บอกกล่าว
บันทึกท่องเที่ยว
เที่ยววัดในกรุง
เที่ยววังในกรุง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวอิสาน
เที่ยวเมืองเหนือ
เที่ยวภาคกลาง
เที่ยวภาคใต้
เที่ยวภาคตะวันออก
เที่ยวภาคตะวันตก
เที่ยวไปเรื่อยเปื่อย
การทำสบู่
<<
เมษายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
10 เมษายน 2555
ทัวร์ 5 วัด (วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (6)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (5)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (4)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (3)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (2)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (1)
เรือหลวงแม่กลอง ที่ป้อมพระจุลฯ
ทัวร์ 5 วัด (วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร)
ทัวร์ 5 วัด (วัดทองธรรมชาติวรวิหาร)
ทัวร์ 5 วัด (วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร)
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดบวกครกหลวง
วัดบวกครกหลวง เชียงใหม่
วัดต้นเกว๋น
งานราชพฤกษ์ 2012 เชียงใหม่
ทัวร์ 5 วัด (5. ศาลาการเปรียญ วัดสุทัศน์ )
ทัวร์ 5 วัด (4. สัตตมหาสถาน ในวัดสุทัศน์ฯ )
ทัวร์ 5 วัด (3. พระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ )
ทัวร์ 5 วัด (2. วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร)
ทัวร์ 5 วัด (1. วัดเทพธิดารามวรวิหาร)
ตามรอย ร.๕ (พระบรมรูปทรงม้า)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งอนันตสมาคม)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งวิมานเมฆ)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งอิศเรศฯ)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งพุทไธสวรรย์)
ตามรอย ร.๕ (สุสานหลวง)
ตามรอย ร. ๕ (วัดราชบพิธ)
ตามรอย ร. ๕
น้องน้ำ ณ บางกะปิ
ไปกราบพระที่นครปฐม
วิหารลายคำกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง
วิหารลายคำ
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
น้ำตกสิริภูมิ
พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
สูงสุดแดนสยาม
น้ำตกวชิรธาร
ถึงก็ช่าง..ไม่ถึงก็ช่าง...
สถูปองค์นเรศวรฯ ที่เมืองงาย
ปางช้างแม่ปิง
วัดต้นแก้ว ลำพูน
พระตำหนักภูพิงค์ ราชนิเวศน์
ไปทอดกฐินที่ลำพูน
บ้านสุขาวดี
วัดเขาชีจรรย์
เมื่อไปเยือน วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
วิหารเซียน
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามฯ (2)
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามฯ (1)
วังสราญรมย์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (4)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (3)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (2)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (1)
วัดศรีรองเมือง
เที่ยวชมวัดศรีชุม ลำปาง
วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
วัดเจดีย์ซาวหลัง
วัดพระธาตุลำปางหลวง
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ
ไปล่องเรือที่อยุธยากัน
สะพานข้ามแม่น้ำแคว อันลือลั่น
อุทยานประวัติศาสตร์ สงคราม ๙ ทัพ
ล่องเรือ..ไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ช่องเขาขาด
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
พุทธมณฑล
ฟ้าเหนือเขื่อนศรีนครินทร์
พาไปล่องเรือ ชมลำน้ำบางปะกง
วันฟ้าใสกับพระที่นั่งอนันตสมาคม
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก (ตอนบ่ายๆ)
เที่ยวนครปฐม (3)
เที่ยวนครปฐม (2)
เที่ยวนครปฐม (1)
เพิ่งได้ไปยล...สุวรรณภูมิ
ไปเที่ยว วัดกิ่งแก้วมาค่ะ
ทัวร์ 5 วัด (วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร)
สวัสดีค่ะ
บล็อกนี้มาตามไปเที่ยว
ทริปทัวร์ 5 วัด
กันต่อนะคะ
หลังจากที่ไปทัวร์มาแล้ว 2 วัด คือ วัดเทพธิดารามและวัดสุทัศน์เทพวราราม
คราวนี้ป้าแอ๊ดจะพาคุณๆ ไปเที่ยวชม
วัดประยุรวงศาวาส
กันค่ะ
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
