All Blog
ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอนที่ 4 (ต่อ)




ทิพย์อยู่กับพันเทพโดยไม่ได้รัก ดังนั้นเมื่อคลอดลูกแล้วเธอจึงตัดสินใจใช้ปืนปลิดชีพตัวเอง เวลานั้นพันเทพนั่งทำงานอยู่ในห้อง ตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงปืนรีบวิ่งไปดู จึงวิ่งเข้ามาในห้องนอนแล้วต้องตกใจจนถึงกับช็อคเมื่อเห็นทิพย์นอนจมกองเลือด

“ทิพย์ ทิพย์ ทำแบบนี้ทำไม ทิพย์”
พันเทพแทบจะขาดใจ
ภาพเหตุการณ์ในอดีตทำให้พันเทพทิ้งตัวลงนั่งแล้วร้องไห้ออกมา
ส่วนเมฆกับศรนารายณ์ยังนั่งคุยกันถึงเรื่องทิพย์
“พี่เมฆทำเหมือนไม่เคยมีทิพย์อยู่ในชีวิตได้ไง”
“ชีวิตมันต้องก้าวต่อไป ก็แค่นั้น”
เมฆลุกเดินจากไป ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น
เมฆเดินกลับมาบ้าน แต่ยังไม่ทันจะเริ่มทำอะไรเสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกเขาก็ดังขึ้น ชาญวิ่งหน้าตาตื่นมา
“พี่เมฆ พี่เมฆ”
“อะไรของแก โวยวายเสียงดังเชียว”
“เค้าลือกันทั่วตลาดเลยว่าไอ้ไม้ลูกพี่ ไปมีเรื่องกับไอ้พันเทพอาการหนักเลย ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
“อะไรนะ”
เมฆกะเพลกรีบวิ่งไปอย่างสุดชีวิต ชาญมองตาม
“พี่เมฆ รอด้วย”
ชาญวิ่งตามเมฆไป
เมฆรีบมาที่โรงพยาบาลแล้ววิ่งมาที่ห้องฉุกเฉินซึ่งขณะนั้นอบเชยกับไกรนั่งรออยู่
“ไม้ ไม้”
อบเชยรีบเดินมาหาเมฆ
“ไม้อยู่ด้านในค่ะ ยังไม่รู้ยังไง”
เมฆเครียด จันทร์วิ่งมาอีกทางเข้ามาสมทบอีกคน
“ไม้ล่ะ ไม้เป็นไงบ้าง เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“เค้าถามเค้าตอบกันไปเมื่อกี้แล้ว เอ็งนี่ยังไง” ชาญบอก
“ก็ชั้นไม่ได้อยู่ด้วยนี่”
“วันหลังก็มาให้มันเร็วๆ เห็นมั้ยเนี่ย ถามสองรอบพี่เมฆก็เครียดสองรอบเลย” เมฆเดินแยกตัวออกไป “นั่นเห็นมั้ย ทนฟังไม่ได้เลย”
“เค้าไม่อยากเห็นหน้าพี่มากกว่ามั้ง”
อบเชยเดินไปหาเมฆที่เดินไปอีกมุม
“ไม่ต้องห่วงนะคะลุงเมฆ ไม้ต้องไม่เป็นอะไร หนูคนนึงล่ะจะไม่ยอมให้ไม้เป็นอะไรเด็ดขาด หนูสัญญา”
พันเทพตามมาที่โรงพยาบาล เขาแอบดูเมฆที่กำลังเครียดแล้วมองไปที่ห้องฉุกเฉินเพราะห่วงไม้เช่นกัน หมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินมาคุยรายละเอียดกับเมฆและอบเชย พันเทพชะเง้อหน้าอยากรู้
ทั้งหมดเดินเข้าไปดูอาการไม้ที่สลบยังไม่ได้สติ หมอเดินเข้ามาอธิบายอาการต่อ
“อาการภายนอกก็ฟกช้ำไปตามประสาคนโดนทำร้ายนะครับ ส่วนอาการภายในที่น่าห่วงก็จะมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร”
“แล้วนี่ต้องถึงกับผ่าตัดอะไรมั้ยครับเนี่ย”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เรากินยาดูอาการก่อนยังไงคงต้องให้เค้านอนโรงพยาบาลซักระยะนึงนะครับ”
“ครับ แล้วเรื่องค่ารักษา”
“เดี๋ยวลองไปคุยรายละเอียดกับฝ่ายการเงินดูนะครับ”
“เรื่องค่ารักษาไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับลุงเมฆ เดี๋ยวผมจัดการให้” ไกรบอก
“ไม่ต้องๆ มันเป็นหน้าที่ของพ่ออยู่แล้ว” เมฆบอก หมอเดินออกไปอบเชยเข้าไปจับมือไม้อย่างเป็นห่วงเป็นใย ไกรมองอบเชยอย่างเศร้าๆ
“ไม่ต้องห่วงไอ้ไม้มันมากหรอก ไอ้นี่อึดจะตาย โดนกระทืบมาทั้งชีวิตแล้ว แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก” ชาญบอก เมฆมองชาญเคืองๆ
“เฮ้ย...พูดอะไรเกรงใจคนอื่นเค้าบ้าง” จันทร์ต่อว่าชาญ
“อ้าว พูดอะไรผิดวะ”
“นี่ถ้าคุณไกรสอนท่ากรงเล็บพยัคฆ์ให้ไอ้ไม้ มันคงไม่เจ็บหนักขนาดนี้” จันทร์ต่อว่าไกร
“นี่วกมาที่ผมได้ไงเนี่ย”
เมฆสนใจประเด็นนี้
“จริงเหรอ”
“จริงสิ คุณไกรทำท่ากรงเล็บพยัคฆ์ของลูกผู้ชายได้เคยเห็นกะสองตา”
“ก็เข้าใจว่าหวงวิชา แต่ก็เห็นอยู่ว่าไอ้ไม้น่ะมันเอาไว้ใช้ป้องกันตัว ไม่ได้เอาไปทำร้ายใครจะได้ไม่ดีแต่แพ้แล้วสภาพนี้ทุกที”
“สอนข้าด้วยสิ”
“เอ่อ...”
