มีสุข มีทุกข์ อะไรก็จะเขียนไว้ที่นี่

แม่ชวนไปเที่ยวบ้านผู้หญิง

ไม่รู้ว่าแม่นึกอะไรขึ้นมา อยู่ ๆ ถึงอยากให้ผมแต่งงาน

เราเคยคุยกันไปรอบนึงแล้ว ผมก็นึกว่าแม่เข้าใจแล้วซะอีก เพราะเห็นแม่เคยพูดว่า อยู่คนเดียวแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ต้องปวดหัว แต่งงานแล้วเห็นมีแต่เรื่องปวดหัว เคยเล่าให้ผมฟังด้วยซ้ำว่าคนนั้นคนนี้ แต่งงานแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ก่อนแต่งก็ดูว่าเป็นคนดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผ่านไปไม่เท่าไหร่ก็ออกลาย ที่สำคัญแม่ก็ไม่ศรัทธาในความรักอยู่แล้ว รักมันซื้อข้าวกินไม่ได้ รักกันแล้วไง ไม่มีเงินใครเขาจะเอามึง แม่ก็เคยพูดเอง สอนผมเอง แล้วนึกอะไรขึ้นมา อยู่ดีๆ ก็ชวนไปเที่ยวบ้านผู้หญิง หรือจะพูดว่าพาไปดูตัว ก็น่าจะได้มั้ง

ถ้าให้เดา ก็อาจเป็นเพราะว่าพี่สาวผมแต่งงานมาหลายปี แต่ไม่มีลูก หาหมอก็แล้ว บนบานศาลกล่าวก็แล้ว แม่ก็เลยรู้สึกเหงา เพราะบ้านอื่นเขามีเด็กเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมา บ้านเราไม่มีเหมือนบ้านอื่นเขา บ้านเราก็มีผมนี่แหละเด็กสุดในบ้านแล้ว ( 33 ไม่เด็กแล้วมั้ง )

หรือไม่ก็อาจเพราะเป็นห่วงว่า หากวันนึงแม่ต้องจากผมไป แล้วจะไม่มีใครดูแลผม แก่ตัวไปแล้วจะผมลำบาก ถ้าเป็นเหตุผลนี้ผมก็พอเข้าใจได้ แต่ผมก็คิดเอาเองว่า

*** มีลูกหลานเต็มบ้านแต่ไม่มีเงิน หรือจะสู้มีเงินแต่ไม่มีลูกหลาน ***

ทุกวันนี้ผมก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว พึ่งพาตัวเองได้ในระดับหนึ่งคิดว่า แก่ไปก็ไม่น่าจะลำบากอะไรเท่าไหร่ เห็นปู่เย็นแกก็อยู่คนเดียว แกยังอยู่ได้เลย ผมคิดว่าผมคงอยู่ไม่นานขนาดนั้นมั้ง สมัยนี้มีเหตุให้ตายเยอะแยะไปหมด ไหนจะโรคร้าย ไหนจะอุบัติเหตุ ไหนจะโจรผู้ร้าย อยู่ได้สัก 60 ก็บุญแล้ว ( พ่อไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้ายังอยู่แค่ 55 ปีเอง )

ถ้าเกิดดันอายุยืนขึ้นมา อย่างมากก็จับแมลงสาบ จับหนูกินแบบในข่าว ก็แค่นั้นเอง ( แหว่ะ คิดได้ไงวะตู )

เวลาผมให้เหตุผลกับแม่ ว่าทำไมจึงไม่อยากแต่งงาน ผมมักจะบอกไปเพียงว่า ผมมีความสุขกับการเป็นหนุ่มโสด ผมไม่มีศรัทธาไม่เชื่อในความรัก และผมไม่เชื่อว่าจะมีใครรักผมได้จริง เคยบอกเล่นๆ ด้วยซ้ำว่า ผมเป็นคนโมโหร้าย แถมไม่ค่อยยอมใครอีก ขืนแต่งงานไปไม่กี่วัน เกิดทะเลาะกันบ้านแตก จะทำไง

