|
7 มิถุนายน 2553
|
|
|
|
วัดเจดีย์ซาวหลัง
สวัสดีค่ะ
ไหนๆ ก็ลงเรื่องไปเที่ยวลำปางแล้ว ก็ลงให้หมดว่าไปเที่ยววัดไหนมาบ้างก็แล้วกัน
วัดที่ชวนไปเที่ยวดูในวันนี้เป็นอีกวัดหนึ่งที่อยู่ในแนวหน้าที่ต้องไปชม
คือ วัดเจดีย์ซาวหลัง
"ซาว" แปลว่า ยี่สิบ "หลัง" แปลว่า องค์ วัดเจดีย์ซาวหลัง แปลว่าวัดที่มีเจดีย์ 20 องค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นธงชัย ห่างจากตัวเมือง 5 กม. ตามถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม
เป็นวัดใหญ่อยู่กลางทุ่งนา บริเวณวัดร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ วัดนี้เป็นปูชนียสถานที่สำคัญของจังหวัดลำปางสร้างแต่โบราณ ทรงคุณค่าทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณวัตถุ
จากหลักฐานการขุดพบพระเครื่องสมัยหริภุญชัยที่องค์พระเจดีย์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดนี้สร้างมานานกว่าพันปี
สิ่งที่น่าชมภายในวัดคือ องค์พระธาตุเจดีย์ซาว ที่มีศิลปะล้านนาผสมศิลปะพม่า
เมื่อเดินลอดประตูเข้าไปด้านใน จะมีพระพุทธรูปไว้ให้บูชากราบไหว้ ใต้หลังคาเต๊นท์สวยๆ นั่นแหละ
ข้างหมู่พระเจดีย์มีวิหารหลังเล็ก ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสน ชาวบ้านเรียกว่า "พระพุทธรูปทันใจ" (ไม่ได้เข้าไปดู)
พญานาคที่บันไดพระอุโบสถสวยงามมาก เป็นศิลปล้านนา
พระอุโบสถหลังใหญ่ซึ่งประดิษฐานพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงาม
ภายในพระอุโบสถ มีศิลปวัตถุเป็นธรรมาสน์ และจิตรกรรมฝาผนังสวยๆ มากมาย
บานประตูทั้งสามเป็นของโบราณ เขียนลวดลายรดน้ำละเอียดสวยงาม เสาซุ้มประตูหน้าต่างประดับลวดลายกระจกสีเป็นลักษณะศิลปะสมัยใหม่ หน้าบันพระอุโบสถ สวยงามมาก
และที่ศาลาการเปรียญเรือนไม้ชั้นเดียวด้านหลังพระอุโบสถ ได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงโบราณวัตถุที่ชาวบ้านนำมาถวาย
(ภาพนี้เป็นวิหารพระเจ้าแสนแซ่ทองคำ) นอกจากนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2526 ชาวบ้านได้ขุดพบพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์หนัก 100 บาทสองสลึง มามอบให้แก่ทางวัด
ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ชื่อว่า "พระแสนแซ่ทองคำ" (ไม่ได้ถ่ายภาพมา) เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 21
ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้วครึ่ง สูง 15 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปทองคำองค์แรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติ
เมื่อเดินสำรวจและถ่ายภาพ(ซึ่งไม่ครบถ้วน) เพื่อนก็พาไปยังวัดอื่น บล็อกหน้าจะพาไปเที่ยววัดในลำปางต่อนะคะ
Create Date : 07 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2553 16:08:29 น. |
|
21 comments
|
Counter : 3242 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: VET53 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:15:50:55 น. |
|
|
|
โดย: Unjin วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:17:58:15 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:21:24:31 น. |
|
|
|
โดย: ปลายแป้นพิมพ์ IP: 180.180.76.140 วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:22:19:06 น. |
|
|
|
โดย: ปลาทอง9 วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:3:38:52 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:7:17:34 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:11:00:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:16:02:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:7:46:15 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:9:57:23 น. |
|
|
|
โดย: kawtoo วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:13:41:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:15:10:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:7:33:44 น. |
|
|
|
โดย: siam2maamy วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:8:04:19 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:9:45:18 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยจิง (jackkyjing ) วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:10:07:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
addsiripun |
|
|
|
|
แต่ที่รู้คือเป็นวัดของพระยาจักรี ครั้งกรุงยังไม่แตก
เมื่อปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ จึงกลับไปบูรณะ
ให้สมกับเป็นวัดของรัตนโกสินทร์
สิ่งที่น่าชมคือภาพเขียนพิธีปฐมกรรมของพระนเรศวรมหาราช
หลักฐานเพียงชิ้นเดียวที่เราพูดกันทั่วเวลาโมโหเรื่องเขตแดนกับเขมร
ในขณะที่ทั้งพงศาวดารไทยและเขมรไม่เคยมีเรื่องนี้เลย