หลายเรื่องเล่า กับณ มน คนหัวฟูแก้มป่อง ^_^
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

พม่าใกล้ตาฯตอนที่9 บ้านชาวอินทา วัดงาแพเชา วัดผ่องต่ออู



เดินทางเที่ยวท่องอยู่ในเมืองพม่ามาตั้ง8ตอนแล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะเพราะว่าอีกสองตอนก็จะจบแล้วล่ะ

แล้วยิ่งเมืองนี้ที่ณ มนจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวนะ สวยมากเลยฟ้านี่เป็นฟ้า น้ำเป็นน้ำเลยล่ะ

เมืองนี้ก็คือ อินเล นั่นเอง เป็นเมืองที่มีชาวอินทาอาศัยอยู่ สร้างบ้านเรือนอยู่กลางทะเลสาบที่กว้างตั้ง158 ตารางกิโลเมตรแน่ะ





จะไปบ้านชาวอินทาก็ต้องนั่งเรือหางยาวไปแบบนี้ล่ะค่ะ ระหว่างทางก็มีแต่น้ำกับฟ้าและนกนางนวลเท่านั้น อ้อมีต้นอ้อ บ้างเป็นบางแห่ง





อินทาแปลว่าลูกทะเลสาบค่ะ ตรงตัวเลยล่ะพวกเขาอาศัยกินอยู่หลับนอนกันในทะเลสาบอินเลที่เปรียบเหมือนบ้านเหมือนแม่ที่ให้ชีวิต


ชาวอินทาแต่เดิมอาศัยอยู่แถวย่านทวาย ซึ่งเป็นชายแดนไทยพม่า แต่เนื่องจากตรงนั้นเป็นทางผ่านของกองทัพ ทุกครั้งที่ไทยรบพม่าก็ต้องเกณฑ์ไพร่พลผ่านตรงนั้น ชีวิตไม่มีความสงบ

บรรพบุรุษชาวอินทาที่เป็นพ่อค้าก็เลยอพยพครอบครัวมาหาที่อยู่ใหม่ โดยมากัน4ครอบครัว





ตั้งบ้านเรือนกันอยู่รอบทะเลสาบ4หมู่บ้าน ดังนั้นชาวอินทาบางทีก็เรียกทะเลสาบอินเลนี้ว่า อินเลยัว ที่แปลว่าบึง4หมู่บ้าน ตอ่มาก็ขยายบ้านเรือนมากถึง32หมู่บ้าน





ชาวอินทาใช้เวลาเรียนรู้และปรับตัวอยู่นานกว่าจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลสาบได้ เรียกได้ว่าผ่านห้วงเวลาทุกข์ยากมาพอดู เพราะช่วงน้ำหลากนั้นกระแสน้ำในทะเลสาบก็เชี่ยวกรากกวาดทุกอย่างลงทะเลสาบจนหมด






อาชีพหลักของชาวอินทาคงหนีไม่พ้นการทำประมง ซึ่งมีอุปกรณ์หาปลาทีเป็นเอกลักษณ์อย่างภาพบนนั่นล่ะค่ะ เป็นสุ่มกรวยทรงสูง มีแหอยู่ข้างใน เวลาเจอปลาก็ครอบสุ่มลงไปให้ถึงก้นทะเลสาบซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเพราะทะเลสาบมีความลึกเพียง2-3เมตรเท่านั้น






ปลาในทะเลสาบก็มีปลาดุก ปลาไหลและปลาตะเพียนเป็นต้น




นอกจากทำประมงแล้วก็มีอาชีพทำการเกษตร ไม่ต้องสงสัยว่าที่นี่ไม่มีดินทำไมเพาะปลูกได้ ก็บอกแล้วไงคะว่าชาวอินทาเขาปรับตัวและหลอมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลสาบ


ดังนั้นแปลงดินที่ใช้ทำการเพาะปลูกนั้นก็ทำมาจากการนำวัชพืชลอยนำมาผูกมัดติดกัน จากนั้นก็ตักดินก้นทะเลสาบขึ้นมาโปะเอาไว้ข้างบน เพียงเท่านี้ก็จะได้แปลงเพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์มากๆ เราเรียกแปลงปลูกผักแบบนี้ว่า จุนโป่ว





