"ความสามัคคีปรองดอง เป็นกำลังอย่างสูงสุดของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความสามัคคีของคนในชาติ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และทำให้สังคมไทย ร่มเย็นเป็นสุข" พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สนใจลงโฆษณา ในพื้นที่ข้างบน ติดต่อ email : nana_sara1000@ymail.com
Home Lover’s Corner นานา สาระ๑๐๐๐ นานา สารพัด พระพุทธประวัติ ภาคพิเศษ
Travel Around the World Real Estate Buyer's Guide สุขภาพกาย สุขภาพใจ Pets & Animals
ปางพระพุทธรูปตามพุทธประวัติ Horoscope 12 ราศี พระพุทธศาสนา World of Beautiful Musics
ทรงพาพระนันทะไปชมนางฟ้า : ศากยะราช ๖ พระองค์ออกบวชพร้อมกัน



ทรงพาพระนันทะไปชมนางฟ้า
พระนันทะใคร่จะได้เป็นชายา ทรงรับรองจะให้สมหวัง

หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธบิดา และพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ได้เสด็จกรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ พร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารที่ตามเสด็จในการนี้ พระภิกษุนันทะ พระอนุชาผู้ถูกจับให้บวช และราหุลสามเณรก็ได้ติดตามเสด็จไปด้วย

ต่อมา พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์จำนวนมากได้เสด็จไปยังกรุงสาวัตถีแห่งแคว้นโกศล ซึ่งเป็นเมืองและแคว้นใหญ่ พอๆกับกรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ พระนันทะก็ได้ติดตามเสด็จไปด้วย แต่ตลอดเวลานับตั้งแต่บวชแล้วเป็นต้นมา พระนันทะไม่เป็นอันปฏิบัติกิจของสมณะ ใจให้รุ่มร้อนคิดจะลาสึกอยู่ท่าเดียว เพราะความคิดถึงนางชนบทกัลยาณี เจ้าสาวคู่หมั้นซึ่งกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับตน










ความเรื่องนี้ทราบถึงพระพุทธเจ้า อรรถกถาท่านเขียนเรื่องตอนนี้เป็นปุคคลาธิษฐาน (วิธีแสดงธรรมโดยยกบุคคลขึ้นอ้าง) ว่า พระพุทธเจ้าจึงพาพระนันทะเสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ระหว่างทางทรงชี้ให้พระนันทะดูนางลิงลุ่นตัวหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่บนตอไม้ไฟไหม้ในทุ่งนาชายป่าแห่งหนึ่ง (นางลิงลุ่น คือ ลิงตัวเมียหูขาดจมูกแหว่ง) จากนั้นเมื่อถึงสวรรค์ พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้พระนันทะดูสาวสวรรค์ ที่แต่ละนางมีฝ่าเท้าแดงเหมือนเท้านกพิราบ และสวยยิ่งกว่าสาวชาวโลกมนุษย์หลายเท่านัก

"นันทะ! ระหว่างนางชนบทกัลยาณี เจ้าสาวของเธอ กับสาวสวรรค์เหล่านี้ ใครสวยกว่ากัน" พระพุทธเจ้าตรัสถาม

พระนันทะทูลตอบพระพุทธเจ้าว่า "เวลานี้นางชนบทกัลยาณีเหมือนนางลิงลุ่นตัวนั้น"

ถอดความที่กล่าวให้เห็นก็คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้นันทะเห็นแจ้งว่า ความรักความสวยไม่มีที่สิ้นสุด ที่ยึดถือว่าสิ่งนี้สวย และน่ารักก็เพราะยังไม่เห็นสิ่งอื่นที่สวย และน่ารักกว่า

พระนันทะได้ฟังแล้วเกิดเบื่อหน่ายคลายความรัก และความยินดีในความสวย ตั้งใจปฏิบัติธรรม ไม่ช้าจึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์






ศากยะราช ๖ พระองค์ออกบวชพร้อมกัน

วันหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จจาริกมายังมหาชนบท ประทับอยู่ที่อนุปิยะอัมพวันใกล้บ้านอนุปิยะมลานิคม แขวงเมืองพาราณสี ครั้งนั้น เจ้าศากยะพระนามว่า มหานามะ ผู้เป็นพระโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ ผู้เป็นพระเจ้าอาของพระบรมศาสดา เข้าไปหาพระอนุรุทธะ ผู้เป็นอนุชา ทรงปรารภว่า
“ ในตระกูลเรา ยังไม่มีใครออกบวชตามเสด็จพระบรมศาสดาเลย ฉะนั้น ในเราสองคน คือ อนุรุทธะกับพี่ จะต้องออกบวชคนหนึ่ง พี่จะให้อนุรุทธะเลือกเอา อนุรุทธะจะบวช หรือจะให้พี่บวช ”

เนื่องจากพระอนุรุทธะ เป็นพระโอรสพระองค์เล็ก ของพระเจ้าอมิโตทนะ พระมารดารักมาก ทั้งเป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติ มีบุญมาก ได้รับความรักใคร่เมตตาปราณีจากพระญาติทั้งหลายเป็นอันมาก ดังนั้น อนุรุทธะกุมารจึงทูลว่า
“ หม่อมฉันบวชไม่ได้ดอก ขอให้เจ้าพี่บวชเถอะ ”

