1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
ลูกรถไฟ ๗ ...กาแฟโบราณ...ฆาตรกรโหด.... โกโก้ และ....จูดี้
กาแฟโบราณตอนเช้าของทุกวัน เรามีหน้าที่ไปซื้อกาแฟ และปาทั๋งโก๋ให้พ่อเรา ร้านที่เราจะไปมีอยู่ 3 ที่ๆ แรก เดินออกจากบ้านแล้วเลี้ยวขวาเดินตรงไปเรื่อยๆ ตามถนนลูกรังผ่านบ้านพักหลาย ๆ แถว ประมาณป้ายรถเมล์ครึ่งก็ถึงที่หมายไม่ไกลจากที่เก็บน้ำอันสูงลิ่ว ร้านค้าเล็กๆ ที่ทำจากไม้เอามาต่อแล้วมีผ้าพาสติคกันฝนกันแดด จำไม่ได้แล้วว่าคนขายเป็นยังไง รู้แต่ว่าเขาจำเราได้เพราะไปซื้อบ่อยๆ กับอีกที่ๆ เราต้องเดินข้ามทางรถไฟผ่านสถานีรถไฟ แล้วเดินไปอีกไกล ร้านอยู่ใกล้ กับโรงงานทำขนมปัง ซึ่งเขาจะทำขนมปังโรยน้ำตาลและเนยแล้วอบแห้งใส่ถุงขาย อร่อยดีเหมือนกัน ทางนี้เราจะมาบ่อย เพราะเป็นทางเดียวกันกับที่จะไปเล่นที่โรงสีข้าว อีกอย่างบ้านเราไม่มีเงินมากพอจะซื้อข้าวทีละกระสอบ อย่างดีก็ซื้อทีละ 2 กระป๋อง เป็นครั้งๆ ไป เราก็ต้องเดินไกลมาซื้อที่นี่เป็นประจำ ร้านค้าเหล่านี้เขาเรียกว่าร้านโชฮ่วย ขายของมากมายหลายอย่าง จะเรียกว่าสากกะเบือยันเรือรบก็น่าจะได้ กาแฟที่ซื้อเขาใช้เมล็ดมะขามคั่วแล้วบด ตักจากกระป๋องแล้วใส่ในถุงผ้าที่ใช้ทำกาแฟแล้วเขย่าๆ ไปมาในน้ำร้อน จนออกสีดำแล้วก็ใส่แก้วใสๆ ที่มีนมข้นหวานและน้ำตาลทรายใส่ไว้ก่อน แล้วก็คนให้เข้ากันอีกที กลิ่นของกาแฟมะขามคั่วหอมติดจมูกมาจนทุกวันนี้ แล้วยังมี ยกล้อ กาแฟดำขมจัด เขาไม่มีแก้วพลาสติกมีฝาปิดเหมือนที่ 7-11 ตอนนี้ แต่เขาเทใส่กระป๋องนมข้นที่หมดแล้วๆ เจาะรูตรงกลางฝากระป๋องเอาเชือกพลาสติกสีๆ ร้อย ที่รูตรงกลางมีหางออกมาให้ถือ แล้วก็ให้ทั้งกระป๋อง ระยะทางจากร้านมาบ้านไกลพอสมควร เราก็ถือแกว่งบ้าง กระโดดเล่นบ้าง กว่าจะถึงบ้านบางทีกาแฟก็หกเหลือแค่ครึ่งกระป๋อง แล้วก็ไม่ค่อยร้อนแล้ว เราว่าที่แม่ต้องตีเราบ้างบางครั้งมันก็สมควร ไม่งั้นสักวันเราก็ต้องทำหกหมด แต่ก่อนเราเคยแอบชิมกาแฟของพ่อแต่ขมมาก เราเลยไม่ชอบ แต่ตอนนี้วันไหนไม่ได้ดื่มกาแฟตอนเช้า และบ่าย รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำ แล้วก็จะหงุดหงิดพิกล ในทางกลับกันพ่อเรากลับเลิกดื่มกาแฟโดยเด็ดขาดเพราะเป็นโรคหัวใจ หมอห้ามเพราะไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจมากเกินไป แต่เราคงจะเลิกยากเพราะกาแฟชงใหม่ ๆ หอมเย้ายวนใจเหลือเกิน คนเรานี่ก็แปลกชอบติดกับสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์ สิ่งดีๆ อีกมากมายกลับไม่ติด เกือบลืมไป อีกที่คือร้านบาร์ ที่สถานีรถไฟนั่นไง ที่นี่จะมีปาทั้งโก๋ขายด้วย อาแปะชงกาแฟแบบรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน ซื้อแล้วก็เดินข้ามรางรถไฟกลับบ้าน วันดีคืนดี เดินไปเจองูกำลังเลื้อยอยู่ตรงหน้า เรายืนตัวแข็งท่อเป็นท่อนไม้ ขาแข้งขยับไม่ออก โชคดีที่เพื่อนบ้านผ่านมาพอดี แกจับหางงูอย่างรวดเร็วแล้วแกว่งเร็วๆ จนหัวงูแหลกละเอียดเพราะไปโดนรางรถไฟ เราได้แต่มองอย่างตกใจ แกฆ่างูแล้วก็เดินข้ามรางรถไฟไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่เรานี่แหละที่เดินขนลุกขนพองกลับบ้าน บางครั้งหากเป็นยามค่ำเราจะถือไม้ยาวๆ ที่พอจะหาได้แถวๆ นั้นเดินตีดินนำทาง เป็นการตัดไม้ข่มนามให้งูกลัว จะได้ไม่เลื้อยผ่านเราอีกฆาตรกรโหดเด็กบ้านนอกอย่างพวกเรา สมัยก่อนไม่มีศูนย์การค้า ให้เดินเล่น หรือ วีดีโอเกมส์ให้เล่นอย่างเด็กสมัยนี้ วันๆ พวกเรา 3 สหายและพรรคพวกเด็กๆ ที่อยู่บ้านแถวเดียวกัน ที่เรียกแบบนี้ เพราะบ้านพักเรียงกันเป็นแถว แนวยาวไปตามถนน บ้านเราอยู่แถว 4 บ้านที่อยู่ถัดไปก็เรียกแถว 5 ไม่รู้เหมือนกันว่าใครตั้งให้เรียกแบบนี้ ตอนเด็กไม่ทันได้คิด มาคิดเอาตอนโตแล้วก็ขำดี อย่างที่บอกว่าหลังบ้านพักเป็นคลอง เพื่อนๆ เราชอบไปกระโดดน้ำจากศาลาลงดำผุดดำว่าย เราก็ชอบดูแต่ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ชอบความรู้สึกที่เวลาเท้าแตะพื้นดินแล้วมันลื่นๆ แฉะ ๆ อีกอย่างที่กลัวสุด ๆ คือปลิง มีอยู่วันเราถูกแกล้งโดยพี่ใหญ่จับโยนลงน้ำกลางคลอง ได้แต่กลัวและตระโกนร้องให้ช่วย เพราะตกใจด้วย จนทุกวันนี้เราก็ยังว่ายน้ำไม่เป็น เจ็บใจจริงๆ เลย แล้ววันหนึ่งเพื่อนเราก็เจอดี ปลิงตัวยาวขนาด 3 นิ้ว เกาะอยู่ที่ต้นขาคงกำลังอร่อยกับการดูดเลือดสดๆ อย่างเพลิดเพลิน ไม่ต้องพูดถึงเราที่กระโดดไปไกลไม่ยอมดูใกล้ๆ เด็ดขาด พรรคพวกที่เหลือช่วยกันหาปูนขาวที่เขาใช้ก่อสร้างมาโรยบนตัวปลิงแล้วมันก็หลุดออกมา คงเป็นคราวเคราะห์ของปลิงที่ถูกแก้เผ็ดโดยเพื่อนที่ถูกปลิงกัด เอาตะปูไปตอกปลิงตรึงกับถนนลูกรังหน้าบ้านพัก แล้วยึดอีกด้านด้วยตะปูอีกที คราวนี้ก็ถึงคราวพรรคพวกที่เหลือ เด็กผู้ชายพากันฉี่รด แล้วถีบจักรยานเหยียบจนปลิงคงทนไม่ไหว และตายไปในที่สุด เราจำไม่ได้แน่ว่าเราร่วมกับเขาหรือเปล่า คงต้องจุดธูปถามเจ้ากรรมนายเวรปลิงถึงจะรู้แจ้ง บาปกรรมจริงๆ ที่ทรมานสัตว์แบบนี้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือ เราชอบตบยุง เพราะมันชอบมากัดเวลานอน แม้ว่าจะกางมุ้งแต่ก็ยังไม่วายบินเข้าไปกัด บางครั้งเราชอบดิ้น ยกขาพาดไปกับฝาบ้าน ตื่นเช้าขึ้นมาที่น่องลายพร้อยไปด้วยตุ่มสีแดงเล็กๆ นับไม่ถ้วน