มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
25 เมษายน 2554

คุณเป็นนักลงทุนประเภทไหน?

นักลงทุนมีหลายประเภท ถ้าแบ่งรูปแบบของการลงทุนเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์ก็จะมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ นักลงทุน กับ นักพนัน

แต่ถ้าแบ่งประเภทของการเป็นนักลงทุนโดยภาพรวม เช่น นักลงทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนในธุรกิจส่วนตัว เราสามารถแบบได้ 4 ประเภท ได้แก่

1. นักลงทุนประเภทติดลบ นักลงทุนประเภทนี้จริงๆ แล้วไม่จัดเป็นนักลงทุน อาจจะจัดเป็นนักก่อหนี้มากกว่า เพราะมักจะสร้างหนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของชีวิต ถ้ามีความสุขกับมันก็คงไม่ผิดอะไร อย่างที่หลายคนเรียกว่า "หนี้แห่งความสุข" (ผมเองก็มีหนี้แห่งความสุขเช่นกัน)

2. นักลงทุนประเภทนักออม นักลงทุนแบบนี้จะเน้นการเก็บออมเป็นหลัก ธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงนักลงทุนประเภทนี้จะสนใจเป็นพิเศษ เงินที่หามาได้ก็จะเก็บออมเกือบหมด มีความสุขกับตัวเลขในสมุดบัญชี คนรอบข้างคุณใครเป็นนักลงทุนประเภทนี้บ้าง?

3. นักลงทุนประเภทนำเงินไปต่อเงิน นักลงทุนแนวนี้มักจะเป็นนักธุรกิจ อาจเริ่มต้นธุรกิจด้วยการกู้ ถ้าโชคดีประสบความสำเร็จก็จะนำกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจมาต่อธุรกิจ เรียกว่าเงินต่อเงิน การลงทุนประเภทนี้ใช้ได้ดีในยุคอุตสาหกรรม และถ้าประสบความสำเร็จก็อาจจะต้องคอยดูแลธุรกิจของตนเองไปจนแก่

4. นักลงทุนประเภทสร้างเงินจากความว่างเปล่า นักลงทุนประเภทนี้จะไม่ใช้เงินต่อเงิน แต่ก็อาจใช้บ้างถ้าให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามโดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนประเภทนี้จะใช้ความคิดสร้างเงิน ความคิดที่มาจากสมอง ไม่มีต้นทุนทางการเงิน หรือสร้างเงินจากความว่างเปล่า นักลงทุนเหล่านี้ได้แก่ นักสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (บิลเกตต์) นักสร้างสังคมออนไลน์ (FaceBook) สร้างธุรกิจจากความคิด และขายธุรกิจเปลี่ยนเป็นความมั่งคั่ง

คุณเป็นนักลงทุนประเภทไหน?

สำหรับผมกำลังพยายามเป็นนักลงทุนประเภทสุดท้าย "ความคิด" เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และสามารถแปลงเป็นความมั่งคั่งได้ ถ้าคุณมีความคิดดีๆ ความร่ำรวยก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน..



คุณสามารถทิ้งงาน หรือธุรกิจไว้ 1 ปี ไปเที่ยว แล้วกลับมายังพบว่างานยังเดินได้เป็นปกติหรือไม่?
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=greenpluss&month=04-2011&date=24&group=16&gblog=100

อาหารพืชชีวภาพ
//whole--sale.blogspot.com/2011/04/blog-post_24.html

Home Decor Garden
//rascal-shop.blogspot.com/


Create Date : 25 เมษายน 2554
Last Update : 25 เมษายน 2554 15:35:25 น. 1 comments
Counter : 1370 Pageviews.  

 
Concept ของ EV/EBITDA นั่นคล้ายกับ P/E ครับ โดย P/E มาจาก มูลค่าหุ้นสามัญ/กำไรสุทธิ

* กำไรสุทธิคือกำไรที่หักดอกเบี้ยออกไปแล้ว ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นกำไรของผู้ถือหุ้นสามัญนั่นเอง



แต่สำหรับ EV/EBITDA มาจาก มูลค่ากิจการ/EBITDA

* EV ย่อมาจาก Enterpise Value ซึ่งคือมูลค่าของกิจการที่ไม่รวมส่วนของ non operating

* Value of firm = Value of operating + Value of nonoperating

* Value of operating คือ มูลค่าของกิจการทีี่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท

* Value of nonoperating คือ มูลค่าของกิจการทีี่ไม่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท

เช่น เงินลงทุนในหุ้นระยสั้น,เงินลงทุนในตราสารหนี้

* EBITDA นั้นคือกำไรที่เป็นนักลงทุนทั้งผู้ถือตราสารหนี้(ผู้ให้กู้) และ ผู้ถือหุ้นสามัญ



การคำนวณ EV ในกรณีเพื่อหา อัตราส่วนการเงินนี้

EV = Equity + Debt - Value of non operating

* Equity ที่กล่าวถึงนี้จะใช้มูลค่าตลาดของ Equity ซึ่งเท่ากับ ราคาหุ้นคูณจำนวนหุ้น

* Debt ที่กล่าวถึงนี้จะใช้มูลค่าตลาดของ Debt ซึ่งโดยทั่วไปจะมีมูลค่าไม่ต่างจาก Book มากนักดังนั้นสามารถใช้ Book แทนได้

* Book หมายถึงมูลค่าที่อยู่ในบัญชี (งบดุล)



EBITDA คือ กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย




โดย: นายแว่นธรรมดา วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:16:45:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]