All Blog
ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอนที่ 13




ค่ำวันนั้นเมื่อเมฆเข้ามาในบ้านก็เห็นบ้านโล่ง เมฆเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของไม้มันไม่เหลือเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วเมื่อเมฆเดินมาที่เตียงเมฆก็พบชุดลูกผู้ชายถูกพับวางไว้บนเตียง เมฆซึม แต่แล้วไม้ก็เปิดประตูเข้ามา ทั้งคู่มองหน้ากัน

“พ่อนึกว่าจะไม่มีวันได้เจอหน้าลูกอีก” เมฆบอก
“พ่อกำลังแย่ ถ้าชั้นไม่อยู่ชั้นคงจะเป็นคนที่แย่มาก เรื่องงานของพ่อ พ่อไม่ต้องห่วงชั้นจะไปคุยกับเจ๊กีให้ ชั้นเชื่อว่าเจ๊กีต้องเข้าใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกไม้ พ่อน่ะผิดเองจริงๆ งานคนขับรถ อาจไม่เหมาะกับพ่อแล้ว”
“ไม่ใช่หรอกพ่อ”
“พ่อห่วงแค่เรื่องเดียว พ่ออยากจะขอร้องไม้ อีกแค่ครั้งเดียว...ไม้ตะพดยังอยู่บนรถ พ่อเอามาไม่ได้ พ่ออยากจะให้ไม้ไปเอามันมาจะได้มั้ย พ่อไม่อยากให้มันต้องตกไปอยู่ในมือคนไม่ดี แล้วใช้มันไปในทางที่ผิด”
“ได้สิพ่อ มันเป็นของพ่อชั้นจะไปเอามันมาคืนให้พ่อเอง”
คืนนั้นอบเชยมาที่ชายป่าเพื่อมาหาเวตาลตามสัญญาเธอส่องไฟฉายหาเวตาลไปทั่วแล้วเธอก็ต้องตกใจที่ฉายไฟไปแล้วเห็นเวตาลกำลังกินซากหมาอยู่อย่างน่าเกลียด น่าขยะแขยง
“ว๊าย” อบเชยหันฉายไฟหลบไปทางอื่น
“เจ้ามาเวลาพอดีกับมื้อค่ำของข้า”
“รีบกินให้เสร็จซักที ชั้นไม่อยากเห็น” เวตาลลุกเช็ดคราบเลือดที่ปากด้วยมือดูสกปรก เดินมาหาอบเชย อบเชยมองสะอิดสะเอียน “นี่บ้านไอ้พันเทพมันเลี้ยงดูแบบนี้รึไง ให้หาซากสัตว์กินเองเนี่ยนะ”
“ในวันที่ข้าได้ดูดกินวิญญาณของใครซักคน วันนั้นจะทำให้พลังข้าสมบูรณ์ เมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะไม่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก ซึ่งวิญญาณนั่นอาจจะเป็นเจ้า”
“ชั้นไม่มีทางแพ้แกหรอก แกอย่าลืมสัญญานะ ถ้าระหว่างทางชั้นพาแกไปหาไม้ได้โดยไม่พูดซักคำ แกจะต้องสารภาพมาว่าทิวามีแผนร้ายอะไรกับไม้”
“แค่ผู้ชายคนเดียว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าแลกกับวิญญาณตัวเอง”
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“ถ้าเพียงแต่เจ้าเอ่ยวาจาแม้เพียงคำเดียว วิญญาณของเจ้าได้ตกเป็นของข้า”
“แน่นอน” อบเชยเตรียมเชือกออกมามัดเวตาล
“เจ้าจะทำอะไร”