ไม่รู้เหมือนกันว่ารอดจากการเป็นไข้เลือดออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ถูกยุงกัดขนาดนั้น อีกกิจกรรมที่เด็กอย่างพวกเราชอบทำคือ ข้ามฝั่งไปอีกด้านของศาลาจะเป็นป่า แต่ไม่ถึงกับหนาแน่นมาก พวกเราชอบไปจับตั๊กแตนตัวสีเขียวบ้างถ้ายังเล็ก แต่ถ้าเป็นสีน้ำตาลจะแก่และตัวโตกว่า พอได้มาพอสมควรแล้วพวกเราก็เฮโลกันไปที่เตาถ่านที่ใช้ทำอาหาร ไม่ได้ใช้เตาแก๊ส เหมือนในปัจจุบัน แล้วก็โยนตั๊กแตนลงใต้เตาย่างกันสดๆ กลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ จากนั้นก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องเวรกรรม ใครทำกรรมใดกรรมนั้นย่อมสนอง นานมาแล้วที่เราต้องผ่าตัดหัวเข่าเพราะปวดมากๆ โดยไมรู้สาเหตุ ส่วนแขนก็ปวดตามข้อเป็นระยะ ๆ คงเป็นเพราะไปหักขา-แขนตั๊กแตน เราคิดอย่างนั้นจริงๆ แล้วเราก็เข้าวัดทำบุญ นั่งสมาธิอุทิศ บุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และขออโหสิกรรมพวกเขา เดี๋ยวนี้เวลาเห็นรถเข็นที่เขาทอดตั๊กแตนขายเราไม่เคยแม้แต่จะมองเพราะสงสาร แต่ตอนเป็นเด็กทำไมถึงได้คิดแต่เรื่องสนุก ชนไปวันๆ แบบนั้นก็ไม่รู้โกโก้ และจูดี้โกโก้ ที่เราพูดถึงไม่ใช่ช็อกโกแลตอร่อยๆ ที่ทุกๆ คนรู้จัก แต่เขาเป็นลูกหมาพันธุ์ผสม ไม่รู้เหมือนกันว่าผสมอะไรกับอะไร จำได้แต่ว่าเพื่อนของแม่ที่เป็นคนจีน เขาให้มาเพราะที่บ้านเขามีเยอะ เราเป็นคนตั้งชื่ออันไพเราะนี้ให้ และทุกคนก็เรียกโกโก้ตั้งแต่นั้นมา จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องลำบากที่ได้หมามาเลี้ยง เพราะลำพังเฉพาะลูก 8 คน แม่กับพ่อก็แย่แล้ว นี่พ่วงหมาน้อยธรรมดามาอีก 1 ตัว แต่ทำไงได้รับมาแล้วก็ต้องเลี้ยงดูกันไปตามมีตามเกิด โกโก้เลี้ยงง่ายเหมือนจะรู้ฐานะของพวกเรา มีอะไรก็กินไม่ได้กินอะไรดีๆ เหมือนแต่ก่อนที่อยู่กับเจ้าของเดิม เพราะเขาเป็นคนมีฐานะดีกว่าบ้านเรา วันหนึ่งแม่เราอารมณ์เสียเรื่องอะไรจำไม่ได้ เลยตีโกโก้ที่เข้ามาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ไป ๑ ป๊าบ แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลย จนเย็นพวกเรากลับจากโรงเรียนเรียกหาโกโก้ แต่เรียกเท่าไหร่เขาก็ไม่ขานรับ ซึ่งปกติแค่ได้กลิ่นก็วิ่งหางกระดิกมาหาแล้ว พวกเราออกตามหาไปรอบๆ บ้าน ถามคนข้างบ้านก็ไม่มีใครเห็น พวกเราหาจนอ่อนใจและคิดว่าคงมีคนขโมยไป เพราะโกโก้อ้วนกลม ขนปุย เพราะเราอาบน้ำให้ทุกอาทิตย์ สุดท้ายคนข้างบ้านก้มลงมองที่ใต้ถุนพื้นบ้านซึ่งเตี้ยมากๆ ปรากฏว่าโกโก้นอนหมอบอยู่โดยไม่ยอมส่งเสียงใดๆ ใครจะเรียกก็เฉย มีแต่มองแล้วก้มหมอบทำเป็นทองไม่รู้ร้อน สุดท้ายแม่เราก้มลงเรียกและพูดว่าขอโทษนะที่ตีเพราะอารมณ์ไม่ดี