พระมหานามะจึงรับสั่งว่า
“ ถ้าอนุรุทธจะอยู่ ก็ต้องศึกษาเรื่องการครองเรือน เรื่องบำรุงวงศ์ตระกูลให้จงดี”
และพระมหานามะ ก็ถวายคำแนะนำการครองชีพด้วยกสิกรรม ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ อนุรุทธะกุมารก็ฟังแล้ว ทรงระอาในการงานไม่รู้จักจบ ต้องทำติดต่อกันไปไม่รู้สิ้น จึงรับสั่งว่า
“ ถ้าเช่นนั้น ให้เจ้าพี่อยู่เถอะ หม่อมฉันจะบวชเอง รำคาญที่จะต้องไปวุ่นอยู่กับงานไม่รู้จักจบ ต้องทำติดต่อไม่รู้สิ้น ”
รับสั่งแล้วก็ลาพระมารดาขออนุญาตบรรพชาตามพระบรมศาสดา พระมารดาตรัสห้ามถึง ๓ ครั้ง ภายหลังทรงอนุญาตเป็นนัยว่า
“ ถ้าพระภัททิยะราชกุมาร ผู้เป็นโอรสของพระนางกาฬีโคธาศากยะวงศ์ ผู้เป็นเพื่อนเล่นที่สนิทสนมของพ่อจะออกบรรพชา พ่อจะบรรพชาด้วยก็ตามเถิด ”
พระอนุรุทธะก็ไปชวนพระภัททิยะ ให้ออกบวชด้วยกัน แต่วิงวอนชวนอยู่ถึง ๗ วัน พระภัททิยะจึงยินยอมปฎิญญาว่าจะบวชด้วย








ในกาลนั้น กษัตริย์ทั้ง ๖ องค์ คือ พระภัททิยะ ๑ พระอนุรุทธะ ๑ พระอานนท์ ๑ พระภัคคุ ๑ พระกิมพิละ ๑ พระเทวทัต ๑ ได้พร้อมใจกันจะออกบรรพชา และชวน อุบาลีอำมาตย์ (ช่างกัลบก) ๑ เป็น ๗ ด้วยกัน เดินทางไปสู่มลรัฐชนบทเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาที่อนุปิยะอัมพวัน ถวายอภิวาทแล้ว ขอประทานบรรพชาอุปสมบท
แต่ก่อนที่พระบรมศาสดาจะทรงประทานบรรพชา พระอนุรุทธะได้กราบทูลว่า
“ ข้าแต่ผู้มีพระภาค ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์ สูงด้วยขัตติยะมานะอันกล้า ขอให้พระองค์ประทานบรรพชาแก่อุบาลี อำมาตย์ ผู้รับใช้สอยติดตาม ของมวลข้าพระองค์ก่อน ให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้บรรพชาต่อภายหลัง จะได้คารวะ ไหว้นบ เคารพนับถืออุบาลี ผู้บวชแล้วก่อน บรรเทาขัตติยะมานะให้บางเบาจากสันดาน ”

พระบรมศาสดาจึงได้ประทานอุปสมบทแก่อุบาลี กัลบกก่อน แล้วจึงประทานอุปสมบทแก่ ๖ กษัตริย์ในภายหลัง

พระภัททิยะ ต่อมาในระหว่างพรรษานั้นเอง ท่านพระภัททิยะได้ทำให้แจ้งซึ่งวิชชา ๓ ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ครั้งนั้น ท่านพระภัททิยะ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี ย่อมเปล่งอุทานเนืองๆ ว่า สุขหนอ สุขหนอ และท่านเป็นเอตทัคคมหาสาวกผู้เกิดในตระกูลสูง

พระอนุรุทธะ ได้บรรลุทิพพจักษุญาณก่อน ภายหลังได้ฟังพระธรรมเทศนา แต่กว่าจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ก็ใช้เวลาในการบำเพ็ญธรรมถึง 8 ปี พระอนุรุทธะท่านเป็นเอตทัคคมหาสาวกผู้มีทิพย์จักษุ

พระภัคคุ และ พระกิมพิละ เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้บรรลุพระอรหัตตผล

พระอุบาลี ก่อนบวชท่านเป็นเป็นช่างกัลบกประจำพระองค์เจ้าชายศากยะทั้ง 6 ความจริงพระอุบาลี ตั้งแต่แรกไม่ได้ตั้งใจที่จะออกบวช เพียงแต่ตามมาส่งพระศากยะทั้งหลายทั้ง ๖ พระองค์ ด้วยความจงรักภักดี อุบาลีผู้เป็นภูษามาลาเมื่อจะกลับ คิดว่าเจ้าศากยะทั้งหลายเหี้ยมโหดนัก จะพึงให้ฆ่าเราเสียด้วยเข้าพระทัยว่า อุบาลีนี้ให้พระกุมารทั้งหลายออกบวช ก็ศากยกุมารเหล่านี้ยังทรงผนวชได้ ไฉนเราจักบวชไม่ได้เล่า อุบาลีจึงกลับมาขอบวช ฝ่ายเจ้าชายทั้งหก จึงให้พระอุบาลีบวชก่อน เพื่อลดมานะของเจ้าชายทั้งหกเอง และต่อมาท่านพระอุบาลีก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์เป็นเอตทัคคมหาสาวกทางด้านเชี่ยวชาญพระวินัย

