อยู่ด้านบน นอกจากนี้ยังได้ชมภาพกลาเซียร์จากมุมสูงอีกด้วย ส่วนเรื่องสนนราคาก็แน่นอนครับย่อมแพงกว่าแบบแรก แต่ถ้าใครสนใจจริง ๆ และมีเงินเพียงพอผมว่าแบบหลังนี่น่าสนใจมาก เพราะเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายนัก


     จุดชมวิวแรกเราสามารถขับรถเข้าไปได้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ต้องจอดและเดินเท้าเข้าไปยังจุดชมวิวซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก (เดินขึ้นเขาไปประมาณ 5 นาที) ระหว่างทางก่อนถึงจุดจอดรถถ้าสังเกตุดีดีก็จะมีป้ายบอกว่าปีก่อนหน้านี้ปลายของกลาเซียร์ลงมาถึงจุดใด เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก ๆ ที่จะเห็นได้ว่า กลาเซียร์มีขนาดเล็กลงทุกปีครับ ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็ต้องเดินไกลขึ้นเพื่อจะไปให้ถึงกลาเซียร์ ถ้าบอกว่าโลกเราไม่ได้ร้อนขึ้นก็คงจะเป็นการโกหกกันเกินไป และถ้าเรายังไม่ช่วยกันแก้ไขก็มีโอกาสที่กลาเซียร์จะกลายเป็นเพียงแค่ชื่อที่เด็กรุ่นใหม่จะเห็นแต่ในภาพถ่ายครับ

ดูความยิ่งใหญ่ของมันสิครับ

     บรรยากาศระหว่างทางเดินขึ้นไปเป็นแม่น้ำเล็ก ๆ ซึ่งน่าจะเกิดจากน้ำแข็งที่ละลายจากกลาเซียร์ นอกจากนั้นก็มีก้อนน้ำแข็งทั้งใหญ่และเล็กกระจายอยู่บริเวณริมฝั่งเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตาทีเดียว พอเดินพ้นเนินขึ้นไปก็จะเห็นกับภาพธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ไหลลงมาจากยอดเขาครับเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่และอลังการมากสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างผม เพราะจากที่เห็นในโปสการ์ดหรือจากในหนังสือก็ไม่เท่ากับที่ได้มาเห็นด้วยตัวเอง ยิ่งได้มาเห็นในระยะใกล้ ๆ ขนาดนี้แล้วบอกได้คำเดียวครับว่าธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ


     หลังจากชมกลาเซียร์กันแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปยังเมือง Wanaka กันเลยดีกว่าครับระหว่างทางจะผ่านเมืองอีกหลายเมือง แต่เมืองที่น่าสนใจคือเมือง Haast ครับ ก่อนถึงเมือง Haast จะมีฟาร์มปลาแซลมอนให้เราเข้าไปชมและชิมกัน มีเมนูหลายอย่างให้เลือกทั้งแซนวิสปลาแซลมอน แซลมอนรมควัน ฯลฯ รวมทั้งมีปลาแซลมอนแบบแช่แข็งให้เลือกซื้อกลับบ้านกันด้วย ถ้าสนใจก็ลองกันได้ครับ หลังจากอิ่มกันเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางเข้าสู่เมือง Haast กันเลยครับ เราขับต่อไปตาม Highway 6 แต่ออกมาได้ซักพักปรากฏว่าถนนปิด ไปต่อไม่ได้ถามคนแถวนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรแต่คาดว่าน่าจะเปิดตอนประมาณบ่าย 3 – 4 โมง ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยต้องย้อนกลับมายัง i-site เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมและขับรถเที่ยวเล่นในเมืองแล้วกัน



แวะทักทายเจ้าบ้าน


     ที่เมือง Haast มีอ่าว Jackson ที่ดูจะน่าสนใจแต่ต้องขับรถไปอีก 40 กม. เราก็เลยไม่ไป เอาแบบขับไปดูวิวเล่น ๆ ใกล้ ๆ แล้วกันเผื่อทางเปิดจะได้ขับต่อไปเลย…แล้วเราก็มาเจอเจ้าของประเทศครับ มาบ้านเขาทั้งทีก็น่าจะจอดทักทายเจ้าของบ้านซะหน่อย น้องแกะ ครับ เห็นตั้งแต่วันแรกแล้วแต่ไม่ได้ทักทายกันเพราะน้องแกะที่เจอก่อนหน้านี้ถอดเสื้อออกซะแล้ว (โดนถอนขน) เลยไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ แต่ที่นี่ยังไม่โดนครับ พอเราจอดรถ เจ้าถิ่นก็มอง มองกันทั้งฝูง ผมว่าแกะนี่เป็นสัตว์ที่ทำอะไรตาม ๆ กันซะทุกอย่างเลย พอเราลงจากรถจะเดินเข้าไปถ่ายรูป เจ้าถิ่นของเราก็เดินหนี พอตัวนึงเดินตัวอื่น ๆ ก็เดินตามกันหมด…ไม่แน่จริงนี่หน่า