โกโก้ถึงได้ค่อยๆ คลานต้วมเตี้ยมออกมา ใครจะคิดว่าหมาตัวเล็กๆ อายุไม่ถึงปีจะรู้จักงอน และต้องพูดขอโทษที่ตีเขา ทุกคนได้แต่หัวเราะอย่างหมั่นไส้รวมทั้งแม่เราด้วย แล้วแม่ก็ไม่เคยดุและตีโกโก้อีกเลย พอเริ่มโตโกโก้มีรูปร่างสูง สง่า ขนสีน้ำตาลอ่อนใครๆ ก็ชอบเพราะลักษณะดี ทุกๆ คืน บางครั้งตี 2 ตี 3 จะมีขบวนรถน้ำมัน หรือรถขนแร่ เข้ามาที่สถานี พ่อเราต้องออกไปสับเปลี่ยนรางและให้ทาง พ่อจะมีไฟฉายอันใหญ่และมีพลาสติกตัดให้กลมพอดีกับกระจกด้านหน้า สีเขียวสำหรับให้รถวิ่ง และสีแดงให้รถหยุด เหมือนไฟจราจร ไม่มีก็แต่สีเหลือง จะใช้ในตอนกลางคืนเพราะคนขับสามารถมองเห็นได้ชัด การส่งสัญญาณระยะไกลไม่สามารถพูดหรือตระโกนแข่งกับเสียงวูดรถไฟได้ จึงต้องมีเครื่องมือช่วย อีกอันที่ขาดไม่ได้และใช้เฉพาะกลางวันคือธง 2 สีเหมือนกัน พ่อบอกว่าโกโก้ตามพ่อไปทำงานด้วยทุกคืน และกลับบ้านตอนเช้าตรู่ด้วยกัน มิน่าบางครั้งจนสายก็ยังเห็นโกโก้นอนหลับ คงจะเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามพ่อหลายกิโลเมตรทุกคืน พวกเรารักโกโก้มาก แม่เองซึ่งไม่เคยชอบหมามาก่อน แต่กับโกโก้แม่จะมีขนมครกจากตลาดมาฝากทุกวัน เพราะโกโก้ชอบ แล้ววันหนึ่งเมื่อโกโก้หายไปอีก พวกเราออกตามหากันจนทั่วก็ไม่พบ มีคนเห็นโกโก้นอนตายน้ำลายฟูมปากห่างไปไกลจากบ้านพัก พ่อเราไปตามเอาโกโก้มาฝั่งที่ป่าหลังบ้าน พวกเราร้องไห้กันเหมือนญาติเสีย ไม่คิดเลยว่าหมาที่พวกเรารักจะถูกวางยา ใครหนอใจร้ายทำได้ลงคอ ได้แต่สวดมนต์ให้เขาไปเกิดดีๆ แล้วก็แช่งคนฆ่าโกโก้ให้ตกนรกเร็วๆ ไม่รู้ป่านนี้ตกนรกหรือยัง หลังจากนั้นก็มีคนเอาหมามาให้อีกจูดี้หมาตัวใหม่ชื่อ จูดี้ เป็นหมาพันธุ์ปักกิ่งตัวเล็กๆ น่ารัก ขนสีน้ำตาลอ่อนปนแก่ยาวสลวยสลับกันไปทั้งตัว พี่เขยเราเขาได้มาจากญาติ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่เลี้ยงต่อ เพราะจูดี้น่ารักมาก เขามาอยู่ได้ไม่นานก็คุ้นเคยกับทุกคนอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะพวกเรายังคิดถึงโกโก้อยู่ก็ได้ เวลาหิวจูดี้จะยกสองขาหน้าขึ้นพร้อมกันแล้วทำท่าเหมือนกับไหว้หลายๆ ครั้ง ที่ปากก็จะมีน้ำลายไหลออกมา เป็นอันรู้กันว่าเขาหิว หรือขอกินด้วยเวลาพวกเรากินขนมกัน เวลากินข้าวพวกเราจะนั่งล้อมวงกันกับพื้นบ้าน แล้วเอากับข้าวมาวางไว้ จูดี้เป็นหมาที่มีมารยาทมาก เขาจะนอนมองอยู่ห่างๆ แม้น้ำลายจะไหลเพราะหอมกลิ่นอาหาร แต่เขาไม่เคยมากินอาหารที่วางไว้เลยถ้าเอาไม่ใส่จานให้เขากินต่างหาก หลายครั้งมีหมาตัวอื่นมามองจะมากิน โกโก้จะคำราม แล้วแยกเขี้ยวขู่ไม่ไปไหน