1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
ลูกรถไฟ ๙ ...โก..อินเตอร์
โกอินเตอร์แม่เริ่มอาชีพใหม่ โดยนั่งรถไฟจากอุดรฯ ไปหนองคายแล้วนั่งเรือข้ามฟากที่ท่าเสด็จ จ.หนองคายไปประเทศลาว แม่ไม่เคยทำพาสปอร์ตเพื่อไปต่างประเทศ ที่ใช้อยู่ก็แค่บัตรประชาชนไทย สมัยนั้นไม่ได้เข็มงวดกวดขันเหมือนตอนนี้ อีกอย่างเป็นเมืองชายแดนผู้คนเดินผ่านไปมาเพื่อทำการค้าขายของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ตอนสงครามเวียดนามที่ทหารอเมริกันยกฐานทัพมาตั้งที่เมืองไทย ที่จังหวัดนครราชสีมาและอุดรธานี ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่มีสนามบินรองรับเครื่องบินทิ้งระเบิด บี 52 และศูนย์เรดาร์ครอบคลุมเอเชียก็ตั้งอยู่ที่ค่ายรามสูร ที่ จ.อุดร ฯ ซึ่งปัจจุบันไม่มีอะไรเหลือให้เห็นนอกจากรั้วที่มีหญ้าขึ้นเต็ม และมีป้อมยามสูงๆ ให้เห็นว่าเคยเป็นศูนย์บัญชาการของทหารอเมริกันเท่านั้น และจากผลของการที่มีทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพนี่เอง ทำให้ชาวเมืองอุดรธานี มีรายได้ดีขึ้นกว่าจังหวัดอื่นๆ เงินดอลล่าร์แพร่สพัด แม้แต่สามล้อถีบยังมีเงินดอลล่าร์ใช้ก็ว่าได้ แม่ข้ามแม่น้ำโขงโดยไปกลับทางเรือที่ท่าเสด็จ จ.หนองคาย ไปซื้อเหล้า และข้าวสารจากเวียงจันทน์มาขายให้ร้านค้าที่ในตัวเมืองจังหวัดอุดรฯ เหล้าที่ซื้อไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้องราคาเลยถูก เป็นที่ต้องการของร้านค้าที่ขายให้กับอเมริกันชนเป็นอย่างมาก แม่ทำมาค้าขายคนเดียวและรายได้ดีขึ้นอย่างทันตา ก็ทั้งโบกี้จากหนองคายมาอุดรฯ ใต้ที่นั่งมีแต่ข้าวสารและเหล้าเต็มไปหมด พอมาถึงสถานีรถไฟแม่ก็จ้างกรรมกรขนขึ้นรถสามล้อไปส่งร้านค้าที่สั่งเอาไว้ จำได้ว่าตอนนั้นแม่ไม่ต้องไปหยิบยืมเงินใครอีก มีแต่คนมายืมจากแม่ บางคนเอาทอง เอาที่ดินมาจำนำแม่ไว้ แม่เล่าว่าถ้าตอนนั้นแม่รู้อนาคต แม่คงซื้อที่ดินใจกลางเมืองหลายไร่ที่เขามาเสนอขายแค่ 4000 พันกว่าบาท ไปแล้ว แม่มัวแต่คิดค้าขาย อีกอย่างบ้านหลวงก็มีให้อยู่ไม่รู้จะซื้อไปทำไม แม่บอกว่าแม่คิดแบบนั้นเลยเสียใจมาจนทุกวันนี้ แล้ววันหนึ่งแม่ก็เจอดีจนได้ สายของตำรวจรายงานไปที่โรงพัก ว่ามีการลักลอบขายของหนีภาษีที่สถานีรถไฟ ตำรวจคงแห่กันมาทั้งโรงพักจนเต็มชานชลาสถานีไปหมด อาจเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงเห็นใจที่แม่ทำมาหากินเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ พ่อซึ่งเป็นพนักงานสับเปลี่ยนส่งสัญญาณให้รถจากหนองคายที่จะเข้าสถานีต้องจอดรอสัญญาณไฟ ห่างไปหลายกิโลเมตร