<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
10 เมษายน 2555

ทัวร์ 5 วัด (วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร)








สวัสดีค่ะ
บล็อกนี้มาตามไปเที่ยว ทริปทัวร์ 5 วัด กันต่อนะคะ
หลังจากที่ไปทัวร์มาแล้ว 2 วัด คือ วัดเทพธิดารามและวัดสุทัศน์เทพวราราม
คราวนี้ป้าแอ๊ดจะพาคุณๆ ไปเที่ยวชม วัดประยุรวงศาวาส กันค่ะ

วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
เป็นวัดที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่กรมท่า และสมุหพระกลาโหม
ได้อุทิศสวนกาแฟสร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2371 ซึ่งมีอาณาเขตติดกับบ้านสมเด็จเจ้าพระยาฯ
ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2375 ได้ถวายเป็น พระอารามหลวง

ในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า "วัดประยุรวงศาวาส"
ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "วัดรั้วเหล็ก" เพราะมีรั้วเหล็กเป็นกำแพงวัดอยู่เป็นบางตอน






รั้วเหล็กนี้สูงประมาณ 3 ศอกเศษ ทำเป็นรูปอาวุธคือ หอก ดาบ และขวาน (ขวานสามหมื่น ปืนสามกระบอก หอกสามแสน)
มีลักษณะเป็นกำแพงและซุ้มประตูเล็กๆ เป็นตอนๆ
วัดจากมุมวิหารคตข้างพระอุโบสถไปจรดกำแพงประตูวัดด้านตะวันออกยาว 148 เมตร






ล้อมบริเวณอุทยานเขามอ (เขาเต่า)อีก 2 ด้านด้านตะวันตกยาว 48 เมตร
ด้านใต้ยาว 43 เมตรล้อมเป็นกำแพงหน้าวัด ตอนขวามือเข้ามายาว 40 เมตร ตอนซ้ายมือเข้ามายาว 20 เมตร







ในบริเวณเขามอมีที่นั่งพักผ่อน มีสระน้ำ และต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มเย็นเป็นอันมาก







มีเรื่องเล่าว่า รั้วเหล็กนี้เดิมสมเด็จพระเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์สั่งเข้ามาจากประเทศอังกฤษ
เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้ล้อมเป็นกำแพงในพระราชวัง
แต่พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรด สมเด็จเจ้าพระยาจึงขอรับพระราชทานมาใช้ล้อมเป็นกำแพงในวัด
โดยใช้น้ำตาลทรายแลกเอา หนักต่อหนัก คือเหล็กหนักเท่าใด น้ำตาลทรายก็หนักเท่านั้น
ในคราวเดียวกันนั้นยังทูลเกล้าฯ ถวายพรมผืนใหญ่ 1 ผืน กับโคมกิ่งแก้ว 3 โคม ซึ่งไม่ทรงโปรด
จึงได้ทูลขอ พระราชทานโคมไปประดับในพระอุโบสถวัดนี้







พระวิหารเป็นสถาปัตยกรรมทรงไทย
ในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธนาค (หลวงพ่อนาค) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อปางมารวิชัย อายุกว่า 700 ปี
เป็นพระพุทธรูปโบราณคู่กับพระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารวัดสุทัศนเทพวราราม
พระพุทธรูปทั้งสองนี้ ประกอบด้วยพระพุทธลักษณะสมัยสุโขทัยเหมือนกัน คือ มีพระรัศมีเปลวแต่ไม่มีไรพระสก
ชายผ้ารัดประคตเป็นเขี้ยวตะขาบและประทับนั่งขัดสมาธิราบ
เช่นเดียวกับ พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
พระพุทธนาคนี้ได้รับอัญเชิญจากจังหวัดสุโขทัยมาประดิษฐานไว้ ณ. พระวิหารวัดประยุรวงศาวาส เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๔

