มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
28 กุมภาพันธ์ 2554

PTL (2)

PTL โดน Inception โดยเจ้ามือ ???


ตรวจการบ้าน +++ ตัวอย่างการวิเคราะห์งบ PTL +++ [fundamental]

เครดิตจากคุณ : ภูมิทัศน์


คำเตือน


1. อันนี้ใครไม่สนใจด้านการวิเคราะห์งบ ดูพื้นฐานบริษัทก็ข้ามไปได้เลย
2. จุดประสงค์ของกระทู้นี้คือการแสดงตัวอย่างการคาดการณ์ผลกำไรของบริษัท และตรวจงบการเงิน
ให้เพื่อนๆที่สนใจด้านการวิเคราะห์ได้แชร์แนวคิดกันครับ
3. ไม่ได้ต้องการบอกราคาหุ้นเป้าหมาย หรือบอกว่าหุ้นตัวนี้ดี หรือราคาถูกอยู่หรือไม่นะครับ



ปล. ไม่มีหุ้น VI หรือ หุ้นปั่น VI นะครับ หุ้นมันก็คือหุ้น
เช่นเดียวกับ เก้าอี้มันก็คือเก้าอี้ แจกันมันก็คือแจกัน แต่เราจะเอามันไปฟาดหัวคน เอาไปเขวี้ยง หรือจะเอาไปนั่ง

ประโยชน์หรือโทษ.....ก็อยู่ที่การใช้งานของคนเราครับ

พอดีอาทิตย์ที่ผ่านมา 1 ในบริษัทที่ผมลงทุนอยู่ได้มีการประกาศผลกำไร

และเนื่องจากหุ้นตัวนี้เองก็เป็นหุ้นที่เพื่อนๆรู้จักกันดี
เลยอยากจะนำวิธีคิด + วิเคราะห์งบ มาแชร์กัน

โดยถ้าผมมองตรงไหนผิดพลาด หรือใครมีแนวคิดอะไรเสริมก็สามารถบอกได้นะครับ


อันดับแรกก่อนจะมาวิเคราะห์กันก็อยากจะให้พอรู้จักนี้ซะก่อนบริษัทนี้ซะก่อน PTL คือบริษัทผู้ผลิตฟิล์มใส Polymer รายใหญ่ของโลก (อันดับ 3 หรือ 4 นี่แหล่ะ)


โดยใช้วัตถุดิบก็คือ เม็ดพลาสติกครับ (ราคาต้นทุนจึงแปรผันตาม ราคาน้ำมัน >> PTA MEG) ซึ่งฟิล์มใสที่บริษัทผลิตมีกำลังการผลิตตามที่แสดงไว้ดังตารางครับ



หลังจากที่เราบริษัทคร่าวๆ รู้ที่มาที่ไปของรายได้ รายจ่ายแล้ว

เราก็ต้องมาทำการจัดแบ่งจำพวกบริษัทซะ

โดยเนื่องจากสินค้าของ PTL จัดเป็นจำพวก Commodity ดังนั้นราคาจึงผันผวนตาม Demand Supply เป็นหลัก

ทำให้ PTL จัดในกลุ่มจำพวกหุ้น “โรงงานที่เป็นวัฏจักร”
โดยกราฟกำไรสุทธิย้อนหลัง จะพบว่าว่ากำไรของบริษัทมีการขึ้นลง หลัก Demand Supply

แต่พบว่าแนวโน้มกำไร มีค่ามากขึ้นเรื่อยๆอันเนื่องมาจาก การลงทุนเพิ่มกำลังผลิต และเพิ่มชนิดของฟิล์มที่ผลิต

(ในส่วนของการพิจารณาหุ้นจำพวกโรงงานนั้น การเพิ่มขึ้นของกำไรหลักๆจะมาจากการขยายกำลังผลิต

ดังนั้นสิ่งสำคัญต้องดูว่า
1. อัตราหนี้สิน และกำไรสะสม
2. เงินที่กู้มานั้นสามารถนำไปสร้างผลกำไรได้อย่างไรได้คุ่มค่าหรือไม่จากดูได้จาก อัตรากำไรสุทธิ , %ROA
เช่นกู้เงิน มา 100 ไปสร้างผลกำไรได้แค่ 5% อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขยายกำไรผลิตทำไม)



เกริ่นไปยาวแล้ว......
ขอตัดเข้าสู่การวิเคราะห์กำไรแบบที่ผมใช้อยู่เลยแล้วกันครับ


ในไตรมาศที่ผ่านมา PTL ทำกำไรสุทธิได้ 1.80 บาทต่อหุ้น

โดยจากตารางข้างล่างผมได้คาดการณ์ EPS ของ PTL ไว้ที่ 1.78-1.95 บาท โดยมี worst case ที่ 1.58 บาท