เป็นวัดที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่กรมท่า และสมุหพระกลาโหม
ได้อุทิศสวนกาแฟสร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2371
ซึ่งมีอาณาเขตติดกับบ้านสมเด็จเจ้าพระยาฯ
ครั้นเมื่อ
พ.ศ. 2375
ได้ถวายเป็น
พระอารามหลวง
ในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า
"วัดประยุรวงศาวาส"
ชาวบ้านนิยมเรียกว่า
"วัดรั้วเหล็ก"
เพราะมีรั้วเหล็กเป็นกำแพงวัดอยู่เป็นบางตอน
รั้วเหล็กนี้สูงประมาณ 3 ศอกเศษ ทำเป็นรูปอาวุธคือ หอก ดาบ และขวาน (ขวานสามหมื่น ปืนสามกระบอก หอกสามแสน)
มีลักษณะเป็นกำแพงและซุ้มประตูเล็กๆ เป็นตอนๆ
วัดจากมุมวิหารคตข้างพระอุโบสถไปจรดกำแพงประตูวัดด้านตะวันออกยาว 148 เมตร
ล้อมบริเวณอุทยานเขามอ (เขาเต่า)อีก 2 ด้านด้านตะวันตกยาว 48 เมตร
ด้านใต้ยาว 43 เมตรล้อมเป็นกำแพงหน้าวัด ตอนขวามือเข้ามายาว 40 เมตร ตอนซ้ายมือเข้ามายาว 20 เมตร
ในบริเวณเขามอมีที่นั่งพักผ่อน มีสระน้ำ และต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มเย็นเป็นอันมาก
มีเรื่องเล่าว่า รั้วเหล็กนี้เดิม
สมเด็จพระเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์
สั่งเข้ามาจากประเทศอังกฤษ
เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายแด่
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อใช้ล้อมเป็นกำแพงในพระราชวัง
แต่พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรด สมเด็จเจ้าพระยาจึงขอรับพระราชทานมาใช้ล้อมเป็นกำแพงในวัด
โดยใช้น้ำตาลทรายแลกเอา หนักต่อหนัก คือเหล็กหนักเท่าใด น้ำตาลทรายก็หนักเท่านั้น
ในคราวเดียวกันนั้นยังทูลเกล้าฯ ถวายพรมผืนใหญ่ 1 ผืน กับโคมกิ่งแก้ว 3 โคม ซึ่งไม่ทรงโปรด
จึงได้ทูลขอ พระราชทานโคมไปประดับในพระอุโบสถวัดนี้
พระวิหาร
เป็นสถาปัตยกรรมทรงไทย
ในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธนาค (หลวงพ่อนาค) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย อายุกว่า 700 ปี
เป็นพระพุทธรูปโบราณคู่กับพระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารวัดสุทัศนเทพวราราม
พระพุทธรูปทั้งสองนี้ ประกอบด้วยพระพุทธลักษณะ
สมัยสุโขทัย
เหมือนกัน คือ มีพระรัศมีเปลวแต่ไม่มีไรพระสก
ชายผ้ารัดประคตเป็นเขี้ยวตะขาบและประทับนั่งขัดสมาธิราบ
เช่นเดียวกับ พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
พระพุทธนาคนี้ได้รับอัญเชิญจากจังหวัดสุโขทัยมาประดิษฐานไว้ ณ. พระวิหารวัดประยุรวงศาวาส เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๔
ซำปอกงของชาวจีน
พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวจีน ให้ความเคารพบูชาในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธนาคเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยได้รับสิ่งที่เป็น อัศจรรย์หลายประการ และโดยทั่วไปมักเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า
พระพุทธนาคน้อย
เพื่อให้คู่กับพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม ที่เรียกว่า
พระพุทธนาคใหญ่
พุทธศาสนิกชนชาวจีนได้ขนานนามพระพุทธนาค นี้ว่า
" ลักน้อย "
แปลว่า กลีบบัว ๗ ชั้น เปรียบพระพุทธองค์คือ
ซำปอกง
(หลวงพ่อโต) ของชาวจีน
ผ้าทิพย์ขององค์พระงดงามยิ่ง
มุมหนึ่งของพระวิหารเล็กๆ มีบุษบกประดิษฐานองค์พระธาตุไว้บูชา
หน้าต่างประดับมุกงดงาม
สำหรับพระอุโบสถ ประดิษฐาน
พระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา
เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
พระประธานองค์นี้ หล่อในปี ๒๓๗๑ อันเป็นปีที่เริ่มสร้างพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะ
ปางมารวิชัย
ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๙๙ เมตร สูง ๑.๖๒๕ เมตร
ประกอบด้วยพระพุทธลักษณะอันงดงาม พระพุทธรูปองค์นี้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อ
ได้ว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกล่าวกันว่ามีฝีมือและกรรมวิธีการปิดทองดีเยี่ยม มาปิดทองพระพุทธรูป
และถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่นำช่างฝีมือปิดทองเป็นชาวต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ยังได้สร้างพระบรมธาตุมหาเจดีย์ทรงกลมองค์ใหญ่
