<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
13 เมษายน 2555

เรือหลวงแม่กลอง ที่ป้อมพระจุลฯ




สวัสดีค่ะ

วันนี้มาชวนเพื่อนๆ ชาวบล็อกไปเที่ยวปากน้ำกันค่ะ

เมื่อเดือนมกราคม ป้าแอ๊ดมีโอกาสไปเยือน ป้อมพระจุล และ เรือหลวงแม่กลองมา (แต่เพิ่งมีโอกาสได้นำลงวันนี้เองค่ะ ^^)
มีภาพและเรื่องราวเกี่ยวกับ ป้อมพระจุล มาฝากเล็กน้อย ไปชมด้วยกันเลยค่ะ






เช้าตรู่วันอาทิตย์ ที่ 15 มกราคม 2555 เราเดินทางไปงาน "ไหว้ครู" ที่สโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง ป้อมพระจุล ปากน้ำ สมุทรปราการ






ทะเลยามเช้าสงบเรียบ บรรยากาศเยือกเย็น น่ายืนชมทิวทัศน์เป็นอย่างยิ่ง ท้องฟ้ามีเมฆครึ้มเพราะแสงตะวันยังไม่สาดส่องมา
สะพานชมวิวที่ยื่นเข้าไปในท้องทะเลมีผู้ขี่จักรยาน มายืนตกปลาประปราย














เมื่อชมวิวทิวทัศน์พอสมควรแก่เวลาแล้ว จึงเดินกลับไปชมสถานที่อื่นๆ ภายในอาณาบริเวณแห่งนั้น
ซ้ายมือ คือ เรือหลวงแม่กลอง ขวามือ คือ สโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง






ศาลพระนเรศ-นารายณ์









พระบรมราชานุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชของชาวไทย








ขึ้นไปสักการะพระบรมรูปเพื่อความเป็นศิริมงคลของตัวเอง












ตากล้อง - กล้องคนละตัว ผลัดกันถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก





ท้องฟ้าในวันนั้น สวยแปลกตา





เนื่องจาก เพื่อนร่วมรุ่น (ของคุณลุง) ท่านหนึ่ง เป็นเสนาธิการกองทัพเรือ จึงมีการต้อนรับเข้าสู่ห้องบรรยายพิเศษ
อยู่ภายใต้พระบรมราชานุเสาวรีย์ฯ แห่งนี้ เป็นห้องนิทรรศการเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ คือ " วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 " อันลือลั่น









เจ้าหน้าที่บรรยายเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ให้คณะของพวกเราได้รับทราบ พร้อมกับเปิดวิดีโอประกอบการบรรยาย





วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 (เอกสารภาษาอังกฤษเรียกว่า Franco-Siamese War หรือ "สงครามฝรั่งเศส-สยาม")
เป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างราชอาณาจักรสยามกับฝรั่งเศสในสมัยสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3
ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2436 จากการอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง (พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศลาวในปัจจุบัน)






ผู้มีบทบาทสำคัญในวิกฤตการณ์ครั้งนี้คือนายโอกุสต์ ปาวี รองกงสุลฝรั่งเศสประจำนครหลวงพระบาง
ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการแสวงหาผลประโยชน์ของฝ่ายฝรั่งเศสในดินแดนลาว
โดยใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของสยามที่ไม่สามารถดูแลหัวเมืองชายแดนได้ทั่วถึง
การก่อกบฏในเวียดนามที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ การปราบฮ่อซึ่งแตกพ่ายจากเหตุการณ์กบฏไท่ผิงในจีน
และการทวีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสยามกับรัฐบาลฝรั่งเศสที่กรุงปารีส









ผลของวิกฤตการณ์ครั้งนี้ทำให้ฝ่ายไทยจำต้องยอมยกดินแดนลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส
นับเป็นการขยายอิทธิพลครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของฝรั่งเศสในภูมิภาคอินโดจีน
และจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนประเทศราชของไทยในเขมรและลาวที่เหลืออยู่ในเวลาต่อมาอีกด้วย






วิกฤตการณ์ปากน้ำ

เป็นการรบระหว่างวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2436
ในขณะที่แล่นเรือผ่านเข้าไปในปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบฝรั่งเศส 3 ลำถูกโจมตีโดยป้อมปืนของสยามและเรือปืน
ผลการรบ ฝรั่งเศสได้รับชัยชนะและดำเนินการปิดล้อมกรุงเทพซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์