“พอเถอะ...ไม่ต้องไปคาดคั้นคุณไกรเค้าหรอก ที่ไม้มันเจ็บตัวเพราะตัวมันเองมากกว่า”
เมฆบอกแล้วมองไม้ที่หมดสติอย่างเวทนา ไม่มีใครกล้าเถียงเมฆซักคน
เวลาผ่านไป...จันทร์กับชาญเดินคุยกันออกมา
“พี่เมฆนี่ห่วงไม้น่าดูเลยนะ”
“พ่อลูกก็ห่วงกันเป็นธรรมดา”
“ตอนที่ข้าไปบอกข่าวพี่เมฆ โอ้โห...วิ่งเป็นม้า”
“คงเหมือนพวกยกโอ่ง ยกตู้เย็นได้เวลาไฟไหม้ละมั้ง”
“ข้าล่ะอยากมีพ่อมีแม่บ้าง”
“จะดึงไปเศร้าทำไมเนี่ย เฮ้ย...นั่นไอ้พันเทพรึเปล่า”
จันทร์หันไปเห็นพันเทพไวๆ
“ไหน”
พันเทพเดินหลังไวๆ มีชาญกับจันทร์ตามไปแต่สุดท้ายก็คลาดกัน
“มันจะมาทำไมของมัน”
“นัดหมอสิวไว้รึเปล่า”
“จะบ้าเหรอ...หรือมาเยี่ยมไม้”
“อันนั้นบ้ากว่าอีกข้าว่า มันจะมาเยี่ยมไอ้ไม้ทำไม มันเป็นคนทำ”
จันทร์ยังไม่คลายความสงสัย
“ชั้นว่าไปดูไม้หน่อยดีกว่า”
ไม้ย้ายออกจากห้องฉุกเฉินมาอยู่ห้องคนไข้รวม พันเทพใส่หมวกใส่แว่นพรางหน้าเดินเข้าไปยืนมองไม้ที่เตียง
“ขอโทษนะ ทุกอย่างมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้”
จันทร์ ชาญ เดินมาที่หน้าห้องคนไข้อบเชยเดินมาสมทบ
“ยังไม่กลับกันอีกเหรอ”
“พอดีเราเหมือนเห็นพันเทพแว้บๆ ก็เลยเป็นห่วงไม้ขึ้นมา”
ภายในห้องพันเทพได้ยินเสียงทั้งหมดคุยกันรีบมองหาที่หลบ
“จริงเหรอ แค่นี้ไม้ยังเจ็บไม่สาแก่ใจมันใช่มั้ย”
พันเทพมองในห้องคนไข้รวมตามมุมโน้นมุมนี้
“งั้นก็เข้าไปดูไม้ก่อนหมดเวลาเยี่ยมดีกว่า”
ทั้งสามคนเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ทั้งหมดเดินเข้ามาในห้องแต่ไม่เจอพันเทพแต่อย่างใด
“แต่ก็ดูปกติดีนะ ไม่น่ามีอะไร” อบเชยบอก
“ห้องคนไข้รวมคนเยอะแยะ ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก” ชาญบอก
“เธอสองคนกลับไปเถอะ เดี๋ยวชั้นนอนเฝ้าไม้เอง”
“กลับบ้านเถอะอบเชย ลำบากเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ได้ลำบากอะไรอีกอย่างชั้นกับลุงเมฆตกลงกันแล้วจะผลัดกันเฝ้า”
อบเชยยิ้มอย่างจริงใจ จันทร์กับชาญมองไม้อย่างเวทนา พยาบาลเดินเข้ามา
“ญาติคะ หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ”
ทั้งสามคนพากันเดินเดินออกไป บนที่นอนเตียงหนึ่งพันเทพลุกขึ้นนั่งถอนหายใจโล่งอก
คืนนั้นบนที่นอนเฝ้าไข้แคบๆ อบเชยนอนขดตัวอยู่อย่างทุลักทุเลนัก ยุงกัด มดกัด ดูลำบาก...ส่วนเมฆเมื่อกลับมาบ้าน เมฆเดินไปหยิบกล่องไม้เก่าๆ แล้วนับเงินที่อยู่ในกล่องซึ่งมีอยู่ไม่มาก สีหน้าเมฆไม่สบายใจนัก
เช้าวันรุ่งขึ้นอบเชยนอนหลับอยู่บนม้านั่งดูทุลักทุเล ไกรมายืนดูอบเชยหลับอบเชยละเมออกมา
“ไม้ ไม้ อย่าเป็นอะไรนะ”
ไกรมองดูอบเชยยิ้มๆ แล้วเวทนาตัวเอง เขาเอาเสื้อคลุมของตัวเองห่มให้อบเชยแล้วมองอบเชยอย่างเวทนา
ส่วนที่บ้านพันเทพขณะนั้นทิวานั่งหน้าเครียดอยู่ในห้อง สภาพทิวาเหมือนว่าไม่ได้หลับได้นอน ราตรีเปิดประตูเข้ามา
“พี่ทิวา วันนี้พ่อจะไปหาเสียง ไปมั้ย”
“พ่อให้มาชวนเหรอ” ทิวาถามอย่างดีใจ
“ก็...ราตรีเห็นว่าพี่อยู่ว่างๆ”
“งั้นก็แปลว่าพ่อไม่ได้ให้มาชวน”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า พ่อลงสมัคร สจ. กำลังต้องการกำลังใจนะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลยแค่ไปทำหน้าที่ลูก”
“พี่จะไปหรือไม่ไป พ่อไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก”
“โธ่เอ๊ย ขี้น้อยใจเป็นผู้หญิง ที่พ่อว่าพี่ทิวาเมื่อวานคงเพราะไม่อยากให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในบ้านตอนที่แกสมัคร สจ.ละมั้ง”
“เธอรู้เรื่องไม้ตะพดบ้างมั้ย”
“คืออะไร”
“มันคือไม้วิเศษ”
“ไร้สาระ”
“แต่พ่ออยากได้มัน ถ้าพี่หามันมาให้พ่อได้พ่อคงดีใจ แล้วรักพี่มากกว่านี้”
“ตามใจ ถ้าคิดว่าการตามหาสิ่งที่ไม่รู้มีตัวตนรึเปล่า ดีกว่าการช่วยพ่อหาเสียง”
ราตรีเดินออกไป ทิ้งทิวาอยู่คนเดียว
ที่โรงพยาบาลอบเชยเช็ดตัวให้ไม้อย่างอ่อนโยน ไม้ละเมอออกมา
“แพรวา คุณ...”
