All Blog
ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอนที่ 11 (ต่อ)




ส่วนที่ท่ารถบขส.เวลานั้น จันทร์กำลังซ่อมรถอยู่ เจ๊กีเดินตรงเข้ามาหาจันทร์

“อาจันทร์ ลื้อมานี่หน่อยซิ”
“มีอะไรเหรอเจ๊”
“อั๊ววานให้ลื้อช่วยถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชนอาไกร แล้วแฟ็กซ์ไปให้อั๊วหน่อยสิ อั๊วตาไม่ค่อยดี อาเลขาก็ไม่อยู่”
“ได้ครับเจ๊” จันทร์เดินไปรับบัตรประชาชนจากมือเจ๊กี “เดี๋ยวชั้นจัดการให้เรียบร้อยเลยจ๊ะ”
จันทร์เอาบัตรประชาชนไกรไปซีร็อก จึงเห็นวันเดือนปีเกิดและกรุ๊ปเลือดของไกร
“นี่มันวันเดียวกับทิวา และกรุ๊ปเลือด...”
ที่ช่องของกรุ๊ปเลือด ถูกขีดไว้
“ทำอะไรน่ะจันทร์” ไม้เดินเข้ามาถาม
“ถ่ายเอกสารให้เจ๊กี ไม่มีอะไร ไม่ต้องช่วยหรอก”
“เออ แกรู้มั้ยว่าอบเชยมีเรื่องไม่สบายใจอะไร”
“ไม่รู้ว่ะ ไม่เห็นมาปรึกษาเรื่องอะไรเลย”
“อืม เอาเอกสารมานี่มะ เดี๋ยวชั้นเดินไปให้เจ๊กีเอง”
จันทร์รีบเอาเอกสารยัดใส่แฟ้มไม่ให้ไม้เห็น
“อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ไปเคลียร์เรื่องตัวเองให้มันเรียบร้อยก่อนไป”
แล้วไกรก็เดินเข้ามาหาไม้
“ไม้ ชั้นมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ”
“เรื่องอะไรครับ”
ไกรมองจันทร์
“ชั้นขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อย ไปที่ห้องทำงานชั้นละกัน”
“ได้ครับ”
ไกรเดินนำออกไป ไม้เดินตาม
ไม้กับไกรมานั่งคุยกันที่โต๊ะทำงานของไกร
“ขอโทษที ที่ต้องเรียกมาคุยกันแบบนี้”
“คุณไกรมีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องแพรวา”
“ทำไมครับ คุณแพรวาเป็นอะไรครับ”
“เปล่า ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น มีแต่เรื่องที่อยากจะขอร้อง”
“ขอร้อง”
“ชั้นเคยช่วยเธอไว้ใช่มั้ยไม้”
“คุณไกรมีบุญคุณกับผมมาก ช่วยสอนการต่อสู้ให้ผมด้วย”
“งั้นก็ดี ชั้นอยากจะใช้บุญคุณทั้งหมดที่ทำให้เธอ ขอร้องเธอบางเรื่อง”
“ครับ”
“ชั้นอยากจะขอให้เธอ อย่ายุ่งเกี่ยวกับแพรวาอีกจะได้มั้ย”
“กับคุณแพรวา”
“ใช่ ชั้นไม่สบายใจนักที่เห็นเธออยู่ใกล้กับแพรวา”
“โธ่นึกว่าเรื่องอะไร แต่ผมกับคุณแพรวาไม่ได้มีอะไรนะครับ”
“รับปากชั้น”
“ได้ครับ”
“เป็นผู้ชาย พูดแล้วไม่คืนคำ”
“ครับ”
ไม้ตอบรับอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก ไกรยิ้มแต่ยังไม่ค่อยไว้ใจไม้นัก
เมื่อกลับมาบ้านพันเทพเดินเข้าไปในห้องทำงาน รื้อเอกสารต่างๆ ดู ทิวาเดินตามเข้ามา
“หายดีแล้วเหรอครับพ่อ”
“อืม”
“แปลกดีนะครับ คนเกือบจะตายแล้วแท้ๆ”
พันเทพชะงักเงยหน้ามองทิวา
“นี่ต้องการอะไรเนี่ย มากวนเวลางานชั้นแบบนี้”
“ผมไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรเลยเหรอครับ ก็ในเมื่อผมเป็นลูก”
“แล้วคนอื่นเค้ามาวุ่นวายกับชั้นมั้ยล่ะ”
“หึหึ พ่อไม่เคยมองเห็นผมเป็นลูกเลยจริงๆ”
พันเทพมองทิวาอย่างระอา
“นี่ต้องการอะไรกันแน่ ถึงมาพูดจาแบบนี้กับชั้น” ทิวามองไม้ตะพด
“ผมเป็นคนให้ชีวิตพ่ออีกครั้ง ผมเลยอยากจะใช้สิทธิ์ขออะไรพ่อบ้าง” พันเทพชะงัก หยุดหาเอกสาร “ผมขอร่มคันนั้นได้มั้ยครับ”
“จะไม่ขอมากไปหน่อยเหรอทิวา”
“ผมไม่ต้องการอย่างอื่น”
“ได้...ถ้าอยากได้ ก็เข้ามาเอา”
ทิวากำหมัด ไม่เกรงใจ พันเทพถอยหนึ่งก้าวตั้งรับ แล้วทิวาก็บุกเข้าไปต่อสู้กับพันเทพ พันเทพใช้ร่มเป็นอาวุธ แต่สู้ได้ไม่เท่าไหร่ทิวาก็กระเด็นออกมา
