เกี่ยวกับการปราบปรามโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์
ตามข้อมูลแล้ว ประเทศไทยมีการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ถึง 80 เปอร์เซนต์ นั่นหมายความว่าในแทบจะทุกบริษัทมีการใช้งานโปรแกรมละเมิดลิขสิทธิ์
เหตุผลที่ต้องละเมิดก็เพราะบริษัทไม่สามารถจ่ายค่าลิขสิทธิ์ได้ เนื่องจากราคามันแพงเกินไปซอฟแวร์บางตัวราคาแพงกว่า ฮาร์ดแวร์เป็น สิบ ๆเท่า ธุรกิจทำเพื่อผลกำไร และในเมื่อกำไรเกิดได้จากการลดต้นทุน จึงไม่แปลกใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ทางออกอีกทางที่บริษัทส่วนใหญ่ไม่เลือกจะใช้คือ การพัฒนาโปรแกรมใช้เอง หรือไม่ก็พยายามปรับเอาซอฟต์แวร์ฟรีต่างๆ มาปรับใช้ ซึ่งผมเห็นด้วยกับแนวทางนี้(เพราะผมเป็นโปรแกรมเมอร์ไง อิอิ)
่บริษัทผมเลือกที่จะจ้างบริษัทข้างนอกเขียนโปรแกรมให้ แต่ด้วยราคาที่เห็นแล้วแทบเป็นลม ทั้งที่ผมไม่เห็นว่ามันจะยากเย็นตรงไหนเลย ผมก็เขียนได้ (หรือจะลาออกไปตั้งบริษัทเองดีหว่า)
ถ้าปราบปรามกับจริงจัง มากๆเข้า ต่อไปงานพัฒนาซอฟต์แวร์น่าจะกลับมารุ่งอีกครั้ง โดยเฉพาะการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานบนระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ เพราะไหนๆ ก็จะต้องเสียเงินพัฒนาซอฟต์แวร์มาใช้เองแล้ว ทำไมต้องเลือกใช้วินโดว์อีก ไหนจะเปลี่ยนทั้งที่ก็เปลี่ยนเป็นลีนุกซ์มันซะเลย แข็งแรงกว่า ปรับแต่งได้มากกว่า ที่สำคัญฟรี
ในสายตาของผมแล้วไม่เห็นว่ามีงานไหนเลยที่ไม่สามารถทำบนลีนุกซ์ได้ แถมภาษาที่ใช้ในการพัฒนาก็มีหลากหลายด้วย ตัวอย่างเช่น
ระบบงานเอกสารทั้งหมดก็พัฒนาด้วย php,ajax,mysql,apache แล้วเสริมด้วย openoffice อีกทีแค่นี้ก็จบแล้ว
ส่วนระบบงานบัญชี ระบบงานการเงิน และส่วนงานที่เหลือ ก็พัฒนาด้วย java,python,gtk,postgresql,c แล้วแต่ลักษณะของงาน ว่างานไหนเหมาะจะใช้อะไรพัฒนา ต้นทุนสำหรับการพัฒนาก็ต่ำมากด้วย เพราะเครื่องมือพวกนี้ฟรี สิ่งที่เป็นต้นทุนจริงๆ คือ ความรู้ กับเวลาแค่นั้นเอง
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมเรียนรู้ว่า การที่เราสามารถพัฒนาระบบงานขึึ้นมาได้เองนั้น ทำให้งานที่ออกมาสามารถตอบความต้องการของผู้ใช้งานได้ดีกว่าการใช้ซอฟต์แวร์ที่ขายอยู่มากมาย ยิ่งสำหรับองค์กรที่กำลังเติบโตด้วยแล้วยิ่งควรพัฒนาโปรแกรมใช้เอง เพราะสามารถลองผิดลองถูกได้ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือบริษัทผมเองนี้แหละทะลึ่งไปซื้อ ระบบจัดการคลังสินค้า ISIS มาใช้ราคาประมาณ 5 ล้าน แต่ว่าไม่เข้ากับงานบริษัทอยากปรับแต่งอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง จะทิ้งก็เสียดายเงินต้องทนใช้ไป(เอาเงิน 5 ล้านมาจ้างผมซะดีกว่า อยากได้อะไรแบบไหนปรับแต่งให้ได้หมดทุกอย่างเลย)