“ก็มัดไง เผื่อแกโกงขึ้นมา บินหนีหายไปไหนต่อไหน ชั้นก็แย่สิ ชั้นรู้ว่าแกน่ะเจ้าเล่ห์ ชั้นต้องปลอดภัยไว้ก่อน”
เวตาลกับอบเชยจ้องหน้ากัน ต่างก็คิดว่าตนเหนือกว่า
อบเชยเดินนำมาตามถนน เวตาลเดินตามไม่ห่างนักโดยมีเชือกผูกที่ข้อเท้าของเวตาล แต่เมื่อชาวบ้านเดินผ่านก็เห็นเหมือนอบเชยกำลังลากเชือกเปล่าๆ เดินคนเดียว เวตาลแต่งเรื่องเล่ามายั่วยวนให้อบเชยพูด
“ข้ามีเรื่องเล่าหนึ่งเรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง เป็นเรื่องที่ข้าเพิ่งได้ยินได้ฟังมาเป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง กับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กหญิงสาวนั้นแอบหลงรักชายหนุ่มมาตั้งแต่จำความได้ แต่ชายหนุ่มน่ะเหรอ เอาแต่มองหาหญิงสาวในฝันอยู่ร่ำไป ไม่เคยหันมามองหญิงสาวเลย หญิงสาว
เองก็ไม่ท้อแท้ พยายามทำทุกอย่างเพื่อพิชิตใจชายหนุ่มให้ได้ พยายามทำดี ช่วยเหลือและอยู่ข้างกายเค้าตลอดเวลา แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ยังเอาแต่ห่วงหาหญิงสาวในฝันของตนอยู่ดี หญิงสาวยังไม่มีค่าเพียงพอให้เค้ารัก แม้เธอจะให้อภัยชายหนุ่มทุกครั้งที่เขาทำผิด แต่หญิงสาวก็ยังไร้ค่าในสายตาชายหนุ่มอยู่วันยันค่ำ” อบเชยฟังเรื่องที่เวตาลเล่าอย่างทรมาน เพราะมันราวกับเป็นเรื่องจริงของชีวิตเธอ “ถ้าเป็นข้า ใครมาทำกับข้าแบบนี้ ข้าไม่มีวันให้อภัย ข้าจะเอาคืนที่มันมองข้ามหัวใจของข้าให้สาสม ฉีกเนื้อมันเป็นชิ้นๆ ดีมั้ย”
อบเชยจะพลั้งปากห้ามว่าอย่ายุ่งกับไม้ แต่เธอก็ตั้งสติได้เงียบเหมือนเดิม
ที่ท่ารถบขส.ขณะนั้นไกรมองจากหน้าต่างห้องทำงานตัวเองไปที่รถของเมฆ เขายังรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ไกรถอนหายใจยาว
ไม้เดินเข้ามาในท่ารถบขส.มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร จึงเดินขึ้นไปบนรถเมฆโดยไม่รู้ว่าไกรที่อยู่ในห้องทำงานกำลังมองมาทางนั้นพอดี ไกรเห็นคนด้อมๆ มองๆ แล้วขึ้นไปบนรถ ไกรเปิดประตูออกไป
ไม้วิ่งไปหยิบคันเกียร์ใต้เบาะยาวของรถจะเอามาเปลี่ยนกับไม้ตะพด แต่ไม้ทำได้แค่ดึงไม้ตะพดออกมา ไกรก็มาถึงพอดี
“นั่นเธอทำอะไรน่ะ”
ไม้ตัวแข็งที่โดนจับได้
“คุณไกรยังไม่กลับ”
“แน่สิ ถ้าชั้นกลับจะเห็นพฤติกรรมของขโมยมั้ยล่ะ”
“ชั้นไม่ได้ขโมย”
“แต่กำลังจะวางยารถคันนี้รึไง กะว่าใครมาขับแทนพ่อเธอก็ให้ตายๆ ไปเลยงั้นสิ”
“เปล่านะครับ”
“แล้วในมือนั่นอะไร เกียร์รถคันนี้ไม่ใช่เหรอ”
“คือ...”