“แกกำลังทำชั้นเสียเวลาทิวา”
“ถึงพ่อไม่มีไม้ตะพด พ่อก็เก่งกว่าผมอยู่แล้ว พ่อก็ยังจะใช้มันอีก”
“ถ้าชั้นวางมัน แกไม่ใช่เหรอที่จะแย่งมันไป”
“ผมไม่มีทางสู้พ่อได้หรอก”
“ถ้ารู้ตัวก็เลิกความคิดที่จะแย่งไม้ตะพดไปจากชั้นซะ”
ทิวาบุกเข้าโจมตีพันเทพอีกรอบ รอบนี้เค้ากระเด็นออกมาเลือดกลบปาก หนักกว่าเก่า
“พ่อเก่งเรื่องการต่อสู้มาก แต่พ่อก็เลือกที่จะไม่สอนผม ให้ผมไปเรียนกับศรนารายณ์แทน เพราะพ่อกลัวว่าจะมีวันนี้ใช่มั้ย”
“ชั้นผิดรึไงที่เป็นคนรอบคอบน่ะ”
ทิวาโจมตีพันเทพเข้าอีกที คราวนี้พันเทพใช้ไม้ตะพดฟาดทิวาอย่างแรงหลายที จนทิวากระอักเลือด หัวกระแทกพื้นสลบในกองเลือด พันเทพมองทิวาอย่างเลือดเย็น
“ชั้นพยายามทำให้มันดีแล้ว เธอบังคับให้ชั้นทำแบบนี้เองทิวา”
ระหว่างนั้นไม้พาเมฆมาโรงพยาบาลตามที่หมอนัด
“ก็คนมันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว จะมาให้เสียเงินทำไม”
เมฆบ่นเมื่อไม้พามาหน้าห้องตรวจ
“หมอเค้านัดไว้ ให้เค้าตรวจซักหน่อยก็ดีพ่อ เรามองไม่เห็นว่าอวัยวะภายในมันเป็นยังไงบ้าง”
พยาบาลเดินมาหาเมฆ
“เดี๋ยวเชิญคุณเมฆเข้าตรวจด้านในเลยนะคะ”
“ครับ”
อีกทางหนึ่ง พันเทพพาทิวาที่จมกองเลือดมาโรงพยาบาล เดินสวนกับไม้พอดี ไม้มองทิวา พันเทพ พันเทพเองก็มองกลับมา
ทิวาถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลห้องฉุกเฉินเดินออกมาบอกพยาบาลด้านนอก ไม้กับเมฆเดินมาพอดี
“เดี๋ยวรีบประกาศออกไปนะ ว่ามีคนไข้ต้องการเลือดกรุ๊ปโอด่วนที่สุด”
เมฆมองพยาบาลที่วิ่งวุ่นไปมา อีกคนเดินเข้าไปคุยกับพันเทพที่นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“นั่นพันเทพนี่ ใครเป็นอะไรกันน่ะไม้” เมฆถามไม้
“ทิวาเหมือนจะโดนอะไรซักอย่าง”
“ทิวาน่ะเหรอ” เมฆไปหาพันเทพทันที “ทิวาเป็นอะไร ทิวาเป็นอะไร”
“ก็แค่หาเรื่องใส่ตัว”
“แกเป็นคนทำทิวาใช่มั้ย ใช่มั้ย”
พันเทพนิ่ง ไม่ตอบอะไร พยาบาลวิ่งวุ่นมาคุยกันไม่ไกลจากเมฆ
“ตกลงมีคนสนใจจะบริจาคเลือดมั่งมั้ย”
“ผมสนใจจะบริจาคเลือดครับ” เมฆบอก
“พ่อ...จะดีเหรอ” ไม้ถามอย่างเป็นห่วง
“เลือดคุณกรุ๊ปอะไรคะ เราต้องการกรุ๊ปโอด่วนเลยค่ะ”
“ผมนี่แหละครับกรุ๊ปโอ”
“งั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ”
เมฆเดินเข้าห้องฉุกเฉินไปพร้อมกับพยาบาล ทิ้งไม้ไว้กับพันเทพ ไม้ยังงงๆ
“หึหึ ดูพ่อเธอจะเป็นเดือดเป็นร้อนกับไอ้ทิวาจังเลยทั้งที่ทิวาก็สร้างเรื่องกับพ่อเธอไว้เต็มไปหมด
เธอกำลังคิดแบบนี้อยู่ใช่มั้ยไม้”
“ชั้นจะคิดยังไงก็เรื่องของชั้น”
“เธอไม่สงสัยบ้างเหรอ ว่าทำไม ทิวาลูกของชั้นบาดเจ็บ ชั้นจึงได้แต่นั่งดูอยู่เฉยๆ”
“เรื่องนั่นไม่น่าแปลกใจเลย เพราะแกมันเลือดเย็นอยู่แล้วพันเทพ”
“หึหึ ชั้นก็อยากจะช่วยมันหรอกนะ แต่ทำไงได้ เลือดในตัวมันกับเลือดในตัวชั้นมันเข้ากันไม่ได้ แต่มันดันไปเข้ากันได้กับไอ้เมฆ พ่อของเธอ”
“คนกรุ๊ปเลือดตรงกันมีถมเถ”
“ชั้นพยายามยื่นความจริงให้เธอ ถ้าเธอยังเพิกเฉยต่อมันแบบนี้ มันก็คงต้องแล้วแต่เธอ”
ไม้ครุ่นคิดสิ่งที่พันเทพพูด
ที่ท่ารถบขส.จันทร์เอาเอกสารให้เจ๊กี เจ๊กีรับไป จันทร์มองรูปตอนเด็กๆ ของไกรที่ตั้งบนโต๊ะเจ๊กี
“เจ๊กี...ตอนคลอดคุณไกรนี่เป็นยังไงเหรอ” จันทร์ตัดสินใจถามออกมา
“ลื้อถามอะไรของลื้อ ย้อนนานไปมั้ย”
“พอดีผมเห็นรูปคุณไกรตอนเด็กๆ ก็เลยลองถามดูเล่นๆ”
“อาไกรอีคลอดไม่ยากหรอก อั๊วยังจำได้ วันนั้นอั๊วกลัวมาก เพราะมีคนที่คลอดพร้อมๆ กัน หลายคน”
