เมื่อมีปัญหาข้ออักเสบ
คนทุกคนต้องการมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย หลายครั้งยังไม่ถึงกับป่วย เพียงแต่รู้สึกไม่สบายบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลหรือหาสาเหตุของความไม่สบายนั้น ปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมากขึ้นกลับกลายเป็นความเจ็บป่วยที่รุนแรงยากแก่การรักษา เช่น เมื่อมีการอักเสบของข้อ โครงสร้างของข้อกระดูก โครงสร้างที่สำคัญของร่างกายคือกระดูก ซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ยาวบ้าง สั้นบ้าง แต่ละส่วนแต่ละข้อจะต่อกันเป็นท่อนๆ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหวของร่างกาย การที่กระดูกมาต่อกันย่อมเกิดการเสียดสีกัน ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกที่มาต่อกันนั้นเกิดการเสียดสี ร่างกายจึงต้องสร้างกระดูกอ่อนมาหุ้มที่ปลายกระดูกแข็งไว้ นอกจากนี้ยังมีเยื่อหุ้มข้อมาหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง ภายในถุงเยื่อหุ้มข้อก็จะมีน้ำหล่อลื่น ช่วยให้การเคลื่อนไหวของกระดูกเป็นไปได้ดีและไม่เกิดการเสียดสีกัน อาการอักเสบของข้อ เมื่อเกิดการอักเสบทำให้เกิดอาการปวดที่ข้อ ซึ่งเป็นอาการที่หลายคนเคยประสบมาแล้ว สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายประการ เช่น อุบัติเหตุ การใช้ข้อมากเกินไป ข้อเสื่อม หรือโรคเกาต์ เป็นต้น แต่ถ้ามีอาการปวดที่ข้อ รวมทั้งมีอาการบวมบริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า โดยเฉพาะที่ข้อโคนนิ้ว ข้อกลางนิ้ว หรือข้อมือทั้งสองข้าง เป็นๆ หายๆ ตอนเช้าจะรู้สึกข้อตึง แข็ง ขยับลำบาก หรือปวดตามข้อมากตอนเช้า และจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงสายๆ ถ้ามีอาการเช่นนี้ก็น่าสงสัยว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังที่ทำให้มีข้อบวม ปวดนิ้วมือ ข้อมือ ข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง อาจมีปวดที่ข้อศอก ไหล่ เข่า ซึ่งอาจมีอาการปวดบวมได้ การอักเสบเช่นนี้อาจเกิดขึ้นนานเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน อาการรู้สึกข้อตึง แข็ง ขยับลำบากในตอนเช้าเป็นอาการสำคัญที่พบในโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เมื่ออากาศเย็นอาการปวดจะรุนแรงมากขึ้น แต่ก็อาจจะพบในโรคอื่นๆ ได้ด้วย เช่น โรคข้อเสื่อม นอกจากมีอาการอักเสบ บวมและปวดตามข้อแล้ว ยังพบว่าอาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีไข้ต่ำๆ ไม่มีแรง นอนไม่ค่อยหลับ ไม่สบายตัว อาการดังกล่าวแสดงว่ามีการอักเสบภายในร่างกาย โดยสาเหตุของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทานในร่างกาย ซึ่งจัดเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง และแตกต่างจากโรคเกาต์ที่มีสาเหตุมาจากการมีกรดยูริกคั่งในร่างกาย แล้วไปเกาะตามข้อ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด อาการโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะเกิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการทำลายองค์ประกอบของข้อ เช่น เยื่อหุ้มข้อบวมหนาขึ้น เพราะมีการทำลายกระดูกอ่อนในข้อ ความหนาของกระดูอ่อนที่รองรับในข้อแคบลง กระดูกบริเวณรอบๆ ข้อพรุนหรือบางลง หรือมีการกัดกร่อนกระดูกบริเวณรอบข้อ ข้อจะบวมหนาและเสียรูปร่าง ข้อเคลื่อน เสียการทำงาน กล้ามเนื้อรอบๆ ข้ออ่อนแรงลง เส้นเอ็นรอบข้อหย่อนยาน หลวมหรือมีการขาดได้ ถ้าเป็นหลายนิ้วหรือทั้งมือจะนำไปสู่ความพิการ ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งมือและเท้าเพื่อทำกิจวัตรประจำวันหรือทำงานได้ไม่ถนัด ความสามารถลดลง รวมทั้งคุณภาพชีวิต ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หรือมีอายุสั้นลง 7-8 ปี อาการแทรกซ้อนของรูมาตอยด์ นอกจากอาการอักเสบที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังพบว่าข้ออักเสบเหล่านั้นอาจมีตุ่มหรือก้อนขึ้นตามผิวหนัง เช่น บริเวณข้อศอก หรือนิ้วมือ ซึ่งเรียกว่า ปุ่มรูมาตอยด์ (Rheumatoid Nodule) ปุ่มนี้จะเกิดขึ้นได้ทุกส่วนในร่างกาย เช่น ในเยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจ แต่พบไม่บ่อยนัก โดยมีการอักเสบของอวัยวะต่างๆ เช่น เยื่อหุ้มตาอักเสบ ตาแดง ปวดตา เส้นเลือดอักเสบตามผิวหนัง ในปอด