ซำปอกงของชาวจีน พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวจีน ให้ความเคารพบูชาในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธนาคเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยได้รับสิ่งที่เป็น อัศจรรย์หลายประการ และโดยทั่วไปมักเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า พระพุทธนาคน้อย
เพื่อให้คู่กับพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม ที่เรียกว่า พระพุทธนาคใหญ่
พุทธศาสนิกชนชาวจีนได้ขนานนามพระพุทธนาค นี้ว่า " ลักน้อย "
แปลว่า กลีบบัว ๗ ชั้น เปรียบพระพุทธองค์คือ ซำปอกง (หลวงพ่อโต) ของชาวจีน







ผ้าทิพย์ขององค์พระงดงามยิ่ง






มุมหนึ่งของพระวิหารเล็กๆ มีบุษบกประดิษฐานองค์พระธาตุไว้บูชา






หน้าต่างประดับมุกงดงาม







สำหรับพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธธรรมวิเชษฐศาสดา เป็นพระประธานในพระอุโบสถ
พระประธานองค์นี้ หล่อในปี ๒๓๗๑ อันเป็นปีที่เริ่มสร้างพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๙๙ เมตร สูง ๑.๖๒๕ เมตร
ประกอบด้วยพระพุทธลักษณะอันงดงาม พระพุทธรูปองค์นี้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ ให้ช่างชาวไทยเป็นผู้หล่อ
ได้ว่าจ้างช่างลงรักปิดทองมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกล่าวกันว่ามีฝีมือและกรรมวิธีการปิดทองดีเยี่ยม มาปิดทองพระพุทธรูป
และถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกที่นำช่างฝีมือปิดทองเป็นชาวต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น








สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ยังได้สร้างพระบรมธาตุมหาเจดีย์ทรงกลมองค์ใหญ่
ถือว่าเป็นเจดีย์แบบลังกาองค์แรกในสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2398









ต่อมา พ.ศ. 2425 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ได้ให้ซ่อม พระวิหาร
เปลี่ยนช่อฟ้าใบระกา ปิดทองประดับกระจกใหม่ ซ่อมศาลาและพระอุโบสถใหม่







ซึ่งในปีถัดมาพระองคฺได้เสด็จมาพระราชทานผ้าพระกฐิน ณ พระอุโบสถวัดประยุรวงศานี้

การสร้างวัดได้เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2371 สร้างอยู่ 8 ปี จึงสำเร็จในปี พ.ศ. 2379
ได้มีการฉลองวัดในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2379 ตรงกับวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 7 ค่ำ
ดังหลักฐานที่ปรากฏในพงศาวดารรัชกาลที่ 3 ว่า

"ครั้นลุถึงศักราช 1198 ปีวอก อัฐศก เป็นปีที่ 13 ครั้นมาถึงวันศุกร์ เดือนยี่ ขึ้น 7 ค่ำ
เจ้าพระยาพระคลังมีการฉลองวัดประยุรวงศาวาส
พระสงฆ์ในวัดได้ปืนเปรียมกระสุน 5 นิ้วชำรุดหูพะเนียงทิ้งอยู่ในวัดบอก1 เอาทำไฟพะเนียงจุด...."


พระบรมธาตุมหาเจดีย์ในเรื่องนี้ หมอบรัดเลย์ มิชชันนารี ชาวอเมริกาได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุว่า

"วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2379 วันนี้มีการฉลองวัดอันงดงามของสมเด็จองค์ใหญ่บิดาของท่านผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
มีการมหรสพมากมายหลายอย่าง ประชาชนมาประชุมกันมากมายหลายพัน
ทั้งชาวพระนครและสัญจรมาจากที่ต่างๆ ของประเทศ..."


หมอบรัดเลย์บันทึกไว้ว่าในงานฉลองวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารนั้น
ได้มีการทำไฟพะเนียงด้วยปืนใหญ่ โดยฝังโคนกระบอกปืนใหญ่ลงในแผ่นดิน
เมื่อจุดชนวนขึ้น ปืนใหญ่เกิดระเบิดแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายหลายคน

หมอบรัดเลย์อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 250 เมตร
เจ้าพระยาพระคลังดิศให้คนตามตัวหมอบรัดเลย์ไปรักษาผู้บาดเจ็บ
พระรูปหนึ่งกระดูกแขนแตก หมอบรัดเลย์ จำต้องตัดแขนของพระรูปนั้น
การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ บาดแผลหายสนิทในเวลาไม่นานนัก
นับได้ว่าเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในประเทศไทยเกิดขึ้นที่วัดประยุรวงศาวาสในวันฉลองวัดนั่นเอง