“มีทางมั้ยที่คุณไกรจะไปสลับกับลูกคนอื่น” จันทร์พึมพำออกมาคนเดียว
“ลื้อบ่นอะไรของลื้อน่ะ”
“เจ๊รู้มั้ย วันนั้นมีใครคลอดมั่ง”
“ทำไมจะไม่รู้ วันนั้นน่ะมีเด็กคลอดด้วยกัน 3 คน คนแรกที่คลอดก่อนใครเลยก็คือลูกของไอ้พันเทพ”
“ไอ้ทิวา”
“ต่อมาก็คืออาไม้ ที่ต้องเสียแม่ไป แล้วสุดท้ายก็คืออาไกร ลูกชายอั๊ว”
“ไม้กับไอ้ทิวาเหรอ ชักกลิ่นตุๆ แล้วสิ”
จันทร์พึมพำออกมา
ที่โรงพยาบาล ขณะนั้นไม้กับพันเทพยังอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม้หันหลังให้พันเทพ ไม่อยากมองหน้า พันเทพแตะบ่าไม้
“ไม้”
“อย่ามาแตะตัวชั้นนะ”
“ชั้นเห็นแววบางอย่างในตัวเธอนะ ถ้าเธอมาอยู่กับชั้น ชั้นจะสนับสนุนให้เธอยิ่งใหญ่กว่าใครๆ”
“แกกำลังพูดสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดที่ชั้นเคยได้ยินมา แกไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าสิ่งที่แกกำลังชวนชั้นไปนั่นมันคือสิ่งที่ตกต่ำมาก”
“คนเราจะมีจิตใจสูงส่งไปเพื่ออะไร ทำเพื่อคนอื่น...ได้อะไรห๊ะไม้ เธอต้องการเพียงคำชมเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแค่นั้นเหรอ อำนาจต่างหากที่มันมีตัวตน ความเกรงกลัว การยอมรับนับถือ นั่นต่างหากของจริง”
“ขอโทษนะ ชั้นคงไม่มีวันทำให้แกสมหวังหรอกพันเทพ ตั้งแต่ชั้นโตมา พ่อชั้นไม่เคยสอนให้ชั้นคิดแบบนั้น”
“พ่อเหรอ...จะบอกอะไรให้นะ ชั้นรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เธอเรียกไอ้เมฆนั่นว่าพ่อ เพราะความจริงแล้วน่ะ คนที่เป็นพ่อของเธอ...”
เมฆเปิดประตูออกมาพอดี ขัดจังหวะพันเทพ
“พ่อเป็นยังไงบ้าง” ไม้ถามอย่างเป็นห่วง เมฆยิ้มกับไม้แล้วพาไม้เดินออกไป
“แกเลี้ยงไม้มาดีเกินไป มันเลยทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นไอ้เมฆ”
พันเทพพึมพำออกมา
ขณะนั้นทิวายังไม่ได้สติ แต่เลือดที่ไหลเข้าตามสายเข้าสู่ร่างกายเขา เขาไม่รู้เลยว่าสายเลือดนี้ได้ให้ชีวิตเขาอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง อบเชยยืนเหม่อๆ อยู่ริมถนน ไกรขับรถผ่านมาพอดี เขาจอดรถหน้าอบเชย แต่เธอไม่รู้ตัว ไกรจึงบีบแตรเรียก อบเชยสะดุ้ง
“คุณไกร”
“ใจลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
อบเชยขึ้นรถมากับไกร ระหว่างอยู่บนรถไกรเหลือบมองอบเชยแล้วถามขึ้นมา
“มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ”
“ก็นิดหน่อยน่ะค่ะ”
“เธอกับไม้เป็นยังไงบ้าง” อบเชยเงียบ “งั้นก็แปลว่าเรื่องไม่สบายใจคือเรื่องไม้”
“แล้วคุณกับคุณแพรวาละคะ”
“ก็...”
“คุณก็ไม่ได้ดีกว่าชั้นเท่าไหร่หรอก”
“ปกติเธอดูเข้มแข็งกว่านี้นะอบเชย”
“ชั้นอ่อนแอจะตายค่ะคุณไกร ชั้นว่า...ชั้นคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีไม้...ไม้จะให้ชั้นเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ชั้นยังได้อยู่ข้างๆ เค้าก็พอ”
“อบเชย”
“คนเข้มแข็งจริงๆ เค้าไม่พูดประโยคแบบนี้กันหรอก ใช่มั้ยคะ”
“ทำแบบนั้นแล้ว เธอมีความสุขเหรอ”
“ความทุกข์ ยังไงมันก็เป็นความทุกข์ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่เฉยๆ หรือวิ่งไล่ตามหึงหวง หรือตามราวีทุกคนที่เข้ามายุ่งกับคนที่เรารัก สุดท้าย...มันก็คือความทุกข์อยู่ดี”
“เธอนี่เชี่ยวชาญเรื่องความรักยิ่งกว่าชั้นซะอีกนะ”
“แล้วคุณไกรละคะ จะจัดการกับเรื่องแบบนี้ยังไง”
“ผมเหรอ...”
