มีสุข มีทุกข์ อะไรก็จะเขียนไว้ที่นี่

นิทานเรื่อง แดง เหลือง และมะม่วงผลใหญ่

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีเด็กสองคน กำลังทุ่มเถียงกัน อย่างเกรี้ยวกราดว่าใครควรมีสิทธิ์ได้ผลมะม่วงสุกผลนั้น ที่แดงเป็นคนเห็นก่อน แต่เหลืองหยิบได้ก่อน ขณะกำลังยื้อแย่งกันอยู่นั้น มะม่วงก็ถูกบีบ ถูกเค้น จนเละ สุดท้ายก็ไม่มีใครได้กิน

ในที่สุดมะม่วงเละๆ ถูกทิ้งลงบนดิน ระหว่างเด็กทั้งสองคน ที่ต่างคนต่างมองด้วยความเสียดาย แต่ก็ยังเถียงกันไม่หยุดว่า ใครเป็นคนผิด ใครทำให้มะม่วงเละ แดงให้เหตุผลว่า ถ้าเขาไม่เห็นมะม่วงผลนั้นก่อน เหลืองก็ไม่มีทางเห็นและจะเดินผ่านไป เหลืองให้เหตุผลว่า ใครหยิบได้ก่อนก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของคนนั้น และแดงแน่ใจได้อย่างไรว่า เหลืองจะมองมะม่วงไม่เห็น

และแล้วเด็กทั้งสองคนก็นั่งลง แล้วก้มมองดูผลมะม่วงที่ถูกทั้งอยู่บนพื้น โดยไม่ได้นัดหมายเด็กทั้งสองก็ถอนใจออกมาพร้อมกัน ด้วยความเสียดายมะม่วงที่เละกินไม่ได้ เสียดายเวลาที่มัวแย่งมะม่วงกัน ถ้าเดินต่อไปป่านนี้อาจเจอมะม่วงผลอื่นก็ได้ เสียดายมิตรภาพ ที่เคยมีให้กันไม่น่ามาทะเลาะกันเพราะมะม่วงผลเดียวเลย และต่างคนก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่ถ้าเรามีสติสักนิด ไม่โลภมากสักหน่อย เราก็น่าจะแบ่งมะม่วงผลนี้เป็นสองส่วน ก็จะได้กินมะม่วงด้วยกันทั้งสองคน แต่ทำอย่างไรได้

*** สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมเกิดขึ้นแล้ว จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้ ***

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เด็กทั้งสองคนก็ได้ตกลงกันไว้ว่า เอาละนับแต่นี้ไป ถ้าเจอมะม่วงเราจะไม่แย่งกัน เราจะช่วยกันเก็บรวบรวมให้ได้มากที่สุด พอได้มากพอแล้ว ค่อยแบ่งกัน เท่ากับว่าไม่ต้องไปคิดเรื่องที่ว่า ใครเจอก่อน ใครหยิบก่อน เพราะต่างก็ได้เรียนรู้ว่า แย่งกันไป ก็ไม่มีใครได้ผลประโยชน์อยู่ดี มีแต่ทำให้เกิดความสูญเสีย มีแต่ทำให้เกิดความบาดหมาง ความไม่สบายใจเปล่าๆ สู้ร่วมมือร่วมแรงกันดีกว่า ได้ทั้งมะม่วง ได้ทั้งความสบายใจ

ในที่สุดเด็กทั้งสองคนก็ทำตามข้อตกลง จึงทำให้เด็กทั้งคู่ ได้มะม่วงเต็มย่าม แทบสะพายไม่ไหว ขากลับทั้งคู่ก็เดินไปกินมะม่วงไป พูดคุยหยอกล้อเล่นกันตามประสาเด็ก พระอาทิตย์เริ่มสูงขึ้นพ้นยอดมะม่วง น้ำค้างบนยอดหญ้าระเหย ขึ้นไปรวมตัวกับเมฆสีครามบนท้องฟ้า โลกไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โลกเป็นของทุกคน ทุกชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้ จะแยกส่วนใดออกมาไม่ได้เลย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความขัดแย้ง เบียดเบียนกัน หามีประโยชน์ไม่ ความสามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจกันเท่านั้น ที่จะสามารถก่อประโยชน์แก่ตัวและส่วนรวมได้




Create Date : 12 มีนาคม 2553
Last Update : 12 มีนาคม 2553 11:12:29 น. 3 comments
Counter : 4302 Pageviews.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เป็นนิทานที่ให้คติและแง่คิดที่ดีมาก ๆ ครับ

น่าจะเอาไปเล่าให้คนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ในบ้านเราได้ฟังนะครับ

ขอบคุณสำหฟรับความคิดเห็นในมุมมองที่ดี ๆ ครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:13:17:22 น.  

 
อ่านแล้ว ใช่เลยค่ะ

ถูกใจมากมาย

ตอนนี้เด็กๆ คงจะกำลังขยี้มะม่วงอยู่แน่ๆ เลย


โดย: peeshin วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:13:57:40 น.  

 


โดย: ก้นกะลา วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:23:52:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

mrpipo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ประชาธิปไตยจงเจริญ
[Add mrpipo's blog to your web]