ที่เห็นปลูกกันมากๆก็เห็นจะเป็นมะเขือเทศกับดอกไม้นี่ล่ะค่ะ ได้ยินว่ามะเขือเทศจากที่นี่ส่งไปทั่วประเทศทีเดียวนา





ว่ากันว่าชาวอินทาคือชนกลุ่มน้อยในพม่าที่ร่ำรวยที่สุด เพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้เงินทองนัก ก็ผักก็ปลูกกินเองแบบนี้ ปลาก็หาจับได้ในทะเลสาบใกล้บ้านแล้วจะเอาเงินไปใช้ที่ไหน ดังนั้นชาวพม่าเลยค่อนขอดชาวอินทาว่ามีเงินแต่ใช่ไม่เป็น เวลามีงานบุญทีใส่ทองจนคองี้เงยไม่ขึ้นทีเดียว แบบว่ามีเงินก็ซื้อทองเก็บไว้และมาใส่อวดกันในงานบุญนั่นเอง 555






นั่งเรือไปนี่ไม่เหงาเลยะนคะเพราะมีนกนางนวลบินมาทักทายรอรับอาหารจากเราตลอดทางเลยทีเดียว เชื่องมากเลยแบบบินโฉบมาให้ถ่ายรุปใกล้ๆเลยล่ะ

ทั้งแบบบินมาเดี่ยว




มาคู่





มาสาม





มาสี่




และนี่เลยค่ะมาแบบเป็นหมู่คณะ




ส่วนนี่คือเสาหงส์ที่เป็นสัญลักษณ์ให้ได้รู้ว่าเมื่อก่อนขบวนเรือการเวกที่อัเญเชิญพระบัวเข็มจากวัดผ่องต่ออูเคยมาล่มบริเวณนี้







เรียกได้ว่าบินมาให้เราได้ถ่ายรุปได้โยนอาหารให้กันเพลินไปเลย เผลอแป๊บเดียวเราก็มาถึง จุดหมายแรกของวันนี้วัดผ่องต่ออู นั่นเอง





วัดผ่องต่ออู ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านเหยา หม่า เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลสาบอินเล ซึ่งวัดนี้เกิดจากแรงศรัทธาของชาวบ้านที่ช่วยกันถมดินแล้วก่อสร้างวัดขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวอินทากันทีเดียว




ภายในวัดเป็นทีประดิษฐานพระบัวเข็มห้าองค์ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านปิดทองจนแทบมองไม่เห็นว่าเป็นองค์พระแล้วล่ะคะ เหมือนลูกแก้วกลมๆเสียมากว่า




องค์เดิมเป็นแบบนี้




ส่วนนี่เป็นเรือการเวก เรือที่จะอิญเชิญพระบัวเข็ม4องค์แล้วก็จะเดินทางไปตามหมู่บ้านของชาวอินทารอบทะเลสาบเป็นเวลา15วัน15คืนก่อนออกพรรษาให้ชาวบ้านได้นมัสการพระบัวเข็มกันอย่างทั่วถึง เห็นว่าตอนมีชบวนแห่พระนั้นจะเป็นพิธีที่ใหญ่โตและงดงามอลังการมากเลย

ใครอยากเห็นต้องไปช่วงเดือนตุลาคมนะคะ เขาเรียกกันว่าวัน ตะดิงยุท์





อาจจะสงสัยว่ามีพระ5องค์ทำไมตอนงานวันฉลองถึงได้อัญเชิญไปแค่4องค์ ฟังจากพี่ทิพย์พี่เขาเล่าว่าเมื่อก่อนก็อัญเชิญ5องค์นี่ล่ะแต่เกิดเรือล่มงมหากันอยู่นานได้แค่4 องค์ หาอีกองค์ไม่พบจนเลิกหาแล้วกลับมาวัด กลับพบพระมาอยู่ที่วัด ตั้งแต่นั้นชาวบ้านเลยต้องอัญเชิญพระแค่4องค์ อีกองค์ต้องประดิษฐานอยู่ที่วัด


นี่เป็นภาพวาดเรือการเวกในวันงานตะดิงยุท์




กราบพระเสร็จพี่ๆก็ออกเดินซื้อของกันอีกแล้ว เพราะด้านหลังของวัดเป็นตลาดเล็กๆค่ะ ก็เป็นร้านขายข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน
จำพวกกาน้ำหม้อไหไพพิงทั้งหลาย



