ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความรู้การลงทุนมากน้อยแค่ไหน
หากคุณสามารถสร้างผลตอบแทนปันผลได้ 7%ก็น่าสนที่จะลงทุนในหุ้นไว้ก่อน
และหากหนี้ผ่อนบ้านเป็นหนี้ระยะยาวก็ผ่อนไปเถอะครับ ไว้โบนัสออกก็ค่อยทยอยโป๊ะ (ว่ากันตามจริงสมัยนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ถูกกว่าสมัยก่อนที่ เป็นเลขสองหลัก)
ควรเก็บเงินสดไว้บ้างเผื่อฉุกเฉิน

ส่วนหุ้นนั้นหากได้ปันผลปีละ 7% ก็เท่ากับ70,000 บวกเครดิตภาษีอีกสัก 2 หมื่น ก็เกือบแสน(เท่ากับเงินเดือน4เดือนเชียวนะ)
ผมว่าควรมีการลงทุนไว้เพราะคิดว่าทำงานหาเงินมาเพื่อใช้นั้น ต่อให้คุณไม่มีภาระหนี้สิน สุดท้ายเงินที่เป็นส่วนเหลือคุณก็จะหาวิธีนำไปใช้จนได้แหละ

หากลองคิดอย่างนี้ล่ะครับ
ค่าใช้จ่ายคุณเดือนละ 22,000บาท 1ปี= 264,000 บาท
มีเงินลงทุนในหุ้น 4,000,000ได้ปันผลปีละ 7%=280,000บาท ดังนั้นผมว่าคุณควรใช้ความรู้ในการเลือกหุ้นที่มั่นคงและปันผลดี โดยขยายช่องทรัพย์สินนี้ขึ้นแล้วทรัพย์สินนี้จะส่งเงินเลี้ยงคุณเองในอนาคตครับ

ข้อ 3 ตัดไปได้เลย ,ข้อ 2 ถึงขายหุ้นมาโปะก็ยังเป็นหนี้อยู่ดีเมื่อเป็นบ้านแล้วแปลงกลับป็นเงินยาก สภาพคล่องต่ำ มีค่าเสื่อมสภาพ หากมีเหตุต้องใช้เงินฉุกเฉินลำบากแน่ เป็นผมเช่าบ้านดีๆสักหลังอุ่นใจกว่าครับ ข้อ 1 ขายบ้านมาซื้อหุ้นเพิ่มถ้าขายบ้านเห็นด้วยครับแต่ถ้าซื้อหุ้นเพิ่มตอนนี้ผมแนะนำให้ถือเงินรอดีกว่าครับ
ถ้าเป็นผมผมจะเริ่มขายหุ้นที่ถืออยู่ด้วยครับเพระเงินปันผลไม่อาจชดเชยเวลาหุ้นลงได้ครับ แล้วรอซื้อกลับเวลาที่หุ้นลงมากๆแต่ไม่มีคนซื้อดีกว่าครับ คุณจะพบว่าคุณสามารถซื้อหุ้นที่คุณขายออกไปทั้งหมดกลับมาได้ โดยยังมีเงินเหลือจากการขายหุ้นในครั้งแรกอีกมาก ดีกว่ากินปันผลครับ

ผมว่าถ้าทำได้ 7% ต่อปี น่าจะเลือกข้อ 1

ผมแนะนำ ข้อ 2

ขอแนะนำให้ขายหุ้นทั้งหมดครับ
แต่อย่านำไปโปะทั้งหมด ให้โปะไปก่อนครึ่งหนึ่ง
เพื่อลดภาระดอกเบี้ย หรือเต็มที่ก็ 6-7แสน
ส่วนที่เหลือเก็บเป็นเงินสดไว้ ชีวิตควรมีเงินสดนะครับ
หากวันนึงต้องการใช้เงินแล้วหุ้นตกขายก็เสียดาย
ตอนนี้จังหวะดีหุ้นขึ้นควรรีบขายครับ

