Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
เริ่มต้นการรักษามะเร็งปอด รอบที่ 4




เริ่มต้นการรักษามะเร็งปอด รอบที่ 4

ครั้งล่าสุดที่ไปหาคุณหมอ ผล x-ray ฟ้องว่า เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายมาอีก 3 จุดที่ปอด
คุณหมอจึงเริ่มการรักษาใหม่อีกครั้ง โดยนัดวันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2554 เราไปตามนัด
แต่ไก่โห่คือ 04.30 น. เพราะต้องไปเอาคิวแต่ต้น ๆ เขาไม่มีให้เสียบใบนัดก่อนเหมือนที่ผ่านมา เพราะโดนคนไข้โรคจิตลักใบนัดไปหมด เจ้าหน้าที่เขาไม่อยากรับผิดชอบ คนไข้จึงต้องช่วยเหลือตัวเอง เราไปถึงยังไม่มีคนไข้อื่นมา จึงเขียนใบนัดของเราเป็นคิวที่ 1 มาครั้งนี้เราเตรียมกล่องมาใส่ใบนัดด้วย แล้วก็นั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ พอเพื่อนคนไข้รายอื่นมา เราก็รับใบนัดของเขาไว้และเขียนคิวตามลำดับ พร้อมกับบอกเขาว่า เขาได้คิวที่เท่าไหร่ (คนไข้บางคนนึกว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ เราบอกว่าเปล่าหรอก เป็นคนไข้เหมือนกัน แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าไม่มีเสาให้เสียบใบนัด และเพื่อความเป็นระเบียบ) เรานั่งรอเจ้าหน้าที่มา จนเวลา 06.50 น. เจ้าหน้าที่ก็มาเปิดห้อง เราจึงมอบใบนัดทั้งหมดที่เราเก็บไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ไป
แล้วลงไปนั่งรอหน้าห้องเจาะเลือด เพื่อรอรับการเรียกต่อไป พอเจาะเลือดเสร็จก็ไปหา
อะไรทาน แล้วขึ้นไปชั้น 9 อาคารศรีพัฒน์ ห้องตรวจ 21 แจ้งเจ้าหน้าที่เขาว่า เรามาแล้วนะ สักพักเขาก็เรียกไปซักประวัติ และวัดความดัน จากนั้นก็นั่งร้องเพลง “รอ”
จวบจนเวลา 10.15 น. คุณหมอลงตรวจ เอาอีกแล้ว โดนแซงคิวโดยใครไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่เราได้คิวรักษาคนที่ 1 แต่ไม่อยากโวย เลยนั่งรอด้วยใจสงบ ถึงคิวตรวจแล้ว ผลการเจาะเลือด เกล็ดเลือดขาว
4,640 คุณหมอถามว่าไป CT-Scan หรือยัง เราก็บอกว่า คราวก่อนคุณพยาบาลไม่ได้ให้
เอกสารอะไรไปติดต่อห้อง 36 คุณหมอหงุดหงิดเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งยาเคมีบำบัดให้ และบอกว่า คราวนี้ผมคงไม่ร่วง เราก็ถามคุณหมอว่า คราวนี้ต้องให้ทั้งหมดกี่เข็มค่ะ คุณหมอบอกก็ดูอาการไปเรื่อย ๆ ยาตัวนี้จะให้ 2 พฤหัสติดกัน แล้วเว้นไป 1 สัปดาห์ จึงจะให้อีกชุดหนึ่ง ยาที่ใช้รักษาครั้งนี้คือสูตร Gemcitabine + Carbophtin ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 10 นาทีก็ออกมารอ ใบส่งตัวไปห้อง ONEDAY รอนานมาก ในที่สุดก็ได้เอกสาร เราจึงรีบไปที่ห้อง ONEDAY ที่อยู่ชั้นล่างสุด ติดต่อเจ้าหน้าที่ เขาให้ไปชำระเงินและรับยาก่อน สามีจึงเป็นคนจัดการ ได้ยามาก็เอามาให้คุณพยาบาล และไปหาข้าวเที่ยงทานก่อน แต่ก็จองเตียงไว้แล้ว

