มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
21 กุมภาพันธ์ 2555

CPF จะเป็นอย่างไรต่อไป?

CPF



CPF

สวัสดีครับหุ้นซีพีน่าสนใจเสมอครับ ผมลองดูตัวเลขทางการเงินคร่าวๆ แล้วโอเคนะครับ โดยเฉพาะอัตราการทำกำไรสุทธิดูสูงขึ้นอย่างน่าสนใจ เห็นว่ามีการลงทุนในเวียดนาม และจีนด้วยนะครับ เท่าที่ผมทราบการลงทุนในจีนตอนนี้ซีพีสามารถกินส่วนแบ่งได้ไม่ถึง 5% ยังนับว่าน้อยมากครับ แต่สำหรับการลงทุนในเวียดนามดูน่าสนใจมากทีเดียวครับ เพราะตลาดเวียดนามเป็นตลาดที่กำลังเติบโตน่าสนใจครับ

แต่จุดที่ต้องระวังก็คือการกู้เงินมาซื้อกิจการที่เวียดนามกับจีนครับ เพราะหากการลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จก็จะมีหนี้ให้บริษัท และผู้ถือหุ้นต้องรับภาระ อันจะส่งผลต่อราคาหุ้นในอนาคตได้ครับ

ในทางกลับกันถ้า CPF สามารถทำให้รายรับเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อบริษัททั้งสอง โดยตัวเลขที่ทางซีพีแจ้งเอาไว้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนล้าน ผมลองคำนวนจากอัตราการทำกำไรสุทธิของซีพีที่ 8% จะได้กำไรที่ควรจะได้เป็น = 300000 x 0.08 = 2.4 หมื่นล้าน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น = 3.19 บาทต่อหุ้น (ค่าประมาณนะครับ) จากกำไรต่อหุ้นเดิม 2.02 บาทต่อหหุ้น ที่ราคาหุ้นประมาณ 35 บาท ดังนั้นกำไรเพิ่มขึ้นตามที่คำนวนราคาอาจปรับตัวขึ้นไปอีกได้ครับ แต่ซีพีก็ต้องทำยอดขายให้ได้ตามที่โฆษณาไว้นะครับ

สำหรับผมคิดว่าซื้อสะสมได้ครับ ผมเองก็สะสมเอาไว้แต่จะค่อยๆ ทยอยสะสม เพราะตอนนี้ตลาดบ้านเราก็ถือว่าขึ้นมามากพอใช้ได้แล้วล่ะครับ

โปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ ขอบคุณสำหรับคำถามครับผม

(นายแว่นธรรมดา)

แวะทักทายนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับผม..
//www.facebook.com/NaiwaenTammada






Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2555 13:57:45 น. 8 comments
Counter : 1891 Pageviews.  

 
CPF หุ้นในดวงใจ



โดย: Sawaeng6559 IP: 118.172.135.165 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:39:36 น.  

 
CPF สามารถลงทุนถือยาวหลายๆปีได้ เพราะเป็นธุรกิจอาหาร ไม่ได้ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจโดยตรงมากนัก หมายความว่าเกิดเศรษฐกิจตกต่ำ หรือปัญหาทางการเมืองมากน้อยแค่ไหน ทุกคนก็ต้องกินอาหาร รายได่ก็มั่นคง เติบโตได้ต่อเนื่องตลอดไป แต่ไม่หวือหวา อยู่ที่ศักยภาพการขยาบธุรกิจ การบริหารจัดการของ(ุ้บริหารว่าเก่งหรือไม่อย่างไร แต่ CPF เท่าที่ผ่านมาคนเก่งเยอะ CPF มีบริษัทลูกในต่างประเทศมาก และมีเป้าหมายจะเป็นครัวโลกด้วย ซื้อแล้วน่าจะนอนหลับสบาย แต่ราคาไม่หวือหวาครับ


โดย: . IP: 101.109.183.185 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:00:33 น.  

