11 เรื่องสำคัญที่ช่างภาพอยากบอกให้บ่าวสาวรู้ ♥
เนื่องจากงานแต่งงานเป็นงานที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว ดังนั้น บ่าวสาวทุกคู่ก็เลยอยากให้ภาพถ่ายในช่วงเวลานี้ออกมาดูดีที่สุด ซึ่งบางครั้งหลายคู่ก็ล้มเหลวเพราะความไม่รู้เป็นเหตุ แถมยังมีปัญหากับช่างภาพงานแต่งงานอีก คงจะดีกว่าหากพวกคุณศึกษาข้อมูลเอาไว้ก่อน และจะดีที่สุดหากเป็นข้อมูลที่ได้จากช่างภาพ งานแต่งงาน เพราะฉะนั้น ในวันนี้เราก็เลยนำ 11 คำแนะนำจาก offbeatbride.com รวมทั้งเรื่องสำคัญที่ช่างภาพงานแต่งงานอยากบอกพวกคุณรู้มาฝากกัน
1. ลิสต์รายชื่อช่างภาพจากสไตล์การถ่ายภาพที่ชื่นชอบ
อย่างแรกเลย ก็คือ ให้มองหาช่างภาพจากผลงานของพวกเขาตามสไตล์ภาพถ่ายที่ชอบ ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยจำกัดลิสต์รายชื่อช่างภาพให้น้อยลงได้มากทีเดียว อีกทั้งยังเสียเวลา ในการเช็กผลงานภาพถ่ายน้อยกว่าการสุ่มดูผลงานของช่างภาพทุกคนด้วย พร้อมกันนี้ ควรเช็กให้ชัวร์ว่าเป็นช่างภาพตัวจริงไม่ใช่ตัวแทนติดต่อหรือเจ้าของสตูดิโอ อีกทั้ง ในเมื่อเลือกเขามากแล้ว ก็ควรชื่นชอบ ชื่นชมผลงาน และเชื่อใจช่างภาพของตัวเองด้วย
2. ไม่สามารถกำหนดจำนวนภาพถ่ายได้แน่นอน
รูปภาพที่ช่างภาพแต่งงานส่วนใหญ่ถ่ายมาได้จะตกอยู่ที่ประมาณ 50-100 รูปต่อชั่วโมง เมื่อนำมารวมกันแล้วตลอดทั้งงานก็จะได้รูปภาพทั้งหมดประมาณ 800 รูป ซึ่งสำหรับบางคู่อาจดูเหมือนเป็นจำนานที่มากเกินความต้องการ ทั้งที่จริงแล้วก็ ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะช่างภาพไม่ได้เก็บภาพเฉพาะช่วงสำคัญเท่านั้นแต่ยังมี การเก็บภาพของรายละเอียดต่าง ๆ และเวลานอก อย่างเช่น ช่วงแต่งหน้าทำผม หรือเตรียมตัวก่อนปาร์ตี้ตอนเย็นด้วย
3. ควรแจ้งความต้องการให้ช่างภาพทราบล่วงหน้า
หากต้องการรูปภาพแบบไหน สไตล์ไหน หรือแนวไหนเป็นพิเศษ ควรแจ้งกับช่างภาพก่อนล่วงหน้า เพื่อให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัว และจัดหาอุปกรณ์มา ให้พร้อมสำหรับการถ่ายภาพ เนื่องจากภาพบางภาพก็ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมกับเทคนิคพิเศษ และผู้ช่วยอีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้งการแจ้งล่วงหน้าเช่นนี้ยังทำให้มีภาพสวยๆ ที่ตรงกับ ความต้องการมากขึ้นด้วย เช่นเดียวกับการแก้ไขภาพ เพราะช่างภาพส่วนใหญ่จะปรับแสง และสีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ถ้าหากต้องการภาพถ่ายที่เป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ก็ควรแจ้งความต้องการล่วงหน้า ซึ่งตอนนี้ก็มี 3 สไตล์ ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ
♥ คลีน (Clean) : ภาพที่ทำให้ใกล้เคียงกับสีธรรมชาติมากที่สุด
♥ แมตช์ (Matte) : ภาพคอนทราสต่ำ แต่งคล้ายภาพจากฟิมล์เก่า โทนสีพาสเทล ดูนุ่มนวลชวนฝัน
♥ ไฮท์ คอนทราส (High Contrast) : ภาพคอนทราสสูง เน้นรายละเอียด เต็มไปด้วยสีสันที่คมเข้มและสดใส
5. ค่าจ้างช่างภาพงานแต่งงานราคาสูง เพราะมีรายละเอียดเยอะ
งานของช่างภาพงานแต่งงานอาจดูเหมือนง่าย ๆ แต่ทำรายได้ดี เพราะแค่ถ่ายภาพ ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้รับค่าจ้างเป็นกอบเป็นกำแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้เป็นแค่สิ่งที่คุณมองเห็น ทั้งที่จริงแล้วเบื้องหลังของพวกเขามีอะไรต้องจัดการอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าประกัน ภาษี ซอท์ฟแวร์ตกแต่งภาพ โฆษณา ผู้ช่วย ขนส่ง หรืออุปกรณ์เสริม ฯลฯ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ราคาของการถ่ายภาพงานแต่งานค่อนข้างสูง ซึ่งช่วง 2-3 ปีแรก ของช่างภาพงานแต่งบางคนอาจจะเหลือเก็บไม่มากด้วยซ้ำ
6. ภาพของทุกคนดูดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง การทำจิตใจให้สบายผ่อนคลายและเชื่อใจช่างภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณดูดีขึ้น ในภาพถ่ายของตัวเอง หากตื่นเต้นจนคุมตัวเองไม่ได้ ให้ลองมองหามุมเงียบๆ แล้วหายใจเข้าออกลึก ๆ ประมาณ 30 นาทีก่อนถ่ายภาพรวมกับครอบครัวและสำหรับงานปาร์ตี้ และนั่งทำสมาธิสัก 1 ชั่วโมง ก่อนถ่ายภาพพอร์ตเทรต กับคู่หมั้น ส่วนคืนก่อนถ่ายภาพ ก็ควรดื่มน้ำและนอนหลับให้เพียงพอ พร้อมกับงดปาร์ตี้สักวัน
7. ศึกษารายละเอียดและข้อตกลงให้เข้าใจ
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกช่างภาพควรถามรายละเอียดกับช่างภาพให้ดี เพราะช่างภาพบางคนอาจจะแค่ถ่ายภาพ เซฟลงซีดี แล้วส่งมอบภาพให้กับคู่บ่าวสาวเลย โดยไม่ได้ตกแต่งใดๆ แบบที่เรียกกันว่า Shoot and Burn หรืออาจจะเก็บค่าตกแต่งภาพ เพิ่มทีหลัง ดังนั้นจึ งควรถามให้แน่ใจว่าราคาที่ตกลงกันนั้นรวมค่าตกแต่งภาพและพริ้นท์ภาพแล้ว จริงๆ จะได้ไม่เสียความรู้สึกทั้ง 2 ฝ่าย อีกทั้งการเก็บภาพไว้ในแผ่นซีดีคงไม่ได้ประโยชน์อะไร คงจะดีกว่าหากพริ้นท์ภาพมาประดับบ้านอย่างน้อย 2-3 ภาพ
8. ควรมีภาพ First Look สักเซต
การถ่ายภาพ First Look เป็นโอกาสที่ดีที่บ่าวสาวจะได้ถ่ายภาพแบบส่วนตัวก่อน งานแต่งงาน อีกทั้งยังเป็นการลดความเครียดเมื่อถึงวันแต่งงานจริงๆ ด้วย เพราะการถ่ายภาพ First Look ช่วยให้พวกคุณรู้มุมกล้องของตัวเองว่า ต้องโพสต์อย่างไร และอยู่ตรงตำแหน่งไหนถึงจะดูดีก่อนถึงวันแต่งงาน ในขณะเดียวกันยังช่วยให้บ่าวสาว ได้สนุกสนานกับงานปาร์ตี้ได้อย่างเต็มที่ หลังจากที่ถ่ายเก็บรูปคู่สวยๆ เอาไว้หมดแล้ว
9. จ้างช่างภาพแค่คนเดียวก็เพียงพอ
ช่างภาพงานแต่งงานมีแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะส่วนใหญ่ช่างภาพ ฝีระดับแนวหน้าส่วนใหญ่ก็มีทีมงานคอยช่วยเหลือพวกเขาในการจัดการเรื่องอุปกรณ์ถ่ายภาพ แสงไฟ และอื่น ๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องจ้างช่างภาพคนที่ 2 เลย ยกเว้น ในกรณีที่คุณต้องการภาพถ่ายของงานแต่งงานในมุมมองที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง
10. รีบจองตัวช่างภาพให้เร็วที่สุด
ควรจะจองตัวช่างภาพงานแต่งงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจาก ได้ฤกษ์งานแต่งงานมา แม้จะต้องจองข้ามปีก็ตาม เพราะส่วนใหญ่ช่างภาพ จะมีงานตลอดทั้งปี และยิ่งมีชื่อเสียงคนก็จะต้องการตัวมากเป็นพิเศษ หากจอง ใกล้ๆ วันแต่งงานก็อาจสายเกินไป ส่วนในกรณีที่ไม่สามารถจองตัวช่างภาพที่ต้องการได้ ก็อาจให้พวกเขาแนะนำช่างภาพคนอื่นๆ ให้กับคุณแทน เพราะพวกเขาเป็นคน ในวงการเดียวกัน ฉะนั้น ก็จะเป็นคนที่สามารถแนะนำ ช่างภาพในสไตล์ที่ต้องการและมีเวลาให้กับคุณได้
11. การให้ทิปขึ้นอยู่กับพิจารณาของคู่บ่าวสาว
ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยมากที่สุด คือ ควรจะให้ทิปช่างภาพหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ทิปพวกเขาก็ได้ และช่างภาพเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ดังนั้น จะให้หรือไม่ให้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบ่าวสาวแต่ละคู่มากกว่า
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 11 คำแนะนำที่ช่างภาพงานแต่งงานได้บอกมาทั้งหมดนี้ จะช่วยให้การค้นหาช่างภาพงานแต่งงานง่ายขึ้น และเป็นช่างภาพที่เพอร์เฟคท์ที่สุด สำหรับงานแต่งงานของพวกคุณกันนะคะ
ที่มา : https://wedding.kapook.com/view93177.html
Create Date : 12 สิงหาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2561 13:27:06 น. |
Counter : 1072 Pageviews. |
|
|
|