ถือว่าเป็นเจดีย์แบบลังกาองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์
ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2398
ต่อมา พ.ศ. 2425 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้ให้ซ่อม พระวิหาร
เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา ปิดทองประดับกระจกใหม่ ซ่อมศาลาและพระอุโบสถใหม่
ซึ่งในปีถัดมาพระองคฺได้เสด็จมาพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ พระอุโบสถวัดประยุรวงศานี้
การสร้างวัดได้เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2371 สร้างอยู่
8 ปี
จึงสำเร็จในปี พ.ศ. 2379
ได้มีการฉลองวัดในวันที่
13 มกราคม พ.ศ. 2379
ตรงกับวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 7 ค่ำ
ดังหลักฐานที่ปรากฏในพงศาวดาร
รัชกาลที่ 3
ว่า
"ครั้นลุถึงศักราช 1198 ปีวอก อัฐศก เป็นปีที่ 13 ครั้นมาถึงวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 7 ค่ำ
เจ้าพระยาพระคลังมีการฉลองวัดประยุรวงศาวาส
พระสงฆ์ในวัดได้ปืนเปรียมกระสุน 5 นิ้วชำรุดหูพะเนียงทิ้งอยู่ในวัดบอก1 เอาทำไฟพะเนียงจุด...."
พระบรมธาตุมหาเจดีย์ในเรื่องนี้
หมอบรัดเลย์
มิชชันนารี ชาวอเมริกาได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุว่า
"วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2379 วันนี้มีการฉลองวัดอันงดงามของสมเด็จองค์ใหญ่บิดาของท่านผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
มีการมหรสพมากมายหลายอย่าง ประชาชนมาประชุมกันมากมายหลายพัน
ทั้งชาวพระนครและสัญจรมาจากที่ต่างๆ ของประเทศ..."
หมอบรัดเลย์บันทึกไว้ว่าในงานฉลองวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารนั้น
ได้มีการทำ
ไฟพะเนียง
ด้วยปืนใหญ่ โดยฝังโคนกระบอกปืนใหญ่ลงในแผ่นดิน
เมื่อจุดชนวนขึ้น ปืนใหญ่เกิดระเบิดแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายหลายคน
หมอบรัดเลย์อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 250 เมตร
เจ้าพระยาพระคลังดิศให้คนตามตัวหมอบรัดเลย์ไปรักษาผู้บาดเจ็บ
พระรูปหนึ่งกระดูกแขนแตก หมอบรัดเลย์ จำต้องตัดแขนของพระรูปนั้น
การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ บาดแผลหายสนิทในเวลาไม่นานนัก
นับได้ว่าเป็น
การผ่าตัดครั้งแรกในประเทศไทย
เกิดขึ้นที่วัดประยุรวงศาวาสในวันฉลองวัดนั่นเอง
ภายหลังจากการระเบิดครั้งนั้น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์
ให้สร้างอนุสาวรีย์เป็นปืนใหญ่ 3 กระบอกไว้ในบริเวณ
อุทยานเขามอ
(เขาเต่า)
เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิต อนุสาวรีย์ยังมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ข้อความจารึกที่อนุสาวรีย์เป็นดังนี้
"อนุสาวรีย์นี้ได้สร้างขึ้นเมื่อปีวอก อัฐศก ศักราช 1198 (พ.ศ. 2379)
ให้เป็นที่ระฦกแห่งปืนใหญ่ระเบิดให้เป็นที่เสียชีวิตหลายในเวลามีงานมหกรรมการฉลองพระอารามนี้..."
ปัจจุบันห้องติดกับด้านล่างของเจดีย์องค์ใหญ่ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัด มีสิ่งของที่ขุดค้นได้ในองค์เจดีย์มาแสดงอยู่ที่นี่
เมื่อเดินเข้าไปในบริเวณลานขององค์เจดีย์ จะเป็นกำแพงวงโค้งโอบล้อมองค์เจดีย์ไว้ตรงกลาง
และสามารถที่จะเดินขึ้นบันได ไปชมภายในองค์เจดีย์ด้านบนได้ด้วย
คณะของเราไม่รอช้า เดินเรียงหนึ่งขึ้นบันไดกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ภายในองค์เจดีย์ มีนิทรรศการเล็กๆ ให้ชม และสามารถที่จะเดินชมได้รอบๆ ภายในองค์เจดีย์นั้น
เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ยอดของเจดีย์ จะมีไม้ค้ำยันอยู่รอบด้าน
ที่วัดประยูรวงศาวาสนี้
คณะของเราได้
ถวายสังฆทาน
รับศีลรับพร และรับการประพรมน้ำมนต์จากพระสงฆ์เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองแล้ว
จึงอำลาวัดประยุรวงศาวาส เดินทางไปยัง
วัดทองธรรมชาติ
เป็นวัดต่อไปค่ะ
อย่าลืมติดตามไปชมภาพฝาผนังอันสวยงามของวัดทองธรรมชาติกันนะคะ
Create Date : 10 เมษายน 2555
3 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:09:45 น.