รอจนกว่าพวกเราจะมานั่งกินข้าวกัน สุดท้ายจูดี้ ก็ถูกรถชนที่หน้าบ้าน เพราะเขาวิ่งออกไปเล่นหน้าบ้านโดยไม่มีใครเห็น (ตอนนั้นพวกเราย้ายบ้านแล้วไปอยู่บ้านหลังใหม่) เราก็ไดแต่ร้องไห้ไปหลายวันเพราะรักเขามากๆ ทุกวันนี้เราก็ยังเลี้ยงหมาอยู่เหมือนเดิมแม้ว่าจะจากไปหลายตัวแล้วก็ตามขอน้อมรำลึกถึงโกโก้ และจูดี้ ด้วยความรัก ระหว่างเพื่อนร่วมโลก ไม่ใช่พราะเขาทั้งสองเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน แต่เขาทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเรา เป็นเพื่อนที่ให้ความสุข ความรัก ความซื่อสัตย์ต่อครอบครัวของเรา เขาทั้งสองได้แสดงออกให้เห็นถึงความรัก ความเอื้ออาทร..ที่เขามีต่อพ่อ เป็นเพื่อนพ่อไปทำงานด้วยกัน ถึงวันนี้ เรายังนึกถึงเขาทั้งสองเสมอ ขอให้ไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นด้วยเทอญ.... อ่านต่อตอนต่อไป
Create Date : 07 มีนาคม 2558
20 comments
Last Update : 30 กันยายน 2563 12:34:57 น.
Counter : 2228 Pageviews.
โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) 7 มีนาคม 2558 12:55:58 น.
โดย: moresaw 7 มีนาคม 2558 19:49:01 น.
โดย: ปลาทอง9 11 มีนาคม 2558 2:07:50 น.
โดย: อุ้มสี 11 มีนาคม 2558 21:15:43 น.
โดย: ก้อนเงิน 15 มีนาคม 2558 21:52:02 น.
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [? ]
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
นานๆฟ้าจะมีโอกาสได้แวะเวียนมาเยี่ยม..พร้อมกับมาอ่านเรื่องราวดีๆที่แม่บุญได้นำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันเสมอด้วยค่ะ..
ทุกครั้งที่ฟ้าอ่าน..อดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มไปกับเรื่องราวและสำนวนเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยข้อคิด ความเพลิดเพลิน
ตื่นเต้นและน่ารักดีค่ะ..
ถึงแม้ฟ้า..จะไม่ได้เข้ามาบ่อย เพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา
แต่พอเข้ามา ก็ได้อ่านจนจุใจ คุ้มค่ากับการมาเยือนในแค่ละครั้งด้วยค่ะ
แม่บุญมีความสามารถในเรื่องการเขียนและเล่าเรื่องได้เก่งมากๆ..อย่างนี้สมควรเป็นนักเขียนมืออาชีพได้แล้วนะคะ ฟ้าจะไปเป็นแฟนคลับตัวจริงคนหนึ่งค่ะ อิอิอิ
สำหรับแม่บุญ..พี่สาวที่รักค่ะ
เรียงความร้อยขับขานน่าอ่านยิ่ง
ช่างเป็นหญิงกล้าแกร่งและแข็งขัน
จากเรื่องราวเก่าก่อนเล่าย้อนวัน
คือผูกพันจิตสำนึกรู้สึกดี
ขอทวยเทพโอบขวัญรางวัลให้
แม่บุญได้ฟูเฟื่องรุ่งเรืองศรี
ทั้งลาภยศ เงินงาน บันดาลมี
ให้สุขนี้ชั่วชีวิต..นิจนิรันดร์ นะคะ
คิดถึงแม่บุญเสมอค่ะ