บอกกล่าว
บันทึกท่องเที่ยว
เที่ยววัดในกรุง
เที่ยววังในกรุง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวอิสาน
เที่ยวเมืองเหนือ
เที่ยวภาคกลาง
เที่ยวภาคใต้
เที่ยวภาคตะวันออก
เที่ยวภาคตะวันตก
เที่ยวไปเรื่อยเปื่อย
การทำสบู่
<<
เมษายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
3 เมษายน 2555
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดบวกครกหลวง
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (6)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (5)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (4)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (3)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (2)
ตามรอย 132 ปี พระนางเรือล่ม (1)
เรือหลวงแม่กลอง ที่ป้อมพระจุลฯ
ทัวร์ 5 วัด (วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร)
ทัวร์ 5 วัด (วัดทองธรรมชาติวรวิหาร)
ทัวร์ 5 วัด (วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร)
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดบวกครกหลวง
วัดบวกครกหลวง เชียงใหม่
วัดต้นเกว๋น
งานราชพฤกษ์ 2012 เชียงใหม่
ทัวร์ 5 วัด (5. ศาลาการเปรียญ วัดสุทัศน์ )
ทัวร์ 5 วัด (4. สัตตมหาสถาน ในวัดสุทัศน์ฯ )
ทัวร์ 5 วัด (3. พระอุโบสถวัดสุทัศน์ฯ )
ทัวร์ 5 วัด (2. วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร)
ทัวร์ 5 วัด (1. วัดเทพธิดารามวรวิหาร)
ตามรอย ร.๕ (พระบรมรูปทรงม้า)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งอนันตสมาคม)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งวิมานเมฆ)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งอิศเรศฯ)
ตามรอย ร.๕ (พระที่นั่งพุทไธสวรรย์)
ตามรอย ร.๕ (สุสานหลวง)
ตามรอย ร. ๕ (วัดราชบพิธ)
ตามรอย ร. ๕
น้องน้ำ ณ บางกะปิ
ไปกราบพระที่นครปฐม
วิหารลายคำกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง
วิหารลายคำ
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
น้ำตกสิริภูมิ
พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ
สูงสุดแดนสยาม
น้ำตกวชิรธาร
ถึงก็ช่าง..ไม่ถึงก็ช่าง...
สถูปองค์นเรศวรฯ ที่เมืองงาย
ปางช้างแม่ปิง
วัดต้นแก้ว ลำพูน
พระตำหนักภูพิงค์ ราชนิเวศน์
ไปทอดกฐินที่ลำพูน
บ้านสุขาวดี
วัดเขาชีจรรย์
เมื่อไปเยือน วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
วิหารเซียน
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามฯ (2)
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามฯ (1)