ผมว่าปัญหาจริงๆ อยู่ที่ว่าประเทศไทยขาดแคลนนักพัฒนาโปรแกรมเสียมากกว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากระบบการศึกษาของเรานี่แหละ ผมเห็นคนจบปริญญาตรีสาขาที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มากมายแต่กลับมีไม่กี่คนที่สามารถพัฒนาโปรแกรมได้จริงๆ ทั้งที่ส่วนใหญ่ก่อนจบต้องพัฒนาโปรแกรมเป็นวิทยานิพนต์ กับทั้งนั้น
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้จบสาขาที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลย แต่ว่ากลับต้องมาทำงานในสายงานนี้ ถามว่าผมทำได้อย่างไร ตอบง่ายมาก เพราผมสนใจศึกษาค้นคว้าแล้วก็ลองผิดลองถูก ผมกล้าพูดว่า การพัฒนาโปรแกรมไม่ใช่เรื่องยากเลย มันอยู่ที่ความสนใจและจินตนาการ พอผ่านไปได้สักหนึ่งงานแล้ว งานต่อไปก็ไม่ยากแล้ว ในความรู้สึกของผม สำหรับการพัฒนาโปรแกรมใดก็ตามผมต้องการแค่ว่า
สร้างหน้าต่างอย่างไร เขียนโค้ดเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างไร ติดต่อฐานข้อมูลได้อย่างไร สร้างรายงานได้อย่างไร นำไปติดตั้งใช้งานอย่างไร
ถ้าภาษาใดก็ตามสามารถตอบปัญหาข้างต้นได้ ผมก็สามารถพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษานั้นได้แล้ว เรื่องของ ไวยากรณ์ ต่างๆ เดี๋ยวเขียนไป สักพักก็จำได้ไปเอง ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กันทั้งนั้น if ก็คือ if ส่วนจะเขียนในรูปแบบอย่างไรก็แตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆแค่นั้น
นอกเรื่องไปไกลแล้วกลับมาเรื่องลิขสิทธิ์ต่อ เมื่อก่อนผมเคยคิดจะพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขายแต่ก็ถอดใจไป เพราะดูแล้วคงขายได้ชุดเดียว ที่เหลือโดนละเมิดลิขสิทธิ์แน่ๆ ถ้าการละเมิดลิขสิทธิ์ลดน้อยลง ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักพัฒนาโปรแกรมทั้งหลาย เพราะไม่ต้องมัวเสียเวลาคิดกลไกป้องกันการละเมิดที่ผมไม่เห็นว่ามันจะได้ผลเลย คิดอะไรออกมาป้องกัน ก็มีคนหาทางแก้ได้อยู่ดี สู้เอาเวลาไปพัฒนาลูกเล่นเด็ดๆ ดีกว่า
สรุป การปราบปรามลิขสิทธิ์ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทต่างๆ ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น บริษัทที่ไม่ซื้อซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ หากโดนจับก็แทบจะล้มละลายไปเลย เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ว่า เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่งได้สูงสุดเท่าใด นั่นเท่ากับว่าต้องไปสู้กันในทางกฎหมายและการต่อรองราคากัน ในทางกลับกันโอกาสนี้อาจเหมาะสมหากจะกระตุ้นให้เกิดนักพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากขึ้น สนับสนุนกิจกรรม ซอฟต์แวร์ปาร์ค ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุนและสิทธิพิเศษต่างๆ อันจะทำให้มีบริษัทเกิดใหม่ขึ้นมาอีกหลายบริษัท (อาจมีบริษัทผมรวมอยู่ด้วย อิอิ)
Create Date : 24 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 24 ตุลาคม 2551 11:48:35 น. |
|
17 comments
|
Counter : 873 Pageviews. |
|
|
|
|