1. มีบ้านเป็นของตัวเองดีที่สุดแล้วค่ะ ค่อยๆ ผ่อนไปก็ได้

2. มีเงินก้นลงทุนกับหุ้นก็ โอเคอยู่แล้วผลตอบแทนก็ได้มากกว่าดอกเบี้ยธนาคาร ถ้าไม่มีเวลาก็ลงทุนระยะยาวแต่ถ้ามีเวลาดูหุ้นเรียลทาม ก็ขายทำกำไรบ้างผลตอบแทนก็จะมากกว่าอยู่แล้ว
3. แนะนำว่าขายหุ้นส่วนหนึ่งไปโปะบ้านเพื่อลดภาระดอกเบี้ย
4. ผลตอบแทนในห้นอาจเป็นเงินปันผลหรือส่วนต่างราคาขาย ให้เก็บไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ ไม่ต้องนำมาใช้เลย
5.อดทนอีกนิดนะคะ ราคาบ้านไม่เคยถูกลงมากมาย มีแต่จะราคาสูงขึ้น แต่เงินเดือนคุณต่างหากจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

เอากำไรจากการเล่นหุ้นมาโปะค่าผ่อนบ้าน เพื่อลดเงินต้นจากหนี้ซื้อบ้าน

ปัญหาคุณมาจากรายจ่ายกับรายได้มันใกล้กันเกินไป วิธีแก้ต้องดูจากปัญหาหลักก่อน
1. หาทางเพิ่มรายได้ เช่น รับจ้อบเพิ่ม ย้ายงานใหม่ ให้แฟนทำงานเพราะรายได้ก็จะเพิ่มเหมือนกัน
2. ลดรายจ่าย ผมว่าหลัก ๆที่จะลดได้คือ ลดค่าใช้จ่ายในบ้านกับค่าน้ำมัน ส่วนวิธีคงบอกไม่ได้เพราะรายละเอียดน้อย
3. หาทางผ่อนบ้านให้น้อยลง โดยหาบ้านใหม่ที่ราคาต่ำๆ กว่าเพือ่จ่ายให้น้อยลง แต่วิธีนี้ค่าใช้จ่ายช่วงเปลี่ยนถ่ายบ้านจะสูง ไม่แนะนำ
4. เอาเงินหุ้นมาจ่ายค่าบ้าน ผมว่าโปะบางส่วนดีกว่า แต่ไม่ต้องหมดเช่น ซัก 500000 เพื่อให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง แต่ว่าวิธีนี้รายจ่ายต่อเดือนก็ไม่ได้ลดลงเพียงแต่บ้านหมดเร็วขึ้น ไม่ค่อยแนะนำ
5. หาหุ้นที่ปันผลสูงกว่านี้ เช่น 8-10% อาจดีกว่า

แนะนำข้อ 1 กับ 2 ครับ

สำหรับตัวผมน๊ะ เคยมีประสปการณ์มาแล้วคือแฟนผมเป็นแม่บ้านเหมือนกันในส่วนของบ้านถ้ายังไหวก็ยึดผ่อนเท่าเดิมแหละครับตัวคุณนั่นแหละทราบดี แต่ factor อีกตัวหนึ่งลูกที่กำลังโตครับแล้วจะเข้าโรงเรียนครับ ถึงตอนนั้นคุณจะพบทางออกในการลงทุนเองครับอาจจะต้องปรับสัดส่วนการลงทุนเอาเองครับ ยึดทางสายกลางเอาไว้ครับตึงไปก็ลดความตึงลงมา แล้วจะไม่เครียดครับ

เป็นผม
1.เก็บบ้านไว้
2.ขายหุ้นครึ่งหนึ่ง ได้ 500,000
3 นำเงินสดที่ขายหุ้นได้ มาลงทุนทำธุรกิจเล็กๆ สักครึ่งหนึ่ง 250,000 (ให้แฟนคุณทำ) ธุรกิจอะไรก็ได้ที่ได้เงินสดทุกวัน
4.อีก 250,000 ฝากเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูก หรือ ไว้เป็นเงินสดสำรอง