เริ่มให้ยาเคมีบำบัดเวลา 13.30 น. ช่วงนี้เราให้สามีกลับบ้านไปก่อน ไม่อยากให้เขามานั่งหลังขดหลังแข็ง เพราะที่ห้อง ONEDAY มีเพื่อนคนไข้และพยาบาลมากมาย นอนให้
ยาเคมีบำบัดจนถึงเวลา 16.00 น. ก็ไปรับใบนัดครั้งต่อไป รับใบนัดมาดู อ้าว...ไม่มีเอกสาร
ให้ไปติดต่อขอรับ CT- SCAN เราจึงถามคุณพยาบาล เธอยกหูโทรศัพท์ติดต่อกับทีมงานของคุณหมอ เขาบอกเดี๋ยวก่อนนะถามคุณหมอก่อน แล้วเขาก็บอกให้คนไข้ขึ้นมารับเอกสารสำหรับไปติดต่อขอทำ CT-SCAN ตลกไหม คนไข้ เพิ่งได้รับยาเคมีบำบัด
แต่ต้องถ่อสังขาร ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 9 ไปเอาเอกสารแล้วรีบลงมาชั้น 1 ก่อนหมดเวลาทำการ
ไปติดต่อขอคิวทำ CT เขาบอกคิวด่วนไม่มีเลย จะได้คิวก็นู้น 27 เมษายน 2554 ตายละวา
ไปตรวจคราวหน้า คุณหมอก็กริ้วอีกดิ เจ้าหน้าที่ก็แสนดี (อิอิ) แนะนำว่า ถ้าอยากได้ด่วน
ก็ต้องใช้บริการของศรีพัฒน์ อาจได้คิวพรุ่งนี้ และให้ไปติดต่อที่ชั้น 2 เราก็ต้องวิ่งทำเวลา
ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 2 ติดต่อขอคิว เออแหะ.... เจ้าหน้าที่บอกพรุ่งนี้ได้ สะดวกเวลาไหนเที่ยงหรือเย็น เราก็บอกว่าเที่ยงก็แล้วกัน (ขอทำความเข้าใจก่อนว่า อันโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กับศูนย์ศรีพัฒน์นี้ คิดค่าบริการต่างกัน แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นเราก็ต้องยอมเสีย)
เป็นอันว่าได้คิวทำ CT-SCAN เรียบร้อย เหนื่อยว้อย...นั่งรอลูกสาวมารับกลับบ้าน
ขณะที่ฝนเทกระหน่ำอย่างหนัก


วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2554 ออกจากบ้านเวลา 11.00 น. ตรงไปชั้น 13 ตึกศรีพัฒน์ติดต่อเจ้าหน้าที่ ไปชำระเงิน 10.355 บาท รอเรียกเพื่อเจาะเส้นและรอเพื่อนคนไข้รายอื่น ๆ
ใกล้เที่ยงก็มีเจ้าหน้าที่นำไปห้อง SCAN เบอร์ 51 เสร็จแล้วก็กลับบ้าน

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2554 เราเริ่มมีอาการแพ้ยา อาเจียนมาก กินไรไม่ค่อยได้
กินแล้วจะพุ่งออกทันที ปวดหัว และเพลียมาก นอนซมอยู่กับเตียง ลุกขึ้นมาแล้วปวดหัว
เป็นอย่างนี้ จนถึงเช้าวันพุธที่ 9 มีนาคม ทุกอย่างจึงกลับเข้าสู่ปกติ

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2554 ไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อรับยาเคมีบำบัดเข็มที่สอง
เราก็ปฏิบัติตัวเหมือนครั้งแรก คือไปแต่ไก่โห่และรอรับใบนัดของเพื่อนคนไข้ด้วยกัน
เวลา 10.30 น.คุณหมอลงตรวจก็เข้าไปและบอกคุณหมอว่า ผล CT อยู่ในคอมพ์แล้ว
คุณหมอเปิดดูและบอกว่า จุดที่ใหญ่มีขนาด 5 เซ็น และสั่งยาเคมีบำบัดขวดที่สองให้
คือยา Carbophitin (ไม่รู้เขียนชื่อยาถูกเปล่า อ่านลายมือคุณพยาบาลไม่ค่อยออก)
เราบอกคุณหมอว่าแพ้มากเลยค่ะ ทั้งอาเจียน ปวดหัว เบื่ออาหาร คุณหมอบอกคงเป็นเพราะ
เราโดนให้สารเคมี 2 ครั้งติดกัน คือวันพฤหัสที่ 3 มีนาคมได้รับยาเคมีบำบัด วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม ได้รับสารทึบฉีดเข้าเส้นเลือดใหญ่ ร่างกายเลยรับไม่ค่อยได้ ผลเกล็ดเลือดขาว 3,060

คราวนี้ไปนอนให้ยาเคมีบำบัดที่ ชั้น 3 ตึกสุจิณโณ ใช้เวลาให้แค่ 1 ชั่วโมงก็ได้กลับบ้าน
นัดอีกรอบวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม 2554 สั่งให้เจาะเลือด และ x- ray




Create Date : 22 มีนาคม 2554
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2557 8:23:52 น. 7 comments
Counter : 2545 Pageviews.