ณ มนไม่ได้เดินไปดูหรอกค่ะ เดินมานั่งเล่นที่ท่าน้ำวัดมากกว่าเพราะมีนกนางนวลลอยอยู่ในน้ำเพียบเลย





น้าแตกำลังโยนอาหารให้นก






ส่วนน้องคนนี้เขาแต่งตัวด้วยผ้าพื้นเมืองน่ารักดีค่ะ น้องมาขายขนมถั่วตัดกับงา ณ มนอุดหนุนน้องเขาแล้วก็ถ่ายรุปมาด้วย





ได้เวลาต้องออกเดินทางต่อแล้วค่ะ เราจะไปบ้านทอผ้าใยบัวกัน มานั่งเรือกันเถอะ เห็นฟ้าใสๆแบบนี้นะคะ อากาศเย็นเอาเรื่องเลยนะ ถึงได้พันผ้าพันคอกันแบบนี้ล่ะค่ะ




ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่ชื่อเท่านั้นไม่คิดว่าเขาจะเอาบัวมาทอจริงๆหรอก แต่พอไปเห็นก็ทึ่งมากเพราะเขาใช้ใยบัวมาทอจริงๆนะ




นี่ชัดๆค่ะ




คิดดูกว่าจะได้แต่ละเส้นแต่ละผืนมันจะนานขนาดไหน และแน่นอนเมื่อทำยากขนาดนี้ราคาเลยสูงไปด้วย ตกอยู่ที่ผืนละสามพันสี่พันกว่าบาท

โห เห็นราคาแล้วณ มนเลยไปเดินดูคนงานเขาทอผ้าดีกว่าค่ะ ไม่กล้าไปหยิบไปจับหรอก

ที่นี่เขาทอผ้าไหมกันด้วยนะ












ฝาแฝดบ้านทอผ้า น่ารักทีเดียว





คุณยายยิ้มหวาน






ส่วนนี่เป็นวิวหลังบ้านของบ้านทอผ้าใยบัวเขาล่ะ




น้องหนูผู้น่ารัก



น้องหนูผู้น่ารัก2 กับคุณแม่



เดินดูตรงนั้นตรงนี้จนได้เวลาไปทานข้าวเที่ยงกันแล้วก็ลงมานั่งเรือกันต่อ





ณ มนเรียกร้านอาหารวันนี้ว่า ร้านน้ำปั่น ก็เขาเขียนชื่อร้านแบบนี้อ่ะค่ะ nampan ดังนั้นเรียกน้ำปั่นถูกแล้วล่ะเนอะ

อยู่กลางทะเลสาบเหมือนเคย และในเมือ่มาอยู่ใจกลางเมืองเกษตรกรรมแบบนี้ก็ต้องทานผักกันให้ฉ่ำชื่นอุรา ขอบอกว่าผัดผักที่ร้านนี่อร่อย กรอบหวานสดมากเลยค่ะ





พี่ๆแอคท่าน่ารักที่โต๊ะอาหารว่าง ซึ่งเจ้าของร้านเขาจะนำมาวางไว้ให้แขกได้ทานรองท้องก่อนอาหารจะมาเสิร์ฟ แผ่นแป้งขาวๆนั่นคล้ายๆข้าวเกรียบบ้านเราแต่เหนียวกว่าค่ะ เขาทานกับผักอย่างมะเขือเทศนี่ล่ะ หั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆแล้วก็มีน้ำราดรสออกเปรี้ยวๆหวาน อรอ่ยดีค่ะ





ทานข้าวเที่ยงกันจนอิ่มท้องก็ออกเดินทางไปเที่ยวต่อ ที่เที่ยวสุดท้ายก่อนกลับไปที่พักก็คือ วัดงาแพเชา ถ้าบอกว่าวัดแมวกระโดดล่ะก็ คนไทยที่เคยไปอินเลคงจะร้องอ๋อ คุ้นกับชื่อนี้กว่า






นอกจากโดดเด่นเรื่องการสร้างจากเสาไม้สักหกร้อยกว่าต้นแล้ว วัดนี้ยังมีบุษบกงามๆที่ใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปเพียบเลยค่ะ