อบเชยกล้ำกลืนเช็ดตัวให้ไม้ แล้วเดินออกไป
อบเชยเดินเข้ามาในห้องน้ำมองหน้าตัวเองในกระจก พยายามทำท่าทางเรียบร้อย นิ่งๆ เหมือนแพรวา ทำหน้าทำตาเลียนแบบอยู่หน้ากระจกแล้วเธอก็ท้อใจ
“ทำไมชั้นไม่เกิดมาพร้อมแบบนั้นบ้าง”
อบเชยบ่นกับตัวเองอย่างเหงาๆ ไกรยืนแอบดูเธออยู่ ไกรยิ้มปลอบใจตัวเองเช่นกัน อบเชยซักผ้าเช็ดตัวเสร็จเดินออกจากห้องน้ำเห็นไกรพอดี
“มาเยี่ยมไม้แต่เช้าเลยนะ”
อบเชยเดินคุยมากับไกร
“ใครว่าผมมาเยี่ยมไม้ ผมมาเยี่ยมคุณต่างหาก”
“ชั้นไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
“ดูสภาพตัวเองหน่อยเถอะ นี่ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้ไปไหนเลยใช่มั้ย”
“นี่ชั้นดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”
“ก่อนจะห่วงคนอื่น น่าจะเริ่มห่วงตัวเองซะก่อน”
“ห่วงตัวเองไป ชั้นก็สวยไปไม่ได้มากกว่านี้แล้วล่ะ”
“ใครบอกล่ะ เธอน่ะเวลาร่าเริงสดใสออกจะสวย”
“จริงเหรอ” อบเชยเขิน
“ผมคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อโกหกคุณ”
“ชั้นดีใจจริงๆ ขอบคุณนะ แต่ชั้นคงจะดีใจยิ่งกว่าถ้าหากคุณยอมสอนท่ากรงเล็บพยัคฆ์ให้กับไม้”
“คือ...”
“ไม้คงดีใจมากถ้าคุณสอน และไม้อาจจะไม่ต้องโดนรังแกแบบนี้อีก” ไกรลำบากใจ “ถือว่าชั้นขอร้องละนะ จะให้ชั้นคุกเข่าอ้อนวอนก็ได้”
“มีอะไรในโลกนี้บ้างที่เธอไม่ยอมทำเพื่อไม้”
ไกรลำบากใจและเสียใจกับคำขอร้องของอบเชย
ไกรกับอบเชยเดินกลับมาหาที่ห้องผู้ป่วย เห็นแพรวาถือดอกไม้ยืนอยู่ด้านหน้าอบเชยปรี่เข้าไปโวยวายทันที
“เธอมาทำไม”
“มาเยี่ยมไม้”
“พวกเธอทำให้ไม้เป็นแบบนี้แท้ๆ ยังมีหน้ามาเยี่ยมอีกเหรอ”
“ชั้นเสียใจ”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ มารยาต่อหน้าชั้นหรอก”
แพรวามองไกรที่มากับอบเชย
“ชั้นไม่เกี่ยวด้วยจริงๆ นะ พ่อเองก็เสียใจ”
“พ่อเธอก็น่าจะเสียใจอยู่หรอก เพราะนี่มันช่วงหาเสียงนี่นะคงกลัวแทบแย่ว่าจะเสียคะแนนนิยม”
“พอเถอะอบเชย... ผมว่าคุณเองก็กลับไปก่อนดีกว่า” ไกรบอกแพรวา
“ถ้างั้น ชั้นฝากดอกไม้ไว้ให้ไม้ด้วยละกัน” แพรวาจะยื่นดอกไม้ให้ไกร จังหวะนั้นไม้เปิดประตูออกมาพอดี
“มีเรื่องอะไรกันน่ะ” ไม้ถามด้วยหน้าตาที่ยังมึนๆ
“ไม้ ฟื้นแล้วเหรอ” อบเชยถามอย่างดีใจ แต่ไม้ไม่ได้สนใจเพราะเห็นแพรวา
“อ้าวคุณ...มานานรึยัง”
อบเชยมองไม้อย่างน้อยใจ
ไม้กลับมานอนบนเตียงโดยมีแพรวายืนอยู่ข้างๆ
“ชั้นต้องขอโทษแทนพี่ทิวาด้วยนะไม้ พี่ทิวาเป็นคนใจร้อน ไม่คิดหน้าคิดหลัง”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง นอนโรงพยาบาลแบบนี้ ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกนี่อึดหรือโง่กันแน่” อบเชยต่อว่า
แพรวา
“นี่อบเชย มีมารยาทหน่อย”
“นี่ชั้นไม่มีมารยาทตรงไหน ชั้นนี่เป็นคนนอนเฝ้าไข้เธอทั้งคืนส่วนบ้านนางนี่เป็นคนทำร้ายเธอ มันแค่ถือดอกไม้มาเยี่ยมแค่นี้ ชั้นกลายเป็นคนไม่มีมารยาทไปเลยเหรอ ดีจะได้จำไว้”
อบเชยไม่พอใจเดินออกไป
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนเถอะแพรวา เดี๋ยวมันจะยิ่งไปกันใหญ่” ไกรบอก
“ค่ะ...ชั้นขอโทษจริงๆ นะที่เกิดเรื่องแบบนี้”
แพรวาเดินออกไป ไกรและไม้มองตาม
ทางด้านพันเทพกับราตรีขณะนั้นกำลังเดินหาเสียงแจกใบปลิวกับชาวบ้านกันอยู่
“สจ.ปีนี้ เลือกพันเทพ กาเบอร์สี่นะ”
“กาเบอร์สี่ พันเทพ นะคะ”
ชาวบ้านต่างรุมล้อมพันเทพกับราตรี พันเทพถือร่มคู่กายไว้กับตัวด้วย
อบเชยเดินมาหยุดที่ลานวัดเห็นป้ายหาเสียงของพันเทพป้ายเบ้อเริ่ม เธอเดินเข้าไปทั้งเตะ ทั้งทำหลายอย่างกับป้ายหาเสียงจนเป็นรู พันเทพกับราตรีเดินเข้ามาพอดี
“อยากทำอะไรชั้น ก็มาทำกับชั้นนี่ ไปทำกับป้ายจะได้เรื่องอะไร”
“ได้”
อบเชยเดินรี่เข้าไปหาพันเทพหวังจะทำร้าย แต่สมุนก็กรูกันมาห้ามๆ ไว้ พันเทพห้ามสมุนลงมือ
“เรามาเดิมพันกันมั้ยอบเชย ถ้าเธอชนะ เธออยากจะทำอะไรชั้นก็เชิญ แต่ถ้าชั้นชนะ เธอกับพ่อ
ต้องเลือกชั้นเป็น สจ.”