ภูมิหลังความขัดแย้ง เกิดขึ้นเมื่อ
เรือการข่าว "แองกงสตัง" (Inconstant) และเรือปืน "โกแมต" (Com?te)2 ของกองทัพเรือฝรั่งเศสเดินทางมาถึงปากแม่น้ำ
และขออนุญาตแล่นเรือผ่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปสมทบกับเรือ "ลูแตง" (Le Lutin) เพื่อเจรจาต่อรอง






เมื่อสยามปฏิเสธ ผู้บังคับบัญชาฝ่ายฝรั่งเศส พลเรือตรี แอดการ์ อูว์มัน (Edgar Humann) เมินเฉยต่อความต้องการของสยามและคำสั่งจากรัฐบาลฝร่งเศส
ซึ่งก่อนการต่อสู้ พลเรือตรี อูว์มัน ได้รับคำสั่งห้ามเข้าสู่ปากแม่น้ำเพราะสยามได้เตรียมการอย่างดีสำหรับการรบ
กองกำลังฝ่ายสยามประกอบด้วยป้อมพระจุลจอมเกล้าที่พึ่งสร้างเสร็จ มีปืนเสือหมอบขนาด 6 นิ้ว 7 กระบอก3
สยามยังได้จมเรือสำเภาและเรือบรรทุกหินในแม่น้ำเพื่อเป็นแนวป้องกัน บีบให้เส้นทางเดินเรือกลายเป็นทางผ่านแคบๆ เพียงทางเดียว






เรือปืน 5 ลำจอดทอดสมออยู่ด้านหลังแนวสิ่งกีดขวาง
ประกอบไปด้วย เรือมกุฎราชกุมาร, เรือทูลกระหม่อม, เรือหาญหักศัตรู, เรือนฤเบนทร์บุตรี และ เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ 4
มีเรือ 2 ลำเป็นเรือรบทันสมัย คือ เรือมกุฎราชกุมาร และเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ ขณะที่เรือที่เหลือเป็นเรือปืนเก่าหรือเรือกลไฟแม่น้ำที่ดัดแปลงมา
มีการวางข่ายทุ่นระเบิด 16 ลูก ผู้บังคับบัญชาป้อมเป็นนายพลเรือชาวดัตช์ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวยุโรปหลายคนที่เข้ารับราชการในกองทัพไทย
พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ) เป็นผู้บังคับบัญชาเรือปืน






ยุทธนาวีฝรั่งเศสเลือกที่จะเข้าปากแม่น้ำหลังพระอาทิตย์ตกดินในวันที่ 13 กรกฎาคม
โดยมีวัตถุประสงค์คือแล่นผ่านการป้องกันของสยามให้ได้ถ้ามีการเปิดฉากยิงกันขึ้น สภาพอากาศครึ้มฝน
ขณะนั้นสยามได้ประจำสถานีรบและเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด
เรือรบฝรั่งเศสได้แล่นตามเรือกลไฟนำร่องฌองบัปติสต์เซย์ (Jean Baptiste Say) เข้าสู่ปากแม่น้ำ เมื่อเวลา 18.15 น.
ฝนหยุดตก ทหารในป้อมสังเกตเห็นเรือรบฝรั่งเศสแล่นผ่านกระโจมไฟ สองสามนาทีหลังจากนั้นเรือฝรั่งเศสแล่นผ่านทุ่นดำเข้ามาในระยะยิงของป้อม
ทหารประจำป้อมได้รับคำสั่งให้ยิงเตือน 3 นัด แต่ถ้าฝรั่งเศสเพิกเฉยเรือปืนจะเปิดฉากยิง

เวลา 18.30 น. ป้อมปืนเปิดฉากยิงเตือนด้วยกระสุนเปล่า 2 นัด แต่เรือรบฝรั่งเศสยังคงแล่นต่อไป
ในนัดที่สามสยามได้ใช้กระสุนจริงยิงเตือน กระสุนตกลงในน้ำหน้าเรือฌองบัปติสต์เซย์
เมื่อเห็นฝรั่งเศสเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือน นัดที่สี่จากเรือปืนมกุฎราชกุมาร และ มูรธาวสิตสวัสดิ์ ก็เปิดฉากยิงเมื่อเวลา 18.50 น.
เรือแองกองสตอง ได้ยิงตอบโต้กับป้อมในขณะที่โกแมตยิงสู้กับเรือปืนสยาม
มีเรือขนาดเล็กที่บรรจุระเบิดถูกส่งมาพุ่งชนเรือฝรั่งเศสแต่พลาดเป้า การต่อสู้กินเวลาประมาณ 25 นาที