บรรดาลูกสมุนพันเทพโยนเต็กกงเข้ามาในห้องทำงานพันเทพ แล้วปิดประตูล็อคเรียบร้อย

“แกทำลายรถชั้นพังไปตั้งหลายคันแล้ว จะเอาอะไรอีก”
“แกคงคิดว่า ชั้นทำแค่นั้น มันจะจบงั้นสิ”
“วินรถตู้แก ชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยนะ รถเข้าอู่แป๊บเดียวก็ออกมาวิ่งปร๋อเหมือนเดิมแล้ว”
“คิดว่าเรื่องแค่นั้นเหรอ คนอย่างแกมันเลี้ยงไว้ได้ซะที่ไหน จับลูกชั้นไปตั้งกี่ที ชั้นเตือนก็แล้วว่าอย่ามายุ่งกับชั้น กับครอบครัวชั้นกับธุรกิจของชั้น แต่พอเห็นป่วยเข้าหน่อย แกก็หาเรื่องลอบกัดอีกจนได้แล้วแกคิดว่าแค่ส่งคนไปถล่มรถปอ.ของแกแล้วจะจบ ...แกคิดผิดแล้ว”
“ชั้นยอมรับว่าที่ชั้นทำน่ะผิด แกปล่อยชั้นไปเถอะ คราวนี้ชั้นสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับแกอีก”
“หึหึ คราวก่อนแกก็พูดแบบนี้ แกก็ไม่ทำตามแล้วแกคิดว่าคำพูดพล่อยๆ ของแกจะมีน้ำหนักให้ชั้นเชื่อเหรอ”
“แล้วแกยังจะเอาอะไรจากชั้นอีก”
“ทุกอย่าง”
“หมายความว่าไงทุกอย่าง”
“หึหึ เดี๋ยวก็รู้”
พันเทพหัวเราะแล้วมองเต็กกงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
ระหว่างนั้นที่ท่ารถบขส.จันทร์นั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดอยู่
“ถ้าพ่อหรือแม่มีเลือดเป็นกรุ๊ปเอบี ลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะมีเลือดเป็นกรุ๊ปโอได้เลย หรือถ้าหากพ่อแม่เป็นกรุ๊ปโอทั้งสองคน ลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะมีเลือดเป็นกรุ๊ปเอบีได้เลย...แบบนั้นน่ะเหรอ?”
ไม้เดินมาหาจันทร์ที่กำลังนั่งคิดตามหนังสือ
“ทำอะไรวะจันทร์”
“ก็อ่านหนังสือ หาความรู้ทั่วไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
ไม้หยิบหนังสือจากจันทร์มาลองอ่าน
“โอ๊ย แกอ่านอะไรเนี่ย เข้าใจยากชะมัด”
“ก็ใครให้แกเอาไปอ่านเล่า”
ชาญหน้าตาตื่นวิ่งมา
“แย่แล้ว แย่แล้ว”
“หน้าตาตื่นมาเลย มีอะไร”
“นั่นสิ”
“เมื่อกี้ชั้นเห็นพวกแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ ขับกันไปเป็นพรวนเลย ต้องมีเรื่องที่ไหนแน่ๆ”
“ถ้างั้นก็แย่ละ เรารีบไปช่วยดีกว่ามั้ย” ไม้บอก
“แหมๆ พูดอย่างกับว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายงั้นแหละ” จันทร์แซว
“เห็นชาวบ้านเดือดร้าน พี่จะทนยืนดูเฉยๆ ได้รึไง”
“ทั้งที่เดือดร้อนในที่ของคนเลว แกก็จะช่วยรึไง”
“ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองทั้งนั้น เขาไม่ควรมารับเคราะห์เพราะคนทะเลาะกันแค่ไม่กี่คน”
“งั้นก็ต้องรีบไปแล้วล่ะ ไม่งั้นจะไม่ทัน”
แก๊งวินมอเตอร์ไซค์มาที่อู่รถ ปอ.ของเต็กกง ทั้งหมดเอาน้ำมันราดตามตัวรถและจุดต่างๆ คนพากันหนีจ้าละหวั่น สักถือไม้ขีดจุดและทิ้งลงไปในกองน้ำมัน ไฟลุกท่วมในพริบตา ลูกเด็กเล็กแดงหนีตายกันใหญ่ พวกพนักงานในอู่ ถูกแก๊งวินมอเตอร์ไซค์อัดน่วม ไม่มีแรงหนีออกจากกองไฟจึงได้แต่ส่งเสียงร้อง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ระงม
“ใครขวาง...คุณพันเทพบอกว่า เอาให้ตายได้เลย”
สักบอก ชาญ จันทร์ ไม้ มาถึงที่เกิดเหตุเห็นภาพที่ดูโหดร้าย
“แบบนี้ไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ ชาวบ้านเค้าเกี่ยวอะไรด้วย”
“พวกแกนั่นแหละเกี่ยวอะไร คนของเจ๊กีไม่ใช่เหรอ พวกรถบขส. มายุ่งอะไรกับพวกรถปอ. เห็นว่าไม่ถูกกันนี่”
“แล้วพวกวินมอเตอร์ไซค์ ทำไมถึงตามราวีเค้าไปทั่ว”
