ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

อธิบายเด็กๆอย่างไรถึงการจากไปของสัตว์เลี้ยง

การจากลามักนำมาซึ่งความเสียใจอยู่เสมอๆ ยิ่งในวัยเยาว์ด้วยแล้ว การทำใจกับความสูญเสียดูจะเป็นเรื่องยาก ผู้ปกครองก็ควรจะมีวิธีการในการอธิบายให้เขาเข้าใจถึงความสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจากไปของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของเด็กๆ

An Informal Guide to a Child's Psyche
ความเข้าใจของเด็กๆที่ต่อความตายนั้น จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเด็กและพัฒนาการของเด็ก ข้อมูลต่อไปนี้ คือ แนวทางความเข้าใจของเด็กๆในแต่ละช่วงอายุ

ต่ำกว่า 2 ปี
เด็กๆสามารถรู้สึกและตอบรับกับการตายของสัตว์เลี้ยง โดยขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของคนรอบกาย สามารถรับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆมาจากคนในครอบครัว

2 ถึง 5 ปี
เด็กวัยนี้จะคิดถึงสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ในฐานะเพื่อนเล่น แต่อาจจะไม่ได้มีเรื่องราวของความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถเข้าใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นรอบๆตัวได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจจะแสดงออกถึงความเศร้าโดยผ่านพฤติกรรมต่างๆ เช่น อมนิ้วมือ

5 ถึง 9 ปี
ช่วงนี้เริ่มรับรู้ว่าความตายเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็จะเว้นที่ว่างไว้ให้กับความคิดที่ว่า สิ่งมหัศจรรย์อาจจะเกิดขึ้น โดยเชื่อว่า ความตายสามารถต่อรองได้ เช่น เด็กๆอาจจะเข้ามาดูแลสัตว์เลี้ยงที่กำลังจะตายและอธิษฐานขอพร ซึ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงจากไป จะรู้สึกว่าเป็นความผิดของตน ผู้ปกครองต้องพยายามทำความเข้าใจกับเด็กว่า เขาไม่ใช่สาเหตุของการที่สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต

10 ปีขึ้นไป
เด็กในวัยนี้ ส่วนใหญ่จะเข้าใจแล้วว่า ทุกสิ่งที่เกิดมาจะต้องตาย และความตายเป็นจุดสิ้นสุด ความเข้าใจกับการยอมรับนั้น เป็นคนละเรื่องกันค่ะ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เริ่มตั้งแต่โกรธ รู้สึกผิด เศร้าโศก หรือ อาจจะแสดงออกในวิธีการที่ต่างไป เช่น อาจกลัวที่จะถูกทอดทิ้ง พวกเขาจะคิดว่า "ถ้าสัตว์เลี้ยงตายได้ มันก็มีเหตุผลว่าพ่อแม่อาจจะเสียชีวิตลงได้เช่นกัน" หรือ มักจะมีความสงสัยเกี่ยวกับความตาย ด้วยการถามคำถามที่เราไม่สะดวกใจที่จะตอบ ซึ่งการตอบคำถามเหล่านั้นได้ เราก็ควรทำด้วยความตรงไปตรงมา อย่างอ่อนโยนและระมัดระวัง
สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงเสียชีวิต

สิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตลงก็คือ การโกหกเด็กๆ เช่น การบอกว่าสัตว์เลี้ยงไปสวรรค์ หรือ นอนหลับ เพราะสุดท้ายแล้วเด็กๆก็จะรู้ความจริง ซึ่งการโกหกก็อาจจะส่งผลกระทบไปถึงความเชื่อใจระหว่างผู้ปกครองกับเด็กๆ เพราะเมื่อพวกเขาโตขึ้นแล้วรู้ความจริง พวกเขาจะเกิดความสงสัยว่า พ่อแม่โกหกอะไรไว้อีก

ถ้าเราบอกว่าสัตว์เลี้ยงหลับไป เด็กๆก็อาจจะกลัวเรื่องการนอน ถ้าเราบอกว่าสัตว์เลี้ยงต้องไปอยู่ที่อื่นๆ เด็กๆก็จะเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่สัตว์เลี้ยงจะกลับมา และถ้าเราบอกว่าพระเจ้ามาพาสัตว์เลี้ยงไปเพราะเขาเป็นคนพิเศษ เด็กๆก็จะไม่พอใจพระเจ้าและกลัวว่าใครจะเป็นคนต่อไปที่พระเจ้าจะมาพาตัวไป