“พ่อคะ แค่สองเสียงกับการเจ็บตัวมันจะคุ้มเหรอ” ราตรีแย้ง
“ถ้าสองเสียงนี้ละก็ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม”
“เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ” อบเชยคุยกับราตรีเพราะเข้าใจว่าเป็นแพรวา
“เธอนี่สติดีรึเปล่า เจอทีไรก็ว่าชั้นอย่างโง้นอย่างงี้” ราตรีต่อว่าอเบชย
“เธอนั่นแหละบ้ารึเปล่า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
อบเชยมองร่มพันเทพแล้วนึกถึงถึงตอนที่ศรนารายณ์เคยสู้กับพันเทพแพ้
“ชั้นตกลง”
“พูดคำไหนคำนั้นด้วยนะ อย่าคืนคำล่ะว่าจะเลือกชั้นน่ะ”
“ชั้นไม่พูดพล่อยๆ อยู่แล้ว แต่ชั้นมีข้อแม้”
“ว่ามา”
“ชั้นเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ชั้นไม่อยากให้แกถือร่มนั่นสู้กับชั้น”
“เธอกลัวอะไรกับแค่ร่มคันเดียว”
“แต่มันก็เป็นร่มคันเดียวที่ไม่เคยอยู่ห่างจากแกเลยนี่”
“ได้”
“พ่อ จะดีเหรอคะ สู้กับผู้หญิงแบบนี้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ลูกคิดว่ามันจะยืดเยื้อขนาดนั้นเลยเหรอ อีกอย่างตรงนี้ก็ปลอดคน”
“แกอย่าดูถูกฝีมือชั้นขนาดนั้น พันเทพ”
“เธอก็เหมือนกัน”
อบเชยกับพันเทพมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ส่วนที่โรงพยาบาลเมฆกำลังป้อนข้าวให้ไม้ที่นั่งอยู่บนเตียง
“พ่อ ชั้นไม่ได้เป็นอะไรหนักขนาดนั้น กินเองก็ได้”
“อย่ามาดื้อ ดื้อทุกเรื่อง ห้ามไม่ให้เรียนมวยก็จะเรียนไม่ให้ไปมีเรื่องกับใครก็มีไม่เว้นแต่ละวัน ดูตัวเองบ้างรึเปล่า”
“คนมันเดินเอาเรื่องมาให้ถึงที่ตลอด”
“แล้วไหนว่าเรียนมวยแล้วจะดีขึ้น ก็ไม่เห็นว่าจะสู้เค้าได้”
“อบเชยก็แค่สอนพื้นฐานธรรมดา แม้กระทั่งท่าไม้ตายของอาศรอบเชยยังไม่รู้เลย”
“โทษคนอื่นไปเรื่อย ฝีมือเราน่ะไม่ดี ไม่รู้จักฝึกมากกว่า”
“เดี๋ยวต่อไปนี้ผมจะฝึกให้ไม้เองครับ”
ไกรบอก เมฆกับไม้หันมองไกรพร้อมกัน
“หมายความว่า...”
“ผมจะสอนทุกอย่างที่ผมรู้ให้ไม้ รวมทั้งท่ากรงเล็บพยัคฆ์ด้วย”
“จริงเหรอ ชั้นจะได้เรียนกรงเล็บพยัคฆ์จริงเหรอ”

ไม้ดีใจออกนอกหน้า เมฆมองไกรนึกสนใจในตัวผู้ชายคนนี้
ขณะนั้นอบเชยกับพันเทพมองดูเชิงกันไปมา มีราตรีกับสมุนยืนดูแล้วอบเชยก็บุกเข้าไปด้วยความโมโหที่พันเทพทำร้ายไม้

“แกทำร้ายไม้ได้ แต่ทำร้ายคนอย่างชั้นไม่ได้หรอก”
อบเชยบุกเข้าไปต่อสู้กับพันเทพ พันเทพเก่งและคล่องแคล่วไม่แพ้อบเชย การต่อสู้ของทั้งคู่เหมือนว่ายากที่จะรู้แพ้รู้ชนะ พันเทพเพลี่ยงพล้ำให้อบเชย อบเชยไม่เกรงใจจะเอาหน้าเท้าเหยียบหน้าพันเทพแก้แค้นให้ไม้
“ชั้นจะเหยียบหน้าแก ให้แกรู้ซะมั่งว่าคนที่นอนอยู่ใต้รองเท้าเป็นยังไง”
ราตรีจะวิ่งเข้ามาช่วย
“พ่อ...”