“ชั้นก็แค่นักรบรับจ้าง แกอยากเล่นงานก็ไปหาพันเทพโน่น”
“แต่ถ้าไม่เล่นงานแกซะตรงนี้ คงมีคนตายอีกเต็มไปหมด”
“แต่ถ้าพวกแกเข้ามายุ่ง พวกแกก็คงเป็นตายซะเอง”
“ก็ลองดูสิ”
จันทร์ ชาญ เข้าต่อสู้กับพวกแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ที่ยกมาเป็นขโยง แต่จันทร์กับชาญก็พอรับมือได้กับทักษะมวย และความสามารถพิเศษแต่ละคน
“ไม้ แกเข้าไปช่วยคนที่ติดอยู่ข้างใน เร็ว”
จันทร์บอก ไม้พยักหน้ารับ วิ่งลุยไฟเข้าไป
ไม้ลุยเข้าไปช่วยคนที่บาดเจ็บที่ติดอยู่ในกองไฟ ไม้ช่วยออกมาได้ 2-3 คน ก็มีคนที่ไม่บาดเจ็บมาก อาสาช่วยไม้พาคนเจ็บออกมา ไม้เห็นจังหวะนี้เขาจึงวิ่งหายออกไป
ชาวบ้านเข้าไปช่วยผู้หญิงที่ติดอยู่ในกองไฟ ซึ่งเป็นเพิงบ้านพักคนงาน แต่ไม้ที่ไหม้ไฟก็ร่วงมาขวางทางทำให้ออกไม่ได้ ชาวบ้านร้อนรนหาทางออกไม่ได้ แต่แล้วลูกผู้ชายก็ปรากฏตัวออกมาช่วยพาทั้งสองคนออกจากกองไฟไปได้ ชาวบ้านดีใจ
ชาวบ้านทุกคนถูกช่วยออกมารวมตัวกันหมดแล้ว ลูกผู้ชายยืนท่ามกลางทุกคน
“ต้องขอบคุณลูกผู้ชายจริงๆ ถ้าไม่มีลูกผู้ชาย พวกเราคงตายอยู่ในนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นหน้าที่ของชั้น” ลูกผู้ชายมองไปทางจันทร์กับชาญที่ยังต่อสู้กับแก๊งวินมอเตอร์ไซค์ “พวกเราอยู่กันตรงนี้นะ เดี๋ยวชั้นไปช่วยทางโน้นก่อน”
“แล้วไฟที่ไหม้นี่ล่ะลูกผู้ชาย”
ลูกผู้ชายโบกไม้ตะพดวิญญาณวูบนึง ไฟค่อยๆ ดับลงไปอย่างปาฏิหาริย์ ลูกผู้ชายปลีกตัวจากชาวบ้านไปช่วยจันทร์ ชาญ ชาวบ้านมองอย่างภูมิใจ
จันทร์กับชาญ กำลังต่อสู้กับพวกสักและแก๊งค์วินมอเตอร์ไซค์อย่างดุเดือด จันทร์พลาดพลั้งเกือบจะโดนแก๊งวินมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งเอามีดแทง แต่ลูกผู้ชายก็ออกมาช่วยไว้ได้ ชาญเห็นลูกผู้ชายก็ดีใจ
“ลูกผู้ชาย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
สักกวัดแกว่งอาวุธคู่ใจที่เป็นเฟืองจักรยาน เหวี่ยงเกือบโดนลูกผู้ชาย แต่ลูกผู้ชายหลบทัน เฟืองจึงไปปักเอากับไม้ สักดึงออกมาไม่ได้จึงรีบวิ่งหนีไป ลูกผู้ชายจึงถือโอกาสรวบสักไว้ได้ ส่วนแก๊งวินมอเตอร์ไซค์คนอื่นที่ต่อสู้จนแย่แล้ว พอเห็นสักหนี จึงพากันหนีด้วย
“หนักข้อขึ้นทุกวันนะพวกแกเนี่ย”
ลูกผู้ชายต่อว่า ชาญกับจันทร์ เข้ามาสมทบ
“ขอบคุณมากครับลูกผู้ชาย เป็นเกียรติมากที่เราได้มาต่อสู้ร่วมกันอีก แล้วนี่ไอ้ไม้ไปไหนล่ะ”
“นั่นสิ เข้าไปดูไม้กันก่อนเถอะ”
จันทร์กับชาญปลีกตัวจากลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายรีบหายไปเช่นกัน
จันทร์กับชาญ เดินมาหาไม้แต่ก็ไม่เห็น
“ให้มาช่วยชาวบ้าน แล้วหายหัวไปไหนนะเนี่ยไอ้ไม้”
“เป็นคนชวนมาด้วยนะนั่น”
ไม้เดินออกมาจากด้านใน
“นั่นไง มาละ”
“เฮ้ย หายไปไหนมาวะ”
“ก็ดับไฟมาน่ะสิ”
จันทร์กับชาญ มองไปรอบๆ เห็นไฟที่ไหม้ ดับหมดแล้ว
“เออ จริงสินะ ไฟดับหมดแล้วนี่”
“มีใครเป็นอะไรรึเปล่า”
“ปลอดภัยทุกคน”
“ต้องขอบคุณลูกผู้ชายที่มาช่วย ไม่งั้นชั้นก็เกือบไม่รอดเหมือนกัน”
“อ้าวเหรอ ลูกผู้ชายมาด้วยเหรอ เสียดาย ไม่ได้เจอเลย”
ไม้พูดยิ้มๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ความลับที่เขาซ่อนไว้
ทางด้านราตรี ขณะนั้นเธอนั่งอยู่ที่ร้านอาหารคนเดียว บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็ม ท่าทางของราตรีดูกระวนกระวายใจ
“โอ๊ย ถือว่าเป็นลูกรัฐมนตรีแล้วจะมาสายได้ไม่มีใครว่ารึไง โธ่เว้ย...” ราตรีหยิบโทรศัพท์โทรออก