ในที่สุด พลเรือตรี อูว์มัน ก็พาเรือรบฝ่าการป้องกันของสยามไปได้ และสามารถจมเรือปืนฝ่ายสยามได้หนึ่งลำ
ส่วนอีกลำได้รับความเสียหายจากกระสุนปืน ทหารสยามตาย 10 นาย บาดเจ็บ 12 นาย ฝรั่งเศสได้รับความเสียหายน้อยกว่า
ขณะที่ผ่านปากน้ำเรือฌองบัปติสต์เซย์ถูกยิงด้วยปืนใหญ่ ไปเกยตื้นที่แหลมลำพูราย
เรือแองกองสตอง และ เรือโกแมต แล่นผ่านไปได้ถึงกรุงเทพ จอดทอดสมออยู่ที่สถานทูตฝรั่งเศส
ทหารฝรั่งเศสตาย 3 นาย บาดเจ็บ 2 นาย เรือโกแมตถูกยิงได้รับความเสียหายมากกว่าเรือแองกองสตองแต่ไม่ได้เสียหายร้ายแรง
ป้อมของสยามไม่ได้รับความเสียหาย







ผลที่ตามมาเช้าวันต่อมา ลูกเรือฌองบัปติสต์เซย์ยังคงอยู่บนเรือที่เกยตื้น
สยามได้ส่งเรือเข้ามาควบคุมเรือกลไฟฌองบัปติสต์เซย์และได้พยายามจมเรือแต่ไม่สำเร็จ
จากรายงาน นักโทษได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายและถูกส่งตัวเข้าคุกกรุงเทพ
วันต่อมาเรือปืนฝรั่งเศส ฟอร์แฟต (Forfait) ได้มาถึงปากน้ำและส่งเรือพร้อมทหารเต็มลำเข้ายึดเรือฌองบัปติสต์เซย์
แต่เมื่อถึงเรือกลับโดนโจมตีขับไล่ถอยไปโดยทหารสยามที่ยึดเรืออยู่
เมื่อพลเรือตรี อูว์มัน มาถึงกรุงเทพ เขาได้ทำการปิดล้อมและหันกระบอกปืนมาทางพระบรมมหาราชวัง

ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ก็มีการลงนามในสนธิสัญญาถือเป็นการสิ้นสุดการรบ






ปีนี้เป็นปีที่ครบ 112 ปี ของวิกฤตการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสยาม-ฝรั่งเศส ครั้งสำคัญครั้งหนึ่งที่เรียกว่า "วิกฤตการณ์ ร.ศ.112"

และในวันที่ 3 เดือนตุลาคมของปีนั้น(ร.ศ.112/ พ.ศ.2436) ได้เกิดข้อตกลงที่เรียกว่า "สนธิสัญญาสันติภาพ"






ประเด็นสำคัญของสนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดให้

1.สยามต้องจ่ายค่าเสียหายที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 3 ล้านฟรังก์
2.สยามยกพื้นที่ประมาณ 40,000-50,000 ตารางกิโลเมตร ให้แก่ฝรั่งเศส
3.ฝรั่งเศสยึดเอาจันทบุรีกับตราดไปไว้ในอารักขาอีกนานกว่า 10 ปี (พ.ศ.2436-2447)






เมื่อจบการบรรยายแล้ว เจ้าหน้าที่ได้พาคณะของเราไปชมภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า ซึ่งอยู่ด้านหลังพระบรมราชานุเสาวรีย์ฯ






ป้อมพระจุลจอมเกล้า

เป็นป้อมปราการทางน้ำที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2427 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
ซึ่งเป็นชัยภูมิเหมาะสม หากมีเรือรบของข้าศึกบุกเข้ามาทางปากน้ำ

ป้อมแห่งนี้สร้างเป็นป้อมปืนใหญ่แบบตะวันตก และได้ติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง 155 มม. จำนวน 7 กระบอก
เป็นอาวุธหลักของป้อม ทำให้ป้อมนี้เป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยมากที่สุดในเวลานั้น






