'ขนมเชื่อม' สร้างรายได้ 'ไม่ตกยุค'
สร้างอาชีพด้วยขนมหวานของไทย ขนมไทยประเภท “ขนมเชื่อม” นั้น แม้จะเป็นของโบราณมีมานาน แต่จนถึงวันนี้ในด้านอาชีพแล้วก็ยังทำเงินให้กับผู้ทำขายได้ตลอด ขอเพียงคนทำมี ฝีมือดี มีทำเลเหมาะสม ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีตัวอย่างรายที่ประสบความสำเร็จ ที่ทำขายมานานกว่า 10 ปี มานำเสนอ...
เจ้หมวย หรือ รสริน ขันธ์ประสิทธิ์ เป็นแม่ค้าขายขนมพวกของเชื่อมอยู่ที่ย่านบางลำพู เจ้าตัวเผยว่า ก่อนหน้านั้นเคยขายอาหารพวกยำต่าง ๆ มาก่อน แต่ภายหลังเปลี่ยนมาขายของเชื่อม โดยได้สูตรจากแม่ค้าด้วยกัน ก็นำสูตรมาทดลองทำ ฝึกฝนฝีมือ จนได้เป็นสูตรที่ขายมากว่า 10 ปี
ก่อนตั้งร้านขายของในช่วงเช้าของทุกวันนั้น เจ้หมวยจะไปซื้อวัตถุดิบในช่วงค่ำวันก่อนหน้าหลังเก็บร้าน เรียบร้อยแล้ว คือช่วง 3 ทุ่ม ที่ตลาดมหานาคจะเป็นแหล่งสินค้าเกษตรใหญ่อีกแห่งใจกลางกรุงเทพฯ จะซื้อ ลูกสาเก 10 กก., มันสำปะหลัง 5 กก., มันเทศ 10 กก., ฟักทอง 5-7 กก. และซื้อกล้วยทั้งกล้วยไข่ กล้วยหักมุก อย่างละ 5 หวี และเผือกอีก 5 กก. โดยถ้าซื้อของตามนี้ไปเชื่อมจะใช้ทุนประมาณ 1,500-1,800 บาท
| |
กล้วยทำง่ายที่สุด จะทำเป็นสิ่งสุดท้าย หรืออาจเชื่อมไปขายไปก็ได้ นอกเหนือจากนั้น ก่อนที่จะขายในช่วงเช้า บางอย่างก็ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน อย่างสาเก และ มันสำปะหลัง เจ้หมวยจะตื่นแต่เช้ามืดทุกวันเพื่อเตรียมทำของเชื่อม เริ่มต้นที่ เผือก ปอกเปลือกให้เกลี้ยง ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด จากนั้นหั่นเผือกตามขวาง 1 หัวจะหั่นได้ประมาณ 3-4 ชิ้น ไม่เกินจากนี้
ฟักทอง 5 กก.จะได้ประมาณ 2 ลูก หั่นฟักทอง 1 หัวตามรอยของฟักทอง จะแบ่งได้ประมาณ 4 ชิ้นตัดไส้ออก ให้หมด แต่ไม่ต้องปอกเปลือก จากนั้นแช่น้ำปูนใสไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อย ๆ นำขึ้นมาพักไว้
| |
มันเทศ-มันสำปะหลัง ปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ โดยมันเทศ 1 หัวหั่นได้ประมาณ 3-4 ชิ้น ส่วนมันสำปะหลังหั่นหัวละ 2-3 ชิ้น ตามยาวและขวาง จากนั้นแช่น้ำทิ้งค้างคืนไว้
สาเก ลักษณะคล้ายลูกขนุน แต่หนามจะทู่กว่า วิธีทำเริ่มต้นที่แกะเปลือกและควักไส้ออก หั่นเป็นชิ้น ๆ โดยสาเก 1 ลูกจะหั่นได้ 4 ชิ้น จากนั้นแช่น้ำที่ผสมสารส้ม และน้ำมะนาว เหตุที่ใส่สารส้มไปด้วยเพราะสาเกมียางเยอะ สารส้มจะช่วยล้างยางออก ส่วนมะนาวจะช่วยไม่ให้สาเกดำ
กล้วย ถ้าเป็นกล้วยหักมุกหลังปอกเปลือกแล้วให้ผ่าครึ่งตามยาว ซึ่งตรงนี้จะทำก็ต่อเมื่อใกล้ถึงเวลาเชื่อมแล้ว ส่วนกล้วยไข่ปอกเปลือกแล้วให้แช่น้ำเปล่า พร้อมบีบน้ำมะนาวลงไปด้วย เพื่อไม่ให้กล้วยดำ