ภายหลังจากการระเบิดครั้งนั้น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์
ให้สร้างอนุสาวรีย์เป็นปืนใหญ่ 3 กระบอกไว้ในบริเวณอุทยานเขามอ (เขาเต่า)
เพื่อเป็นการไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิต อนุสาวรีย์ยังมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ข้อความจารึกที่อนุสาวรีย์เป็นดังนี้





"อนุสาวรีย์นี้ได้สร้างขึ้นเมื่อปีวอก อัฐศก ศักราช 1198 (พ.ศ. 2379)
ให้เป็นที่ระฦกแห่งปืนใหญ่ระเบิดให้เป็นที่เสียชีวิตหลายในเวลามีงานมหกรรมการฉลองพระอารามนี้..."







ปัจจุบันห้องติดกับด้านล่างของเจดีย์องค์ใหญ่ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัด มีสิ่งของที่ขุดค้นได้ในองค์เจดีย์มาแสดงอยู่ที่นี่







เมื่อเดินเข้าไปในบริเวณลานขององค์เจดีย์ จะเป็นกำแพงวงโค้งโอบล้อมองค์เจดีย์ไว้ตรงกลาง







และสามารถที่จะเดินขึ้นบันได ไปชมภายในองค์เจดีย์ด้านบนได้ด้วย







คณะของเราไม่รอช้า เดินเรียงหนึ่งขึ้นบันไดกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย






ภายในองค์เจดีย์ มีนิทรรศการเล็กๆ ให้ชม และสามารถที่จะเดินชมได้รอบๆ ภายในองค์เจดีย์นั้น





เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ยอดของเจดีย์ จะมีไม้ค้ำยันอยู่รอบด้าน







ที่วัดประยูรวงศาวาสนี้
คณะของเราได้ถวายสังฆทาน รับศีลรับพร และรับการประพรมน้ำมนต์จากพระสงฆ์เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองแล้ว
จึงอำลาวัดประยุรวงศาวาส เดินทางไปยัง วัดทองธรรมชาติเป็นวัดต่อไปค่ะ




อย่าลืมติดตามไปชมภาพฝาผนังอันสวยงามของวัดทองธรรมชาติกันนะคะ













 

Create Date : 10 เมษายน 2555
3 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:09:45 น.
Counter : 9441 Pageviews.

 

โอ้โห ภายในรอบเจดีย์สวยจังครับ
เรื่องราวละเอียดได้ความรู้กลับออกไปมากๆเลย เขาเต่าเรียกเขามอเพิ่งทราบเหมือนกัน วัดนี้ผมเคยเข้าไปครั้งสองครั้งแต่ก็แค่ไปชมเต่าเท่านั้นเองครับ สมัยเด็กๆก็ไปเที่ยวเล่นน้ำตกแห่งเดียวของกรุงเทพเชิงสะพานพุทธแถวนี้บ่อยๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัดสวยและมีเรื่องราวน่าสนใจขนาดนี้

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 10 เมษายน 2555 21:07:18 น.  

 

โอ้โห โอ้โห ไม่เคยรู้ประวัติของวัดประยูรฯมาก่อนเลย เข้าไปก็ไม่เคยเข้า เรียกว่า ใกล้เกลือกินด่าง หรือเปล่า? ขอบคุณป้าแอ๊ดมากๆที่ทำบล็อกดีๆ ให้ชนรุ่นหลังได้อ่านกันครับ ภาพถ่ายสวยครับ แผนที่ก็สุดยอด

 

โดย: yyswim 11 เมษายน 2555 8:55:12 น.  

 

มาขอบคุณป้าแอ๊ดที่เป็นห่วงค่ะ ป้าแอ๊ดยังเที่ยวสนุกอยู่นะคะ ดูรูปแล้ว ประโยคนึงที่ผุดขึ้นมาในสมอง "นี่ไงผลงานของพวกอำมาตย์" ฮิฮิ

 

โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) 11 เมษายน 2555 13:08:00 น.  


addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]