แต่มีอีกเหตุผลที่ผมไม่เคยบอกแม่ คือผมเคยรับปากตัวเองไว้ว่า ชีวิตนี้ผมจะมีรักแค่ครั้งเดียว จะมีผู้หญิงคนเดียวในโลกเท่านั้นที่จะได้ยินคำบอกรักจากผม ขืนบอกแม่ไปเดี๋ยวโดนด่า หาว่าน้ำเน่า แต่ผมพูดจริงๆนะ และผมตั้งใจจะรักษาคำพูดให้ศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่พูด ผมเคยมีคนรักแล้ว และผมก็เคยบอกรักไปแล้วด้วย แม้ว่ามันจะเป็นรักล่ม แต่ผมก็ถือว่ามันคือความรักครั้งเดียวในชีวิตของผม และผมจะเก็บมันไว้เป็นรักแท้ของผม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมเชื่อว่า

*** รักแท้ ไม่ควรสมหวัง ***


อีกเหตุผลหนึ่งคือ ผมกลัวว่าผมจะไม่ดีพอ ที่จะเป็นสามี เป็นพ่อ เป็นปู่ เป็นตา ของใคร ผมไม่อยากถูกคาดหวัง ว่าจะต้องหล่อ จะต้องรวย จะต้องเก่ง จะต้องเป็นคนดี ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ อิสระไม่มีห่วงผูกคอ

นึกไปนึกมาก็มีอีกหลายเหตุผล เช่น

--- ผมยังไม่เคยเจอ ผู้หญิงที่รักและเข้าใจผมจริงๆ เลยสักคน
--- ผมยังไม่เคยเจอ ผู้หญิงที่เห็นว่าศีลธรรมสำคัญกว่าทรัพย์สินเงินตรา
--- ผมมองไปทางไหน ก็เห็นแต่ชีวิตคู่ที่มีปัญหา ไม่ค่อยเห็นชีวิตคู่ที่สุขสมสักเท่าไหร่
--- ผมไม่เชื่อว่า คนที่แต่งงานแล้ว คงมีความสุขกับคู่รัก อยากมากก็คงสัก 5 ปี จากนั้นก็จะเริ่มเบื่อ และเริ่มคิดนอกใจ
--- ผมเรียนรู้ด้วยตัวเองว่า ความรักของผมเองก็ไม่มั่นคงเท่าไหร่ เคยเชื่อว่าจะรักคนผู้หญิงคนหนึ่งไปได้ตลอดชีวิต แต่เอาเข้าจริง 7 ปี ก็แทบจำหน้าไม่ได้แล้ว( เดินสวนทางกันอาจจะจำหน้าไม่ได้ )
--- ผมเบื่อ ผู้หญิงที่เอาแต่แต่งตัวแต่งหน้าทั้งวัน ( จะสวยทำไม เยอะแยะมากมาย )
--- ผมไม่ชอบ ผู้หญิงที่พยายามสวย ( สวยแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพยายามได้ไหม ขอร้อง )
--- ผมเกลียด ผู้หญิงที่สวยแต่ไง่ ( เออ...ผมไม่ได้ว่าผู้หญิงโง่นะ ผมหมายถึง ผู้หญิงที่คิดว่าฉันสวยฉันจึงไม่ต้องตั้งใจเรียน ไม่ต้องเก่งอะไร ก็ได้ แค่ตั้งหน้าตั้งตาสวยเดี๋ยวก็มีผู้ชายมา เลี้ยงดูฉันเอง )
--- ผมไม่ปลื้ม ผู้หญิงที่เจ้าชู้ ( ไม่ว่าสวยแค่ไหน ดีแค่ไหน ถ้ามีเจ้าของหรือคบกับใครแล้ว ก็จบ ผมไม่สน )

เนื่องจากเหตุผล ที่ว่ามา ( แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นความเรื่องมากของผมเองก็ตาม ) ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงคนไหน จะทำให้ผมยอมเสียคำพูดได้ นั่นทำให้ผมไม่อยากไปดูตัว ไม่อยากรู้จัก ผู้หญิงที่แม่แนะนำ ไม่ใช่ว่าผมดูถูกว่าเธอคนนั้นไม่ดีนะ แต่ผมไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นนางในอุดมคติของผมต่างหาก