(ดูในแถวสี ส้ม >> Good case –เหลือง >> Normal case – แดง >> Worst case นะครับ)

** สำหรับ Detail ในส่วนอื่นๆไม่ขออธิบายนะครับ เดี๋ยวจะยาวไป
.
.



มาต่อกันในส่วนของการคำนวณว่ามีแนวคิดอย่างไร

สำหรับผมจะใช้วิธีการโหลดงบการเงินของแต่ละ Q และทำการงพิมพ์ใส่ excel เอง
ย้อนหลังให้ได้อย่างน้อย 3 ปี (จริงๆยิ่งมากยิ่งดี) ถือเป้นการศึกษางบบริษัทนั้นไปในตัว


..... หลังจากนั้นเราจึงมาทำการคาดการณ์รายได้ในอนาคตกันโดย

1. สำหรับแถวรายได้ ให้นำเอารายได้จาก Q ล่าสุดไปทำการคูณเพิ่มโดยคิดการเพิ่มเป็น % (เน้น)

โดยสำหรับ % ของรายได้ที่เพิ่มนี่ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้นทำอะไร ตัวอย่างเช่น
เช่น CPN – คิดจากพื้นที่ที่ให้เช่า ในปีหน้าที่เปิดเพิ่มคิดเป็นกี่ % ของปีที่แล้ว
CPALL – สาขาที่วางแผนว่าจะเปิดขึ้นใหม่ในปีหน้าเทียบเป็นกี่ % (ควรเผื่อ safety หน่อยเพราะมันเป็นข่าว ต่างจาก cpn ที่สร้างไปแล้วพร้อมเปิดจริง)
MCS - กำลังการผลิตเหล็กที่เพิ่มขึ้น กี่ตัน คิดเป็นกี่ %

ซึ่งการเผื่อ safety เท่าไรก็แล้วแต่คนครับ เพราะ % margin ในแต่ละงานก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นกำไรไม่ได้เพิ่มเท่าโดยตรง แต่ก็ค่อนข้างใกล้เคียง เพราะ เราคิดเป็น % ที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นการเฉลี่ยจากรายได้ที่ผ่านมาแล้ว

(เช่น หมายถึง สาขาใน กทม. กับตจว. ของ seven ทำรายได้ไม่เท่ากัน แต่มันก็น่าจะเพิ่มเป็นสัดส่วนที่เฉลี่ยมาจากเดิมแล้ว)

*** สำหรับ PTL ผมคิดเทียบกับ % spread ที่เพิ่มขึ้น โดยคิดว่ารายได้ที่มาจาก BOPET

คิดเป็นประมาณ 75% ของรายได้จาก Q ที่ผ่านมา และ spread เพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากกราฟ


ดังนั้นรายได้ใหม่ = เก่า+0.75*เก่า*0.5 ครับ (สำหรับ case สีส้มคือคิดแบบไม่เผื่อ safety มาก)
** ตัวคูณ 0.5 มาจากกราฟราคา spread ที่จะแสดงให้ดูข้างล่างนะครับ

ง๊ายง่าย ตอนป.ตรี ยากกว่านี้เยอะ Diff มีไส้ อินทริเกต 2ชั้น +บายพาส
.
.

ต่อๆ

2. ในส่วนของต้นทุนการผลิต ก็คล้ายๆเดิมครับคิดเพิ่มขึ้นเทียบเป้น % เช่นเดียวกัน ขอไม่อธิบายละเอียดนะ ขี้เกียจล่ะ

สำหรับ PTL ผมให้เพิ่มขึ้นมา 5% และ 12% สำหรับ 2 กรณี (ต้นทุนแปรผันตามน้ำมัน)

แนวคิดสำคัญสำหรับส่วนของต้นทุนการผลิตก็คือ ควรมีหลายๆ case เพราะเราเองก็คาดการณ์อนาคต 100% ได้ยาก


3. ในส่วนของ SG&A และค่าใช้จ่ายทางการเงินทั้งหลาย ไม่ค่อย serious ครับ

- SG&A ให้เพิ่มขึ้นนิดหน่อย เพราะถ้ารายได้เพิ่ม ส่วนมาก SG&A ก็จะเพิ่มตามใน % ที่ใกล้ๆกัน

- ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
(ควรจะลดลง ถ้าคิดว่าเราจะได้เงินสดจากการดำเนินงานมาชำระหนี้)
.
.
หลังจากนั้นเมื่องบออกแล้ว สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือ ต้องมาตรวจการบ้านครับ

เพื่อ - จะได้รู้ว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ส่วนไหนบ้างที่มีความผิดปกติไปจากที่เราคาดการณ์ไว้


ตัวอย่างจากงบ PTL พบว่ารายได้ ต่ำกว่าที่คาดไว้ค่อนข้างมาก เราก็ต้องไปพิจารณาต่อว่ามาจากอะไร

จากการคำนวณกลับ (แบบงูๆปลาๆ) ผมพบว่ารายได้ที่มาจาก BOPET เพิ่มขึ้นประมาณ 35%

(จากที่คาดไว้ 50%) เราก็ต้องมาคิดกันต่อว่าทำไม ??