“เธอนี่มันเลวกว่าที่ชั้นคิดซะอีกนะ”
“ไม่ใช่นะครับ อันนี้เป็นเกียร์ที่พ่อทำพ่อแค่อยากได้คืน แล้วจะใส่เกียร์ใหม่ให้”
“หึหึ มีใครที่ไหนทำเกียร์ใช้เอง เธอโกหกไม่เนียนเอาซะเลยส่งมันมาให้ชั้น”
“ไม่ได้ ผมส่งให้คุณไกรไม่ได้หรอก”
“ชั้นบอกให้ส่งมันมา” ไม้ยืนนิ่ง ไม่ส่งให้ไกร “ชั้นพยายามอดทนกับเธอแล้วนะ นี่เธออยากให้ชั้นใช้
กำลังกับเธอใช่มั้ยไม้”
ไม้ยังนิ่งไม่ส่งคันเกียร์ให้ไกร
ระหว่างนั้นอบเชยเดินมาบ้านเมฆและเวตาลยังเล่าเรื่องต่อไม่หยุด
“วันหนึ่งหญิงสาวอยากจะช่วยชายหนุ่มให้รอดพ้นอันตรายจึงเอาตนเองเข้ามาเดิมพันกับพญามาร โดยไม่เกรงกลัว มีความหวังเพียงอย่างเดียว อยากจะช่วยชายหนุ่มให้ได้แต่หญิงสาวก็หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มที่เธอกำลังหาทางช่วยนั้น เค้าไม่ได้เหลียวแลเธอขึ้นมาเลย” อบเชยกำมือแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่...มันไม่เคยมีค่าหรอก”
อบเชยจะหันไปสวนกลับเวตาลว่าไม่จริง แต่เธอก็ตั้งสติได้นิ่งเหมือนเดิม เวตาลยิ้มที่ยั่วอบเชยได้ ทั้งคู่คุยมาถึงหน้าบ้านเมฆ อบเชยมองเวตาลเคืองๆ ก่อนจะเดินเข้าไป
อบเชยเดินเข้าไปในบ้านเจอกับเมฆ ตลอดเวลาที่เมฆคุยกับอบเชย เวตาลจ้องหน้าเมฆเขม็งจากนอกหน้าต่าง
“มาหาไม้เหรออบเชย” อบเชยพยักหน้ารับ “ไม่ไม่อยู่หรอก ออกไปทำธุระให้อาที่บขส.”
อบเชยทำได้แค่ยกมือไหว้แล้วรีบเดินออกไป เมฆรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ ที่หน้าต่างเขาหันไปดู แต่ก็ไม่เห็นอะไร
ระหว่างนั้นไม้กับไกรยังเถียงกันเรื่องไม้ตะพดเกียร์
“ชั้นบอกให้ส่งเกียร์นั่นมา”
“ผมส่งให้ไม่ได้จริงๆ ครับคุณไกร”
“ถ้างั้น แปลว่าเธอก็อยากมีเรื่องกับชั้น ได้” ไกรเข้ายื้อแย่งไม้ตะพดกับไม้ ไม้พยายามยื้อไว้จนไม้ทนไม่ไหวผลักไกรออก ไกรเซ “นี่เธอทำกับคนที่มีบุญคุณต่อเธอแบบนี้เหรอ”
“ผมขอโทษครับ แต่ไม่ได้จริงๆ”
ไกรเข้าลุยกับไม้อีก ฝีมือไกรคล่องแคล่วว่องไวไม่ใช่น้อย ไกรพยายามแย่งไม้ตะพดออกไปจากไม้ ไม้จำใจต้องต่อสู้กับเขาด้วยกรงเล็บพยัคฆ์ ไกรกระเด็นออกไป
“เธอเอาท่าที่ชั้นสอนเธอมาทำร้ายชั้นเหรอ?” ไกรยิ่งเจ็บใจหนักเข้าไปอีก “ไม้...เธอ”
ไม้กำลังรู้สึกผิด ไกรจึงถือโอกาสชิงไม้ตะพดจากมือไม้ทันที พอจับเพื่อต่อสู้มันก็ว่องไววิเศษ ไกรกำลังจะเอาไม้ฟาดกลับไปที่ไม้ อบเชยมาพอดีเห็นไกรกำลังจะทำร้ายไม้เธอตะโกนห้าม
“หยุดนะ ห้ามใครทำอะไรไม้เด็ดขาดนะ”
อบเชยเผลอพูดโดยที่เธอห่วงไม้จนไม่รู้ตัว เชือกที่ขาของเวตาลขาดทันที อบเชยเองก็ตกใจที่ตัวเองหลุดพูดออกไป เสียงเวตาลก้องขึ้นโดยที่ไม่มีใครเห็นตัวตนของเวตาล
“เธอแพ้แล้ว เธอต้องทำตามสัญญา”