“ราตรี ไม่ต้อง”
แต่จังหวะที่อบเชยเผลอ พันเทพก็หยิบกล่องใส่เข็มที่ใช้สำหรับฝังเข็มออกมาจากระเป๋า แล้วก็ปักเข้าไปตามจุดสำคัญของอบเชย ทำให้อบเชยขยับตัวไม่ได้ยืนนิ่งราวกับโดนสกัดจุด พันเทพลุกขึ้นมาหัวเราะ
“ชั้นบอกแล้วว่าเธออย่าประมาทฝีมือชั้น เธอคงงงสินะว่าทำไมเธอยืนค้างอยู่แบบนี้ ก็เพราะชั้นฝังเข็มในจุดต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเคลื่อนไหว”
“เหมือนการจี้จุดในหนังจีนน่ะเหรอคะพ่อ” ราตรีถาม
“จะว่ายังงั้นก็ได้ แต่มันแค่ทำให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างลำบากก็เท่านั้นแหละ” อบเชยอยากจะด่าพันเทพแต่ก็พูดไม่ได้ “ชั้นหวังว่าชั้นคงไม่ได้ทำผิดกติกาใช่มั้ย ทีนี้ก็อย่าลืมเธอสองคนพ่อลูกต้องเลือกชั้นเป็น สจ. อย่าผิดคำพูดล่ะ”
ราตรีหัวเราะอย่างสะใจ
“สมน้ำหน้า ปากดีนัก”
“เราไปหาเสียงกันต่อเถอะลูก”
“จะปล่อยนางนี่ไว้กลางลานแบบนี้เลยเหรอคะ หนูว่าถ้าทำแบบนี้ เดี๋ยวคนก็มาเจอง่ายๆ มันจะไม่สนุก เอามันไปเก็บไว้ในที่มิดชิด ให้มันหาทางออกมาเองดีกว่า”
“ก็แล้วแต่ลูกก็แล้วกัน”
“พวกแกไปหาที่ลับๆ ในวัดนี่ เอานางนี่ไปซ่อนไว้ไป อย่าให้ใครหาเจอง่ายๆ” ราตรีหันไปสั่งสมุน อบเชยเจ็บใจ แต่ตัวแข็งทำอะไรไม่ได้ “เดี๋ยวพ่อสอนหนูบ้างสิคะ ไอ้การฝังเข็มแบบนี้น่ะ”
“ได้ แต่รอให้งานวันเกิดพ่อที่กำลังจะจัดนี่ผ่านไปก่อนนะ”
“ได้ค่ะ”
พันเทพกับราตรีเดินออกไป สมุนมายกอบเชยที่ตัวแข็งไปจากลานวัด
สมุนมองซ้ายมองขวาเปิดประตูห้องเก็บของวัดแล้วยกอบเชยไปเก็บไว้ข้างใน
“จะออกมาได้ก็คงต้องมีผีมาช่วยแล้วล่ะ”
สมุนปิดประตูห้องเก็บของแล้วเดินออกไป อบเชยเหลือบตามองซ้ายมองขวาดูวังเวงและรก หยากไย่ขึ้นเต็มไปหมด มีหนูวิ่งไปมา ยากที่ใครจะเข้ามาบ่อยๆ
ขณะนั้นจันทร์ถือหนังสือเล่มใหญ่เดินมาหาหลวงพ่อที่กุฎิ
“โยมมีอะไร”
“ผมเพิ่งมาจากห้องสมุดของวัดน่ะครับ”
“แล้วไง”
“ผมไปค้นหนังสือเกี่ยวกับไม้ที่มีกลิ่นหอมมา แล้วทีนี้เค้าบอกว่าไม้จันทน์น่ะ วัดมักจะใช้ในการประกอบพิธีสำคัญหรือทำผอบเก็บของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ผมก็เลยจะมาถามหลวงพ่อว่าที่วัดนี้มันมีอะไรที่ทำจากไม้จันทร์บ้างมั้ยครับ”
“ไม้จันทน์เหรอ อาตมาไม่ค่อยแน่ใจแต่ที่อาตมาเห็นเค้าก็ไม่ใช้กันแล้วนะ พวกของศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นก็ไม่เคยเห็นมี ส่วนใหญ่ในยุคก่อนๆ น่ะ เค้าถึงจะใช้ โยมสนใจอะไรกับไม้จันทน์ล่ะ”
“อยากลองดมกลิ่นดูน่ะครับ พอดีว่าผมไปได้กลิ่นไม้หอมมาชนิดนึง มันหอมยวนใจจริงๆ ผมเลยอยากรู้ว่าเป็นไม้อะไร เพราะไม้หอมก็มีตั้งหลายชนิด”
จันทร์นึกถึงร่มพันเทพ ที่ไม้มีกลิ่นหอม
“อืม อาตมาไม่แน่ใจหรอกนะ อาจต้องไปรื้อดูในห้องเก็บของของวัด ซึ่งก็ไม่แน่ใจอีกว่าจะมีมั้ย”
“ไม่ลองไม่รู้ ไปดูกันเถอะครับ”
“แต่นี่ก็จะได้เวลาทำวัตรเย็นแล้ว อาตมาว่าวันหลังโยมค่อยมาเถอะ”
“อ้าว”
“ไม่ต้องอ้าวหรอก บอกวันหลังก็วันหลัง”
จันทร์ทำหน้าเซ็ง กราบลาหลวงพ่อออกจากกุฏิ
ที่ห้องเก็บของของวัดอบเชยพยายามจะขยับตัวแต่ก็ขยับได้น้อยมาก ยากลำบากเหลือเกิน ทั้งหนูทั้งแมลงสาบวิ่งผ่านเท้าเธออย่างไม่เกรงใจ อบเชยเหลือบไปเห็นรูปสมัยเก่าของพระหลายรูปซึ่งดูเก่ามาก รู้เลยว่ามรณภาพไปหมดแล้ว อบเชยกลัวจนน้ำตาไหล
จันทร์ถือหนังสือกำลังจะกลับบ้านแล้วเกิดลังเล
“แค่ห้องเก็บของ ไปหาเองก็ได้นี่ แต่นี่ก็เย็นแล้วนะ เดี๋ยวจะหมดเวลาเยี่ยมไม้พอดี”
จันทร์ลังเล
ส่วนไกรเมื่อกลับมาบ้านก็เจอแพรวายืนรออยู่หน้าบ้าน ไกรจอดรถแล้วลงจากรถมาหาแพรวา
“มาทำอะไรที่นี่”
“ชั้นมารอเจอน่ะค่ะ”
“ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาที่นี่ ผมไม่อยากมีปัญหา”
“ชั้นแค่จะมาบอกว่า ชั้นอ่านจดหมายแล้วนะคะ”
“จดหมายอะไร” ไกรทำหน้าแปลกใจ
“จดหมายที่คุณเขียนถึงชั้น”
“ห๊า?”