จริงๆ รูปต้องเอาไปใส่ใน คห. 4 ลืมเลย -*-



** อันนี้เป็นสมมติฐานส่วนตัวผม จากงบนี้ผมก็ได้คำตอบว่าราคาขายฟิล์มของ PTL


จะมีการกำหนดราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า (อาจจะ 1-2เดือน) ตามแบบที่บริษัทใหญ่ๆ ทำกัน

ไม่ได้ปรับราคารายวันแบบร้านทองตาม กราฟที่เราดูๆกันจากจีน
และราคาซื้อขายจะค่อนข้างนิ่งไม่หวือหวาตามกราฟ

ทำให้ ราคาขายจากกราฟที่เราคาดการณ์ไว้ผิดจากความเป็นจริง

(จึงทำการ แก้จากเส้นแดง ที่ตอนแรกประมาณไว้แทนราคาเฉลี่ยรายไตรมาศ
เป็นเส้นสีน้ำเงินที่เป็ราคาที่เฉลี่ยโดยประมาณของไตรมาศ ลบไป 1-2 เดือน)


อะฮ้า ค่าเริ่มใกล้เคียง

ปล. เส้นแดงที่แบ่งไตรมาศมันเคลื่อนครับ ขออำภัยด้วยเพิ่งเห็น -*-



หลังจากนั้น สิ่งที่ยากที่สุด ก็คือการคาดการณ์ล่วงหน้าไป 2-3 ปี

ในส่วนนี้ผมไม่ขอเอามาแสดงให้ดูนะครับ ทั้งหน้า-behind เพราะถือว่าเป็นการชี้นำราคาที่ผมค่อนข้างถือ

แต่พอจะอธิบายหลักการได้ดังนี้

1. พิจารณาจากข่าวที่มีอยู่ทั้งหมด และอย่าลืมว่าธรรมาภิบาลของผู้บริหารสำคัญที่สุด (ถ้าผู้บริหารขี้โม้ น้ำหนักตรงนี้ก็เป็น 0)
สำหรับ PTL ผมว่าผู้บริหารค่อนข้าง conservative มากตรงนี้ผ่านไป

2. จากข่าวลองรวบรวมสิ่งที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมีจากอะไรบ้างและเท่าไร นำมาคิดเทียบกับของเดิมที่มีอยู่แล้ว

ตัวอย่างของ PTL ก็ตามตารางครับ
ถ้า CPN ก้ตารางที่บอกห้างที่จะเปิดใหม่+พท.ให้เช่า หรืออย่าง TPAC ก็กำลังการผลิตใหม่ว่ามีกี่ไลน์ กำลังการผลิตเป้นอย่างไร

3. สำคัญที่สุด สำหรับอนาคตไกลๆ (3 ปี) ที่ไม่ใช่ Q-Q เราต้องคาดการณ์ โดยคิดถึง Down side เป็นหลัก

สำหรับ PTL ก็หมายถึงให้เอากำลังการผลิตใหม่มาคิดที่ราคาขายฟิล์ม อยู่ในช่วงวัฏจักรขาลงครับ

ซึ่งอัตรากำไรในส่วนนี้เราสามารถหาได้จากข้อมูลย้อนหลังครับ และราคาต้นทุนก็ต้องคิดเผื่อกรณีที่น้ำมันราคาแพง
เช่น 130$ อย่างในช่วงที่ผ่านมาครับ

ส่วนเรื่องที่ว่า PE ตลาดจะให้เท่าไรนี่ก็ต้องเดาเอาเองครับ อันนี้จนปัญญาจริงๆ = =”


ถ้าทำได้เพื่อนๆก้จะสามารถหาราคาเป้าหมายได้โดยไม่ต้องไปฟังราคาเป้าหมายจากโบรคครับ


ที่สำคัญที่สุด คือถ้าเราทำความเข้าใจกับที่มาที่ไปของรายได้จากบริษัทที่เราลงทุนอยู่ว่า

มีจุดอ่อน-แข็งอย่างไร ก็จะช่วยให้เราประเมินสถานการณ์ และควบคุมอารมณ์ไม่ให้เป็นไปตามนายตลาดได้ครับ

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ (วัว-ตะ-ระ ขี้เกียจเลย...)





 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2554
1 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2554 9:30:06 น.
Counter : 4139 Pageviews.

 

สวัสดียามค่ำค่ะ

 

โดย: kobnon 28 กุมภาพันธ์ 2554 19:42:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]