พระพุทธรูปก็งามค่ะ มีพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินอ่อนและก็มีแบบลงรัก




ชื่อเสียงอีกอย่างของวัดนี้ก็คือการฝึกแมวให้กระโดดลอดห่วง ที่นี่เลี้ยงแมวเยอะมากเลยล่ะ แต่ละตัวก็มีฝีมือในการลอดห่วงไม้แพ้กันเลย เรียกเสียงปรบมือให้กับคนมาเยือนที่วัดได้เกรียวทีเดียวตอนแมวแต่ละตัวกระโดด





เจ้าตัวนี้มันอ้วนมากกกแล้วก็ร้ายมากเลยละ ณ มนเรียกมันว่า เจ้าเหมียวซิล่า ตอนแรกก็นอนแบบขี้เกียจมาก มองตัวอื่นเขากระโดดหน้าตาเฉย ณ มนคิดว่าไอ้เจ้านี่มันต้องโดดไม่ขึ้นแน่ๆ

ที่ไหนได้พอน้องคนฝึกเขาเรียกมันมาโดดนะคะ มันโดดตัวลอยเลยล่ะ คนงี้ปรบมือกันดังลั่นเลย




พอโดดเสร็จได้รางวัลเป็นอาหารเรียบร้อยเจ้านี่ก็เดินกลับไปนอนผึ่งแดดแบบไม่สนใจใครเหมือนเดิม แหม๊ มันร้ายน่าดูนะนี่





นั่งดูแมวกระโดด ท่านเจ้าอาวาสก็ร้องถามกับพี่ทิพย์ว่าพวกนี้เป็นคนโยเดียใช่ไหม พอตอบว่าใช่ท่านก็คุยด้วยใหญ่เลยค่ะ ท่านว่าท่านเคยมาเมืองไทยหลายครั้งแล้วและไปเที่ยวมาหลายจังหวัดแล้วด้วยละ

หลังจากนั่งคุยกับท่านเจ้าอาวาสครู่หนึ่งพวกเราก็ลากลับค่ะ เพราะเย็นมากแล้ว




ที่พักของเราวันนี้เป็นเจ้าเดียวกับโรงแรมที่ในเมืองยองฉ่วยนั่นแหละค่ะ บรรยากาศดีน่าพักมากเลย




ที่นี่มีหอสูงให้เดินขึ้นไปชมวิวทะเลสาบแบบรอบทิศด้วยล่ะค่ะ



บ้านเรือนของชาวบ้านรอบๆที่พักของเรา




ระเบียงน่านั่งเล่นหลังห้องพักเราค่ะ



ระหว่างที่ณ มนเดินสำรวจไปทั่วพี่หนูของณ มนก็นี่เลย หลับพักเอาแรง

ท่าทางจะอยู่ในนิทรารมย์อันแสนสุขทีเดียวนะเนี่ย




เดินถ่ายรุปจนทั่วก็ได้เวลามานั่งรอช็อตเด็ด พระอาทิตย์ตกน้ำในทะเลสาบกันแล้ว






แต่เนื่องจากว่าทะเลสาบอินเลนั้นถูกล้อมรอบด้วยภูเขาคะ ดังนั้นอาทิตย์ก็เลยลับเหลี่ยมเขาไปแบบนี้ไม่ได้ตกลงในทะเลสาบแบบที่ณ มนอยากจะเห็น




แต่ก็ไม่ได้สวยน้อยกว่าที่อื่นเนาะ






อาทิตย์ตกที่ถ่ายผ่านกระจกหน้าห้องนั่งเล่นในโรงแรม



คืนนี้พวกเราก็พักค้างแรมที่ในทะเลสาบนี่ล่ะคะ อยากจะบอกว่าอากาศเย็นมากกกก ยิ่งตอนเช้านะยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย็นสุดๆเลยค่ะ แต่ก็สนุกดีเพราะอากาศแบบนี้ในเมืองไทยหายากมากเลยนะ

คืนนั้นกว่าจะนอนหลับก็ดึกเหมือนกันเพราะทุกคนในคณะต่างมานั่งจดรายการทบทวนกันว่า8-9วันที่ผ่านมานี่เราไปเที่ยวทีไหนกันมาบ้าง เหมือนพี่ทิพย์กำลังสอบพวกเราเลยละคะ