วังสราญรมย์
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (4)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (3)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (2)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (1)
วัดศรีรองเมือง
เที่ยวชมวัดศรีชุม ลำปาง
วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
วัดเจดีย์ซาวหลัง
วัดพระธาตุลำปางหลวง
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ
ไปล่องเรือที่อยุธยากัน
สะพานข้ามแม่น้ำแคว อันลือลั่น
อุทยานประวัติศาสตร์ สงคราม ๙ ทัพ
ล่องเรือ..ไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ช่องเขาขาด
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์
พุทธมณฑล
ฟ้าเหนือเขื่อนศรีนครินทร์
พาไปล่องเรือ ชมลำน้ำบางปะกง
วันฟ้าใสกับพระที่นั่งอนันตสมาคม
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก (ตอนบ่ายๆ)
เที่ยวนครปฐม (3)
เที่ยวนครปฐม (2)
เที่ยวนครปฐม (1)
เพิ่งได้ไปยล...สุวรรณภูมิ
ไปเที่ยว วัดกิ่งแก้วมาค่ะ
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดบวกครกหลวง
สวัสดีค่ะ
วันนี้มาชมภาพฝาผนังของวัดบวกครกหลวงกันนะคะ
จิตรกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวง
จุดเด่นของ
วัดบวกครกหลวง
ที่คนทั่วไปรู้จัก
อยู่ที่
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารวัดบวกครกหลวง
ซึ่งเขียน
เรื่องราวพุทธประวัติและชาดกในนิบาต
หรือ เรื่องทศชาติชาดก จำนวน 14 ห้อง
จิตรกรรมฝาผนังนี้เขียนบนผนังรอบ ๆ วิหารระหว่างช่องเสาเป็นเรื่องพุทธประวัติและชาดก
ภาพแต่ละส่วนจะอยู่ในกรอบซึ่งเขียนเป็นลายล้อมกรอบด้วยลายสีน้ำเงิน แดง และขาว
สำหรับเรื่องที่เขียนนั้นทางทิศเหนือเป็น
ภาพชาดก เรื่องมโหสถชาดก
ส่วนทางทิศใต้เป็น
เรื่องทศชาติชาดก (พระเจ้าสิบชาติ)
จิตรกรรมดังกล่าวเป็นฝีมือช่างชาวไทใหญ่ที่ละเอียดประณีต
และเป็นที่น่าสังเกตว่าจิตรกรรมฝาผนังในล้านนาจะไม่พบการเขียนภาพเรื่องทศชาติชาดกครบทั้ง 10 ชาติ
หากเลือกมาเฉพาะเรื่องที่นิยมกันเท่านั้น ซึ่งที่วัดบวกครกหลวงก็เช่นกัน มีทั้งหมด 6 เรื่อง
คือ เตมียชาดก สุวรรณสามชาดก เนมิราชชาดก มโหสถชาดก วิธูรบัณฑิตชาดก และเวสสันดรชาดก
(ผนังที่ 1 ผนังเต็มห้องอบายภูมิ ซีกด้านซ้ายพระประธาน)
(ผนังที่ 2 ผนังเต็มห้อง
เตมียชาดก
อันเป็นพระชาติแรกของทศชาติชาดก พระโพธิสัตว์
บำเพ็ญเนกขัมมบารมี
คือ ความอดกลั้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการทำความชั่ว
โดยพระเตมีย์แสร้งทำพระองค์เป็นใบ้ ง่อย และหูหนวก แม้จะถูกทดสอบหรือยั่วยวนต่างๆ พระกุมารก็ทรงนิ่งเฉยเสีย
