มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
21 พฤษภาคม 2554

ลองคำนวณหาค่า ROE ล่วงหน้า

ผมได้ลองคำนวณหาค่า ROE ในอนาคตโดยยกตัวอย่างบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งที่มีประวัติการเติบโตดังนี้



หลังจากนั้นผมก็มาคำนวณหาอัตราเร่งของ ROE แล้วทำเป็นกราฟได้ดังนี้



ผมจะได้ค่าความชันของกราฟมาค่าหนึ่งนั่นก็คือ 0.094 เมื่อนำมาคำนวณหาค่า ROE ในอนาคตจะได้ = 37.48%

นั่นหมายความว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ยังน่าลงทุนอยู่ เพราะยังมีโอกาสเติบโตตามค่าที่ผมคำนวณเล่นๆ แบบนี้ครับ..

ไม่ทราบถูกต้องหรือไม่ประการใด? ผมจะลองกับหุ้นที่ผมสนใจจะลงทุน และจะขอใช้เวลาทดสอบว่ามันสามารถทำได้จริงหรือไม่?

หากท่านใดมีข้อชี้แนะก็ช่วยแนะนำมาด้วยนะครับ..



กลยุทธ์เล่นหุ้นให้รวยนาน และยั่งยืน..
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=greenpluss&month=05-2011&date=02&group=32&gblog=1

นายแว่นธรรมดาเปิดร้านค้าออนไลน์ "นกฮูกนำโชค"
//www.lucky.ran4u.com/


Create Date : 21 พฤษภาคม 2554
Last Update : 21 พฤษภาคม 2554 13:04:25 น. 3 comments
Counter : 1520 Pageviews.  

 
ในการเลือกซื้อหุ้นเราต้องเทียบระหว่างราคาที่เราจะจ่ายกับคุณภาพของหุ้น ยิ่งหุ้นมีคุณภาพสูง pe ที่เหมาะสมของหุ้นนั้นๆก็ควรจะสูงไปด้วยการประเมินคุณภาพของหุ้น ผมมองว่าเป็นศิลปะ ไม่มีสูตรตายตัวในการคิดออกมาเป็นตัวเลข เพราะคุณภาพนั้นมันวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ยาก ก็อาศัยใช้ประสบการณ์ฝึกดูไปเรื่อยๆก็พอจะได้ไอเดียว่าหุ้นประเภทไหนควรมี pe เท่าไหร่

โดยผมจะมี check list คร่าวๆในใจ เอาไว้ประเมินคุณภาพของหุ้นดังนี้
การเติบโตของรายได้: แนวโน้มอุตสาหกรรม, ความสามารถของคู่แข่ง, ความสามารถในการเพิ่มยอดขายของบริษัท
ความสามารถในการควบคุมต้นทุน: อำนาจต่อรองเทียบกับ supplier, ความสามารถในการผลักภาระไปให้ลูกค้า
ความผันผวนของรายได้และกำไร: ยิ่งผันผวนมาก ผมมองว่าคุณภาพจะค่อนข้างต่ำ
ผู้บริหาร: ความซื่อสัตย์, ความขยัน, ความเก่ง (ต้องระวังผู้บริหารที่ขี้โม้เก่งนิดนึง เพราะเราอาจจะคิดว่าฝีมือดีทั้งที่จริงๆแล้วอาจจะไม่ได้เรื่องเลยก็ได้)
โครงสร้างการเงินของบริษัท: หนี้สินเทียบกับส่วนทุน, หนี้สินเทียบกับกำไร, เงินสดที่เหลืออยู่หักด้วยหนี้สิน
ฯลฯ

จากปัจจัยต่างๆข้างต้นที่เป็นตัววัดคุณภาพ ลองพยายามประเมินออกมาให้ได้ว่าหุ้นที่เราวิเคราะห์นั้นอยู่ในกลุ่มไหน แล้วลองเอามาเทียบกับหุ้น 5 กลุ่มข้างล่างที่ผมเขียนเอาไว้

หุ้นที่มีคุณภาพแย่ (หุ้นเกรด F) กิจการที่ขาดทุน หนี้สินเยอะๆ หรือกำไรเอาแน่เอานอไม่ได้ปีนึงกำไรปีนึงขาดทุน หรือพวกที่ผู้บริหารไว้ใจไม่ได้ พวกนี้ไม่ต้องประเมิน pe หรอกครับอย่าไปซื้อมันเลยดีกว่า

หุ้นที่มีคุณภาพกลางๆ (หุ้นเกรด C) หนี้สินกลางๆ รายได้และกำไรไม่ค่อยเติบโต หรือเติบโตช้าไม่เกิน 5% ต่อปี pe ควรจะอยู่แถวๆ 5-6

หุ้นคุณภาพดีพอใช้ (หุ้นเกรด B) หนี้ไม่มาก รายได้ไม่ผันผวนโตอย่างสม่ำเสมอ กำไรในอนาคตเติบโตระดับ 5-15% ต่อปี pe น่าจะประมาณ 6-9

หุ้นคุณภาพดี (เกรด A) หนี้น้อย หรือไม่มีเลย รายได้โตอย่างต่อเนื่อง กำไรในอนาคตคาดว่าจะโตในระดับ 15% ขึ้นไป pe เหมาะสมประมาณ 9-12

หุ้นสุดยอด (Super stock) หนี้น้อยหรือไม่มี รายได้มั่นคงมากและโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ กำไรโตขึ้นในระดับ 20-30% ผู้บริหารเก่ง ขยัน ซื่อสัตย์ แนวโน้มธุรกิจดี มีอำนาจในการต่อรองต่อ supplier สูง อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่แข่งขันกันเรื่องราคาเป็นหลัก สามารถผลักภาระให้ลูกค้าได้ ฯลฯ พวกหุ้นชั้นยอดพวกนี้ pe ตั้งแต่ 12 ขึ้นไปจนถึง 20

ตัวเลขที่แสดงเป็นเพียงแค่ Guideline คร่าวๆเท่านั้นนะครับ อย่าไปคิดว่าเป็นสูตรตายตัวอะไร ที่แบ่งออกมาเป็นกลุ่มแบบนี้ผมว่าเข้าใจง่ายดี

-----------------------------------------------
Credit : คุณ YOYO ณ thaivi.com


โดย: นายแว่นธรรมดา วันที่: 21 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:05:51 น.  

 
ชนะตลาดก่อนเดินเข้าสู่ตลาด

แพ้ให้เป็นก่อนจึงจะชนะ


โดย: นายแว่นธรรมดา วันที่: 22 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:15:36 น.  

 
คิดยังไง


โดย: นิด IP: 223.206.172.219 วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:16:27:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]