 
าปีนี้ CPF น่าจะมีกำไรสูงสุดแน่ๆเพราะมีปัจจัยบวกเยอะมากๆๆ

คือกำไรจากหุ้นCPALLซึ่งผมคิดแบบง่ายๆ น่าจะมีกำไรจากการจ่ายเงินสดปันผล 2,110 ล้านบาท และหุ้นปันผลอีก 2110 ล้านหุ้น
ไม่รู้ว่ากำไรจะเพิ่มอีกเท่าไร แต่ผมคิดว่าคงเป็นหมื่นล้าน แต่ก๊ไม่แน่ใจว่าจะถูกรึเปล่า เพราะเพิ่มมากจนไม่น่าจะเป็นไปได้
1 บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด 1,346,642,200 29.97%
2 บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 763,621,300 17%
รวมหุ้นของ CPF ที่ถือใน CPALL 2,110,263,500 46.97%
ถ้ามูลค่าหัุนCPALLเพิ่ม 5 บาท/หุ้น จะทำให้CPFมีกำไรมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น 10,000ล้าน ถ้าเพิ่มขึ้น 10 จะกำไรเท่าไร? คิดกันเองแล้วกัน

อีกอย่างคือกำไรจากการที่CPFซื้อหุ้น C.P.Pokphand (CPP) ซึ่งจะมีผลใน Q1 ตั้งแต่เดือนกพ.55 แต่ทั้งปีจะทำให้CPF กำไรเพิ่มขึ้น26%
และ Dilute จากการเพิ่มทุน9% ดังนั้น CPFน่าจะกำไรเพิ่มอีก 17% (26%-9%)

และมีกำไรพิเศษจากการที่ CPFซื้อC.P.Pokphand (CPP) อีก 3-4พันล้านบาท


โดย: . IP: 125.25.99.222 วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:4:55:04 น.  

 
Cpf ไม่ได้ถือหุ้นใน cpall นะครับ

เพราะ cp สองอันทื่เห็นเป็นอีก cp ไม่ใช่ของcpf


โดย: . IP: 125.25.99.222 วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:4:57:49 น.  

 
ผมว่าCPFน่าจะมีภาษีดีกว่า CPALL

เหตุผลคือ CPF มีวิสัยทัศน์ก้าวไปสู่ "ครัวของโลก" และกำลังสานฝันสู่ครัวโลกอยู่
หากดูความเป็นไปได้คงไม่ไกลเกินฝัน แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร ตลาดเปิดกว้างมาก รวมทั้งCPFก็กำลังก้าวไปสู่จุดนั้น
เช่นมีการตั้งบริษัทลูกในหลายๆภูมิภาคของโลก และกำลังรอการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนในหลายปีที่ผ่านมา
รวมทั้งการซื้อCPPในปีที่ผ่านมาก็คงเป็นแผนการก้าวไปสู่ครัวของโลกเช่นกัน
ในปี 2558 ตลาดเสรีอาเซี่ยนเปิดกว้าง AEC ( Asian Economic Community) ตลาดของCPFคงเติบโตได้อีกมากมาย และมีความพร้อมอยู่ทั้งเงินทุน
บุคคลากร ประสบการณ์ และ Khow How ต่างๆที่สั่งสมมาหลายสิบปีที่คู่แข่งไม่สามารถเรียนรู้ได้
อีกทั้งในปัจจุบันปัญหาการขาดแคลนอาหารของโลก ก็ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ราคาอาหารจะค่อยๆแพงขึ้นๆ UN ก็ได้ออกข่าวบ่อยๆว่าปัญหาการขาดแคลนอาหารจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้(จำปีไม่ได้แล้ว)
กำไรของ CPF ก็น่าจะเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่สูงขึ้น แต่คงต้องลงทุนในระยะยาวหลายๆปี แต่ความเสียงของธุรกิจ คู่แข่งมีค่อนข้างน้อย

สำหรับ CPALL ก็คงเติบโตได้ไม่เท่า CPF โดยเฉพระในอีกหลายๆปีต่อไป เพราะตลาดเริ่มอิ่มตัว และแนวโน้มการแข่งขันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้ง LOTUS BIGC ที่เป็นคู่แข่ง แม้จะยังไม่ใช่ปัญหาในขณะนี้ แต่ก็คงแย่งลูกค้าบางส่วนไป
แม้การขยายสาขายังเดินตามแผนปีละ 500 สาขา แต่อีกไม่นานคงอิ่มตัว คงต้องมีกลยุทธหรือการขยายการลงทุนไปต่างประเทศจึงอาจทำให้ CPAL สามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อไปได้อีกนับสิบปี
แต่หากไม่สามารถขยายสาขาไปยังต่างประเทศได้ การอิ่มตัวของCPALL ก้น่าจะค่อยๆชลอตัวลง
แต่ก็เชื่อมั่นว่า ผู้บริหารของCPALL เก่ง ปัญหาง่ายๆที่กล่าวมาคงได้วางแผนการลงทุนไปล่วงหน้าหลายๆปีแล้ว แต่ยังไม่ได้การอนุมัติให้ลงทุนในต่างประเทศได้ในขณะนี้
หากสามารถขยายสาขาไปยังกลุ่มอาเซียนได้ในปี 2558 เมื่อตลาดเสรีอาเซี่ยนเปิดกว้าง AEC ( Asian Economic Communuty) ก็น่าจะมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก(ถ้าสามารถได้ลิขสิทธิให้ขยายสาขาไปในกลุ่มอาเซี่ยนได้นะครับ)

สรุปผมมองว่า CPFน่าจะมีศักยภาพสูงกว่า CPALL และมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงกว่ามากครับ

จากคุณ : Wild Rabbit


โดย: . IP: 101.109.204.74 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:16:57:40 น.  