Counter : 9441 Pageviews.
Share
Tweet
โอ้โห ภายในรอบเจดีย์สวยจังครับ
เรื่องราวละเอียดได้ความรู้กลับออกไปมากๆเลย เขาเต่าเรียกเขามอเพิ่งทราบเหมือนกัน วัดนี้ผมเคยเข้าไปครั้งสองครั้งแต่ก็แค่ไปชมเต่าเท่านั้นเองครับ สมัยเด็กๆก็ไปเที่ยวเล่นน้ำตกแห่งเดียวของกรุงเทพเชิงสะพานพุทธแถวนี้บ่อยๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัดสวยและมีเรื่องราวน่าสนใจขนาดนี้
โดย:
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา
10 เมษายน 2555 21:07:18 น.
โอ้โห โอ้โห ไม่เคยรู้ประวัติของวัดประยูรฯมาก่อนเลย เข้าไปก็ไม่เคยเข้า เรียกว่า ใกล้เกลือกินด่าง หรือเปล่า? ขอบคุณป้าแอ๊ดมากๆที่ทำบล็อกดีๆ ให้ชนรุ่นหลังได้อ่านกันครับ ภาพถ่ายสวยครับ แผนที่ก็สุดยอด
โดย:
yyswim
11 เมษายน 2555 8:55:12 น.
มาขอบคุณป้าแอ๊ดที่เป็นห่วงค่ะ ป้าแอ๊ดยังเที่ยวสนุกอยู่นะคะ ดูรูปแล้ว ประโยคนึงที่ผุดขึ้นมาในสมอง "นี่ไงผลงานของพวกอำมาตย์" ฮิฮิ
โดย: แมลงจ่อย (
Bug in the garden
) 11 เมษายน 2555 13:08:00 น.
addsiripun
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [
?
]
ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
addsiripun
chadapha
panda on line
quilt
vanillaorchid
คนตาพิการ
ณ ปลายฉัตร
ดาวส่องทาง
นักล่าน้ำตก
ปลาทอง9
เป็ดสวรรค์
มัชชาร
ระบบราง
หมูหวานน้อย
ฮิปโปวดี
บ้านผ่อดอยใน
คนสองภาค
CANNOU
jaekaow
obbylovequilt
gymstek
beatquilt
pippo's sweet heart
noksamui
อาคุงกล่อง
ซองขาวเบอร์ 9
เป๋อน้อย
jkob
กระจ้อน
riskx_ray
lovequilt
BabyGreace
Bug in the garden
Gunpung
Heart&Home
Love At First Click
mymph
tuk-tuk@korat
VET53
yyswim
กะว่าก๋า
พรหมญาณี
พลทหารไรอัน
Marquez
ร่มไม้เย็น
bingo123
changtee
สายหมอกและก้อนเมฆ
jumwilly
anutch2009
wilasinee_kae
NVสีเทา
JewNid
โสนบานเช้า
yadegari
คุณนายดอกไม้
คนบ้า(น)ป่า
ช่างเสื้อสมัครเล่น
ตะลีกีปัส
ทนายอ้วน
รัชชี่
วันจัน
สองแผ่นดิน
Artagold
หมุยจุ๋ย
JinnyTent
ไวน์กับสายน้ำ
Webmaster - BlogGang
[Add addsiripun's blog to your web]
Bloggang.com
เรื่องราวละเอียดได้ความรู้กลับออกไปมากๆเลย เขาเต่าเรียกเขามอเพิ่งทราบเหมือนกัน วัดนี้ผมเคยเข้าไปครั้งสองครั้งแต่ก็แค่ไปชมเต่าเท่านั้นเองครับ สมัยเด็กๆก็ไปเที่ยวเล่นน้ำตกแห่งเดียวของกรุงเทพเชิงสะพานพุทธแถวนี้บ่อยๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัดสวยและมีเรื่องราวน่าสนใจขนาดนี้