ระหว่างนั้นด้วยความเป็นคนใจนักเลงของแม่ที่เอื้อเฟื้อคนอื่นเสมอ กรรมกรที่สถานีพากันมาช่วยแม่ขนข้าวสาร และเหล้าทั้งหมดลงกลางทางหลบตำรวจไปได้ ตัวแม่นั่งอยู่ที่โบกี้รถรอจนรถเข้าจอดที่สถานี ตำรวจไม่ได้รอให้รถจอดสนิท ต่างก็วิ่งกรูกันขึ้นบนรถแยกย้ายไปค้นตามโบกี้ต่างๆมีตำรวจอยู่ ๑ คนที่เข้าไปถามแม่ว่าไปเที่ยวลาวสนุกไหม แม่ก็ตอบไปตามปกติว่า...ก็ดี เขาคงรู้ว่าเป็นแม่ค้าที่ขายของหนีภาษี แต่ไม่มีหลักฐานอะไรให้เห็นเลยต้องยกขบวนกลับไปมือเปล่าอย่างผิดหวัง ปล่อยให้สมุนของแม่ไปส่งของตามใบสั่งกับขาประจำอย่างเคย แม่บอกว่ากลัวตำรวจเหมือนกัน แต่กลัวลูกๆ อดมากกว่ากลัวตำรวจจับ คำๆ นี้แม่พูดไปก็น้ำตาไหลเพราะความยากลำบากมานาน พอถึงบ้านแม่ถอดเสื้อคอกระเช้าที่ใส่ แล้วให้พี่ ๆ เอาขันใส่น้ำมาราดที่ตัวเพราะเหล้าตัวอย่างขวดเล็ก ๆ ที่แม่ใช้เข็มขัดรัดติดมากับตัว พอเหงื่อออกมากๆ มันก็ติดเนื้อดึงไม่ออก ต้องใช้น้ำราดทีละขวด ..แม่ของเรา..สุดยอดจริง ๆ ใครๆ เห็นก็นึกว่าแม่ตั้งท้อง แต่จริงๆ แล้วเป็นเหล้าตัวอย่างที่เขาให้มา แล้วแม่เอาผ้ารัดติดตัวไว้ใส่เสื้อคอกระเช้าทับอีกทีเพื่อหลบตำรวจ แม่เคยถูกจับเพราะขายหวยเถื่อนเช่นกัน แต่พอไปถึงโรงพัก ท่านสารวัตที่รู้จักกับครอบครัวเราอย่างดีก็ต้องปล่อยเพราะรู้ว่าบ้านเราจน ท่านยังเตือนให้ทำอะไรๆ ระวังหน่อยไม่อยากจับ ( แล้วปล่อยอีก ) เพราะสงสารที่แม่ทำมาหากินเพื่อลูกๆ ท่านเป็นอธิบดีกรมตำรวจเมื่อหลายปีก่อนๆ ที่แม่จะจากเราไป แม่ยังระลึกถึงบุญคุณท่านเสมอ และเล่าให้พวกเราฟังถึงได้รู้เรื่องราวของท่านจากแม่ พูดถึงมดงานของแม่ ก็คือพวกกรรมกรที่รับจ้างขนของที่สถานีรถไฟ สมัยก่อนเขาเรียกแบบนี้ไม่ได้เรียกแบบกดขี่แต่อย่างใด คนพวกนี้แม่เคยให้กินข้าวฟรีตอนขายกับข้าว หรือเวลามี “ งานพิเศษ “ แม่ก็ให้ค่าจ้างอีกเท่าตัว แล้วพวกเขาก็รักในความใจนักเลงของแม่ด้วย แต่ก่อนเวลาขน “ อาหารพิเศษ “ เช่น อาหารกระป๋อง เนื้อสัตว์ต่างๆ ผลไม้ ช็อคโกแลค ที่ไม่มีในเมืองไทย แต่ส่งตรงมาให้ทหารอเมริกันที่ไปรบที่เวียดนาม พวกนี้จะหยิ่งไม่ยอมกินอาหารที่มีตำหนิ เช่น กระป๋องมีรอยบุบ หรือ ผลไม้ที่ช้ำ เวลาพวกเราอยากกินอาหารพิเศษพวกนี้ ลูกน้องของพ่อ จะแกล้งทำลังผลไม้หล่น แล้วคนคุมก็จะให้แยกออกเพื่อเอาไปทิ้ง สบายท้องพวกเราไป ทั้งแอปเปิ้ล สาลี่ ลูกเกด ฯลฯ สมัยนี้อะไร ๆ ก็หาได้ไม่ยาก อยากกินอะไรก็ไปตลาด ไปซุบเปอร์มาร์เกตมีทั้งไทยทั้งเทศขอเพียงแต่มีเงิน บางคนอาจนึกภาพไม่ออกว่าทำไมเด็กๆ อย่างพวกเราถึงได้ดีใจนักเวลามีรถขบวนพิเศษขนของพวกนี้มาที่สถานีฯ รถไฟขบวนพิเศษอีกขบวนหนึ่งในช่วงนั้น จะเป็นขบวนที่ขนศพทหารอเมริกันจากลาว เพื่อขึ้นเครื่องบินพิเศษกลับประเทศอเมริกา พวกเราได้แต่ดูอยู่ห่างๆ เพราะมีทหารดูแลอย่างดี และให้เกียรติเป็นอย่างมาก ใครที่ไม่เกี่ยวข้องถูกห้ามเข้าไปในบริเวณนั้นอย่างเด็ดขาด คิดๆ ไปก็น่าสงสารที่ต้องมาเสียชีวิตไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน ไม่ได้ทันได้ล่ำลาใคร ตัวเราเองสักวันก็ต้องตาย แต่เราจะกลับไปตายที่บ้านของเรา เพราะที่นี่เราไม่มีใครเลย เรื่องราวเหล่านี้ แม่ชอบเล่าให้พวกเราฟัง เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เห็นถึงความยากลำบากของแม่ ความมานะพยายามที่จะหาเลี้ยงลูกๆ แปดคนให้ได้รับการศึกษาสูงสุดเท่าที่ลูกๆ จะทำได้ โดยไม่ยอมย่อท้อต่อความยากลำบาก จริงอยู่ ที่แม่ทำงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่รายรับที่ได้มาเพียงแค่พอประทังชีวิต ไม่ได้ทำให้ร่ำรวยจนล้นฟ้า และไม่ได้คดโกงคนอื่นให้เดือดร้อน หากจะเปรียบเทียบกับการคอรัปชั่นที่ผู้มีอำนาจทำกับประเทศชาติในตอนนี้แล้ว เรื่องของแม่ดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องขี้ผงไปในพริบตา อีกทั้งเรื่องราวมันผ่านร่วงโรยมากว่า ๖๐ ปีแล้ว แม่...และ พ่อ...ล้วนจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ จะเหลือก็เพียงเรื่องราวที่ท่านได้บอกเล่าให้พวกเราฟังและจดจำไว้เท่านั้นเอง อ่านต่อตอนหน้า
Create Date : 26 มีนาคม 2558
21 comments
Last Update : 30 กันยายน 2563 12:36:49 น.
Counter : 2740 Pageviews.
โดย: เนินน้ำ 26 มีนาคม 2558 10:22:03 น.
โดย: อุ้มสี 26 มีนาคม 2558 22:18:38 น.
โดย: อุ้มสี 28 มีนาคม 2558 22:21:38 น.
โดย: กาบริเอล 29 มีนาคม 2558 22:00:47 น.
โดย: pantawan 29 มีนาคม 2558 22:38:29 น.
โดย: ชมพร (ชมพร ) 1 เมษายน 2558 14:55:24 น.
โดย: Tristy 4 เมษายน 2558 10:56:22 น.
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [? ]
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
คุณพ่อก็เก่งนะครับ แก้ปัญหาได้ดี คุณแม่อุตส่าห์
นั่งรถไฟต่อ จนถึงที่หมาย ให้ตำรวจตรวจ หน้าหงาย 555
ปี 2511 ผมไปทำงานที่อุบล เจอทหารเมกาอยู่
เยอะ เพราะเป็นฐานบินไป ถล่มเวียตนาม การ
เงินเดินสะพัดจริงด้วย
ฝรั่งนั่งสามล้อ พอลงจากรถ ถามเท่าไร สามล้อ
คิด 1 บาท ฝรั่งไม่รู้คิด 1 ดอลล่าร์ ควักให้
สามล้อสบายเลย 555 ผมไปเช่าบ้านอยู่ หายาก
มาก ๆ เพราะฝรั่งไปเช่าอยู่หมด บ้านมีน้อย
ผมข้ามไป สุวรรณเขต ไปกินเบียร์กับข้าวปุ้น
เบียร์ถูกว่าไทย..
เขียนอีกนะครับ สนุกดี