“ชั้นจะไม่พูดอะไรมาก เอาเป็นว่า...” แพรวาหยิบจดหมายยื่นให้ไกร “นี่เป็นคำตอบค่ะ”
แพรวาเขิน ขึ้นรถแล้วขับออกไปไกรยืนงง
ที่วัดเสียงพระทำวัดเย็นดังแว่วมา อบเชยได้ยินเสียงก๊อกแก๊กเหมือนคนอยู่ตรงนั้นทีตรงนี้ที
อบเชยกลัวตัวสั่นพยายามจะขยับตัวเอาตัวรอด ขณะนั้นจันทร์เดินอยู่ตามอาคารในวัด
“เอาเป็นว่าถ้าผ่านห้องเก็บของ ก็แวะดู ถ้าไม่ผ่าน ก็เอาไว้วันหลังดีกว่า”
จันทร์เดินผ่านตึกต่างๆ เห็นห้องเก่าๆ เงียบๆ อยู่ห้องนึง จันทร์ยืนอยู่หน้าห้องอย่างลังเล
“เค้าจะว่าเรามาขโมยของวัดรึเปล่านะ ...ไม่หรอก ก็เราไม่ได้จะเอาอะไรไปนี่”
จันทร์ตัดสินใจเปิดประตูห้องแต่ปรากฏว่าเป็นห้องเก็บโลงศพ จันทร์ถึงกับวิ่งเตลิด
ที่โรงพยาบาลขณะนั้นเมฆนั่งอ่านหนังสืออยู่ ไม้ชะเง้อมองไปนอกห้อง
“รอใครอยู่รึไง” เมฆถาม
“อบเชยหายไปเลยนะพ่อ”
“ไปพูดอะไรไม่ดีกับเค้ารึเปล่าล่ะ”
“ก็...ไม่ได้พูดอะไรแรงนะ ไม่น่าจะโกรธนี่”
“นี่ อบเชยมันก็มีหัวใจนะ ไม่ใช่หุ่นยนต์ มันรู้สึกทุกอย่างที่เรารู้สึกนั่นแหละ”
“ไม่หรอกพ่อ นักเลงซะขนาดนั้น”
“ก็คิดซะอย่างงี้ วันไหนไม่มีมันแล้วจะรู้สึก”
ไม้กังวลใจเรื่องที่อบเชยหายไป
หลังจากวิ่งเตลิดมาจากห้องเก็บโลงศพ จันทร์เดินผ่านห้องอีกห้องนึง จันทร์มองซ้ายมองขวาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“จะเป็นห้องโลงศพอีกมั้ยวะ แค่คิดก็สยองแล้วดูเหมือนว่าให้หลวงพ่อมาด้วยจะปลอดภัยกว่านะ”
อบเชยได้ยินเสียงคนพูดอยู่หน้าห้อง เธอพยายามดิ้นรนขยับตัวจนทำให้พานใส่ห่อดอกไม้จันบนโต๊ะหล่นลงมาได้ ดอกไม้จันร่วงกราวอออกมาจากถุง กลิ่นฟุ้งกระจายทั่วห้อง พานส่งเสียงดังไปถึงด้านนอก จันทร์ได้ยินเสียงของตกก็สะดุ้งโหยงถอยห่างจากห้อง
“โดนแล้วไง นั่นเสียงอะไรวะนั่น” จันทร์ส่งเสียงถาม กล้าๆ กลัวๆ “มีใครอยู่ในนั้นรึเปล่า” อบเชยพยายามจะส่งเสียงตอบแต่ไม่ดังออกไป “รอมาพร้อมหลวงพ่อดีกว่า เจอผีแล้วไม่คุ้ม”
จันทร์จะเดินไปแต่กลิ่นดอกไม้จันโชยเล็ดลอดจากห้องมาแตะจมูก จันทร์ทำจมูกฟุดฟิด
“กลิ่นนี่…ไม่ผิดแน่ กลิ่นไม้จากร่มพันเทพวันนั้น”
จันทร์มองที่ประตูแล้วตัดสินใจเปิดผ่างออกมา เจออบเชยยืนอยู่ จันทร์ถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย…มาทำอะไรที่นี่ ตกใจหมด” อบเชยนิ่งขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ จันทร์ทำจมูกฟุดฟิด “หอมมากเลย นี่มันกลิ่นเดียวกับร่มของพันเทพแน่ๆ” อบเชยส่งเสียงอู้อี้ให้ช่วยก่อน “เป็นอะไร ทำไมยืนนิ่ง ไม่พูดไม่จา” จันทร์มองเห็นเข็มที่ปักตามตัวอบเชย “นี่เข็มอะไรเนี่ย” จันทร์ดึงเข็มออกจากบริเวณคออบเชย “เหมือนพวกเข็มสำหรับฝังเข็มของพวกหมอจีนเลย”
พอจันทร์ดึงเข็มออก อบเชยจึงสามารถพูดได้อีกครั้ง
“ดึงออกให้หมดเลย ทั้งตัวนั่นแหละ”
จันทร์ดึงเข็มส่วนไหนออก ส่วนนั้นก็กลับมาขยับได้อีก พอขยับได้ทั้งตัวอบเชยก็โผเข้ากอดจันทร์
“ขอบใจมากเลยนะจันทร์ ไม่ได้เธอชั้นต้องตายอยู่ในนี้แน่”
“แล้วทำไมไม่ออกไปล่ะ”
“ก็ไอ้พันเทพน่ะสิ มันฝังเข็มไม่ให้ชั้นขยับได้แล้วซ่อนชั้นไว้ในนี้ เจ็บใจนัก เลวที่สุด เลวทั้งพ่อทั้งลูก”
“ไอ้พันเทพมันรู้ศาสตร์จีนพวกนี้ด้วยเหรอ น่ากลัวจริงๆ”
“แล้วนี่เธอมาทำอะไรที่นี่”
“มาตามหากลิ่นหอม” จันทร์สูดลมหายใจ “หอมแบบนี้แหละ”
“กลิ่นจากดอกไม้จัน” จันทร์หยิบดอกไม้จันมาดม “นี่คงเป็นดอกไม้จันสมัยก่อนที่ใช้ในพิธีศพ ทำจากเนื้อไม้จันทน์หอมจริงๆ เพื่อให้เกียรติกับผู้ตาย”
“นี่แหละ ที่ชั้นได้กลิ่นจากร่มพันเทพมันน่ะ กลิ่นมันหอมจริงๆ เอากลับบ้านดีกว่า”
จันทร์หยิบดอกไม้จันมาหนึ่งอัน
“ร่มไม้โบราณที่ทำจากไม้จันทน์เหรอ ทำไมต้องพกร่มนั่นไปไหนมาไหนด้วย มันมีอะไรพิเศษงั้นเหรอ”
“นั่นสิ”
อบเชยและจันทร์ต่างสงสัย
พอออกจากห้องเก็บของของวัดอบเชยกับจันทร์มานั่งกินข้าวด้วยกัน อบเชยกินข้าวและกินน้ำด้วยความหิวกระหาย จันทร์ได้แต่มอง
“เธอนี่จริงๆ ก็สวยนะ แต่พอเห็นแบบนี้แล้ว...รักไม่ลงว่ะ”
“ทำไม ต้องคนอ่อนโยน กินข้าวคำเช็ดปากคำรึไง แหวะ ...สตอทั้งนั้นแหละ”
“จ้ะ แม่คนดี แต่นี่ชั้นอดสงสัยไม่ได้เรื่องร่มไม้จันทน์ของพันเทพ คนที่จะพกร่มตลอดเวลาทั้งที่ไม่ใช่หน้าฝน”
“หรือไม้นั่นมีคุณสมบัติอะไรพิเศษ”
“คุณสมบัติพิเศษเหรอ” จันทร์หยิบตำราเปิด “ไม้จันทน์สามารถสกัดเป็นน้ำมันหอมได้”
“จะสปาตลอดเวลาไปมั้ยน่ะ”
“ไม้จันทร์มักเอาไปทำเป็นที่เก็บสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างเช่นพระธาตุ”
“พันเทพมันคงไม่ศรัทธาในศาสนาขนาดนั้นละมั้ง”
“เป็นไม้ในราชพิธีโบราณ เป็นไม้ประหารชีวิตพระเจ้าตากสิน”
“ชักเถลไถลใหญ่ละ”
“หรือว่า...”