เวตาลมองหน้าไม้ก่อนที่มันจะบินหายไป อบเชยหน้าเสีย ทั้งไกรและไม้ต่างมองไปรอบๆ
“นั่นเสียงอะไรน่ะ”
“สัญญาอะไร กับใครน่ะอบเชย”
“มันไม่สำคัญหรอกน่า ชั้นสงสัยมากกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยคุณไกร”
“เธอถามไม้ซะก่อนว่าทำอะไรลงไป”
“ชั้นแค่จะมาเอาของของพ่อคืน แต่คุณไกรไม่ยอม”
“นี่มันทรัพย์สินของบริษัท ไม่มีใครเอามันไปได้ทั้งนั้น”
“นี่สองคนเป็นอะไรไปกันเนี่ย ทำไมต้องมาสู้กันเองด้วย” อบเชยต่อว่า
“เธอนั่นแหละเป็นอะไร เธอเองก็เห็นตำตาว่าไม้ไปมีอะไรกับคนอื่น เธอยังจะปกป้องมันอีกรึไง”
อบเชยสะอึกกับคำพูดไกร
“ชั้นขอร้อง…คุณไกรอย่าเอาเรื่องไม้เลย ส่วนไม้กลับบ้านไปพร้อมกับชั้น”
“แต่ไม้นั่น…”
“พอเถอะ สู้กันเองก็มีแต่คนแพ้ทั้งนั้นค่อยมาคุยกันดีๆ ตอนที่ใจเย็นแล้วเถอะ ขอร้อง”
ไม้มองไม้ตะพดในมือไกรอย่างไม่สบายใจนัก แต่เขาก็จำต้องเชื่ออบเชย
ไม้กับอบเชยเดินกลับบ้านด้วยกัน
“ชั้นไม่สบายใจเลย นั่นไม้ตะพดของพ่อแต่ชั้นทิ้งไว้ที่คุณไกร”
“ก็คุณไกรเค้ายังไม่รู้ว่าคือไม้ตะพด”
“เธอคิดว่าคนฉลาดอย่างเค้าจะไม่รู้ตลอดไปรึไง”
“แต่คุณไกรเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนี่”
“แต่เค้าก็ไล่พ่อออกจากงานแล้ววันนี้”
“นี่มันเรื่องอะไรวุ่นวายไปหมด โอ๊ย...เวตาลก็หลุดหนีไปได้ เฮ้อ...”
“เวตาลอะไร”
อบเชยนิ่งมองไม้อย่างน้อยใจ แล้วกลบเกลื่อน
“เรื่องชั้นไม่มีสำคัญหรอก ยังไงมันก็ไม่สำเร็จไปแล้ว แต่เธอกับคุณไกรล่ะมีเรื่องอะไร ไหนจะ
เรื่องทุกข์ใจของเธอที่ชั้นยังไม่รู้อีกล่ะไม้”
ไม้อึดอัดเกินกว่าที่จะเล่า
ไกรเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานอย่างหงุดหงิด เขาโยนไม้ตะพดที่เข้าใจว่าเป็นคันเกียร์ธรรมดาบนโต๊ะ
“อบเชย เธอมันคนประเภทไหนกันแน่ที่ยังเข้าข้างคนที่เอาแต่ทำให้เธอเจ็บปวด ไม้ก็อีกคนทำไมต้องอยากได้นักหนา ไอ้คันเกียร์เนี่ย”
ไกรหันไปมองคันเกียร์อย่างพินิจพิจารณาสงสัย
ที่ชายป่าเวตาลห้อยหัวหลับเหมือนค้างคาวบนต้นไม้ อยู่ๆ ก็มีเสียงมารบกวนเวลานอนของเวตาลเป็นเสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วบริเวณ เวตาลลืมตาตื่นไม่สบอารมณ์นัก แม้เวตาลจะลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เสียงหัวเราะนั่นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเบาลงเลย เวตาลลงจากต้นไม้มาดู
“เจ้าเป็นใคร ใยไม่เกรงใจผู้อื่นหัวเราะเสียงดังก้องไปทั่วขนาดนี้ ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของข้าเอาซะเลย” ฤๅษีค่อยๆ หันมาหาเวตาล “เจ้าฤๅษีแก่นี่เอง”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเวตาล”
