มีกันบ้างมั้ยครับ? บริษัทที่ผลประกอบการดีแต่ไม่อยากลงทุนด้วย..
ผมเชื่อว่าคงมีกันบ้างแหละ.. เพราะในตลาดหุ้นของเรามีบริษัทให้เลือกลงทุนอยู่อย่างมากมาย และก็มีหลายบริษัทที่ผลประกอบการดี มีกำไร แต่เราไม่ได้ลงทุนด้วย..
สาเหตุก็อาจเนื่องมาจากไม่เข้าใจธุรกิจประเภทนั้นๆ ไม่ชอบผู้บริหาร อะไรทำนองนี้..
แต่สำหรับผมแล้ว.. ผมจะไม่ลงทุนในบริษัทที่ทำกิจกรรมที่ไม่โปร่งใส เช่น ธนาคารหน้าเลือด ธุรกิจทำลายสิ่งแวดล้อม ธุรกิจที่ทำคนบางกลุ่มต้องทนทุกข์ทรมานบนพื้นฐานของการแสวงหาแต่ "กำไร" เพียงอย่างเดียว..
"ธุรกิจแบบนี้ถึงกำไรดีผมก็จะไม่สนใจมันเลยครับ"
ไม่ใช่ว่าผมหยิ่งนะครับ (อันที่จริงแล้วบริษัทเหล่านั้นก็ไม่ได้อยากให้ผมไปสนใจหรอก เพราะยังมีคนอื่นที่สนอกสนใจกันอีกเยอะ) แต่ผมไม่สบายใจกับแหล่งที่มาของเงิน เพราะการได้เงินบนความทุกข์ของผู้อื่นคงอึดอัดใจน่าดู..
ผมพบว่าคนเราเกิดมาหลายร้อยหลายล้านชาติแล้วก็เร่งสะสมทรัพย์สินเงินทองกันทุกที แล้วสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ ก็เกิดใหม่ สะสมใหม่ แล้วก็เอาไปไม่ได้ ไม่เข็ดกันเสียที (กลายเป็นธรรมะไปซะงั้น)
คนที่ส่งเสริมคนด้วยการให้เพียงอย่างเดียวก็เหมือนกันครับ คนแบบนี้ไม่เคยสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับผมเลยครับ..
ผมเคยเห็นลุงชาวนาท่านนึงทำนา 100 ไร่ด้วยคนเพียงสองคนสามี-ภรรยา (ดูจากรายการคนต้นแบบ) คุณลุงคนนี้ทำรถไถเอง รถหว่านเอง มีเครนเวลายกของหนักๆ ด้วย เทคโนโลยีชาวบ้าน ราคาไม่กี่ตังค์ จบแค่ ป.4
คนแบบนี้ซิครับที่ผมอยากรับรู้เรื่องราว.. เพราะแกให้แรงบันดาลใจกับผมมากมาย ไม่ใช่ว่าผมจะไปทำนานะครับ แต่ผมทึ่งที่แกพึ่งพาตนเองได้ ไม่ต้องง้อใคร แบบนี้ไม่ต้องมีใครหยิบยื่นบัตรเครด่ง เครดิต อะไรต่างๆ มาให้ แกก็อยู่ได้ด้วยตัวเอง..
จากปากคำของชาวนาอย่างแกเลยแกบอกว่า.. "ชาวนาท้อง่าย และชอบอะไรที่สะดวก เช่น เวลาจะหว่านข้าวก็จ้างเอา ไม่ทำเอง" แบบนี้ต้นทุนก็น่าจะสูง และทำให้ได้กำไรน้อย..
กำไรจากการทำงานสุจริตนี่มันมีคุณค่ามากนะครับ (สำหรับผม) ดังนั้นถ้าแหล่งที่มาของกำไรไม่โปร่งใส สำหรับผมแล้วก็คงไม่สนใจแน่นอน เรียกว่าเลือกคบแต่คนดีๆ ก็แล้วกัน..
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลของการตัดสินใจเลือกซื้อหุ้นของผมครับ เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ใครเห็นต่างอย่างไรก็แลกเปลี่ยนกันได้นะครับ..
สุขสันต์วันหยุด เตรียมตัวลุยต่อวันพรุ่งนี้นะครับ (ลุ้นเด้ง..งงง)
มีธุรกิจส่วนตัวกันดีกว่า (Cool SME) //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=greenpluss&group=33
ตัวแทนจำหน่ายอิสระ และธุรกิจออนไลน์ //green-generation-plus.blogspot.com/
Create Date : 28 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2554 18:57:22 น. |
|
2 comments
|
Counter : 987 Pageviews. |
|
|
|
|
รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ที่ พบว่า จขกท เป็นคนดีที่สุด คนหนึ่ง
ถ้าธุรกิจ ทุก ธุรกิจ ทำอย่างที่ จขกท วาด ความฝันไว้ได้ ก็คงจะดี นะ
แต่ในเรื่องของการลงทุน จขกท ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่พอสมควร
ในตอนเริ่มแรก ที่ เจ้าของบริษัท เขาเอาหุ้น เข้าไปขายให้ตลาดหลักทรัพย์ บริษัทของเขาจะถูกประเมินคุณภาพจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว และอนุญาตให้บริษัททั้งหลายเอาหุ้นเข้ามาขายในตลาดหลักทรัพย์ ได้ ช่วงนี้ เราจะเรียกว่า เป็นตลาดแรก หรือที่เขาเรียกว่า ขายหุ้น IPO ช่วงนี้ เจ้าของบริษัทจะขายหุ้นให้กับผู้ที่สนใจ จะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ได้กำไรจากการขายหุ้นแล้ว
เมื่อหุ้น ถูกบรรจุเวลา เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้ว เราเรียกตลาดนี้ว่า เป็นตลาดรอง ถ้าเกิดการซื้อขายหุ้นเกิดขึ้น จะเป็นการซื้อขายหุ้นระหว่างนักลงทุนด้วยกันเอง ช่วงนี้ เจ้าของบริษัท ไม่เกี่ยวแล้ว และไม่ได้เงินด้วย
เพราะฉะนั้น เวลา นักลงทุน เขาจะลงทุนในบริษัทใด เขาจะไม่สนใจหรอกนะว่า กิจกรรมของธุรกิจจะไปกระทบกับสิ่งใดบ้าง ขอเพียงแค่เขาซื้อขายหุ้นแล้วได้กำไร ก็เป็นที่พอใจแล้ว ทำให้เขามีโอกาสเปิดกว้างในการลงทุน
แต่ถ้า จขกท จะยึดกรอบการลงทุนแบบที่คิดไว้นี้ ก็จะทำให้การลงทุนของ จขกท มีขีดจำกัด บางทีถ้ามีโอกาส ทำเงินได้ แต่ก็จะพลาดโอกาส ถ้ามัวแต่จะมีอคติกับบริษัทที่ว่านี้
แต่เพื่อความสบายใจ จขกท จะสนับสนุนและซื้อขายหุ้นในบริษัทที่ถูกใจ แล้วจึงค่อยลงทุน ก็สามารถทำได้ ไม่ผิดกติกา ครับ
ขอให้โชคดีครับ
แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 54 21:48:12
จากคุณ : รุ่งโรจน์ทวีคูณ