แต่ก็ดีเหมือนกันทีได้มานั่งทบทวนแบบนี้เพราะทำให้ณ มนจำได้ว่าไปเที่ยวทีไหนแล้วก็มีความเป็นมายังไง เพื่อที่จะนำมาเล่าตอ่ในบลอกแบบนี้ไงคะ



ปิดท้ายทัวร์อินเลของณ มนที่ภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนนี่ล่ะคะ ตอนนี้ภาพมากอาจจะโหลดนานหน่อย ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ

ตอนหน้าจะพาคุณเดินทางกลับย่างกุ้งแล้วก็บินกลับกรุงเทพฯแล้วละคะ อย่าลืมมาส่งท้ายการเดินทางในเมืองพม่าของณ มนนะคะ



ปล.1 ภาพที่ลงในตอนนี้มาจากหลายกล้องมากเลยค่ะทั้งจากกล้องของน้าเชียร พี่ปู ยูนิเซฟแล้วก็พี่นา ณ เมืองกาญจน์ ณ มนขอบคุณมากนะคะ

ปล.2 สำหรับเพื่อนๆที่อยากจะเจอนางเอกของณ มนในเรื่องร้อยเรียงเคียงรัก ณ มนจะพาพี่เขาไปพบกับทุกๆคนในวันที่30มีนาคมนี้ล่ะค่ะ เวลาบ่ายโมงนะคะ แล้วเจอกันค่า




 

Create Date : 25 มีนาคม 2551
26 comments
Last Update : 26 มีนาคม 2551 10:23:20 น.
Counter : 5028 Pageviews.

 

โอ๊ะโอ ภาพสวย แถมข้อมูลยังเพียบเลยพี่สาว ชอบๆ

ไปเรียนถ่ายภาพมาละ แต่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยอ่ะ เซ็งตัวเองสุดๆ ทำไมสมองทึบอย่างนี้หนอ

พี่นะสู้ๆ เค้านะจ๊า ยังส่งกำลังใจไปให้เสมอค่า

 

โดย: เบบูญ่า 25 มีนาคม 2551 16:52:33 น.  

 

ว้าว ถ่ายรูปได้อารมณ์มากเลยค่ะ หน่าซ้ำยังเขียนดีอีกด้วย ต้องกลับไปอ่านตอนหลังเสียแล้ว

 

โดย: rambujan 25 มีนาคม 2551 17:15:53 น.  

 

ดูภาพจนลายตา เอื้อก

ปล. จะไปแอบติดตามดูคุณลดารินตัวจริง อิอิ

 

โดย: superverynice 25 มีนาคม 2551 22:21:59 น.  

 

ชอบภาพพวกนี้ มากเลยค่ะ ขอบคุณที่เอามาให้ชมนะค่ะ สาจะคอยติดตามค่ะ

 

โดย: Candydolls 26 มีนาคม 2551 5:54:51 น.  

 

รูปสวยทุกรูปเลยค่ะ ได้บรรยากาศพร้อมคำบรรยายที่อ่านเพลินไปด้วยเลยค่ะ

 

โดย: tiktoth 26 มีนาคม 2551 6:44:28 น.  

 

รูปสวยดีมากครับ ข้อมูลดีจัง ได้ความรู้ ขอบคุณจ้ะ

 

โดย: payatong145 (payatong145 ) 26 มีนาคม 2551 12:36:06 น.  

 

รูปสุดท้ายสวยบาดใจเลยครับ

ชักอยากเห็นไซส์ใหญ่กว่านี้จัง แหะๆ

ป.ล. สีสันจัดจ้านดีจริงเลยคร้าบ ชักอยากไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านดูบ้างแล้วจิ

 

โดย: waidhaya 26 มีนาคม 2551 14:53:35 น.  

 

ดูรูปอ่านเรื่องเพลินเหมือนได้ไปเที่ยวเองเลยค่ะ ทึ่งกับผ้าใยบัวจริงๆ

 

โดย: grippini 26 มีนาคม 2551 17:51:27 น.  