พระอานนท์ นั้น ได้บรรลุอริยะผลเพียงพระโสดาบัน
ส่วนพระเทวทัตนั้น ได้ บรรลุปุถุชนฤทธิ์ อันเป็นของโลกิยะบุคคล





พระอานนท์ศึกษาธรรม
จากพระปุณณมันตานีบุตร

กล่าวถึงเจ้าชายอานนท์ เป็นโอรสของพระเจ้าอมิโตทนศากยราช พระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระพุทธบิดา ซึ่งประสูติพร้อมกับพระพุทธเจ้า มีฐานะเป็นพระอนุชาของพระพุทธเจ้า แต่ในพรรษาที่ ๒ ในขณะพระพุทธเจ้าเสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรกนั้น ได้มีพระญาติหลายองค์ออกทรงผนวชตามเสด็จ ยังเหลือแต่ศากยกุมารเหล่านี้คือ พระมหามานะ พระอนุรุทธะ พระภัททิยะ พระภัคคุ พระกิมิละ พระอานนท์และพระเทวทัตต ในภายหลัง เมื่อพระพุทธองค์ทรงประทานบรรพชา ให้เหล่าศากยกุมารทั้ง 6 อุปสมบทตามประสงค์ โดยมีพระเวลัฏฐสีสเถระ เป็นพระอุปัชฌายะของท่านพระอานนท์









ครั้นเมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านพระอานนท์ได้ศึกษาธรรมจากสำนักของท่านพระปุณณมันตานีบุตร ไม่นานก็ได้สำเร็จชั้นโสดาบัน ในกาลต่อมาท่านได้เล่าให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ท่านพระปุณณมันตานีบุตร มีอุปการคุณต่อท่านและพวกภิกษุผู้นวกะมาก ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้กล่าวสอนท่านว่า
"ดูกรอานนท์ เพราะถือมั่นจึงมีตัณหา มานะ ทิฐิว่าเป็นเรา
เพราะไม่ถือมั่น จึงไม่มีตัณหามานะ ทิฐิ ว่าเป็นเรา
เพราะถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
จึงมีตัณหา มานะ ทิฐิ ว่าเป็นเรา
เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
จึงไม่มีตัณหา มานะ ทิฐิว่า เป็นเรา
เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษรุ่นหนุ่มสาวมีนิสัยชอบแต่งตัวส่องดูเงาของตนที่กระจกหรือภาชนะน้ำอันใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะยึดถือจึงเห็น เพราะไม่ยึดจึงไม่เห็น ฉันใด เพราะถือมั่นรูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงมีตัณหา มานะ ทิฐิ ว่า เป็นเรา
เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงไม่มีตัณหามานะ ทิฐิว่า เป็นเรา ฉันนั้นเหมือนกัน”

จากนั้น ท่านพระอานนท์เล่าต่อไปว่า ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้ถามท่านว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยงท่านตอบว่าไม่เที่ยง และในตอนสุดท้ายของการสอนธรรมครั้งนี้ ท่านบอกแก่พระภิกษุทั้งหลายว่าท่านได้ตรัสรู้ธรรม ซึ่งหมายถึงได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน พระอานนท์ท่านกว่าจะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว เมื่ออายุของท่านก็ประมาณ 80 กว่าปีเล็กน้อย แต่ท่านมีอายุยืนมากคือ 120 ปี



Create Date : 27 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 10:08:33 น. 0 comments
Counter : 3673 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

travelaround
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]





ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ


เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย

แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์

ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email :– nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที

Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.


Website counter
: Users Online









ที่ดินเชียงใหม่ ทางไปแม่ริม ใกล้ศาลากลาง และสนามกีฬา 700 ปี ติดน้ำปิง ในหมู่บ้านเพชรริมปิง พื้นที่ 667 ตารางวา @ 14,000.- บาท สภาพแวดล้อมดี สนใจติดต่อ โทร. 0859559950



DESIGN PLACE CO.,LTD. รับออกแบบ และตกแต่งภายใน บ้านพักอาศัย ในแบบไทย และไทยร่วมสมัย



มรดก ฉบับที่ 1

มรดก ฉบับที่ 2

มรดก ฉบับที่ 3

มรดก ฉบับที่ 4

มรดก ฉบับที่ 5

มรดก ฉบับที่ 6

มรดก ฉบับที่ 7

ช่วยสนับสนุนการจัดทำ BLOG ด้วยการซื้อหนังสือ "มรดก" 1ชุด 7เล่ม (หนังสือเก่า) ในราคาชุดละ 700 บาท (รวมค่าส่งทางไปรษณีย์)

สนใจสั่งซื้อทาง E-mail :- nana_sara1000@ymail.com



New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add travelaround's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.