ซึ่งภาพในตอนนี้ชำรุดไปบางส่วน แต่ยังพอเห็นเค้าได้)
ผนังเตมียชาดก ตอนพระเตมีย์นั่งอยู่บนตักพระราชบิดา เมื่อออกว่าราชการ
ทรงทอดพระเนตรพระราชบิดา สั่งตัดสินลงโทษ
ภาพมุมขวาล่าง แม้พระเตมีย์จะถูกยั่วยวนแต่พระกุมารก็ยังคงนิ่งเฉย
ภาพตอนบน นายสุนันต์เพชฌฆาตนำพระเตมีย์ไปประหารชีวิตในป่า
(ผนังที่ 3 ผนังเต็มห้อง สุวรรณสามชาดก ผนังลบเลือนไปมากแต่ยังพออ่านเรื่องได้
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นสุวรรณสาม บำเพ็ญเมตตาบารมี)
(ผนังที่ 4 ผนังเต็มห้อง
เนมิราชชาดก
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเนมิ บำเพ็ญอธิษฐานบารมี
เหล่าเทพยดาส่งมาตุลีเทพบุตร นำราชรถทองมารับพระเนมิไปเที่ยวชมเมืองสวรรค์และนรก)
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดบวกครกหลวงมีลักษณะของภาพแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิยมของท้องถิ่น
ที่มีจุดเด่นที่เป็นภาพเขียนที่ใช้สีสันสดจัดจ้าน
ท่าทีการเขียนภาพของช่างนิยมใช้พู่กันป้ายแต้มอย่างมีพละกำลังแฝงอยู่ภายในด้วย
รอยพู่กันแสดงอารมณ์ที่ลิงโลด คึกคะนอง สนุกสนาน และปาดสีอย่างมันใจเด็ดเดี่ยว
โดยเฉพาะบริเวณส่วนที่เป็นฉากธรรมชาติ เช่น เนินเขา โขดหิน และลำน้ำ
ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนมีรูปร่างเป็นอิสระ เลื่อนไหล คดเคี้ยว
เมื่อผนวกเข้ากับความต้องการของผู้วาดที่ใช้พู่กันและสีแท้ ๆ สดในอย่างอิสระแล้ว
นับเป็นฉากธรรมชาติที่มีชีวิตชีวา ไม่ดูจืดชื้ดยิ่งนัก
นอกจากนั้นแล้ว วิธีการเน้นความน่าสนใจของภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวงคือ
นิยมใช้กรอบรูปคล้ายภูเขา ระบายสีพื้นในด้วยสีดำ ขอบนอกเป็นแถบสีเทาและตัดเส้นด้วยสีดำ
ส่วนเส้นนอกกรอบเลื่อนไหลล้อกับรูปนอกของตัวปราสาทด้วย
(ผนังที่ 5 ผนังเต็มห้อง
มโหสถชาดก
พระโพธิบารมี ภาพด้านบนชำรุดไปพอสมควร)
สำหรับสีที่ใช้ในจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดบวกครกหลวงนี้พอจะจำแนกได้ 6 กลุ่ม
คือ กลุ่มสีคราม สีแดงชาด สีทอง สีเหลือง น้ำตาล สีดำ และสีขาว
ดังนั้นจิตรกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวงจึงถือเป็นงานฝีมือของช่างไทใหญ่
ที่ได้ถ่ายทอดถึงชีวิตพื้นบ้านรูปแบบสถาปัตยกรรมและการแต่งกายแบบพม่าและไทใหญ่ไว้ด้วย
เช่น ถ้าเป็นการแต่งกายของชาวบ้านจะมีลักษณะเป็นแบบคนพื้นเมือง
แต่ถ้าเป็นเจ้าก็จะเป็นการแต่งกายแบบพม่าหรือไทใหญ่
รวมถึงข้าวของเครื่องใช้แบบชาวเมืองก็ยังมีให้เห็นอยู่ในภาพด้วย เช่น จุนโอ๊ก, ขันชี่ (ขันเงิน, ขันทอง)