 
กองแช่ง - เขาบอกว่าแพงมากราคานี้ รอที่ต่ำกว่า 30 บาทเท่านั้น ที่ราคานิ่ง ๆ ตอนนี้ เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ก่อนจะปัก
หัวลง และอาจจะได้เห็น 4 ไม้ 100 แล้วต้องรอ 2-3 ปีกว่าจะกลับมาที่ราคา 40 บาท ราคาก่อนหน้านี้มัน over
price เป็นราคาของอีก 5 ปีข้างหน้า ที่เม่าคาดหวังกันไปเอง ผนวกกับเจ้าสัวขายทำกำไร โวลุ่มยังไม่แห้ง ไม่ควร
เข้าไปรับมีด เดี๋ยวมือขาด บางท่านบอกจะเหลือ 20 บาทขาดตัว

กองเชียร์ - แนวรับอยู่ที่ 30 บาท ตอนนี้ "เริ่มมีสัญญาณ" กลับตัว บริษัทพื้นฐานดี ช่วงนี้ราคาตก เพราะ CPF
ทำธุรกิจ FEED+FARM มากกว่า FOOD ราคาไก่+หมูตก ทำให้ราคาตก แต่มันเป็นวัฏจักร เดี๋ยวก็กลับมาได้ สิ้นปี
เจอกันที่ 40 บาทและเจอกันที่ 50 บาท Q1 2556 เพราะบริษัทเห็นจุดอ่อนแล้วว่า FEED+FARM มันแปรผันง่าย
ปัจจัยเยอะ สู้ FOOD ไม่ได้ที่มาจิ้นสูง พยายามปรับให้เป็น FOOD 50% อยู่ อนาคตสดใสแน่นอน

แล้วแต่จะพิจารณา

ปล. โดยส่วนตัวยังจับไก่เรื่อย ๆ อ่านกราฟแล้วไม่น่าต่ำกว่า 30 บาท แนวรับที่ 32 แข็งแกร่งมาก รอดูันต่อไป

จากคุณ : Shinosuke08


โดย: . IP: 202.28.7.122 วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:14:43:42 น.  

 
1. ราคาไก่เนื้อหน้าฟาร์มมันเป็นวัฏจักร ช่วงนี้ของปีตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้มันจะ

มีราคาตกต่ำอยู่แล้ว (อ้างอิง) ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะกำไรลดลง นี่เป็นเพียงผลกระ-
ทบระยะสั้นเท่านั้น ไม่ใช่ผลระยะยาว ไม่ได้เลวร้ายมากขนาดทำให้พื้นฐานเปลี่ยน
หรือบริษัทหมดอนาคต เป็นครัวของโลกไม่ได้แล้วอย่างที่หลายท่านพูด นั่นก็เว่อร์ไป


2. CPF ไม่ได้ทำแต่ไก่นะครับ ทำไมทุกคนคิดว่า CPF ทำแต่ไก่ พอไก่ย่ำแย่ก็ต้องล้ม
ทั้งบริษัท หมดอนาคตไม่ได้เติบโตแล้ว CPF เกิดมาจากธุรกิจ Farm และ Feed ทำทั้ง
ไก่ กุ้ง หมู ปลา ฯลฯ อีกมาก ที่มาร์จิ้นผันผวนก็เพราะยังเป็นธุรกิจ Feed + Farm มาก
กว่า Food ซึ่งมีปัจจัยแปรผันมากมาย ไม่ได้มาร์จิ้นคงที่เหมือนธุรกิจที่ทำแต่อาหาร
เพียงอย่างเดียว เช่น S&P หรือ Oishi


3. จุดอ่อนเรื่องความเป็น Feed และ Farm ทางบริษัทเองก็ทราบและพยายามเพิ่มสัด-
ส่วนของ Food อยู่ให้ได้ถึง 50% ซึ่งตรงนี้ CPF จะได้เปรียบเจ้าอื่นมาก เพราะมีธุรกิจ
ต้นน้ำเป็นของตนเองด้วย หากราคาวัตถุดิบตั้งต้นตกต่ำก็ทำให้ต้นทุนด้านอาหารต่ำ
ลงได้กำไรมากขึ้น หรือไปเพิ่มราคาอาหารก็ได้ อนาคตจะดีกว่านี้แน่นอน


