มีสุข มีทุกข์ อะไรก็จะเขียนไว้ที่นี่

กำเนิดการเมือง การปกครอง ตามแนวคิดของผมเอง

สมมุติว่าโลกนี้มีคนอยู่ 10 คน ประกอบด้วยผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 5 คน แน่นอนว่าถ้าไม่คิดมากเกินไป จะสามารถจับเป็นคู่ได้ 5 คู่ นั่นเท่ากับว่ามี 5 ครอบครัวเกิดขึ้นมาด้วย

ในเบื้องต้นทุกคน มีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีอำนาจหรือทำตัวเป็นผู้นำ แต่หลังจากที่จับคู่กันแล้ว ในแต่ละครอบครัวก็จะมีผู้นำและผู้ตามเกิดขึ้น บางครอบครัวฝ่ายสามีเป็นผู้นำ ในตรงกันข้ามบางครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นผู้นำ ขึ้นอยู่กับว่าใครเก่งกว่าใคร

ที่นี้การออกล่าเหยื่อตัวใหญ่ๆ การต่อสู้กับสัตว์ร้าย ไม่สามารถทำได้โดยเพียงแค่ 2 คนผัวเมียได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากครอบครัวอื่นด้วย วิธีการในการเลือกที่จะร่วมมือกับใครหรือไม่ร่วมมือกับใครนั้น อาศัยหลักง่ายๆ ที่ว่าเข้ากับกลุ่มไหนแล้วได้ผลประโยชน์สูงสุด ก็เลือกเข้ากับกลุ่มนั้น (ทุกวันนี้คนเราก็ยังใช้วิธีเดียวกันนี้แหละ)

ผมกำหนดเอาเองว่า มีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกนิยมล่าช้าง อีกกลุ่มนิยมล่าวัว กลุ่มแรกมีสมาชิก 3 ครอบครัว แน่นอนว่าอีกกลุ่มมีแค่ 2 ครอบครัว ต่างกลุ่มก็แยกย้ายกันไปออกล่าสัตว์ที่กลุ่มตนชื่นชอบ ปรากฎว่ากลุ่มที่ล่าช้างนั้นนานๆ จึงจะล่าสำเร็จสักครั้งเพราะช้างแข็งแรง แต่ถ้าล่าได้ครั้งนึงก็จะได้เนื้อจำนวนมาก ส่วนกลุ่มที่ล่าวัวนั้นล่าได้บ่อยครั้งกว่า แต่ได้เนื้อน้อยกว่า

ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ปรากฎว่ากลุ่มที่ล่าช้างนั้นประสบเหตุร้าย มีสมาชิกโดนช้างทำร้ายถึงตาย ทำให้การล่ายิ่งยากและอันตรายขึ้น สมาชิกในกลุ่มก็เริ่มเกิดความแตกแยก เมื่อเห็นว่ากลุ่มที่ล่าวัวประสบความสำเร็จมากกว่า ทำให้เกิดความคิดแยกเป็นสองฝ่ายคือหนึ่ง เปลี่ยนไปล่าวัว หรือไม่ก็ยุบไปรวมกับกลุ่มล่าวัวมันซะเลย แต่ด้วยเหตุที่ว่าในกลุ่มนั้นไม่มีผู้นำ จึงไม่มีใครตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร ปัญหาจึงเกิดขึ้น

อย่าลืมว่า ในกลุ่มแรกนั้นประกอบไปด้วย 3 ครอบครัวแต่มีสมาชิกเสียชีวิตไปบ้างทำให้เหลือแค่ 2 ครอบครัว ที่นี้ถ้าทั้ง 2 ครอบครัวคิดตรงกันก็ดีไป ถ้าคิดต่างกันก็จะเกิดปัญหา เพราะถ้าครอบครัวหนึ่งย้ายไปรวมกับอีกกลุ่ม ครอบครัวที่เหลือก็จะล่าสัตว์ไม่ได้ ต้องจำใจยอมย้ายไปด้วย ทางออกคือ ครอบครัวที่ไม่อยากยุบรวมกลุ่ม ยื่นข้อเสนอว่าจะแบ่งเนื้อจากการล่าวัว ให้กับอีกครอบครัวหนึ่งมากกว่าคือจะให้ 2/3 ส่วนขณะที่ตนจะรับแค่ 1/3 ส่วน เจอเงื่อนไขแบบนี้ก็ทำให้อีกครอบครัวยอมอยู่ต่อ