ผู้ปกครองต้องเปิดเผยและซื่อสัตย์ ถ้าสัตว์เลี้ยงเจ็บปวดมากและกำลังจะตาย ผู้ปกครองต้องรีบบอกให้เด็กๆทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ใช้คำว่า "ตาย" เพื่อให้ความหมายตรงตามสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าเด็กๆต้องการเห็นวิธีการที่ทำให้สัตว์เลี้ยงพ้นทุกข์และสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอน ผู้ปกครองก็ควรจะตอบคำถาม ส่วนจะได้เห็นด้วยตาตัวเองหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับวัยของเด็กและสัตว์แพทย์ว่าอนุญาตหรือไม่

พ่อแม่ต้องแน่ใจว่า เด็กเข้าใจความหมายของ "ความตาย" อาจจะบอกว่าร่างกายของสัตว์เลี้ยงหยุดทำงานแล้ว ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละครอบครัว และบอกแบบไหนที่จะทำให้เด็กเข้าใจ แต่ประเด็นก็คือ เด็กๆต้องรับรู้ว่าสัตว์เลี้ยงตายไปแล้วและจะไม่สามารถกลับมาหาเขาได้อีก

เราต้องเปิดโอกาสให้เด็กๆได้พูดคุยถึงความรู้สึกของเขา ที่มีต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะจัดพิธีการเล็กๆขึ้นมาเพื่อแสดงการไว้อาลัยต่อการจากไปของหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว บางครอบครัวปลูกต้นไม้ไว้ตรงที่ฝังร่างของสัตว์เลี้ยง ผลักดันให้เด็กๆบอกเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อสัตว์เลี้ยง อาจจะด้วยการพูดหรือเขียนก็ได้ค่ะ

พ่อแม่ต้องแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาด้วย ซึ่งจะทำให้เด็กๆรู้ว่า สัตว์เลี้ยงมีความพิเศษ และเขาไม่ใช่คนเดียวที่โศกเศร้า ควรบอกกับคุณครูของเด็กๆถึงการสูญเสีย เพื่อให้เขาเข้าใจว่าทำมั้ยเด็กถึงมีพฤติกรรมที่แปลกออกไป

อย่าตำหนิสัตวแพทย์ ผู้ปกครองบางคนเลี่ยงที่จะตอบคำถามของลูกๆ เลยตัดสินใจหาทางออกง่ายๆด้วยการโยนความผิดไปให้คุณหมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่งค่ะ ทั้งยังจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาโดยมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับสัตวแพทย์ รวมไปถึงคุณหมอโดยทั่วไปอีกด้วย พ่อแม่ไม่ควรโยนภาระในการบอกความจริงกับเด็กๆ ไปให้สัตวแพทย์ด้วยเช่นเดียวกัน คุณหมออาจะช่วยได้บ้างในการแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามถ้าจำเป็นเท่านั้น

ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เข้าบ้านในทันที หลังจากที่ตัวเดิมเสียชีวิต เพราะจะทำให้เด็กๆรู้สึกว่า สมาชิกของครอบครัวสามารถทดแทนกันได้ ควรรอจนกระทั่งเด็กๆบอกกล่าวว่า กำลังสนใจในสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เสียก่อน และถ้าเด็กๆยังเผชิญหน้ากับความโศกเศร้าเป็นระยะเวลานาน หรือ มีอาการฝันร้าย ก็อาจจะต้องพึ่งพาจิตแพทย์ หรือ ที่ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเด็ก เพื่อหาทางแก้ไข้

ในฐานะกุมารแพทย์กองทัพเรือ ขอบอกเลยนะค่ะ ว่าความคิดของเด็กๆในวัยเยาว์ เป็นอะไรทีอ่อนไหวมาก แล้วยังมีจินตนาการที่กว้างไกลด้วยเช่นกันค่ะ ใครพูดอะไรให้พวกเขาได้ยิน หรือ บอกพวกเขาในเรื่องต่างๆ เพื่อนๆควรจะคิดให้ดีๆก็ที่จะพูดให้พวกเขาฟังนะค่ะ

ที่มา: นิตยสาร PetMania



Create Date : 13 ธันวาคม 2557
Last Update : 13 ธันวาคม 2557 23:09:41 น. 0 comments
Counter : 1022 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]