ฮัลโหล นี่ชั้นรออยู่ที่ร้านอาหารนะ ไม่เห็นคุณมาถึงซักที...ลืม ทำไมพูดแบบนั้น...ก็รีบแต่งตัวออกมาสิคะ ชั้นรออยู่ ...ไม่มา...ก็ได้ ไม่มาก็ไม่มา งั้นชั้นจะไปหา ... หมายความว่าไง มีนัดกับคนอื่น...ผู้หญิงหรือผู้ชาย...ทำไมชั้นจะไม่มีสิทธิ์ถาม ฮัลโหล ฮัลโหล” ราตรีดูหน้าจอโทรศัพท์ แล้วโทรออกอีกแต่ไม่ติดแล้ว “อะไรวะเนี่ย”
“รับอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ” เด็กเสิร์ฟเข้ามาถาม
“รับอะไรล่ะ เช็คบิล”
เด็กเสิร์ฟงงที่โดนดุ รีบเดินออกไป ราตรีหงุดหงิดมาก
“โธ่เอ้ย นึกว่าเป็นลูกรัฐมนตรีแล้วชั้นจะง้อรึไง ไม่เอาหรอกเว้ย หน้าตาก็แย่ แค่มีเงินเท่านั้นแหละวะ ทุเรศ” ราตรีมองไปนอกร้านเห็นจันทร์ ชาญ ไม้ ยืนอยู่ด้วยกัน “ไอ้พวกนี้อีกแล้ว โอ๊ย ทำไมชีวิตชั้นถึงเจอแต่พวกผู้ชายห่วยๆ นะ”
จันทร์ ไม้ ชาญ เดินมาด้วยกัน จันทร์กับชาญขอแยกตัวไปก่อน
“เดี๋ยวข้าต้องกลับไปที่อู่ก่อนว่ะ เดี๋ยวพี่เมฆตามหาไม่เจอจะโดนดุ”
“เหมือนกันว่ะ เจ๊กีหาไม่เห็นนี่บ่นไม่หยุดแน่”
“อ้าว นึกว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน”
“ก็อยาก แต่ไม่อยากเสี่ยงว่ะ”
“ขอกลับไปกินที่อู่ก็แล้วกันนะ”
“เอ็งก็ชวนอบเชยมากินด้วยกันสิ สองคนหนุงหนิงดีออก”
“บ้า...ป่านนี้อบเชยมันช่วยงานอาศรที่โรงน้ำแข็งอยู่ละมั้ง”
“แน่ะๆๆ ไม่ใช่ไม่อยากนะน่ะ”
ไม้ยิ้มเขิน จันทร์กับชาญเดินไป ไม้มองส่งก่อนจะหันมามองทางก็เกือบชนกับแพรวาที่เดินมาพอดี
“คุณแพรวา...”
ไม้นึกถึง คำพูดไกรที่บอกว่าอย่ายุ่งกับแพรวาอีก ไม้ทำตัวไม่ถูกทันที
“ไม้ มาทำอะไรแถวนี้”
“กำลังจะกลับแล้วครับ”
“เดี๋ยวสิ เห็นหน้าชั้นก็จะกลับเลยเหรอ”
“เอ่อ คือ”
“ชั้นล้อเล่น”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ไม้จะเดินหนี แพรวาคว้าข้อมือไม้ไว้ “เดี๋ยวสิไม้ ไม้เป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นครับ แต่ผมมีธุระ”
“ไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าชั้นใช่มั้ย”
ขณะนั้นราตรีอยู่หน้าร้านอาหาร ราตรีแอบดูไม้กับแพรวาที่จับมือถือแขนท่าทางสนิทสนม ราตรีหยิบมือถือขึ้นถ่าย
“เทคโนยีนี่ช่วยเราได้ตลอดเลย... ยายแพรวานี่ตาต่ำไม่สิ้นสุดจริงๆ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ไม้บอกแล้วปลีกตัวออกไป ทิ้งให้แพรวายืนงง ราตรีเดินเข้ามาหาแพรวา
“คราวนี้ชอบแบบยาจกรึไง”
“ไม้เป็นเพื่อนชั้น”
“เพื่อนประสาอะไรต้องจับมือถือแขนกันด้วย”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของชั้น”
“นี่เธอจะอ่อยตั้งแต่ขอทานยังมหาเศรษฐีเลยรึไง”
“อย่ามายัดเยียดความคิดแย่ๆ แบบนี้มาให้ชั้นนะราตรี เธอก็ลงเอยกับลูกชายรัฐมนตรี ก็น่าจะดีแล้วนี่” ราตรีอึกอัก
“นายนั่นน่ะเหรอ ชั้นไม่สนใจขนาดนั้นหรอก ชั้นสนใจเรื่องอื่นมากกว่า”
“อะไรอีกล่ะ”
“ดูๆ ไปแล้ว เธอก็มีนายไม้นี่อยู่อีกคน ถ้างั้นกับคุณไกร...”
“อย่ามายุ่งกับคุณไกรนะ”
“แหม สวนขึ้นมาทันทีเลยนะ”
“เธอบอกชั้นแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับคุณไกรอีก”
“ชั้นเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ถ้าเธอยุ่งกับคุณไกร ชั้นจะบอกความจริงทั้งหมด ว่าเธอคือฝาแฝดของชั้น”
“ฉลาดหน่อยสิแพรวา คุณไกรนั่น...อาจจะหันมารับผิดชอบที่ล่วงเกินชั้น แทนที่จะคบกับเธอก็ได้ เอ๊ะๆๆ หรือชั้นจะยุ่งกับนายไม้นี่ดี เพราะถ้าคุณไกรรู้ คิดว่าชั้นเป็นเธอ...ก็คง...”

