มองยังไง เห็นอะไร ก็ว่างั้นละ : เศรษฐกิจและการลงทุน โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
มองยังไง เห็นอะไร ก็ว่างั้นละ วรวรรณ ธาราภูมิ 15 มิถุนายน 2555 ใครอายุ 50 ขึ้นไป คงเคยได้ดูหนังเรื่อง Jawsภาคแรกและอาจจะจำได้ว่าตอนมีข่าวฉลามกินคนบุกเมืองท่องเที่ยวในเรื่องแล้วนายกเทศมนตรีเมืองนั้นได้เรียกนายอำเภอมาสั่งการว่า อย่าออกข่าวให้มันน่ากลัวแบบนี้นะนายอำเภอ เดี๋ยวนักท่องเที่ยวจะยกเลิกการมาเมืองนี้แล้วธุรกิจหลักคือการท่องเที่ยวจะเสียหาย ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจนะ นายอำเภอ แล้วหายนะก็เกิดเพราะมีคนตายเพิ่มจากฉลามขาวยักษ์ เนื่องจากผู้มีข้อมูลไม่ยอมเตือน การเตือน การเตรียมการ แม้จะมีต้นทุนอยู่บ้างแต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วมาแก้ไขในปลายทางที่มักจะสายเกินไป ช้ายป่ะจ๊ะ.... นึกถึงอดีตที่ผ่านมา ประมาณ 16 ปีก่อน มีผู้ใหญ่โทรมาสั่ง ว่า ตอนนี้หุ้นตกไปมากนะช่วยๆ กันดันมันขึ้นหน่อยสิ พูดอย่างนี้หวังว่าคนฉลาดๆ อย่างคุณคงจะเข้าใจนะ ก็วางหูไปอย่าง งงๆ เพราะ ไม่เข้าใจ (โว้ย) ไอ้ฉลาดน่ะน่าจะใช่แต่ไอ้ที่สั่งว่าดันๆ มันขึ้นไปน่ะ อะไรฟะ?. เลยไปถามฝรั่งที่เป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาการลงทุนกับจริยธรรมในการทำธุรกิจจัดการลงทุนฝรั่งคนนี้เขาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการลงทุน เขาบอกว่า Would you please tell himto go either keeping his mouth shut or f..cking himself ? อ่า .... ไม่ได้โทรกลับไปหรอกค่ะเพราะทั้งสองทางที่ฝรั่งแนะนำนั้น จะให้โทรกลับไปบอกใครได้ที่ไหนล่ะ แต่ที่ทำไปก็คือ... ทำหน้าที่ของเราต่อไปโดยไม่หวั่นไหวเราอาจจะมองผิด แต่เราทำหน้าที่ของเราโดยสุจริตใจคือสิ่งที่เราเลือก มันก็เลยไม่มีการซื้อเพื่อช่วยพยุงหุ้นเราซื้อเมื่อเราเชื่อว่าราคามันดีพอที่จะเสี่ยงแล้วเท่านั้น ในช่วงนั้นและเราขายเมื่อเราเชื่อว่าหุ้นนั้นๆ ต้องขาย แล้วมันจะผิดตรงไหนล่ะ เงินลูกค้านะค้าไม่ใช่เงินคุณ มันก็คล้ายๆ กับเมื่อไม่นานมานี้ เราออกมาเตือนเรื่องประเทศไทยถูกผลักไปขึ้นบัญชีประเทศที่เขาไม่ไว้ใจเกี่ยวกับการฟอกเงินซึ่งป่วยการที่จะทะเลาะกันว่ามันเรียกว่าบัญชีดำ หรือบัญชีเทาแก่ หรืออะไรก็ตามแล้วดันมีบางคนมาเตือนว่า อย่าออกข่าวแรง เดี๋ยวทำบรรยากาศลงทุนเสีย โอ้ มายก๊อดนี่พวกคุณห่วงแค่ราคาหุ้นจะตกนี่นะ ไม่ห่วงผลกระทบต่อทั้งหมดของประเทศเลยหรือไร แล้วมันก็คล้ายๆกับตอนที่พวกเราจัดสัมมนาในช่วงปี 2008 เรื่องเรามองปัญหาของ Lehman ที่กำลังจะล้มมิล้มแหล่นั้นว่าจะกระทบตลาดทุนไทยอย่างไร ก็มีคนบอกว่า พวกคุณอย่าพูดให้คนตื่นตูมนะเดี๋ยวตลาดจะแย่ โอ ... ขอโทษทีพวกเราทุกคนที่เป็นวิทยากรในวันนั้น ไม่ว่าจะสังกัดหน่วยงานใด ต่างตกลงกันว่า เราจะพูดตามที่เรามองเห็นและโดยอิสระจากคำสั่งใดใดทั้งนั้น