ทำให้มีอาการปอดบวมหรือเหนื่อยหอบได้ มีอาการโลหิตจางเรื้อรังหรือขาดอาหาร ได้รับแร่ธาตุจากอาหารน้อยหรือเบื่ออาหาร อาจมีการเสียเลือดในกระเพาะอาหารเนื่องจากกินยาแก้อักเสบติดต่อเป็นเวลานาน ทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ โรคแทรกของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นอกจากผู้ป่วยจะได้รับความทรมานจากอาการเจ็บปวดจากข้อเรื้อรังจนอาจเกิดความพิการแล้ว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเอ็นขาดเพราะเส้นเอ็นและพังผืดอ่อนแอและขาดได้ง่ายซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ที่พบบ่อยได้แก่เอ็นบริเวณหลังนิ้วมือ ทำให้กระดิกนิ้วไม่ได้ กระดูกคอเคลื่อนเพราะพังผืดที่รัดกระดูกคออ่อนแอ หย่อนยานลง ทำให้กระดูกเคลื่อนได้ง่าย มีอาการปวดที่ต้นคอ และที่เป็นอันตรายมากก็คือกระดูกคอมีโอกาสเคลื่อนไปทับเส้นประสาทไขสันหลังทำให้เป็นอัมพาต แขนขาขยับไม่ได้ การดูแลตนเอง การรักษาเมื่อมีอาการอักเสบของข้อนิ้วมือ นิ้วเท้าเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือเป็นๆ หายๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้อง ถ้าเป็นผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานก็ควรลดน้ำหนักเพื่อลดแรงกดบนข้อ จะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้บ้าง การหิ้วหรือยกของหนักจะทำให้อาการปวดข้อกำเริบได้จึงควรหลีกเลี่ยง และในระยะที่มีการอักเสบควรลดการใช้งานข้อ ถ้ามีอาการปวดเข่าร่วมด้วย พยายามใช้ไม้เท้าเพื่อช่วยพยุงน้ำหนักตัวให้ลงที่ไม้เท้า จะลดแรงกดที่เข่าลงและลดอาการปวดได้บ้าง เมื่อเกิดการอักเสบสามารถลดการอักเสบลงได้บ้างด้วยการใช้ความร้อนประคบสลับกับความเย็น โดยนำน้ำเย็นจัดๆ และน้ำอุ่นจัดๆ อย่างละหนึ่งอ่าง นำผ้าขนหนูผืนขนาดพอเหมาะจุ่มในน้ำอุ่น บิดพอหมาด พันให้รอบข้อที่ปวดนานประมาณ 3 นาที ผ้าขนหนูอีกผืนจุ่มในน้ำเย็น พับรอบข้อเดิมหลังจากนำผ้าอุ่นออก ประคบนานประมาณ 2 นาที ทำสลับกันเช่นนี้ 2-3 รอบ อาการปวดจะค่อยๆ หายไป อาหารสำหรับข้ออักเสบรูมาตอยด์ ในด้านของอาหารควรกินอาหารให้ครบทุกหมู่ เสริมอาหารที่มีกลูโคซามีนและคอนดรอย ติน ซึ่งพบได้จากข้อกระดูกอ่อนของไก่ ตีนเป็ด ตีนไก่ ปลิงทะเล หูฉลาม เป็นต้น เพราะกลูโคซามีนและคอนดรอยตินจะทำหน้าที่ซ่อมสร้างกระดูกอ่อนในข้อให้หนาขึ้น จึงเหมาะที่จะนำมาประกอบอาหารสำหรับผู้มีอาการขัด มีเสียงดังในข้อ และป้องกันข้อเสื่อมในคนที่มีอายุมากขึ้น และมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าโปรตีนจากกระดูกอ่อนของไก่สามารถลดการอักเสบของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ลงได้ และผู้ป่วยสามารถลดยาแก้อักเสบลงหลังจากกินสารสกัดจากกระดูกอ่อนของข้อไก่นานประมาณ 3 เดือน ส่วนผู้ที่มีปัญหากรดยูริกสูง การกินข้อเป็ด ข้อไก่ อาจทำส่งเสริมให้ยูริกสูงมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงมาใช้กระดูกหมูแทน ในสับปะรดมีเอนไซม์ที่เรียกว่า บรอมีเลน ซึ่งมีการวิจัยพบว่าสามารถช่วยลดอาการอักเสบและข้อบวมลง ดังนั้นการกินสับปะรดหรือนำมาประกอบอาหารจึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เช่นกัน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังที่นำไปสู่ความพิการและเสียชีวิตได้ ต้องทำการรักษาที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง และไม่ควรเปลี่ยนแพทย์ผู้รักษาบ่อยๆ เพราะแพทย์ต้องติดตามปรับการรักษาเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะการกินยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรผิดนัดหรือขาดยา รวมทั้งพยายามกินอาหารที่มีกลูโคซามีน, คอนดรอยติน และบรอมีเลน เพื่อช่วยลดอาการอักเสบลง และเพิ่มคุณค่าชีวิตของตนเอง
ข้อมูลจาก //www.gourmetthai.com
Create Date : 12 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 12 ธันวาคม 2554 10:09:59 น. |
|
4 comments
|
Counter : 835 Pageviews. |
|
|
สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ เสยฺยโส นํ ตโต กเร
จิตที่ตั้งไว้ถูกต้อง ทำคนให้ประเสิรฐประสบผลดี
ยิ่งกว่าที่มารดาบิดา หรือญาติทั้งหลายใด ๆ จะทำให้ได้
มีความสุขกับจิตที่ตั้งไว้ถูกต้อง ตลอดไป...นะคะ
เวลาโรค SLE ของปอป้ากำเริบทีไร
มักจะปวดข้อเป็นประจำเลย...ค่ะ