“หรือว่าอะไร”
“ไม้ตะพด” อบเชยคิดตาม
“ตามที่ตำราไม้ตะพดว่าไว้...”
“ว่าไม้ตะพดทำจากแก่นไม้จันทน์พันปีที่ลากข้ามฝั่งมาจากพม่า”
“จริงด้วย”
อบเชยกับจันทร์มองหน้ากัน

ที่บ้านพันเทพ ขณะนั้นพันเทพอยู่ในห้องทำงานกำลังถอดไม้ตะพดออกจากร่มและสำรวจความเรียบร้อย พันเทพควงไม้ตะพดเป็นอาวุธอย่างคล่องมือแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพันเทพรีบเก็บไม้ตะพด แพรวาเดินเข้ามา
“แพรวานั่นเอง”
“พ่อทำอะไรอยู่คะ”
“ก็แค่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยนั่นแหละ” แพรวาถอนหายใจ “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอลูก”
“เวลาที่พ่อชอบใคร พ่อจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงคะ”
“ใครที่ลูกหมายถึงคือใคร คงไม่ใช่ไม้หรอกนะ”
“ทำไมคะ”
“ไม่ได้ ลูกกับไม้ชอบกันไม่ได้นะ”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่ไม้...”
พันเทพโล่งอก
“แล้วไม้เป็นไงบ้างแล้ว”
“ก็คงดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ หนูไม่อยากจะไปเยี่ยมบ่อยๆ เดี๋ยวจะเป็นปัญหา”
“จริงๆ ไม้กับลูกสนิทกันไว้ก็ดีนะ แต่อย่าชอบ ห้ามชอบไม้เด็ดขาดรู้มั้ย”
“ทำไมละคะ”
“ไม่ต้องถาม มันเป็นคำสั่ง”
แพรวาไม่ค่อยเข้าใจพ่อของตนนัก
ส่วนจันทร์กับอบเชยยังนั่งคุยกันต่อถึงสิ่งที่สงสัย
“เราจะพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นไม้ตะพดจริงมั้ย ร่มก็ต้องมาอยู่กับเรา แต่เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อไอ้พันเทพมันไม่เคยห่างจากร่มเลย”
“ชั้นรู้ละ ชั้นได้ยินว่าไอ้พันเทพน่ะกำลังจะจัดงานวัดเกิดถ้าลอบเข้าบ้านมันตอนงานน่าจะง่ายที่สุด”
“แล้วจะเข้าไปยังไง มันคงเชิญเราหรอก”
“เรื่องนั้นไม่ยากหรอก คราวนี้ไอ้พันเทพเสร็จชั้นแน่” อบเชยยิ้มอย่างมีแผน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรออก “ฮัลโหล นั่นทิวารึเปล่า พรุ่งนี้ออกมาเจอชั้นได้มั้ย ชั้นเหงาไม่มีคนคุยด้วยเลย...ตามนี้นะ สวัสดีจ้ะ”
“เฮ้ย...แบบนี้เลยเหรอ”
“แบบนี้แหละ ได้ผลที่สุด”
วันต่อมาทิวาขับรถมาจอดบริเวณป้ายรถเมล์ โดยไม่แคร์ว่าจะขวางทางใคร ทิวาลงจากรถเดินไปที่ร้านดอกไม้ ทิวาเดินเลือกดอกไม้ในร้าน เขาเลือกดอกที่ถูกใจแล้วสั่งให้จัดช่อ
“จัดเป็นช่อ เอาแบบที่สวยที่สุดเลยนะ”
ทิวายิ้มอย่างมีความสุข
เมฆขับรถบขส.แวะมาจอดรถที่ป้ายรถหน้าตลาด แต่มีรถทิวาจอดขวางอยู่
“ไอ้นี่นี่ ไม่เห็นรึไงว่าเป็นป้ายรถ นิสัยเสียจริง” ชาญบอก
“งั้นเดี๋ยวค่อยมาก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกมั้งพี่เมฆ พี่ไปซื้อกับข้าวให้ไอ้ไม้เถอะเดี๋ยวข้าเฝ้ารถให้”
“เอางั้นเหรอ”
“แป๊บเดียวนี่ ไม่เป็นไรหรอก”
“ชั้นฝากด้วยนะชาญ”
“สบายมาก”
เมฆเดินหายเข้าไปในตลาด ชาญนั่งอยู่ที่รถมองเห็นรถขายก๋วยเตี๋ยวซาเล้งขี่ผ่านไป ชาญมองตามแล้วตะโกนเรียก
“ลูกพี่รอเดี๋ยว ลูกพี่ ไม่ได้ยินอีก”
ชาญตัดสินใจวิ่งตามรถก๋วยเตี๋ยวไป
ทางด้านทิวาเมื่อดอกไม้จัดเสร็จ ทิวาเดินถือช่อดอกไม้ออกจากร้าน ทิวาเดินยิ้มมีความสุขกลับมาที่รถ แต่เขาเห็นรถบขส.มาขวางทางเขาอยู่ ทิวาดูนาฬิกา
“จะถึงเวลานัดแล้วด้วย ไอ้รถเลวนี่มาจอดขวางอีก” ทิวาชะโงกดูไม่เห็นใครบนรถ “ โอ๊ย อะไรเนี่ย สันดานแย่จริงๆ อย่าให้เจอเดี๋ยวโดนแน่”
ทิวาออกไปไม่ได้เดินดูนาฬิกาอย่างกระวนกระวายใจ ซักพักนึงเมฆก็เดินถือข้าวของออกมา ทิวาเห็นอารมณ์ขึ้นทันที
“นี่แกเองเหรอ แกตั้งใจจะแกล้งชั้นใช่มั้ย ห๊า”
“เรื่องอะไรกัน”