 


พอบอกว่าที่พักในทะเลสาบหนาวเย็นมาก อุอุ ตรงกันข้ามกับที่กรุงเทพตอนนี้ ต้องเปิดแอร์

โยเดีย แปลว่า....

ผ้าใยบัว จริงเหรอครับทำจากใยของบัว อันซีนจริงๆ

 

โดย: yyswim 26 มีนาคม 2551 23:50:22 น.  

 

เซ็ทนี้ต้องบอกว่าสวยมากเลยค่ะ สมกับที่บอกว่า
ฟ้าเป็นฟ้า น้ำเป็นน้ำ ... ท่องเที่ยวกับเมืองอินเล แบบนี้
ล่ะเพลินไปเลยค่ะ เพราะว่าบรรยากาศแสนสบาย
ไม่เชือ่ไม่ได้ล่ะคะ เพราะว่าเห็นภาพเก็บตกแอบหลับ
แบบนี้ คงแสนสบายมากๆ แน่นอนเลย

ว่าแต่ว่าคนถูกเก็บภาพเค้ารู้หรือเปล่าคะเนี่ยว่าเอามา
ลงบล็อกด้วย ... :)

 

โดย: JewNid 27 มีนาคม 2551 8:48:29 น.  

 

จิวนิด....สบายจริงๆค่ะ ส่วนนางแบบรู้แล้วล่ะค่ะว่าได้หลายมาเป็นดาราหน้าบลอกอิอิ

yyswim...โยเดีย ก็คืออโยธยา หรือคนไทยนั่นล่ะค่ะ เพราะคนพม่าเขาไม่ออกเสียง อะ หน้าคำ จากอโยธยา เลยกลายมาเป็นโยเดีย

ส่วนผ้าทอใยบัวใช้ใยบัวจริงๆค่ะ เลยราคาแพงมากเพราะกว่าจะได้แต่ละผืนลำบากจริงๆ


คุณกิ๊ฟ...ขอบคุณค่าที่มาเพลิดเพลินด้วยกัน

คุณสา..ยินดีเลยค่ะที่จะติดตามอ่านกันไปทุกตอน

หมี...อยู่ใกล้ๆบ้านหมีด้วยนะ หาโอกาสไปเยือนดูแล้วจะรู้ว่าพม่ามีอะไรดีๆเยอะเลยน้อง

payatong145....ยินดีค่าที่การนำเที่ยวของณ มนจะทำให้เพื่อนบลอกได้เพลิดเพลินและได้ความรู้

แม่ติ๊ก....ดีใจนะคะที่บลอกนี้ทำให้คุณแม่ผู้กำลังอุ้มท้องน้องหนูน่ารักได้อารมณ์ดี

แสน...อย่าไปดูนางเอกอย่างเดียวเน้อน้อง อย่าลืมเชียร์นักร้องเสียงเพี้ยนด้วย

เบบูญ่า....ขอบใจมากมายจ้าสำหรับกำลังใจที่มอบให้พี่

rambujan.....อ่านได้เลยค่ะด้วยความยินดี ตอนก่อนๆก็มีภาพมีเรือ่งเล่าแบบตอนนี้ล่ะค่ะ

 

โดย: ณ มน 27 มีนาคม 2551 14:51:51 น.  

 

เคบไปแต่ชายแดนแม่สายครับ อยากไปเที่ยวในแผ่นดินตอนในบ้าง พม่ามีอะไรที่น่าดูน่าเที่ยวนะครับ ไม่น่าเบื่อเหมือนทางยุโรป

 

โดย: Louisson 28 มีนาคม 2551 6:14:49 น.  

 

ไม่เบื่อเลย ณ มน

แปลกใจด้วยซ้ำว่า เมืองที่เรามองข้าม และอยู่ใกล้เหลือเกินเช่นนี้ มีสิ่งน่าสนใจอยู่มากจัง

ผ้าสายบัว

พระบัวเข็ม

ทะเลสาบ งามๆ

โอ้ว ... นี่ถ้า ณ มน ไม่เล่าให้ฟัง จี้ก็ไม่รู้ อะ ดิ

ขอบคุณจ้ะ

 

โดย: angy_11 28 มีนาคม 2551 12:56:37 น.  