การทำธุรกิจมันต้องมีสะดุดบ้าง ลองพิจารณาให้ดี แค่ราคาไก่ตกต่ำนิดเดียวก็แตก
ตื่นตกใจขายทิ้งกันหมดแล้ว ทำเหมือนบริษัทหมดอนาคตฟื้นตัวไม่ได้แล้ว ผมก็อยาก
รู้เหมือนกันว่าราคาไก่มันจะตกต่ำแบบนี้ไปทั้งชาติเลยหรือเปล่า ไก่ไม่ใช่น้ำมัน ไม่ใช่
ถ่านหิน คนยังไงก็ต้องกินต้องใช้ ถ้าคนบนโลกเลิกกินไก่พร้อมกันค่อยมาว่ากันอีกที


ต้องย้ำว่า CPF ไม่ได้ทำแต่ไก่ พื้นฐานยังดี ถ้าทนกับความผันผวนของราคาไม่ได้ก็
อย่าทนครับขายไปเถอะ

จากคุณ : Shinosuke08



โดย: . IP: 202.28.7.90 วันที่: 17 สิงหาคม 2555 เวลา:14:36:40 น.  

 
ไหนๆก็หยิบตารางนี้มาดูแล้ว
ลองดูให้ดีนะ แนวโน้มไก่ของปีที่แล้ว มันสูงสุดเดือนไหน
และมันเริ่มลดเดือนไหน แล้วจุดต่ำสุดอยู่ที่ไหน

Q2 งบแย่ถ้าเทียบ QoQ และ เทียบกับ Q1 ก็แย่
โดยรวมงบมันเริ่มแย่ลงเรื่อยๆตั้งแต่ Q4/54 จนถึง Q2/55

ที่นี้ลองดูราคาไก่ตั้งแต่เดือน 6/54 จุดพีกของราคาไก่ในรอบตั้งแต่ปี 41 มันผ่านไปแล้ว
พอมาเดือน 7/54 จนถึงเดือน 3/55 มันก็ลดต่ำจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว

เทียบราคาส่วนต่าง MoM จุดที่ต่างกันมากที่สุดมันผ่านไปแล้ว
ตอนนี้ส่วนต่างก็เริ่มค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นรายได้จากไก่ Q3/55 ถ้าเทียบกับ Q3/54
จะดูดีกว่า Q2/55 เทียบกับ Q2/54 แน่นอน
และจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนดีที่สุดใน Q2/56 เมื่อเทียบกับ Q2/55
และจากนั้นจะคงที่ไปเรื่อยๆละ

อันนี้พูดเฉพาะในส่วนของรายได้จากไก่นะ
รวมถึงตั้งสมมติฐานว่าราคาไก่จะอยู่ประมาณนี้ไปเรื่อยๆนะ

ไม่ได้นับต้นทุนการเลี้ยงสัตว์นะ แยกให้ออก
เพราะตอนนี้วัตถุดิบขึ้นก็เป็นอีกปัญหา

ข้าวโพดใช้เวลาปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวนานสุด 60 วัน
ขณะที่ถั่วเหลืองซึ่งมีหลายพันธ์ุที่นานสุด 100 กว่าวัน

อย่างที่เห็นกว่า supply อาหารไก่จะกลับมาปกติคงต้องใช้เวลา 60-100 วัน

แต่ปัญหาอีกตัวก็คือ อากาศในสรอ.จะกลับมาปกติเมื่อไร
อันนี้ไม่รู้ ไม่ได้ตาม

แต่ผมเชื่อว่า ปีหน้าก็น่าจะกลับมาปกติแล้ว

สรุปแล้วเห็นอะไรหรือเปล่า
ตอนนี้เป็นจุดที่กำลังต่ำสุด หรือต่ำสุดแล้วก็ได้
เพราฉะนั้น Q3/55 อาจจะเป็นงบที่พอๆกับ Q2/55 หรืออาจแย่กว่าก็ได้
ซึ่งถ้าแย่กว่า ก็จะเป็นแย่ที่สุดแล้วในปีนี้

ประมาณนี้แหละ คหสต.นะ อย่าเชื่อละ

จากคุณ : kanstk



โดย: . IP: 202.28.7.90 วันที่: 17 สิงหาคม 2555 เวลา:14:39:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]