 
ผู้ป่วยสำคัญที่สุดก็เรื่องกำลังใจครับ ขอให้สู้กับโรคร้ายและมีจิตใจเข้มแข็งครับ เป็นกำลังใจให้อีก1คน


โดย: Don't try this at home. วันที่: 22 มีนาคม 2554 เวลา:13:35:49 น.  

 
มาวางกำลังใจก้อนโตๆค่ะพี่ต้อย หนึ่งขอให้ทุกอย่างที่พี่ต้องตรวจเช็คกับคุณหมอผ่านไปได้ด้วยดีตลอดไปค่ะ

จากใจค่ะ
ปล.กำลังใจอยู่ไกลคนละทวีปนิดนึงแต่ส่งตรงไม่ต้องติดแสตมป์ค่ะ


โดย: SweetBlue วันที่: 28 มีนาคม 2554 เวลา:3:39:18 น.  

 
ขอส่งกำลังใจมาให้จากแดนไกลด้วยคนค่ะ


โดย: little mouse in big apple วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:6:49:49 น.  

 
มาส่งกำลังใจให้นะคะ

สุขภาพแข็งแรงไวๆ ค่ะ


โดย: luckyfarm6662 วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:20:49:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ ชื่อสาวค่ะ ขอเรียกพี่ต้อย ตามเพือนๆได้ใหมคะ (สาวตามมาจากบ้านพี่ติณค่ะ )

เข้ามาอ่านเรืองราวการต่อสู้แบบเข้มแข็งของพี่ต้อย ขอยกนิ้วให้เลยค่ะ ทีแรกเข้ามา ยัง งงๆ เลยเริ่มอ่านตั้งแต่นล๊อคแรกเลยค่ะ เลยรุ้ว้าพี่ต้อย เป็นผู้หญิงทื่จิตใจเข้มแข็งมากๆเลยค่ะ ต่อสู้กับมะเร็งปากมดลูก แล้วก็มามะเร็งปอด แต่ สิ่งที่พี่ทำดีที่สุดและทำได้ดีมากๆคือไม่เครียด มะเร็งมันชอบความเครียดจริงๆด้วยค่ะ คงเหมือนกับข้อความ ที่พี่ต้อยบอกว่าพยาบาลเขียนไว้ มะเร็งหัวเราะ เมือเราร้องให้ มะเร็งร้องให้ เมือเราหัวเราะ

สาวอ่านไปก็ใจหายไปด้วย แต่ก็ยินดีและยกย่องพี่ต้อยมากๆที่ต้อสู้ มาตลอดกับโรคนี้

สาวเป็นคนหนึ่งที่พยายามดูแลตัวเอง กินอะไรที่อยากกิน แต่ก็ มีขอบเขตนิดนึงว่า ส่วนมากจะซื้อมาทำกินเองที่บ้าน เราะเรารุ้ว่าเรากินอะไรเข้าไป

แต่เรืองมะเร็งเป็นเรืองใกล้ตัวมากๆเลย

สาวชอบอ่านหนังสือชีวจิต ศึีกษาและอ่านเกียวกับหญ้าปักกิ่ง เห็นมีหลายๆคนหายจากมะเร็งด้วยสมุนไพรหญ้าปักกิ่ง

ซึ่งคนที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับหญ้าปักกิ่งคนหนึ่งท่านเป็นหมอ และเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นที่ลำใส้ แต่หายด้วยหญ้าปักกิ่ง

แต่อันนี้คงแล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนด้วยจริงใหมคะ
แต่อย่างหนึ่งที่พอจะ รู้ คือมะเร็งชอบอาหารประเภทไขมัน การกินอาหารมีไขมัน ก็เหมือนกับการใส่ปุ๋ยให้เจ้าต้นมะเร็ง

ปล อ่านตอนแรกที่พี่บอกว่า ตรวจมดลูก มีเลือดออกจนหมอต้องใช้ผ้าก๊อต อุดไว้ อ่านไปเสียวๆยังไงไม่รู้ค่ะ

สาวอ่านตอน ,,,,, ทำไมโชคร้านจัง ....... ขอบอกว่าน้ำตาม้นเอ่อ บอกไม่ถูก

สาวขออวยพรให้พี่ หายป่วยเร็วๆ ยิ้มเยอะๆ อย่าเครียดนะคะ



โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:12:11:47 น.  

