ประชากรเกือบ 36 ล้านคนทั่วโลก ตกอยู่ในสถานะ "ทาสสมัยใหม่" ไทยติดอันดับ 10 ของโลก!
มูลนิธิวอล์กฟรีในประเทศออสเตรเลีย ตีพิมพ์รายงานดัชนีความเป็นทาสทั่วโลก ประจำปี 2557 เผยงานวิจัยในการศึกษากว่า 167 ประเทศ พบว่ามีประชาชนกว่า 35.8 ล้านคน เป็นทาสสมัยใหม่ โดยรายงานฉบับดังกล่าว ถือเป็นรายงานฉบับที่ 2 นับจากรายงานฉบับแรกในปี 2556 ซึ่งผลจากรายงานเล่มใหม่นี้ ระบุว่าภายใต้ระเบียบวิธีใหม่ ชี้มีผู้คนถูกทำให้เป็นทาสเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20 จากเมื่อปีที่ผ่านมา นายแอนดริว ฟอร์เรส ประธานบริหารมูลนิธิวอล์กฟรี กล่าวว่า มีชุดความคิดที่ว่า ทาส เป็นประเด็นปัญหาในยุคสมัยที่ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นก็มีเพียงแต่ประเทศที่มีสงครามหรือยากจน โดยทางมูลนิธิ ได้ระบุคำนิยาม ทาสยุคสมัยใหม่ นั้นครอบคลุมถึง ทาสที่ติดหนี้ การบังคับให้แต่งงาน การกดขี่แรงงานเด็ก รวมถึงการค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานด้วย ตั้งแต่ชาวประมงในไทยที่เสาะหาปลา เด็กชายชาวคองโกที่ต้องขุดเหมืองเพชร เด็กชาวอุสเบกิสถานที่ต้องเก็บฝ้าย เด็กหญิงในอินเดียที่ต้องเย็บลูกฟุตบอล การบังคับใช้แรงงานพวกเขาคือสิ่งที่เราทำอยู่ ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ประมาณการณ์กำไรจากแรงงานที่ถูกบังคับเหล่านี้ ว่าสามารถสร้างได้ปีละกว่า 150 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 4,970 ล้านบาท รายงานฉบับดังกล่าว ระบุว่า ประเทศที่มีสัดส่วนทาสสมัยใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก เมื่่อเทียบกับจำนวนประชากรภายในประเทศ มีดังนี้ อันดับที่ 1 สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย ในทวีปแอฟริกา โดยมีจำนวนทาสคิดเป็น ร้อยละ 4 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายต่อต้านระบบทาสก็ตาม แต่กลับไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจัง อันดับที่ 2 สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน มีจำนวนทาสคิดเป็น ร้อยละ 3.97 โดยพบว่าในทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ รัฐบาลจะบังคับให้ประชาชนรวมถึงเด็ก จำนวนกว่าล้าน เก็บเกี่ยวฝ้ายด้วย อันดับที่ 3 สาธารณรัฐเฮติมีจำนวนทาสคิดเป็น ร้อยละ 2.3 อันดับที่ 4 รัฐกาต้าร์ มีจำนวนทาสคิดเป็น ร้อยละ 1.36 ถือเป็นสถานที่สำหรับชายหญิงจากทวีปแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งต่างถูกดึงดูดด้วยค่าตอบแทนที่มีราคาดี เพียงแต่พวกเขาต้องพบกับการถูกกดขี่เสมอแรงงานในประเทศ รวมถึงการทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย
อันดับที่ 5 สาธารณรัฐอินเดีย มีจำนวนทาสคิดเป็น ร้อยละ 1.14 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ แต่เป็นประเทศที่มีจำนวนทาสสมัยใหม่มากที่สุด โดยอยู่ที่ประมาณ 14.29 ล้านคน อย่างไรก็ตาม อินเดียได้พัฒนาก้าวย่างสำคัญเพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ ด้วยการร่างกฎหมายเพิ่มโทษทางอาญา และเพิ่มจำนวนตำรวจต่อต้านการค้ามนุษย์ สำหรับประเทศไทยนั้น ตามรายงานระบุว่า มีประชาชนที่ใช้ชีวิตเยี่ยงทาสในประเทศทั้งหมด 4.8 แสนคน ตามข้อมูลของดัชนีทาสโลก คิดเป็นร้อยละ 0.709 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ และเป็นประเทศที่มีทาสมากที่สุดลำดับ 10 ของโลก และลำดับ 2 ในอาเซียน รองจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงทาสมากถึง 7.14 แสนคน แต่คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.286 ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น อันดับประเทศที่มีจำนวนทาสมากที่สุดในโลก
อันดับประเทศในเอเชียแปซิฟิก
ที่มีสัดส่วนจำนวนทาสมากที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด ทั้งนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ แม้แต่ในทวีปยุโรป ที่ถือว่าอยู่ในอันดับท้ายๆ ของปัญหาเรื่องทาส ยังพบว่ามีแรงงานประมาณ 566,200 คน ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทาสสมัยใหม่ อาทิ การค้ามนุษย์ไปยังประเทศที่อยู่ประสบปัญหาอันดับท้ายสุด อย่างไอร์แลนด์เพื่อปลูกกัญชา หรือการบังคับให้ขอทานในประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งรายงานยังพบความสัมพันธ์ของวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก และมาตรการอันเข้มงวดของสหภาพยุโรป ที่เป็นผลพวงของแรงงานอพยพชาวบัลกาเรียและโรมาเนียที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการทำงานที่มีค่าตอบแทนสูง แต่บางส่วนกลับถูกหลอก และข่มขู่ภายใต้ระบบของการกดขี่แรงงาน โดยรายงานระบุว่า การค้ามนุษย์ เพื่อกดขี่ให้ขายบริการทางเพศนั้น มีตัวเลขสูงถึงร้อยละ 70 ขณะที่การค้ามนุษย์เพื่อแรงงานนั้น มีเพียงร้อยละ 19 ขณะที่ทวีปแอฟริกานั้น ต้องเผชิญหน้ากับความท้ายทายมากที่สุด สืบเนื่องจากปัญหากองกำลังติดอาวุธและกลุ่มกบฏจากโซมาเลีย แรงงานขุดเหมืองในประเทศแซมเบีย ประเทศคองโกที่พบว่าใช้แรงงานเด็กในการขุดเหมืองซึ่งมีความอันตราย รวมถึงประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของการค้ามนุษย์ให้แก่ทวีปยุโรป โดยมีตัวอย่างถึงหญิงชาวไนจีเรียที่ต้องเป็นทาสสมัยภายใต้วังวนหนี้สินของอุตสาหกรรมการค้าบริการทางเพศในอิตาลี ซึ่งนายฟอร์เรสได้กล่าวทิ้งทายไว้ว่าการค้นพบเหล่านี้แสดงให้เห็นการมีอยู่ของทาสสมัยใหม่ในทุกประเทศพวกเราต่างมีส่วนรับผิดชอบต่อสถานการณ์อันย่ำแย่และความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสที่เกิดขึ้นต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2557 21:37:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1048 Pageviews. |
|
|
|