เพราะเราเคารพในวิชาชีพของเราเราจึงให้มุมมองอย่างสุจริตใจโดยไม่ได้กั๊กอะไรเลย ก็ใช่นะ มันอาจทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ แต่หลายๆคนเขาขอบคุณวิทยากรทุกคนที่บอกเขาตามสิ่งที่คิดที่เห็น จะผิด จะถูก ไม่ใช่ปัญหา แต่เราทำหน้าที่ของเราโดยไม่อายใจโดยอิสระ โดยไม่คำนึงว่าใครจะถอนการลงทุนออกจากพอร์ตที่เราบริหารให้ด้วยซ้ำ ผลก็คือ ผู้เข้าฟังสัมมนาในวันนั้น และเป็นผู้ลงทุนระยะสั้นแบบวิ่งเข้าวิ่งออก สามารถหยุดการขาดทุนไปได้ไม่น้อยในขณะที่ผู้ลงทุนยาวๆ และลงทุนแบบใส่เงินทุกเดือน เขากัดฟันทำตามวินัยการลงทุนในกรอบระยะยาวไม่มีการขายออก ใส่เงินซื้อใหม่ทุกเดือน พวกหลังนี่ขาดทุนไม่น้อยในช่วงแรก แต่ผ่านไป 2 ปีเขาก็ได้กำไรมากกว่าพวกแรก ที่เล่าให้ฟังก็เพราะมันคงน่าหงุดหงิดหากการวิเคราะห์หรือมุมมองที่เรามีต่อสภาพตลาดและเศรษฐกิจจะถูกมองว่าตื่นตูมเกินไปจะทำให้บรรยากาศการลงทุนเสียหาย อ้าว ฝ่ายการเมืองมาโวยวายเหรอ ไม่ใช่เลย ในทางตรงกันข้าม เรากลับเห็นพัฒนาการที่ดีจากฝ่ายการเมืองต่างหาก พัฒนาการนั้นก็คือ เมื่อวานนี้ฝ่ายบริหารบ้านเมืองเขาเริ่มมีการเตรียมตัวรับมือจากผลกระทบของฝั่งตะวันตกเริ่มมีการเรียกประชุมหน่วยงานหลักๆเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจจะมีจากวิกฤติในกลุ่มยูโรโซนและจะมีการติดตามเป็นรายสัปดาห์ นี่เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะเมื่อเราตั้งโจทย์ไว้ก่อน พร้อมเตรียมทางแก้ไข เวลามันเกิดเราจะไม่ลุกลี้ลุกลน เราจะมีสติในการแก้ไขปัญหา มันเป็นสิ่งที่ดีมากเมื่อพวกเขาไม่ได้ผูกติดกับการ สร้างภาพ ว่าทุกอย่างดีไปหมด ไม่ต้องห่วง เรื่องน้ำจะท่วม หรือจะไม่ท่วมก็เช่นกันหากมีการซักซ้อม เตียมการรับมือ ตามแผน 1 แผน 2 แผน 3 ... แล้ว และมีการมอบหมายความรับผิดชอบให้ชัดเจนล่วงหน้าว่าใครต้องทำอะไรเมื่อใดก็เชื่อว่าหากมันจะเกิดขึ้นอีก เราก็จะไม่ทุกลักทุเลอย่างปีที่แล้ว กลับมาที่เรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนตอนนี้กันหน่อยว่ามันเป็นยังไงแล้ว กรีซจะเลือกตั้งพรุ่งนี้หลายคนในโลกคงกำลังรอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ ประมาณว่าผลการเลือกตั้งในกรีซ จะชี้เป็นชี้ตายอนาคตโลก หากคนอ่าน ติดตามอ่านสิ่งที่เพียรเขียน เอ้ยเพียรพิมพ์แบบจิ้มดีดทีละตัวให้อ่านมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ สิงหาคม ปี 2554และจดจำได้ก็ไม่น่าจะตื่นเต้นอะไรเลย เพราะหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้อยู่นอกกรอบที่เคยเตือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอเมริกา (ที่ตอนนี้หลายๆ คนลืมแล้วว่าปัญหายังคงอยู่ และไม่ได้แก้) เรื่องปัญหาของกลุ่มลูกหมูในยุโรป แม้กระทั่งเรื่องจีนที่เคยขึ้นเวทีบรรยายไปเมื่อไตรมาส3 ปีที่แล้ว