 

ชอบภาพบล๊อคนี้จังจ๊ะ(ที่จริงก็ชอบบล๊อคพาเที่ยวทุกบล๊อคแหละ) ได้เห็นท้องฟ้าโล่งๆแล้วสบายตาดีจัง สีฟ้าก็งามขนาด สีน้ำทะเลสาบกะท้องฟ้างี้สีเดียวกันเลย

เพิ่งเห็นนี่แหละว่าบัวเอามาทำผ้าได้ อยากเห็นตอนทอเสร็จแล้วว่าเป็นยังไง ทอยากแบบนั้นก็น่าที่จะราคาแพงอ่ะนะ

 

โดย: haiku 28 มีนาคม 2551 14:37:13 น.  

 

ตามมาเที่ยวผ่านบล็อกเหมือนเคยค่ะ

 

โดย: คุณย่า 29 มีนาคม 2551 6:01:23 น.  

 

แวะมาเยี่ยม เนื่องเพราะคุณ ณ มน ไปกรุณาไปลงชื่อในสมุดเยี่ยม

ก็เลยได้อ่านบล็อกดีๆเข้าให้ อ่านแล้วกิเลสพุ่งพรวดๆๆๆ

อยากไปจังเลย ชอบบรรยากาศแบบนี้อ่ะครับ

วางแผนเดินทางยังไง ไปเองหรือไปทัวร์ ในบล็อกเก่าๆมีบอกไหม พี่จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูล

แล้วพรุ่งนี้ บ่ายโมง มีกิจกรรมอันใดหรือครับ ?? ^^

 

โดย: aston27 29 มีนาคม 2551 21:31:56 น.  

 

อุตส่าห์ไปอธิบาย แล้วก็ไม่บอกว่าบูธไหน พี่จะหาเจอมั้ยเนี่ย - -"

แต่งานหนังสือ เมื่อวานไปมาแล้วครับ ^^

 

โดย: aston27 30 มีนาคม 2551 12:20:58 น.  

 

เด็กพม่าสวยนะค่ะพี่ บ้านเรือนแถวนั้นคงลมเย็นสลายน่าดู ติดน้ำน่าอิจฉา

 

โดย: veeda 30 มีนาคม 2551 20:04:14 น.  

 

veeda....อื่อ แบบที่เขาบอกไงง่าผิวพม่านัยตาแขก

พี่เอ็ดดี้....ดีใจจังที่พี่มาเยี่ยมบลอก ส่วนเรื่องบูธที่นะจะไปแจกลายเซ็นบอกไปเกรงว่าจะขัดกับบุคลิกภาพของพี่เป็นอย่างมากอ่ะค่ะ เพราะว่าเป็นสนพ.นิยายรักหวานแหววมากเลยไม่กล้าบอก

จี้...เห็นไหมบอกแล้วว่าพม่ามีอะไรดีๆเยอะเลย อ่านจบแล้วนี่จี้อย่าลืมวางแผนไปเยือนสักครั้งนะ

ไฮกุ...จริงแฮะเราลืมรุปผ้าใยบัวได้ไงเนี่ย อืม มันจะออกหยาบๆนิดหนึ่งนะไม่ละเอียดเหมือนผ้าฝ้ายแล้วที่นี่เขาใช้สีธรรมชาติด้วย ผ้าเลยสีเข้มๆน่ะจ้ะ

คุณย่า....ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันนะคะ

louission....เป็นอีกหนึ่งรสชาติของการเดินทางน่ะค่ะ เพราะว่ายุโรปที่คุณไปเที่ยวก็คงให้อีกรสหนึ่งใช่ไหมคะ

 

โดย: ณ มน 31 มีนาคม 2551 11:09:04 น.  

 

ยังไม่เคยได้ไปพม่าเลยค่ะ

จขบ.ถ่ายรูปสวยเหมือนกันนะคะนี่


อ่า..สนับสนุนให้ไปวันธรรมดาเหมือนกันค่ะ

น่าจะมีความสุขในการเดินดูมากกว่า

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 31 มีนาคม 2551 11:27:22 น.  

 

ไปงานหนังสือมาแล้วค่ะ กระเตงลูกชายไปด้วย เลยเลือกซื้อไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ค่ะ
คุณ ณ มน ไปแล้วรึยังคะ

 

โดย: คุณย่า 1 เมษายน 2551 6:08:55 น.  