ซึ่งเป็นเครื่องใช้ของชาวล้านนา ผ้าซิ่นแบบคนเมือง หรือผ้าห่มคลุมตัวเวลาหนาวที่เรียกว่า ตุ้ม ด้วย
ซึ่งลักษณะของจิตรกรรมฝาผนังวัดบวกครกหลวงนั้นจึงเป็นลักษณะพิเศษของจิตรกรรมล้านนา
โดยอาจมีข้อแตกต่างหรือคล้ายกันกับจิตรกรรมที่ภาคกลางด้วย
(ผนังที่ 6 ผนังเต็มห้อง
เวสสันดรชาดก
พระชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์)
ลักษณะพิเศษลักษณะพิเศษของจิตรกรรมล้านนาที่วัดบวกครกหลวง
กับข้อแตกต่างหรือคล้ายกันกับจิตรกรรมที่ภาคกลางมีดังนี้
-จิตรกรรมภาคกลางนั้นเขียนภายในพระอุโบสถและพระวิหารที่มีหน้าต่างเป็นชุด
จึงมีผนังระหว่างช่องหน้าต่างให้เขียนเป็นเรื่องราวพุทธประวัติบ้าง ทศชาติชาดกบ้าง
ส่วนผนังเหนือหน้าต่างเขียนเรื่องพุทธประวัติ หรือมิฉะนั้นก็จะเขียนภาพเทพชุมนุมเป็นแถว ๆ
ด้วยพระอุโบสถและพระวิหารทางภาคกลางมีขนาดใหญ่มาก ทั้งความสูงจากเหนือขอบหน้าต่างถึงสุดผนังข้างบนก็มีมาก
ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 จึงมักเขียนภาพเทพชุมนุมเป็นแถว ๆ
ขนาดของเทวดาที่นั่งพนมมือเป็นแถวนั้นมีขนาดใหญ่เท่าคนจริงหรืออาจใหญ่กว่าคนจริงเล็กน้อย
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ลงมามิได้เขียนเป็นภาพเทพชุมนุมแต่เขียนเป็นเรื่องราวของชาดกขนาดใหญ่
ภาพปฤศนาธรรม หรือภาพวิวขนาดมหึมา เช่น ภาพสวยสาธารณะ ภาพเรือใบเดินทะเลขนาดใหญ่ มีคลื่นลูกโตสาดซัด
ภาพตึกรามบ้านช่อง บางทีก็เป็นภาพศาสนสถานขนาดใหญ่ เป็นต้น
(ผนังที่ 7 ผนังห้องนี้ชำรุดจนหมด)
ส่วนสถาปัตยกรรมเชียงใหม่สมัยรัชกาลที่ 5 นั้น นิยมใช้เสาไม้รับน้ำหนักเครื่องบนหลังคาดังนี้
เมื่อต้องการให้ภายในเป็นอาคารมีฝามิใช้อาคารโถง จึงต้องก่ออิฐเป็นผนัง
(ที่จริงอาคารพุทธศาสนารุ่นเก่าของล้านนาเป็นอาคารโถง ซึ่งยังเหลือของเก่าให้เห็นเป็นจำนวนมาก)
เหนือผนังด้านข้างตีไม้เป็นระแนงเป็นช่องลมทางยาวขนาดใหญ่ สามารถใช้ระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
ประตูด้านข้างเขาทำประตูส่วนบนเป็นยอดแหลมทั้งบานทาด้วยสีดินแดง ที่เสานูนจากผนังทำเป็นลายฉลุปิดทอง
ภาพเขียนในวัดบวกครกหลวงนั้น จึงเขียนคาบเกี่ยวกันตั้งแต่สุดผนังด้านข้างทั้ง 2 ข้าง
และผนังด้านบนจากช่องลมถึงกึ่งกลางหน้าต่างซึ่งไม่สูงเท่าไร เพราะส่วนสัดของพระวิหารวัดบวกครกหลวงผนังด้านข้างไม่สูงนัก
(ภาพผนังที่ 8 ผนังเต็มซีกด้านขวาพระประธาน เข้าใจว่าเป็นภาพเกี่ยวกับวัดบวกครกหลวงแห่งนี้)
-ภาพเขียนวัดบวกครกหลวงเขียนเส้นเป็นลายขอบรูปหนา
และขอบนั้นล้อมรอบรูปเขียนเป็นสี่เหลี่ยม จึงทำให้เนื้อที่ผนังที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบลงไปอีก
(ผนังที่ 9 ผนังเต็มห้องพุทธประวัติ
ส่วนล่างของภาพด้านซ้ายเป็นภาพองคุลีมาลกำลังวิ่งไล่เพื่อทำร้ายพระพุทธเจ้า
ด้านขวาเป็นตอนที่องคุลีมาลกลับใจออกบวช)
-การเขียนของบวกครกหลวงใช้ระบบสีฝุ่นบดผสมกาวยางไม้เช่นเดียวกับภาคกลาง
แต่เรื่องราวแบบแผนกับวิธีการเขียนไม่เหมือนกัน ดังเช่น รูปเครื่องบนยอดปราสาทในภาพเขียน
เขาเขียนโดยใช้ระบบเครื่องบนปราสาทพม่า ซึ่งเหมือนกับภาพเขียนผนังซ้ายมือพระประธานซึ่งเขียนในสไตล์พื้นเมือง
นอกจากจะเขียนยอดปราสาทพม่าแล้วเครื่องปรุงปราสาทต่าง ๆ ก็เป็นแบบพม่า
เป็นเครื่องสังวรว่าอิทธิพลจิตกรรมพม่าได้เข้าครอบงำจิตรกรรมล้านนา
อาจจะเป็นเพราะว่าพม่าเคยมีอำนาจปกครองดินแดนล้านนามาเนิ่นนาน
อันเป็นผลอันเป็นผลให้ศิลปะขนบประเพณีของพม่าเข้าไปเปลี่ยนวิถีชีวิตชาวเชียงใหม่ให้หันไปนิยมพม่าเสียหมด
นับตั้งแต่ภาคกลางได้ขยายทางรถไฟให้ยาวขึ้นไปถึงเชียงใหม่ในสมัยปลายรัชกาลที่ 5
อิทธิพลวัฒนธรรมไทยภาคกลางได้แพร่เข้าไปถึงอย่างใกล้ชิด
แต่ก็หาได้มีผลเปลี่ยนแปลงอย่างปฏิรูปถอนรากถอนโคนในดินแดนล้านนาไม่
(ผนังที่ 10 ผนังเต็มห้อง
วิธุรชาดก
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นวิธุรบัณฑิต บำเพ็ญสัจจบารมี ด้านบนมีภาพพุทธประวัติตอนประสูติแทรกอยู่)
-การเขียนเส้นสินเทาคั่นระหว่างภาพก็เหมือนกัน ทว่าที่วัดบวกครกหลวงก็แตกต่างกับภาคกลางอีก
คือ เขามิได้ใช้เส้นสินเทาเป็นหยักแหลมรูปฟันปลาอย่างภาคกลาง
แต่เขียนเป็นลายตามแบบแผนของเขา ยอดปราสาทก็เขียนแบบเดียวกับยอดปราสาทวัดพม่าที่เห็นทางเหนือทั่วไป
(ผนังที่ 11 ผนังเต็มห้องพุทธประวัติ ตอนเจ้าชายสิทธัตถะพบเทวทูตทั้งสี่ ตอนการสละอันยิ่งใหญ่ และตอนออกมหาภิเนษกรมณ์)
-โครงสร้างของสีส่วนใหญ่ ถ้าหากนำมาเทียบกับจิตรกรรมฝาผนังภาคกลาง
คงเห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจนว่า สีโดยส่วนรวมค่อนข้างสว่างเพราะมีการเขียนในระบบเดียวกับเขียนสมดุลข่อย
คือเขียนบนพื้นสีขาวที่เตรียมไว้ ส่วนใดเป็นสีอ่อนก็จะระบายสีอ่อน ๆ คล้ายเทคนิคสีน้ำ
ส่วนสีแก่ใช้ล้วงพื้นเอาซึ่งแตกต่างกับภาพเขียนภาคกลางสมัยรัตนโกสินทร์ที่มักจะลงพื้นเข้มเสียก่อน
เช่นเขียนภาพพื้นดินภูเขา ต้นไม้ลงพื้นระบายด้วยสีหนัก ๆ
แล้วจึงเขียนภาพคนทับลงไปบนภาพที่ลงพื้นไว้เบื้องหลังแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ภาพจิตรกรรมที่นี่จึงมีส่วนที่เว้นสีพื้นขาวมาก เช่น ช่องว่างรอยต่อของเรื่องกับส่วนละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ทำให้ภาพดูสว่างตา
(ผนังที่ 12 ผนังเต็มห้องพุทธประวัติตอนเจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดพระเมาลี
และตอนพระอินทร์ทรงดีดพิณทิพย์สามสายถวาย)
-ภาพการเขียนด้วยคอมโปสิชั่นที่แปลก
จิตรกรล้านนาท่านยักเยื้องแง่มุมของรูปให้เห็นมิติแปลก ๆ
ลักษณะลวดลายผสมผสานกับท่าทีของการใช้ฝีแปรงอันกล้าหาญ เต็มไปด้วยพลัง
เมื่อได้เห็นภาพานี้ผู้สนใจทางศิลปะคงรู้แก่ใจตนเองว่า ที่เขายกย่องกันถึงพื้นพลังสร้างสรรค์ของจิตรกรรมวัดบวกครกหลวงเป็นฉันใด
เนื้อหาของภาพได้แสดงตนเองออกมาให้ประจักษ์แล้ว
(ผนังที่ 13 ผนังเต็มห้องพุทธประวัติ ตอนมารผจญและลอยถาด)
-แม้ว่าภาพเขียนวัดบวกครกหลวงจะเป็นจิตรกรรมที่มิใช่งานคลาสสิก
แต่คุณค่าของจิตรกรรมในพระวิหารที่นี่อยู่ตรงความเป็นตัวของตัวเอง มิได้ลอกแบบหรือเอาอย่างมาจากใคร
แม้เป็นเรื่องราวในพุทธศาสนา แต่เราก็จะเห็นว่าครูที่เคยเห็นอย่างจำเจในภาคกลางไม่ปรากฏ ณ ที่นี่
แสดงว่าเป็นงานจิตรกรรมบริสุทธิ์ ที่สร้างสรรค์ มาจากจินตนาการอันแท้จริงของชาวล้านนา
(ผนังที่ 14 ผนังเต็มห้องขบวนพิธีไปทำบุญ)
-จิตรกรรมล้านนาไม่ว่าจะเป็นวัดบวกครกหลวง วัดพระสิงห์ เชียงใหม่ หรือวัดภูมินทร์ น่าน
มีลักษณะการเขียนใบหน้าดูชื่อ ๆ ถ้าเป็นคนหมู่มากก็จะยืนเรียงเข้าแถวแนว หรือเรียงหน้ากันเป็นตับ
ลักษณะเหล่านี้ นักวิชาการศิลปะสามารถวินิจฉัยได้ว่า นั่นคือลักษณะการคลี่คลายตัวของศิลปะในแบบพริมิทีฟ ( primitive )
ซึ่งยังไม่สูงสู่ระดับอาร์เคอิก (Archaic) หรือคลาสสิก(Classic)
อย่างไรก็ดี ในการดูคุณค่าทางศิลปะ ท่านมิได้เพ่งเล็งในแง่ระดับต้น ระดับกลาง หรือระดับสูงแต่อย่างไร
คุณค่าสำคัญก็คือการแสดงออกของอารมณ์
จิตรกรรมฝาผนังของวัดบวกครกหลวง ก็คงมีมานำเสนอเพียงเท่านี้นะคะ
ขอบคุณเวป ของวัดที่มีรายละเอียดให้คัดลอกมาลงในบล็อกนี้
ใครอยากชมภาพจริงๆ ต้องไปชมเองนะคะ รับรองว่าสวยกว่าในภาพพันเท่าเลยค่ะ
ป้าแอ๊ดเอง ถ้ามีโอกาสไปเชียงใหม่ จะไปวัดนี้อีกครั้งหนึ่งแน่นอนค่ะ
Create Date : 03 เมษายน 2555
6 comments
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:10:03 น.
Counter : 15012 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดียามค่ำค่ะป้าแอ๊ด
ดี.มาส่งความคิดถึงก่อนเลย
ตามด้วยเที่ยววัดกับป้าแอ๊ดด้วยค่ะ
โดย: d__d (
มัชชาร
) 3 เมษายน 2555 19:47:49 น.
รายละเอียดต้องบอกว่า ... เต็มเอี๊ยดมากเลยค่ะป้าแอ๊ด
อ่านไป เหมือนได้เดินตามไกด์เลยค่ะ
จะมีอยู่ช่วงหนึ่งพุ่เองก็ชอบนักกับการ
เดินชมภาพวาด เพราะทึ่งมากกับตอนไปเห็น
ช่างรุ่นใหม่เค้าได้ลงลาย เรียกว่าเค้ารักษาของเก่า
กันแบบว่ามากๆ เลยค่ะ เห็นแล้วอดชื่นชมไม่ได้
เลยชอบกับลายวาดๆ ของแต่ละแห่ง ..