แพรวาหน้าเสีย ราตรียิ้มเยาะ
ที่โรงพยาบาล ทิวายังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีเมฆนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ

“ความจริง ความจริง มันคืออะไรกันแน่”
เมฆมองทิวาอย่างห่วงใย ห่มผ้าห่มให้
พยาบาลกำลังตรวจเช็คแฟ้มประวัติ เมฆเดินเข้าไปหาพยาบาล
“เอ่อ คุณพยาบาลครับ ผมมีเรื่องอยากถามหน่อย”
“ได้สิคะ”
“คือผมสงสัยเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดของคนน่ะครับ”
“ค่ะ”
“คือถ้าพ่อกับแม่เป็นเลือดกรุ๊ปโอทั้งคู่ มีโอกาสที่จะมีลูกเป็นเลือดกรุ๊ปอื่นมั้ยครับ”
“ไม่มีหรอกค่ะ”
“ถ้างั้น ถ้าพ่อแม่มีเลือดกรุ๊ปเอบี ลูกจะเป็นกรุ๊ปโอได้มั้ยครับ”
“ถ้าพ่อแม่เลือดกรุ๊ปเอบีทั้งคู่ มีโอกาสมีลูกเป็นได้ทุกกรุ๊ปเลยค่ะ แต่ยกเว้นแค่กรุ๊ปโอกรุ๊ปเดียวที่จะเป็นไม่ได้” เมฆคิดตามคำพูดของพยาบาล “อยากทราบอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยคะ”
“แล้วกรุ๊ปเลือดนี่มันจะบอกได้รึเปล่าครับ ว่าใครเป็นลูกของใคร”
“มันไม่บอกขนาดนั้นหรอกค่ะคุณ นอกซะจากว่าคุณจะมีคนที่สงสัยว่าจะเป็นพ่อ แล้วก็มาตรวจ ดีเอ็นเอกัน ถึงจะบอกได้ว่าใช่พ่อลูกกันรึเปล่า”
“แล้วถ้าอยากตรวจจะต้องทำยังไงครับ”
“ก็พาคนที่คุณสงสัยว่าเป็นพ่อลูกกันรึเปล่ามาตรวจทั้งคู่เลยค่ะ”
“ถ้ามาไม่ได้ทั้งคู่ละครับ”
“ก็ต้องมีดีเอ็นเอของคนที่มาไม่ได้มา ดีเอ็นเอที่พูดถึงก็อย่างเช่นเส้นผมน่ะค่ะ”
เมฆสีหน้าจริงจัง
เมฆกลับเข้ามาในห้องทิวา ภายในห้องไม่มีใครนอกจากทิวาที่ยังหลับอยู่ เมฆหันซ้ายหันขวามองว่าไม่มีใครเขาจึงแอบดึงเส้นผมของทิวามาเส้นหนึ่งแล้วออกไป
เมฆมาที่ห้องตรวจ พยาบาลเอาสำลีเช็ดภายในผนังปากของเมฆ แล้วเก็บใส่หลอดทดลอง
“แค่นี้น่ะเหรอ”
“ก็ต้องของคุณอีกคนละคะ”
เมฆหยิบเส้นผมที่แอบดึงมาให้พยาบาล พยาบาลดูเส้นผมแล้วเก็บใส่หลอดทดลอง
“ค่ะ ทีนี้คุณก็รอผลตรวจอย่างเดียว”
“นานมั้ยครับ”
“เราต้องส่งไปทางกรุงเทพ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็คง 4-5 วันค่ะ”
“ครับ”
เมฆไม่ค่อยสบายใจนัก มีความกังวลในใจ
ค่ำวันเดียวกันนั้นไกรจอดรถแอบอยู่ห่างๆ บ้านพันเทพ แพรวาแอบออกจากบ้านมา ไกรยืนรออยู่ เขาลูบหัวแพรวาอย่างเอ็นดูแล้วพากันขึ้นรถขับออกไป โดยไม่รู้ว่าราตรีแอบมองดูอยู่
“มีความสุขมากใช่มั้ยแพรวา ถ้าชั้นไม่มีความสุข เธอก็ต้องไม่มีความสุขเหมือนกัน”
พันเทพไม่รู้ว่าแพรวาแอบหนีออกจากบ้าน เพราะขณะนั้นกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงาน จนกระทั่งเวตาลเข้ามาก่อกวน
“เจ้าทำร้ายลูกของเจ้าได้...เพราะไม้ตะพดแค่อันเดียว”
“ก็มันคิดไม่ซื่อ คิดจะแย่งไม้ตะพดไปจากชั้น แค่คิดว่าชั้นจะให้มันไปง่ายๆ รึไง อุตส่าห์เลี้ยงมันมา”
“ลูกของเจ้า เจ้าก็ต้องเลี้ยง เป็นธรรมดา”
“มันไม่ใช่ลูกชั้น”
“ในที่สุดเจ้าก็พูดมันออกมาสินะ”
“ชั้นเก็บเป็นความลับมายี่สิบปี ต่อไปนี้ชั้นจะไม่ทนอีกแล้ว”
“แล้วลูกแท้ๆ ของเจ้า”
“ชั้นอุตส่าห์สลับตัวมัน เพื่อให้ไปสืบทอดไม้ตะพดวิญญาณ แล้วนำไม้ตะพดนั่นกลับมาให้ชั้น แต่ตอนนี้กลับแข็งข้อ ทำตัวเป็นศัตรูกับชั้นไม่ลดละ”
“อะไร อะไร มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดสินะ แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อไป”
พันเทพครุ่นคิด
อีกด้านหนึ่งที่บ้านเมฆ เมฆ ไม้ อบเชยนั่งกินข้าวด้วยกันแต่เมฆดูซึมๆ จนไม้สังเกตเห็น
“เป็นอะไรพ่อ”
“พอดีว่าพ่อไม่ค่อยหิวน่ะ ขอตัวก่อนนะลูก”
เมฆเดินลุกออกไปจากโต๊ะ ไม้มองตามอย่างเป็นห่วง
“ชั้นมาทำให้ทุกคนไม่สบายใจกันรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ใช่หรอก ช่วงนี้พ่อเค้ามักจะทำตัวแปลกๆ”
“ทำตัวแปลกๆ อย่างเช่นอะไรเหรอ”
“อย่างเช่นไปบริจาคเลือดให้ทิวา ใส่ใจเรื่องทิวาเป็นพิเศษ ชั้นละไม่เข้าใจพ่อจริงๆ”