“เจ้าก็รู้ว่าแท้จริงข้าเป็นถึงพญาเวตาลผู้ยิ่งใหญ่”
“ดูจากสภาพเจ้าแล้ว ยังจะให้ข้าเรียกว่าพญาเวตาลอีกได้อย่างไรไม่อายตัวเองรึ”
“แล้วมันมีเรื่องน่าขันอะไรนักหนาหัวเราะเสียดังก้อง” เวตาลถามอย่างไม่พอใจ
“จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้อย่างไร ก็ในเมื่อจุดเริ่มต้นของความตายของเจ้ามาถึงแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าเจอคนที่จะปลิดชีพเจ้าแล้ว”
“ใครหน้าไหนจะปลิดชีพข้าได้ ไม่มีหรอก”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องป่าอีกครั้ง เวตาลสะดุ้งตื่น
เวตาลลืมตาตื่นอย่างหวาดระแวง มองไปรอบด้าน เสียงหัวเราะของฤๅษียังก้องอยู่จางๆ
“คนที่จะปลิดชีพข้า”
เวตาลนึกถึงหน้าไม้ตอนที่อบเชยพาเขาไปที่ท่ารถจะช่วยไม้ และตอนที่เห็นหน้าเมฆที่เขาเจอที่บ้าน
“ข้าจะต้องได้ดูดวิญญาณเพื่อให้ร่างกายข้าได้กลับมามีพลังที่สมบูรณ์อีกครั้งแล้วจะไม่มีใครทำอะไรข้าได้”
วันต่อมาขณะที่อบเชยเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงกุกกักดังจากในบ้าน อบเชยมองไปก็ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น อบเชยเริ่มระแวงและนึกถึงคำพูดเวตาลที่ตกลงกันไว้ว่าถ้าเธอแพ้เธอต้องยกวิญญาณของเธอให้กับเวตาล อบเชยหวาดระแวงรอบๆ ตัว
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานไกร ไกรเพ่งพินิจคันเกียร์ที่เอามาจากไม้ เขายังไม่เห็นไม้ตะพดที่ซ่อนอยู่ในปลอกเกียร์
“ทำไมอยากได้นัก”
ไกรเดินไปหยิบคันเกียร์เล็งๆ ดู ยังไม่ทันที่ไกรจะคิดออก เจ๊กีก็เปิดประตูห้องทำงานไกรพรวดเข้า
มา
“ลื้อไล่อาเมฆออกเหรออาไกร”
“ใช่ครับ”
“ลื้อไล่อีกออกทำไม ลื้อก็รู้ว่าอีเป็นคนเก่าคนแก่ที่อั๊วไว้ใจ”
“นี่สองพ่อลูกนั่นมาฟ้องหม่าม้าเหรอครับ”
“ไม่มีใครมาฟ้องทั้งนั้นแหละ เค้าพูดกันไปทั่วว่าลื้อกับอาไม้ทะเลาะกัน ตีกัน เพราะเรื่องที่ลื้อไล่อาเมฆออก” ไกรนิ่ง “ลื้อไล่อาเมฆออกทำไม”
“ม้าลองไปไล่ดูย้อนหลังช่วงที่ผ่านมานี่สิครับ เค้าลาหยุดงานตลอดวันทำงานน้อยกว่าวันหยุดซะอีก ผมก็เห็นว่าถ้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างก็คงต้องเป็นเรื่องวินัยในการทำงาน”
“ทำไมลื้อไม่ตักเตือนอีก่อน ไปไล่อีออกเลยได้ยังไง แล้วอีจะเอาเงินที่ไหนกิน ที่ไหนใช้”
“ผมก็ให้เงินเค้าไปก้อนนึงด้วยนะครับ”
“แย่ อั๊วไม่เคยสอนให้ลื้อเลี้ยงดูคนด้วยการเอาเงินฟาดหัวแบบนั้น เมื่อก่อนลื้อก็ไม่เป็นแบบนี้”
“ผมก็เป็นแบบนี้แหละม้า อีกอย่างเค้าก็ยอมออกไปแล้วด้วย”
“ไม่รู้ล่ะ อั๊วต้องไปคุยกะอีให้รู้เรื่อง”
“คุยอะไรม้า คนมันไล่กันไปแล้ว จะให้กลับมาทำงาน ผมก็หมดความเชื่อถือกันพอดี”