ก็มีคนบอกว่าคุณมองจีนในแง่ร้ายเกินไปแล้วละ ทำไงได้ล่ะ ก็เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นแล้วจะให้พูดอย่างอื่นเหรอ ทำไม่ด้ายยยยย ..... จำได้ไหม ชอบมีคนพูดว่า อย่าง PSA อย่างFin1 อย่าง BBCมีหรือจะล้ม ไม่มีท้าง ... บ้าป่ะว้ะ .... เออ ... บ้าก็บ้า ..... แล้วเป็นไงล่ะ หายวับไปกับตาพร้อมทั้งคนที่มาประนามมุมมองของเราด้วย แล้ววันนี้มีข่าวร้ายอะไรล่ะ เอ้า อย่ามองกันแบบนั้นสิ บางคนที่เห็นแก่ตัวอาจหงุดหงิดเวลาเราออกมาเตือนกัน เพราะเขามี Position ลงทุนในอีกฝั่งเลยพาลกล่าวหาว่าที่มาออกข่าว ก็เพราะกองทุนตั้งใจทุบ ขอโทษที หากไม่รู้จักการลงทุนของกองทุนกรุณาหุบปากและเปิดสมองโล่งๆ มารับรู้เสียด้วยว่าตามกฏ กองทุนหุ้นน่ะ เขาต้อง LongOnly รู้ไว้ซะ และที่ชอบนั่งเทียนมั่วว่า ณ สิ้นไตรมาส กองทุนต้องปิดบัญชีทำตัวเลขให้สวยๆน่ะบ้าแล้ว เพราะว่ากองทุนเขาปิดบัญชีคำนวณมูลค่าลงทุนตามราคาตลาดทุกวัน ไม่ได้มารวบยอดทำในสิ้นเดือนสิ้นไตรมาส หรือ สิ้นปีอย่างที่เข้าใจกันผิดๆ นี่ละ ถึงว่าจะสิ้นไตรมาส สิ้นเดือน หรือสิ้นปีมันไม่มีความหมายอะไรกับกองทุน ดังนั้น หากวิจารณ์กันมั่วซั่วกันอีกคุณจะโดนมิใช่น้อย และเรื่องนี้ต้องถึงครูอังคณาแน่ๆ นะ ขอบอก เอ้า แล้วมองไปข้างหน้านี่มันมีอะไรน่าห่วงไหมล่ะ มีสิ ก็ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกไงไม่ว่ากรีซจะตั้งรัฐบาลแบบไหน ผสมกันยังไง มันก็ไม่แก้ปัญหาเลยแค่ยืดเวลาตายออกไปแค่นั้น แม้ว่ารัฐบาลโลกจะเห็นผลกระทบ อาจจับมือกันอัดฉีดซึ่งก็จะดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในระยะหนึ่งละ แต่เมื่อฤทธิ์ยาจางลง ????? เรื่องนี้ Nouriel Rubini บรรยายได้ดีที่สุด เขาบอกว่า ยังไงๆ วิกฤติยูโรก็จะแย่ลงไปทุกที วิกฤติหนี้ภาครัฐและปัญหาในภาคธนาคารจะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ (แม้ว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงอาจกระเตื้องขึ้นกระดี๊ กระด๊าขึ้น เวลามีข่าวที่ดูเหมือนดีก็ตาม ... อันนี้ วรวรรณ ว่าเอง)แต่กลุ่มยูโรโซนไม่ได้ต้องการแค่การอุ้มภาคธนาคาร เพราะจะต้องการการอุ้มทั้งประเทศแล้วและผลก็คือ การกระเด็นออกจากกลุ่มยูโรโซนของบางประเทศอย่างไร้ระเบียบจึงเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ อเมริกาเองก็ยังดิ้นพราดๆกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำมากกับการว่างงาน รวมไปถึงความเสี่ยงจากเรื่องเพดานหนี้ที่กำลังจะกลับมาในต้นเดือนมกราคมปีหน้าเพราะขณะนี้ก็ชนเพดานหนี้อีกแล้ว และยังไม่เห็นว่ารัดเข็มขัดได้ตามแผนที่โอบามาเคยบอกคองเกรสตอนขอขยายเพดานหนี้เมื่อสค ปีก่อน ซึ่งจะทำให้ต้นเดือน มค ปีหน้า อเมริกาจะเข้าสู่แดน AutomaticSpending Cut หรือการตัดงบประมาณภาครัฐโดยอัตโนมัติตามที่ตกลงกับคองเกรสไว้ นี่ขนาดยังไม่พูดถึงเรื่องภาษีบางเรื่องที่ต้องจ่ายเต็มในต้นปีหน้าอีกนะ อเมริกาต้องมาปวดหัวกับการทะเลาะกันของเดโมแครทกับรีพับลิกันเรื่องขยายเพดานหนี้กันอีกในต้นปีหน้าแล้วก็มีความเสี่ยงเรื่องจะต้องปลดคนงานภาครัฐออกอีก เนี่ยะ หากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมาลดอันดับเราลงภาคธุรกิจก็จะไม่กล้าขยายการลงทุน ภาคครัวเรือนก็จะไม่กล้าใช้จ่ายเพราะไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศว่าจะไปได้ดี ผู้ลงทุนก็จะกลัวแล้วย้ายเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังที่ที่เขาคิดว่าปลอดภัยกว่าอีกครั้งซึ่งตลาดหุ้นก็จะกระทบแรง นอกจากนี้ จีนก็ไม่ได้เติบโตแบบยั่งยืนด้วย เขาแก้ปัญหาช้าไปและปีหน้าได้เห็นของจริงกันละ นี่ยังไม่ได้นับเรื่องปัญหาของตะวันออกกลางนะ ฮู้ย..... เรียกว่าปีหน้าเนี่ยะ Perfect Storm เลยแบบว่าเผาจริงนะ เว่ย เฮ่ย น้ารูบินี่ ขย่มต่อ ก็เป็นไปได้มากละ น้ารูบินี่ และตอนนี้ก็ไม่เหมือนปี 2008-2009 เสียด้วย เพราะในปี 2008-2009โลกยังมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ จึงลดมันลงมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง (แม้จะชั่วคราว) แต่ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยประเทศหลักๆ ในตะวันตกรวมญี่ปุ่นมันแทบจะเป็นศูนย์เหลือไรให้เล่นอีกล่ะ QE ไง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ก็ใช่ แต่ก็ได้แต่กระตุ้นแป๊บๆ นะ เรียกว่าทำเมื่อไรเราก็รวย แต่คนอื่นจนละ เออ ชั่งมันดิ Let it be เอ๊ะ แล้วไทยล่ะ กระทบไหม โดนดิ โดยตรงน่ะไม่มาก แต่โดยอ้อมก็โดนละ เพราะการค้าขายกันไม่ได้หยุดแค่คนที่ค้าขายกับเราโดยตรงคู่ค้าเราอย่างจีน อย่างอาเซี่ยนด้วยกันเขาก็มีการค้าขายกับยุโรป กับอเมริกาด้วยนะ อ้าว งั้นถอยดีกั่วะ เออ ตามใจ ก็แค่มองอย่างไรก็ว่าอย่างนั้นหากถอยแล้วพลาด อย่ามาโทษกัน เรียกว่าระยะสั้นๆ แมงเม่าเหนื่อยหน่อย และกองทุนหุ้นเขาพร้อมกว่าในด้านข้อมูลกับวินัยลงทุน แต่เขาไม่ได้เล่นสั้นเขา Long Only อย่าลืมล่ะมันคนละโลกกันและเขาก็เชื่อว่า เงินย่อมมีที่ไป ช่วงตื่นตูมใหม่ๆ ก็จะไหลออกแต่พอผ่านไป เงินที่ลงทุนเป็นและลงทุนยาวๆ จะกลับมา หากมองยาวเป็นเรามีโอกาสรวยจากการลงทุนในภูมิภาคเรานี่ละ ก็ทั้งนักวิเคราะห์ตัวยักษ์ๆและผู้จัดการกองทุนรุ่นเดอะ ต่างพากันมาขอ Visit จนรับไม่ไหวแล้ว หากมองสั้นๆ ฮู้ย ... อยากตั้งกองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นบริษัทที่ขายของทั่วโลกอย่าง DaimlerChrysler อย่าง BMW อย่าง Coke ฯลฯ จังเล้ย
เพราะวิกฤติแต่ละครั้งคือโอกาสที่เราจะรวยได้หากเรามีเงินสดไง จำได้ป่ะ วรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง)
Create Date : 20 มิถุนายน 2555 | | |
Last Update : 20 มิถุนายน 2555 15:39:31 น. |
Counter : 1672 Pageviews. |
| |
|
|
|