     ประชากรแกะที่ประเทศนี้มีมากกว่าประชากรที่เป็นคนครับ ขับรถมาตลอดทางเจอแต่ฝูงแกะไม่ค่อยเจอผู้คนเท่าไหร่ ข้อมูลล่าสุดเนี่ยประชากรที่เป็นคนมีประมาณ 3 ล้านกว่าคนในขณะที่ประชากรแกะมีถึง 60 ล้านตัวครับ ดูเหมือนจะสลับกับเมืองไทยยังงัยไม่รู้ เพื่อนบางคนมองว่าแกะเหล่านี้ดีเนอะ วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ยืนกินหญ้า ฝนจะตกแดดจะออกก็ยังยืนกินหญ้า ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ส่วนตัวแล้วผมกลับมองว่า แกะพวกนี้กำลังทำงานครับ อ้าว...นี่ชั้นกำลังทำงานเพื่อให้ได้ขนสวย ๆ มาให้พวกเธอเอาไปขายนะ...จะได้มีเงินหมุนเวียนเข้าประเทศไง...เฮ้อ…ผมเพ้อไปซะแล้วครับ



ที่นี่ถิ่นหนู...แบร์...


     ซักประมาณบ่าย 3 โมงทางก็เปิดครับ ค่อยยังชั่วหน่อยเพราะยังต้องขับรถกันอีกไกลกว่าจะถึงเมือง Wanaka จากเมือง Haast เราต้องขับรถเข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติ Mouth Aspiring โดยระหว่างทางมีจุดที่น่าจะลงไปถ่ายรูปก็คือ Gate of Haast ซึ่งเป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำ Haast ครับ ผมว่าน่าจะเป็นช่วงต้น ๆ ของแม่น้ำ Haast นะเพราะน้ำค่อนข้างแรงมาก ๆ เหมือนเป็นน้ำตกย่อม ๆ เลยทีเดียว

    พอเลย Gate of Haast มาซักพักใหญ่ ๆ ก็จะพบกับ Blue Pools ซึ่งจากข้อมูลที่อ่านมาบอกว่าเป็นสถานที่ที่เข้าข่ายว่า ”ต้องแวะ” โดยใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปประมาณ 30 นาที มีลักษณะเป็นหนองน้ำสีฟ้าสดใส งดงาม และเป็นแหล่งชุมนุมปลาเทราท์อีกด้วย แต่เราเสียเวลาพอสมควรระหว่างรอให้ทางเปิด ก็เลยตัดสินใจไม่ลงเพราะอาจจะถึงเมือง Wanaka มืด



ฟ้าหลังฝนงามตา...


   เดินทางต่อไปอีกซักพักก็เห็นรถติดยาวเหยียดเลยลงไปถามดู ปรากฏว่าทางข้างหน้ามีโคลนถล่ม กำลังเคลียร์ทางกันอยู่ ติดกันจนต้องควักอาหารขึ้นมาทานกันบนรถ (ไม่รู้ว่ามื้อไหน แต่ก็กินหละ) เกือบ 5 โมงเย็นเลยครับถึงจะได้ออกเดินทางกันต่อ รู้อย่างนี้เข้าไปเดินเล่นใน Blue Pools ก็คงดี แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ใครจะรู้หละว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร…ระหว่างที่รถติดอยู่ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยลงมาเก็บภาพบรรยากาศแถวนั้นเล่นครับ นี่คือสิ่งที่ได้จากการปิดถนนและรถติดครับ ท่ามกลางความโชคร้ายก็ยังมีแสงแห่งความโชคดีให้เราเห็นเสมอ…แค่มองหาครับ