ที่จริงผมก็ไม่ใช่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่แม่แนะนำ เคยเห็นเมื่อนานมาแล้วสมัยเีรียนประถมโน้นเลย จำได้ว่าพี่ชายเรียนชั้นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องของผม ตอนเลิกเรียนจะเห็นเธอซ้อนท้ายจักรยานพี่ชายกลับบ้านทุกวัน จำหน้าตาไม่ได้แล้วจำได้แค่ว่า ตาแป๋วๆ ผมชี้ๆ หน้าหมุ่ยๆ ไม่ค่อยยิ้ม โตแล้วหน้าตาเป็นไงเดาไม่ออกเหมือนกัน แต่หน้าตาจะสำคัญอะไร ความรักความเข้าใจต่างหากที่สำคัญ

แต่ความรักความเข้าใจจะเกิดขึ้นระหว่างคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันได้อย่างไรเล่า ถ้าจะมีผู้หญิงสักคนรักและเข้าใจผม ก็อาจต้องเห็นหน้ากันทุกวัน เรียนรู้นิสัยกันสัก 5 ปี 10 ปี คงไม่ใช่เกิดจากการเห็นหน้ากันวันเดียว อย่างที่แม่ต้องการ

เมื่อวันก่อนแม่ก็โทรมาถามอีก ว่าวันเสาร์นี้จะกลับบ้านหรือเปล่า ฟังดูเหมือนมีวาระซ่อนเร้นอย่างไรไม่รู้สิ โชคดีวันนี้ผมมาเข้าเวรก็เลยมาพิมพ์ระบายความในใจอยู่นี่ ที่จริงผมตั้งใจจะกลับบ้านในช่วงเดือนนี้ เพราะปีใหม่ก็ไม่ได้กลับ สงกรานต์ก็ไม่คิดว่าจะกลับ พอแม่มีอาการแปลกๆ แบบนี้ ก็ทำให้ลังเลไม่กล้ากลับซะอย่างนั้น


Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 17:54:21 น. 4 comments
Counter : 869 Pageviews.  

 
อืม เหตุผลหลายข้อนะ แต่สุดท้ายแล้วหากคุณมีความรักกับใครบางคนแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหนก็ตามที่คุณตั้งขึ้น คุณก็สามารถที่จะทำให้มันผ่านไปได้ง่ายๆ

ค่อยๆใช้เวลาในการศึกษาคนไปก่อนแล้วค่อยปิดประตูรับก็ยังไม่สายเกินไป
บางครั้งนอกจากความรักแล้ว ความเชื่อใจ เข้าใจกัน แทนที่จะอยู่แบบแฟน ลองเปลี่ยนเป็นอยู่แบบเพื่อนดูสิ อาจจะทำให้อะไรๆมันลงตัวกว่านี้ก้ได้
คุณลองมองจุดยืนของแม่คุณดูสิ ความเป็นแม่ก็อยากจะเห็นลูกมีหลักมีครอบครัว
อย่ากลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิด


โดย: toeyao วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:27:16 น.  

 
..คิดเยอะเหมือนกันนะคะนี่..

แต่เหมือนจะคิดแง่ลบกับความรักมากกว่าแง่บวก...จะบอกว่า..สักวันเมื่อคุณเจอ "ใครบางคน" ที่หัวใจคุณบอกว่า "รัก"..แง่ลบที่คุณบรรยายมาทั้งหมดในวันนี้ จะหมดความหมายไปในทันทีค่ะ..

..........

แอบลุ้นให้ลองไปพบกับสาวคนนั้นดู อย่างน้อยถ้าไม่ได้คบกันเป็นแฟนก็ยังได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคนน่ะนะคะ



โดย: i'm not superman วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:38:00 น.  

 
ค่อย ๆ ศึกษากันไปค่ะ อย่าเพิ่งคิดก่อน


โดย: witch@thedog วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:17:26 น.  

 
วันนึงถ้าเจอคนที "ใช่ " มันก็ใช่เองแหละ ที่สุดของชีวิตคู่
ก็คือการเป็นเพื่อน งั้นก็หาเพื่อนที่มันเข้าในเราดีกว่า...
เพราะยังไงชีวิตนี้ก็ได้เคย " รัก" แล้ว...
ดีกว่าคนที่อยู่มาจนป่านนี้แล้วยังไม่กล้าที่จะรักใครนา...


โดย: ตาใสใส (dark_law ) วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:18:16:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mrpipo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ประชาธิปไตยจงเจริญ
[Add mrpipo's blog to your web]