ทั้งสองกลุ่มต่างล่าวัวกันไป จนมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาจากลูกหลานของแต่ละครอบครัว แต่ครอบครัวที่ได้รับส่วนแบ่ง 1/3 มีสมาชิกเพิ่มมากกว่า และเริ่มมีอำนาจการต่อรองมากขึ้น สุดท้ายก็บังคับให้มีการแบ่งเนื้อให้กับทุกคนเท่าๆ กัน นั่นหมายถึงว่าครอบครัวที่มีสมาชิกมากคนกว่า ก็ได้เนื้อมากไปด้วย(เริ่มได้เปรียบ) ยิ่งเวลาผ่านไป การที่ได้รับเนื้อมาก ก็ทำให้ครอบครัวนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งขึ้น สุดท้ายก็มีสมาชิกมากพอจะล่าช้างได้เพียงลำพังครอบครัวเดียว อีกครอบครัวก็เลยต้องล่าวัวเพียงลำพังแต่ครอบครัวเดียว ไม่ช้าจึงขอไปรวมกับอีกกลุ่ม เพื่อความอยู่รอด แต่การเข้ากลุ่มนั้นไม่ง่ายเสียแล้ว พวกเขากลายเป็นชนชั้นที่สองในสังคมขึ้นมาทันที สิทธิ์ที่เคยมีก็ไม่มี แต่ก็ต้องยอมไม่งั้นก็อดตาย พวกนี้จึงถูกกดขี่โดยครอบครัวที่อยู่มาก่อน กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ตั้งขึ้นในกลุ่มก็มุ่งรักษาประโยชน์ ของคนในกลุ่มเดิมและริดรอนผลประโยชน์ของชนชั้นสอง

ผ่านไปหลายพันปี ชนชั้นที่สองเริ่มมีจำนวนสมาชิกมากกว่า จึงเริ่มมีการแข็งข้อ และพยายามเรียกร้องความเท่าเทียม แน่นอนว่าเมื่อมีกำลังมากกว่าก็ย่อมได้เปรียบ ผลประโยชน์จึงถูกแบ่งอย่างเท่าเทียมกันในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่นานกลุ่มปฏิวัตินี้ก็รู้ว่า ฝ่ายตนสามารถได้ผลประโยชน์มากกว่านี้ได้ โดยการเบียดเบียนเอาจากฝ่ายเดิม และเช่นเคยพวกมากกว่าย่อมได้เปรียบและมักจะชนะเสมอ

จบแบบงงๆ ผมหวังว่าคงพอมองเห็นภาพว่าผมต้องการสื่ออะไร ที่ผมต้องการสื่อก็คือว่า

1. อำนาจเป็นของคนที่กำลังคน กำลังอาวุธ มากกว่าเสมอ
2. ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ย่อมตกแก่ผู้มีอำนาจเสมอ
3. อำนาจสามารถเปลี่ยนข้างได้เสมอ
4. กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่สร้างโดยผู้มีอำนาจก็ย่อมเป็นไปเพื่อผู้มีอำนาจเสมอ
5. ความยุติธรรมไม่เคยมีและจะไม่มีวันมีได้เลย ตราบที่ยังมีผู้มีอำนาจเหนือคนอื่น

สรุป ไม่มีระบอบการเมืองการปกครองใด ที่สามารถให้เสรีภาพและความเป็นธรรมอย่างแท้จริงได้ ตราบใดที่จิตใจของคนเรา ยังไม่ถูกยกระดับขึ้นไปจนพ้นกิเลสอันเป็นเหตุแห่งความเสื่อม


Create Date : 03 เมษายน 2553
Last Update : 3 เมษายน 2553 15:30:48 น. 2 comments
Counter : 825 Pageviews.  

 


โดย: thanitsita วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:16:56:04 น.  

 
ใช่เลย ทฤษฎี แบบนี้แหล่ะ ที่เข้าใจอยู่ และเรียนมา

ผู้อำนาจจะเป็นที่สุดเสมอ มันเป็นกฎที่ตายตัวอยู่แล้วง่ะ แต่การเมืองตอนนี้มัน...

กำลังแหกกฎนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมพยายามแย้งคนพวกนั้น เขาก็หาว่าผมล้าหลัง

ผมตรองอีก 88 รอบ ก็ยังไม่เข้าใจพวกเขา


โดย: BarBoy วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:22:10:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mrpipo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ประชาธิปไตยจงเจริญ
[Add mrpipo's blog to your web]