 

เป็นไงจ๊ะ เมื่อวานซืนแจกลายเซ็นมือจนเมื่อยมือเลยใช่ป่ะ เสียดายไม่ได้ไปเลยไม่ได้เจอณ มน

 

โดย: haiku 1 เมษายน 2551 15:59:59 น.  

 

มาเที่ยวพม่าจ้าพี่นะ
โห ภาพสวยมากเลย
ชอบคะชอบ
โดยเฉพาะภาพนกบิน

ปล. เปิ้นแอบตามไปดูภาพบรรยากาศงานหนังสือที่บล้อก คุณ ตัวซีแล้ว
พี่นะน่ารักมากเลย ชอบแก้มพี่นะอ่ะ น่ารักน่าหยิก อิอิ

 

โดย: fonrin 1 เมษายน 2551 19:09:20 น.  

 

มาชวนพี่นะไปเที่ยวต่อ เรื่องหนังสือขอให้ขายดิบขายดีนะพี่ กลับไปจะช่วยอุดหนุน

 

โดย: veeda 5 เมษายน 2551 18:18:22 น.  

 

ต้องขอโทษไม่ได้แวะมานานเลยครับ วันนี้มาร่วมขบวนไปเที่ยวด้วยคน

แอบขำเจ้าเหมียวซิลล่า

ว่าจะชมว่าคุณ ณ มน ถ่ายภาพสวยมากครับ แต่พออ่านมาถึงตอนท้าย...ไม่รู้จะชมใครดี เอาเป็นว่าชมโดยรวม ๆ ว่าภาพสวยก็แล้วกันนะครับ

ปล. ขอให้หนังสือขายดิบขายดีเน้อ

 

โดย: 9A 6 เมษายน 2551 16:59:20 น.  

 

9A...ก็แหม ถ้าจะให้ดูฝีมือเจ้าของบลอกอย่างเดียว เดี๋ยวก็ไม่ได้เห็นภาพสวยๆน่ะสิ

ดา...สักวันพี่จะไปให้ได้เลย เนปาลน่ะ ปล.ขอให้เรียนจบไวๆนะจ๊ะ

ไฮกุ...มือไม่หงิกจ้า แค่เกร็งเล็กน้อยเพราะปีนี้เขาจับนักเขียนมาร้องเพลงง่ะ ลำบากมากเลย ร้องก็เพี้ยน

คุณย่า...ไปมาสามวันค่ะ สองวันร่วมกิจกรรมกับสนพ. ไม่ได้เดินไปไหนเลย ก็เลยต้องมาซ่อมอีกวัน

เปิ้น...ก็บอกแล้วนิ ว่าหัวฟูแก้มป่อง นั่นน่ะเอกลักษณ์เลยนา

สาวไกด์...ขอบคุณที่มาเที่ยวด้วยกันค่า ปล.ภาพที่ลงนี่มาจากหลายกล้องอ่ะค่ะ

 

โดย: ณ มน 7 เมษายน 2551 10:18:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ณ มน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




ณ มน ชื่อนี้แปลว่า "ที่หัวใจ" ตอนแรกตั้งใจจะใช้เป็นเพียงนามปากกาที่ใช้เขียนหนังสือเท่านั้น

แต่สุดท้ายก็นำมาใช้เปิดบลอคจนได้ แหะแหะ

ณ มนเป็นคนธรรมดาๆ ชอบเดินทาง ชอบคุย ชอบเล่าชอบเมาท์ไปเรื่อย ถ้าไม่เบื่ออ่านเรื่องเล่าที่บางคราวก็เฮฮา บางคราก็ไร้สาระล่ะก็ แวะมาเยี่ยมเยือนกันได้ค่ะ ^_^


บอกเล่าเก้าสิบกันนิดนะคะว่า
บทความและข้อเขียนทุกชิ้นในบลอกนี้
ได้รับการคุ้มครองตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ค่ะ
เข้ามาอ่านได้นะคะ แล้วก็แสดงความคิดเห็นได้ด้วย
แต่อย่าลอกกันนะคะ


***********


ผลงานของณ มนค่ะ























































ผู้เยี่ยมชม
Friends' blogs
[Add ณ มน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.