 
ขออณุญาติ แอดดดด พี่ต้อยเป็นเพือนด้วยคนนะคะ เดี๋ยวจะแวะเข้ามาบ่อยๆนะคะ


โดย: แม่บ้านครอว์ฟอร์ด วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:12:16:23 น.  

 
สวัสดีคะ
แวะมาให้กำลังใจคะ คุณต้อยอึดดีจังเลยนะคะ อ่านขั้นตอนการรักษาแล้ว ทึ่งจริงๆ
ตอนนี้ คุณต้อยคงกำลังพักฟื้นจากเคมีบำบัดอยู่มังคะ ไม่รู้นั่งหน้าจอคอมได้หรือเปล่า นั่งหน้าคอมนานๆ ก็ไม่ดีนะคะ พาลจะปวดหลัง สายตาเสียอีกตะหาก

คุณต้อยเคยซักถามหมอบ้างหรือเปล่าคะ ว่า ทำไมมันถึงกลับมาอีก อันนี้ ดิฉันสงสัยมั่กๆ เลยค๊า

อ่านแล้วก็เสียวๆ ดิฉันเคยไม่สบาย ไอมาก ไอจนเจ็บหน้าอกเหมือนเพิ่งกลับจากผ่าตัด ก็เลยแอดมิตตัวเองเข้าห้องฉุกเฉินของรพ.ที่เมกานี่เลยคะ หมอที่ตรวจให้น่ารักเชียว พอรู้ประวัติว่า ดิฉันเคยเป็นมะเร็งมาก่อน ก็จับเอ็กซ์เรย์ปอดทันที ไม่เจออะไร แต่หมอย้ำให้กลับไปหาหมออองโคฯ เผื่อหมอจะสั่งทำ ซีทีแสกน เหมือนของคุณต้อย พอไปหาหมออองโคฯ ซึ่งขายดีมั่กๆ นั่งรอคิวเป็นชั่วโมง ได้คุยกะหมอไม่ถึงห้านาที (ตดยังไม่หายเหม็นเลยคะ 55) หมออองโคก็ดูแผ่นฟิลม์แล้วก็ไม่สั่งแสกน ก็ได้แต่หวังว่า คงไม่มีอะไรเน๊าะ
ทุกวันนี้ พยายามรักษาสุขภาพคะ ทั้งของตัวเอง และลูกสาว โดยเฉพาะลูกสาวนี่ ห้ามไม่ให้เป็นหวัดนะลูก 55 แม่ขี้เกียจติดเชื้อจากนู๋

หลานคุณต้อยที่อยู่ในกล่องคอมเม้นท์นี่ ท่าทางเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ ไม่รู้ทางบ้านวิ่งไล่จับกันวันละกี่รอบ 55

คุณต้อยพักผ่อนเยอะๆ นะคะ
ดิฉันคิดเสมอว่า การเป็นมะเร็ง ก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ ทำให้เราหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หลังจากที่ใช้งานมันมานาน ไม่ทนุถนอมเอาเสียเลยมั้ง เนื้อดีเลยกลายเป็นเนื้อร้าย

ไว้จะแวะเวียนมาทักทายอีกนะคะ


โดย: มรรคณิชา วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:4:07:54 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KeRiDa
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




ชื่อเล่นว่าต้อย เป็นคนกรุงเทพฯ ย้ายตามสามีซึ่งรับราชการมาประจำที่จังหวัดเชียงใหม่ มีลูกสาวและลูกชายอย่างละ 1 หน่อ และมีหลานชายวัยกำลังซนผู้เป็นกำลังใจให้คุณย่าได้ต่อสู้กับโรคร้าย

อุปนิสัยส่วนตัวพูดไม่ค่อยเก่ง เขียนเล่าเรื่องราวไม่ค่อยจะิเป็น ถนัดแต่เรื่องเพลง ฉะนั้นบ้านนี้จึงมีเสียงเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่

เรือนเพลงรัก KeRiDa ยินดีต้อนรับเพื่อน ทุกท่านด้วย ความเต็มใจค่ะ

"ชนใดไม่มีดนตรีกาล
ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกใครฟังดนตรีไม่เห็นเพราะ
เขานั้นเหมาะคิดขบถอัปลักษณ์"

บทกลอนตอนหนึ่งในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6



Friends' blogs
[Add KeRiDa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.