“พ่อไม้อาจกำลังสืบเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับพันเทพอยู่ก็ได้”
“เกี่ยวกับพันเทพน่ะเหรอ”
“ใช่ ความจริงบางอย่าง”
“ชั้นละกลัวความจริงนี่จริงๆ เลย” ไม้มีสีหน้ากลุ้มใจ “แล้วเธอล่ะ ไม่สบายใจ ดีขึ้นรึยัง”
“ถ้าไม้ยังอยู่ข้างๆ ชั้น ก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องไม่สบายใจนี่”
“ชั้นจะหนีไปไหนได้”
“ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ดีสิ”
อบเชยยิ้มให้ไม้เศร้าๆ ไม่สบายใจนัก
วันต่อมาราตรีมาหาสักที่วินมอเตอร์ไซค์
“แกรับจ้างทำอะไรก็ได้ใช่มั้ย”
“ส่วนใหญ่ก็รับเหมาก่อเรื่อง เธอจะมาจ้างให้ทำอะไรล่ะ”
“จับตัวผู้หญิงในรูปนี้” ราตรียื่นรูปแพรวาให้สัก สักหยิบรูปมาดู
“นี่มันตัวเธอนี่”
“ฝาแฝดของชั้น”
“จับตัวแล้วให้เอาไปทำอะไร” ราตรีกระซิบบอก “แค่นั้นน่ะเหรอ”
“แค่นั้น ไม่ต้องทำมากกว่านั้นล่ะ เข้าใจมั้ย”
“รู้แล้ว”
หน้าตาราตรีเจ้าเล่ห์ มีแผนการบางอย่าง
ส่วนอบเชยขณะนั้นกำลังคุมคนส่งน้ำแข็งอยู่หน้าตลาด ไกรเดินเข้ามาหา
“งานยุ่งเหรอ”
“ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกค่ะคุณไกร พอดีว่าช่วงนี้เฮียรับคนงานเพิ่มเข้ามา ก็เลยสบายหน่อย”
“พอมีเวลาคุยกับชั้นซักหน่อยมั้ย”
“ได้สิคะ”
ไกรพาอบเชยไปนั่งคุยที่ร้านกาแฟเล็กๆ ในตลาด
“ชั้นว่าจะหาซื้อของขวัญซักหน่อย อยากให้เธอช่วยเลือกของให้จะได้มั้ย”
“ได้ค่ะ คุณไกรจะซื้อให้ผู้หญิงหรือผู้ชายละคะ”
“ผู้หญิง”
“ชั้นไม่แน่ใจนะคะว่าจะช่วยคุณได้”
“ผู้หญิงก็น่าจะมีความชอบอะไรที่คล้ายกัน มากกว่าผู้ชายอย่างผมแน่ๆ”
ไกรพาอบเชยไปหาซื้อของขวัญ ระหว่างนั้นแพรวาขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของวัด ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว สักรออยู่พอเห็นรถแพรวาเข้ามาจอด สักก้มมองดูรูปซึ่งบอกทะเบียนรถ สักยิ้ม แพรวาลงจากรถ
สักเดินลุยออกไปดักหน้าแพรวา แพรวาสะดุ้ง
“เอ่อ คุณครับ”
“มีอะไรคะ”
“ผมอยากรบกวนให้คุณ ช่วนจั๊มแบตกับรถผมที พอดีรถผมแบตหมดน่ะครับ”
“ได้ค่ะ”
“ตามผมมาทางนี้เลยครับ”
สักเดินนำ แพรวาเดินตามไป
แพรวาเดินมาที่รถกับสัก พอมาถึงร แพรวาจะหันไปถามบางอย่างกับสัก สักก็วิ่งเข้ามาโปะยาสลบแพรวาพอแพรวาสลบสักก็อุ้มแพรวาขึ้นรถ
ขณะนั้นราตรียืนอยู่หน้าท่ารถบขส. พอเห็นไม้เดินเข้าไป ราตรีจึงเรียกเด็กขายพวงมาลัยแถวนั้น
“นี่...เอากระดาษนี่ไปให้ผู้ชายคนนั้นนะ”
ราตรีแนบแบงค์ร้อยไปให้เด็กขายพวงมาลัยเป็นค่าจ้าง
ไม้เดินเข้ามาที่บขส. ยังไม่ทันจะทำอะไร เด็กขายพวงมาลัยก็เอาโน้ตเล็กๆ มาให้ ไม้เปิดอ่าน ข้อความเขียนว่า “มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ มาเจอชั้นที่โรงแรมหน่อย จาก แพรวา”
ไม้ถอนหายใจ ลำบากใจ แล้วรีบเดินออกจากบขส.ไปทันที เมฆเห็นไม้เดินออกไปจากท่ารถจึงรีบออกไปเหมือนกันซึ่งเมฆมาที่โรงพยาบาล
ไกรกำลังเดินอยู่กับอบเชย เสียงข้อความในมือถือของไกรดังขึ้น ไกรหยิบมันมาเปิดดู เป็นข้อความว่า “อยากตาสว่างมั้ย มาดูอะไรที่โรงแรมสิ” ไกรเปิดอ่านก็ตกใจ
“อบเชย ผมมีเรื่องต้องไปทำเดี๋ยวนี้ ต้องขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เอาเป็นว่าคุณติดรถไปกับผมก่อน เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน ตกลงมั้ย”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”
“อย่าให้ผมรู้สึกผิดเลย รีบไปเถอะครับ”

อบเชยจะปฏิเสธ แต่ก็ทำได้แค่อึกอักไปมา ในที่สุดทั้งคู่ก็พากันขึ้นรถไกร ราตรีที่แอบมองอยู่ ยิ้มสะใจ





Create Date : 24 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 2:09:44 น.
Counter : 882 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]