ป้อมพระจุลจอมเกล้าได้ใช้เป็นที่ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 โดยมีพลเรือตรี พระยาชลยุทธโยธินทร์ เป็นผู้บัญชาการรบ

ปัจจุบันป้อมพระจุลจอมเกล้าขึ้นตรงกับฐานทัพเรือกรุงเทพ
และได้ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ พ.ศ. 2536
เพื่อเป็นราชานุสรณ์และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
และกองทัพเรือได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมด้วย
ป้อมพระจุลจอมเกล้าจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ














ปืนเสือหมอบ หรือปืนใหญ่อาร์มสตรอง

เป็นปืนใหญ่ขนาด 152/32 มม. สร้างโดยบริษัท เซอร์ ดับบลิวจี อาร์มสตอง (Sir W.G. Armstrong) ประเทศอังกฤษ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อด้วยพระราชทานเงินพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
จำนวน 10 กระบอก (ติดตั้งที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าจำนวน 7 กระบอก และติดตั้งที่ป้อมผีเสื้อสมุทรจำนวน 3 กระบอก) เมื่อ พ.ศ. 2436
เพื่อใช้ประจำการในป้อมพระจุลจอมเกล้า ลักษณะเด่นคือปืนนี้ถูกติดตั้งในหลุมปืนโดยเฉพาะ





การยกปืนเมื่อทำการยิงใช้อากาศ-น้ำมัน เมื่อยิงไปแล้วปืนจะหมอบลง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ปืนเสือหมอบ
ที่รู้จักกันทั่วไป ในวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 ปืนเสือหมอบเหล่านี้ก็ได้ใช้การต่อสู้กับกองเรือฝรั่งเศสด้วย


หลังจากนั้นคณะของเราจึงทะยอยกันขึ้นไปชมเรือหลวงแม่กลองซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน


















เรือหลวงแม่กลอง

เรือหลวงแม่กลองเป็นเรือรบประเภทเรือสลุป ต่อที่อู่เรืออูรางา เมืองโยโกสุกะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2479
ขึ้นระวางประจำการเมื่อ พ.ศ. 2480 และปลดระวางประจำการเมื่อ พ.ศ. 2539 รวมระยะเวลาประจำการ 59 ปี
นับว่าเป็นเรือรบที่ประจำการยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพเรือไทย และเป็นเรือรบที่มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก
ได้ผ่านการใช้งานในหน้าที่สำคัญหลายครั้ง เช่น เคยใช้เป็นเรือพระที่นั่งในรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9
ร่วมรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา และใช้เป็นเรือฝึกของทหารเรือ






ปัจจุบันกองทัพเรือได้ดำเนินการอนุรักษ์และปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบไทย
เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พุทธศักราช 2539
ตั้งอยู่ที่บริเวณริมน้ำปากอ่าวแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ใกล้กับพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5










ขึ้นบันไดไปชมด้านบนเรือหลวงแม่กลองกันค่ะ

ให้ภาพบรรยายเองนะคะ

































เมื่อเดินชมเรือหลวงแม่กลองทั้ง 3 ชั้น จนจุใจแล้ว เราก็เดินไปพักผ่อนในสโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง





นั่งพักร้อน ดื่มน้ำเย็นๆ กันก่อนค่ะ









Create Date : 13 เมษายน 2555
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:08:54 น. 16 comments
Counter : 11626 Pageviews.  

 
ว๊าว..มาเจิมเป็นครั้งแรกเลยกระมังเนี่ย คุณป้าแข็งแรงเที่ยวได้ไม่เหนื่อยเลยนะคะ ดีจริงๆ


โดย: แมลงจ่อย (Bug in the garden ) วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:15:25:27 น.  

 
โอ้โห สวยเต็มตาจังค่ะป้าแอ๊ด
ขอแชร์ไปหน้าเพจหน่อยนะคะ

สวัสดีวันครอบครัวค่ะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:15:27:54 น.  

 
แฮปปี้สงกรานต์ค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงมีความสุขนะคะ


โดย: pimas วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:20:42:38 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะป้าแอ๊ด


โดย: ครูปัญญดา วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:3:44:57 น.  

 
ป้าแอ๊ดเที่ยวสนุกเลยค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:15:09:18 น.  