แต่ตอนนี้เวลาเดินเล่นมันน้อยลงแล้วเลยไม่ได้
ไปไหนไกลๆ เลยค่ะ ..
โดย:
JewNid
3 เมษายน 2555 22:57:56 น.
นิทฺทาสิลี สภาสิลี อนุฏฺฐาตา จ โย นโร
อลโส โกธปญฺญาโณ ตํ ปราภวโต มุขํ
คนใดชอบนอน ชอบมั่วสุม ไม่เอางาน เกียจคร้าน
เอาแต่โกรธ งุ่นง่าน นั่นคือปากทางของความเสื่อม
ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขด้วยความขยันหมั่นเพียร ตลอดไป...นะคะ
นอกจากได้ชมภาพที่ทรงคุณค่าแห่งความงามและความหมายแล้ว
ยังได้รับความรู้แบบจัดเต็มอีกต่างหาก ชอบมาก...ค่ะ
โดย:
พรหมญาณี
4 เมษายน 2555 11:13:35 น.
ได้ความรู้มาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย:
tuk-tuk@korat
8 เมษายน 2555 16:51:48 น.
ป้าแอ๊ดค่ะน่าทึ่งจริงๆค่ะ ชื่นชมค่ะ คิดถึงนะค่ะมาเชียงใหม่ติ๋มอยากพาไปทานข้าวนะค่ะ
โดย:
บ้านผ่อดอยใน
10 เมษายน 2555 0:28:21 น.
อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ ขโณ โว มา อุปจฺจคา
รีบทำความเพียรเสียแต่วันนี้ อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยไปเสีย
ตั้งใจทำการงานอันสุจริตด้วยความไม่ประมาท ตลอดไป...นะคะ
ปีใหม่ไทยนี้ ปอป้าขออวยพรให้ทุกท่าน ทุกครอบครัว
ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง
สำเร็จในทุกสัมมาการที่ปรารถนา เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
ตลอดปีใหม่ และตลอดไป...นะคะ
โดย:
พรหมญาณี
10 เมษายน 2555 11:42:11 น.
addsiripun
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 78 คน [
?
]
ลบบล็อกงานตัดเย็บทิ้งหมดแล้วนะคะ
addsiripun
chadapha
panda on line
quilt
vanillaorchid
คนตาพิการ
ณ ปลายฉัตร
ดาวส่องทาง
นักล่าน้ำตก
ปลาทอง9
เป็ดสวรรค์
มัชชาร
ระบบราง
หมูหวานน้อย
ฮิปโปวดี
บ้านผ่อดอยใน
คนสองภาค
CANNOU
jaekaow
obbylovequilt
gymstek
beatquilt
pippo's sweet heart
noksamui
อาคุงกล่อง
ซองขาวเบอร์ 9
เป๋อน้อย
jkob
กระจ้อน
riskx_ray
lovequilt
BabyGreace
Bug in the garden
Gunpung
Heart&Home
Love At First Click
mymph
tuk-tuk@korat
VET53
yyswim
กะว่าก๋า
พรหมญาณี
พลทหารไรอัน
Marquez
ร่มไม้เย็น
bingo123
changtee
สายหมอกและก้อนเมฆ
jumwilly
anutch2009
wilasinee_kae
NVสีเทา
JewNid
โสนบานเช้า
yadegari
คุณนายดอกไม้
คนบ้า(น)ป่า
ช่างเสื้อสมัครเล่น
ตะลีกีปัส
ทนายอ้วน
รัชชี่
วันจัน
สองแผ่นดิน
Artagold
หมุยจุ๋ย
JinnyTent
ไวน์กับสายน้ำ
Webmaster - BlogGang
[Add addsiripun's blog to your web]
Bloggang.com
สวัสดียามค่ำค่ะป้าแอ๊ด
ดี.มาส่งความคิดถึงก่อนเลย
ตามด้วยเที่ยววัดกับป้าแอ๊ดด้วยค่ะ