“ก็แกจอดรถขวางทางชั้น ชั้นรีบ”
“แต่คุณมาจอดรถที่ป้ายรถบขส.นะครับ”
“เถียงเหรอ ตกลงจะไม่ยอมรับผิดใช่มั้ย” ทิวาเดินตามไล่ผลักเมฆ จนเมฆล้มลง “แกรู้มั้ยว่าเวลาของชั้นมีค่าแค่ไหนถ้าเทียบกับแก ไอ้เป๋”
“คุณบอกให้คนเลื่อนรถให้ก็ได้”
“แกแหกตาดูซิ มันมีใครอยู่มั้ย ไอ้เป๋” ทิวาบอกแล้วเหยียบเข่าอีกข้างของเมฆที่ไม่ได้เสีย “ดูซิถ้าเป๋ทั้งสองข้างแล้วจะมีหน้ามาจอดรถขวางชั้นอีกมั้ย”
“โอ๊ยยยยยย”
ทิวากระทืบเข่าของเมฆจนเมฆร้องโอดโอยดังลั่น ชาญวิ่งหน้าเหรอหรามา
“มีเรื่องอะไรกันเนี่ย”
เมฆยื่นกุญแจรถให้ชาญ
“ไปเลื่อนรถ”
“แต่พี่เมฆ”
“ไปเลื่อนรถก่อน ไปเร็ว”
ชาญเอากุญแจไปเลื่อนรถบขส. ทิวามองเมฆอย่างไม่ใยดีแล้วขับรถตัวเองออกไปทันที ชาญรีบวิ่งลงจากรถ
“รถมันเองเหรอ พี่เมฆเป็นอะไรมั้ย”
“ช่างเถอะ”
“น่าจะให้ชั้นจัดการมันก่อน เห็นมั้ยมันหนีไปจนได้เจ็บใจนัก”
“แกนั่นแหละ บอกให้เฝ้ารถ ไปไหนมา”
“แหะ แหะ” เมฆลุกขึ้นยืนไม่ได้ เจ็บขา ชาญพยุง “แย่ละทีนี้ เจ็บกันทั้งพ่อทั้งลูก ไอ้ตระกูลนี้นี่มันเลวไร้ที่ติจริงๆ”
อบเชยนั่งรอทิวาอยู่ในร้านอาหาร ทิวาเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้ให้อบเชย อบเชยรับมาเป็นพิธีไม่ได้ปลื้มนัก
“โทษทีที่มาช้า พอดีมีปัญหานิดหน่อย”
“ไม่เป็นไร”
“ที่นัดมาวันนี้ มีธุระอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
“แหม ทำเป็นรู้ดีนะ”
“ถ้าไม่มีธุระเธอคงไม่เรียกชั้นออกมาหรอก แต่ไม่เป็นไรชั้นอยากเจอเธออยู่แล้ว”
“ได้ข่าวว่าพ่อเธอกำลังจะจัดงานวันเกิด”
“ใช่”
“ท่าทางงานจะน่าสนุกนะ”
“เธออยากไปมั้ยล่ะ”
“ชั้นไปได้ด้วยเหรอ...” อบเชยแกล้งถาม
“ไปได้สิ ไปในนามแขกของชั้น”
“ขอบคุณนะ”
“แต่เธอห้ามพาใครมาด้วยนะ” อบเชยน้ำแทบพุ่งออกจากปาก “ห้ามพาใครมา ไม่ว่าจะไอ้ไม้ หรือใครทั้งนั้น เธอต้องอยู่กับชั้นคนเดียว”
อบเชยยิ้มแห้งๆ
“ได้ เอาแบบนั้นก็ได้”
ส่วนที่โรงพยาบาลชาญพยุงเมฆมาที่โรงพยาบาล ไม้นอนอยู่ที่เตียงลุกขึ้นดูพ่ออย่างตกใจ
“พ่อเป็นอะไร”
“จะอะไรซะอีกล่ะ ก็โดนไอ้ทิวากระทืบมาเหมือนเอ็งนั่นแหละ”
“ไอ้ทิวาอีกแล้วเหรอ”
“พ่อลูกเป็นเหมือนกัน สบายละ นี่เดี๋ยวจองเตียงนอนข้างๆ กันไปเลย”
“มันชักจะเอาใหญ่แล้ว ทำชั้นชั้นไม่ว่า แต่ทำพ่อชั้น ชั้นไม่ยอมหรอก”
“ช่างมันเถอะ”
“คอยดูเถอะ ถ้าชั้นเรียนกรงเล็บพยัคฆ์กับคุณไกรจบเมื่อไหร่ชั้นจะไปแก้แค้น”
“เฮ้อ ..นี่ก็บอกให้นอนอยู่บ้านก็ไม่เอาจะมารับเอ็งออกจากโรงพยาบาล”
พยาบาลเดินเข้ามา
“เดี๋ยวคุณไม้มาที่ห้องจ่ายยาหมายเลขสองได้เลยนะคะ”
“ผมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ที่ไหน” เมฆถาม พยาบาลดูเอกสาร
“ของคุณไม้จ่ายแล้วนี่คะ”
“เป็นไปได้ยังไง”
“จ่ายแล้วจริงๆ ค่ะ รับยาได้เลย”
“คุณไกรแน่ๆ เลย”
ไม้ยังคิดเรื่องแก้แค้นทิวา ขณะที่เมฆนึกสงสัยว่าใครจ่ายค่ารักษาพยาบาล
ชาญพาเมฆและไม้กลับมาบ้าน
“พ่อน่ะ น่าจะแวะหาหมอซักหน่อย”
“พ่อไม่เป็นไรมากหรอก”
“ไม่เป็นไรอะไรล่ะ ขาเสียสองข้างแทบเดินไม่ได้บอกไม่เป็นไร”
“พ่อต้องไปขอบคุณคุณไกรด้วยตัวเอง”
“เดี๋ยวผมจัดการให้ พ่อนอนพักอยู่บ้านเถอะผมล่ะอยากจะเจอคุณไกรจะแย่ จะได้หัดท่ากรงเล็บพยัคฆ์ซะที”
“แล้วเวลาแบบนี้อบเชยมันหายไปไหนเนี่ย ปกติเห็นคอยดูแลกันไม่เคยห่าง นี่เดี้ยงทั้งพ่อทั้งลูก หายตัวเลย”

ชาญบอก ไม้แอบเคืองอบเชยอยู่ในใจ









Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 14:11:32 น.
Counter : 372 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]