 
สุดยอดเลยคะ เหมือนได้ไปด้วย มีความสุขนะคะ


โดย: Dolly IP: 125.27.235.217 วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:10:39:30 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด
ขออภัยที่หายไปนาน กลับมารายงานตัวค่ะ

ช่วงสงกรานต์ โทรไปเพื่ออวยพรวันปีใหม่แก่ป้าแอ๊ด แต่ป้าแอ๊ดปิดเครื่อง เลยมาส่งความสุขหน้าบลอกแล้วกันนะคะ ขอให้ป้าแอ๊ดและครอบครัวมีความสุขมากๆค่ะ

ป้อมพระจุล เคยเห็นรายการทีวีชวนเที่ยว น่าสนุกจัง มาอ่านจากบลอกป้าแอ๊ด สักวันจะแวะไปบ้างค่ะ


โดย: Love At First Click วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:11:58:33 น.  

 

ไม่ได้แวะมาหาป้าแอ๊ดนานมากเลยค่ะ

เคยคุยกันเมื่อคราวนู้น...ตอนป้าแอ๊ดไปอบรมถ่ายรูปกับห้องกล้องหน่ะค่ะ

ภาพสวยค่ะ หนูเคยพาลูกไป แต่ไม่ได้ฟังบรรยาย คราวหน้าไม่พลาดแน่ค่ะ


ขอบคุณป้าแอ๊ดนะคะ ได้ไปงานพระเมรุรึยังคะ เห็นป้าแอ๊ดบอกว่าจะไปจันทร์ที่ ๑๖




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:15:51:41 น.  

 
ป้าแอ๊ดคะ
ชอบทานข้าวเหนียวมะม่วงไหม มีสูตรเมืองชลมาแนะนำป้าค่ะ


โดย: Love At First Click วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:9:54:08 น.  

 
อกิลาสุ วินฺเท หทยสฺส สนฺตึ
คนขยันวุ่นกับงาน จะได้ความสงบใจ

พัฒนาความสงบที่ได้จากการทำงานให้เกิดปัญญาณ ตลอดไป...นะคะ



ได้ชมฝีมือถ่ายภาพอันสวยงามของป้าแอ๊ดอีกแล้ว
ชอบมาก...ค่ะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 เมษายน 2555 เวลา:10:57:52 น.  

 
กยิรา เจ กยิราเถนํ
ถ้าจะทำ ก็ควรทำให้จริง

มีความอุตสาหะและมุ่งมั่นในทุกสัมมากิจ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:29:39 น.  

 

ป้าแอ๊ดบอก...คนเป็นหมื่น นึกภาพออกเลยค่ะ

บางกะปิ ไกลมากเลยนะคะ แม่หนูอยู่ที่สุขาภิบาล 1 มาไม่ถึงสนามหลวงซักทีค่ะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:12:09:18 น.  

 
ความรู้เพียบเช่นเคยเลยป้าแอ๊ด

ผมเคยพาลูกสาวไปเที่ยวด้วย แต่เที่ยวจริงๆ ไปถึงก็เที่ยวๆๆๆ ขึ้นไปเดินเล่นบนเรือ ไปถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์
ไม่ได้ความรู้อะไรกลับมาเลย



ตามป้าแอ๊ดมาเที่ยวได้ความรู้กว่าเยอะเลยครับ ^^


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:22:10:02 น.  

 
น เว อนตฺถกุสเลน อตฺถจริยา สุขาวหา
คนฉลาดไม่ถูกเรื่อง ถึงจะพยายามทำประโยชน์ ก็ไม่สัมฤทธิ์ผลให้เกิดสุข

ใช้ความฉลาดให้ถูกกาลเทศะ ตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:12:32:25 น.  

 
สวัสดีวันจันทร์ค่ะป้าแอ๊ด


โดย: Love At First Click วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:13:46:54 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าแอ๊ด ไม่ได้แวะมาทักทายป้าแอ๊ด
หลายวันเลย ป้าแอ๊ดถ่ายรูปได้เก่งจังเลยค่ะ
ยังไม่เคยไปเลยค่ะ ดีจังได้เห็นได้รู้จากรูปใน
บล๊อคนี้แหล่ะค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:22:23:50 น.  

addsiripun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [?]




ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
[Add addsiripun's blog to your web]