มาถึงขั้นตอน การเชื่อม เริ่มต้นที่มันเทศ ให้ต้มหัวมันก่อน แต่ไม่ต้องให้สุกมากเพราะเวลาเชื่อมน้ำตาลแล้ว จะเละ ต้มแล้วก็เปลี่ยนน้ำ โดยน้ำที่ใช้นั้นเพียงแค่ให้พอท่วมมันเทศก็พอ ใส่น้ำตาลทราย 2 กก.ลงไป ต้มไปจนน้ำตาลละลาย แล้วเติมน้ำตาลอีก 2 กก. เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำตาลจะงวด ก็เป็นอันเรียบร้อย เสร็จสิ้นกระบวนการใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม. มันเทศเชื่อมตักใส่ถุง 7-8 ชิ้น ขายราคา 20 บาท
มีเคล็ดลับคือ ในระหว่างที่เชื่อมน้ำตาลนั้น ให้ใส่ใบเตยประมาณ 1 กำลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของมันเทศให้มากขึ้น
• เผือก ก็ทำเหมือนมันเทศทุกประการ ราคาขายต่อชิ้นประมาณ 20-25 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด
• มันสำปะหลัง ก็มีวิธีทำที่คล้ายกัน และใช้ปริมาณน้ำตาลที่เท่ากับกับมันเทศ แต่ต่างกันที่ในขั้นตอนแรก จะต้องต้มมันให้สุก ๆ ไปเลย ไม่ต้องกลัวเวลาเชื่อมจะเละ เพราะหัวมันแข็งมาก ราคาขายชิ้นละ 20-25 บาท
• สาเก จะใช้เวลาเชื่อมนานที่สุด แต่ก็ได้รับความนิยมมาก คุ้มที่จะทำขาย โดยต้มให้สาเกสุกประมาณ 80% ก่อน สังเกตได้ด้วยการใช้ส้อมจิ้มลงไปในเนื้อได้ก็ใช้ได้ เปลี่ยนน้ำ เทน้ำพอท่วมสาเก ใส่น้ำตาลประมาณ 2 กก. เคี่ยวไปเรื่อยจนน้ำตาลละลาย จากนั้นใส่น้ำตาลอีก 3 กก. เคี่ยวไปเรื่อย ระหว่างน้ำตาลเดือดหมั่นตักฟองทิ้งด้วย เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาเกือบ 5 ชม. จึงจะได้ที่ โดยราคาขายนั้นอยู่ที่ชิ้นละ 20 บาท 3 ชิ้น 50 บาท
• ฟักทอง ใช้เวลาเชื่อมนานเป็นชั่วโมง ซึ่งถ้าเชื่อมเดี่ยว ๆ จะใช้น้ำครึ่งกระทะ และใช้น้ำตาลทราย 3 กก. แต่ มีเทคนิคอยู่ที่ว่า ให้ใช้น้ำเชื่อมที่เหลือจากการเชื่อมอย่างอื่น โดยอาจจะเพิ่มน้ำตาลอีกเล็กน้อย จะช่วยลดต้นทุนน้ำตาลไปได้มากทีเดียว โดยที่ฟักทองเชื่อมนี้จะขายราคาชิ้นละ 20-25 บาท
• กล้วยหักมุกและกล้วยไข่ เชื่อมง่ายที่สุด เริ่มที่ต้มน้ำครึ่งกระทะทองเหลือง ใส่น้ำตาลทราย 2 กก. ให้ละลาย ให้เชื่อมกล้วยหักมุกก่อน ใช้เวลาราว 15 นาทีก็ใช้ได้ เชื่อมนานไปจะเละ ราคาขาย 5 ชิ้น 20 บาท ส่วนกล้วยไข่ก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ใช้เวลา 20 นาที ดูว่าเนื้อแตกออกนิด ๆ ก็ตักขึ้นได้แล้ว ราคาขายคือ 4 ชิ้น 20 บาท
การขายของเชื่อมทุกชนิดจะต้องมี "หัวกะทิ" ถุงเล็ก ๆ ด้วย
โดยหากใช้ปริมาณวัตถุดิบตามที่ว่ามา จะใช้หัวกะทิประมาณ 2 กก. สนใจ "ขนมเชื่อม" ซึ่งใครที่อยู่ละแวกอื่นที่ยังไม่มีผู้ทำขนมเชื่อมขาย อยากจะลองทำเป็น "ช่องทางทำกิน" บ้าง ก็ลองฝึกฝนฝีมือกันดู.
ที่มา เดลินิวส์
Create Date : 16 พฤษภาคม 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 16 พฤษภาคม 2552 10:29:03 น. |
Counter : 10030 Pageviews. |
|
|
|