     หลังจากทางเปิด รถก็ค่อย ๆ ไหลไปตามทาง ปรากฏว่าถนนโดนโคลนถล่มลงมาปิดทางทั้ง 2 เลนเลยมีรถกำลังเคลียร์ทางอยู่และเปิดให้วิ่งได้แค่เลนเดียว ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าตอนโคลนถล่มลงมาแล้วรถเราอยู่ตรงนั้นจะเป็นยังงัย แต่อีกอย่างหนึ่งที่สงสัยคือ ตลอดทางที่ผ่านมาแทบจะไม่เจอคนหรือหมู่บ้านเลย แต่ตรงจุดที่เกิดเหตุนี่ทำไมมีทั้งรถขุดดิน รถตักดินอยู่หลายคันทีเดียว มีเฮลิคอปเตอร์ด้วย เค้าไปขนมาจากไหนกันนะ


ความมืดโรยรามลายหายพลัน

     หลังจากเลยจุดที่โคลนถล่มมาก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติครับ 100 กม./ชม. เข้าสู่ทางขึ้นเขาที่เป็นถนนเลียบทะเลสาป Wanaka สวยมากครับ ตามเส้นทางนี้เราจะต้องผ่านช่วงที่เรียกว่า The neck ซึ่งจะเป็นช่วงที่ถนนจะถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาปทั้ง 2 ด้านเพียงแต่มีภูเขาคั่นกลางนิดนึงทำให้เราไม่ได้เห็น 2 ทะเลสาปพร้อมกัน จะเห็นก็ตอนที่อยู่จุดสูงสุดของภูเขาครับ พอดีวันนี้รับหน้าที่เป็นคนขับเลยไม่มีโอกาสได้มอง กลัวจะได้ลงไปดูใกล้ ๆ ในระยะประชิดเลยขอขับรถอย่างเดียวดีกว่า การขับรถบนถนนเส้นนี้คงต้องใช้ความระมัดระวังกันเป็นพิเศษ เพราะตัวถนนเองก็มีแค่สองเลนส์ จะแซง จะสวนทางกันก็ค่อนข้างลำบากอยู่แล้ว เพราะทางโค้งเยอะมาก ๆ แถมอีกด้านยังเป็นหน้าผา ถ้าขับไม่ดีอาจจะได้ลงไปนอนเล่นในน้ำด้านล่างได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ยังงัยก็อย่าขับกันเร็วนักนะครับ

     ก่อนเข้าตัวเมือง Wanaka เราจะผ่าน Puzzling World หรือ โลกปริศนา แต่เราผ่านตอนที่ค่อนข้างมืดแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยย้อนกลับมาแก้มือแล้วกัน ที่เมืองนี้เราจองที่พักไว้ที่ Alpine Motel หาไม่ยากครับ เข้าตัวเมืองมานิดเดียวก็เห็นตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ราคาที่พักก็ 140 เหรียญต่อคืนสำหรับ 5 คน ที่พักสะอาด แบ่งส่วนห้องครัว ห้องน้ำไว้อย่างดี (มีประตูกั้นอย่างมิดชิด) วันนี้เราขับรถกันประมาณ 253 กม.เลยทีเดียว จะเห็นว่าวันนี้มีอะไรที่เราไม่ได้คาดคิดไว้เยอะ ทำให้เสียเวลาในการเดินทางกันไปนานพอสมควร คาดเดาอะไรกับธรรมชาติได้ลำบากจริง ๆ แต่แบบนี้ก็สนุกดีครับได้รสชาติไปอีกแบบ ... การเดินทางหมื่นลี้ เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเสมอ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับ




Create Date : 13 มีนาคม 2554
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2560 13:28:31 น. 5 comments
Counter : 2850 Pageviews.  
 
 
 
 
แวะมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ภาพสวยมากเลย
 
 

โดย: Maeboon วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:14:38:56 น.  

 
 
 
นิวซีแลนด์สวยเสมอเลยค่ะ

แวะมาทักทายนิวซีแลนด์ด้วยค่ะ คิดถึงจัง
 
 

โดย: Yai Klong_Tour Rai วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:15:41:17 น.  

 
 
 
แวะมาทักทายครับ ภาพสวยมากๆ อยากไปบ้างจังครับ
 
 

โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:19:16:43 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันครับ...ผมยังอยากกลับไปอีกเหมือนกันครับ ทั้งนิวซีแลนด์และญี่ปุ่น ... เฮ้อ ... ขอให้ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วทั้งสภาพบ้านเมืองและสภาพจิตใจ...เป็นกำลังใจให้ครับ
 
 

โดย: iamnoname วันที่: 15 มีนาคม 2554 เวลา:12:29:50 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากครับ สวยดีๆจริงๆเลยครับ
 
 

โดย: herepin วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:6:50:23 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

iamnoname
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





[Add iamnoname's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com