เจ๊กีถอนหายใจ ลำบากใจ
ส่วนที่บ้านศรนารายณ์ ขณะนั้นอบเชยนั่งกินข้าวกับศรนารายณ์
“งานที่ร้านขนมปังเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีจ้ะพ่อ”
เสียงก๊อกแก๊กดังตามจุดต่างๆ ของบ้าน อบเชยมองตามไม่ค่อยสนใจศรนารายณ์นัก
“พ่อว่าบ้านเราต้องมีรูตรงไหนแน่เลย นูมันถึงได้เข้ามาได้”
“ถ้ามันเป็นหนูจริงๆ ก็ดีสิพ่อ กลัวว่ามันจะไม่ใช่” อบเชยบอกอย่างระแวง
“ไม่ใช่หนูแล้วมันจะเป็นอะไร กระต่ายจะแอบเข้าบ้านคนเหรอ ก็ไม่น่านะ” เสียงก๊อกแก๊กดังตรงมุมโน้นทีมุมนี้ทีไปทั่ว อบเชยระแวง “เดี๋ยวพ่อไปทำงานก่อนนะ”
“ไปแล้วเหรอพ่อ”
“ไม่ไปตอนนี้ก็สายน่ะสิ ไอ้ลูกคนนี้”
ศรนารายณ์ลุกขึ้นเดินออกไป อบเชยอยู่บ้านคนเดียวระแวงพอศรนารายณ์ออกไป บนโต๊ะอาหารที่ศรนารายณ์นั่งช้อนกลางในแกงหมุนวนเหมือนใครกำลังจับมันคน อบเชยผงะแล้วเวตาลก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าลืมอะไรไปรึเปล่า”
“แกมาบุกรุกบ้านชั้นแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ข้าจะไปที่ไหนก็ได้ที่ข้าอยากไป”
“ไม่มีมารยาทสินะ”
“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีมารยาทมากกว่า ที่เจ้าทำเป็นลืมสัญญา”
ศรนารายณ์เดินออกมาแล้ว แต่นึกได้ว่าตนลืมของ
“เอ๊า ลืมกุญแจบ้านซะอีก”
ศรนารายณ์ส่ายหน้าระอาตัวเอง แล้วเดินย้อนกลับไปในบ้านอีกครั้ง
ขณะนั้นอบเชยกำลังเดินหนีเวตาล
“ชั้นขอเวลาอีกซักหน่อยได้มั้ย พอดีว่าที่บ้านวุ่นวาย”
“แต่เมื่อคืนเราไม่ได้ตกลงกันแบบนี้”
เสียงเปิดประตูบ้านเข้ามาอีกที ทั้งคู่หันไปมอง เวตาลหายตัวแว้บไป ศรนารายณ์เดินข้ามา อบเชยวิ่งรี่เข้าไปหาพ่อทันที
“พ่อ”
“พอดีพ่อลืมกุญแจน่ะ” ศรนารายณ์หยิบกุญแจบ้าน
“เดี๋ยวพ่อ เดี๋ยวชั้นออกไปพร้อมพ่อด้วยเลยดีกว่า”
“เอาสิ ไป”
อบเชยหันมองในบ้านก่อนจะรีบออกไปพร้อมศรนารายณ์
ที่ตลาด ขณะนั้นทิวาเดินถือถุงใส่ยาแก้ปวดมาหลายกระปุก ทิวาเดินผ่านชาวบ้านพากันซุบซิบ
“เค้าเม้าท์กันให้แซด ว่าทิวาไม่ใช่ลูกไอ้พันเทพ”
แม่ค้าบอกเจ๊กี
“ลื้อไปรู้ได้ยังไง”
“ใครก็รู้ มีแต่เจ๊ละมั้งไม่สนใจโลกภายนอกเลย”
“ไม่ใช่ลูกพันเทพ แล้วลูกใคร”
“นั่นแน่ อยากรู้เหมือนกันละสิเจ๊”
ยังไม่ทันที่เจ๊กีจะได้คำตอบอะไรทิวาก็มาขวางหน้า
“ยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่วนะพวกแก นางนี่” ทิวากระชากคอเจ๊กี “แกนี่ก็ตัวนำเลย อยากตายใช่มั้ย...” ทิวาหันหาชาวบ้าน “พวกแกด้วย ชั้นจะฆ่าเรียงตัวเลย ปากมากดีนัก”
ทิวาเงื้อมมือจะตบเจ๊กี ชาวบ้านแตกตื่น
“อั๊วเปล่า อั๊วไม่เกี่ยวนะ”
ทิวาไม่สนคำขอร้องของเจ๊กี เจ๊กีโดนทิวาฉุดกระชากลากถู
“ปากมากนักใช่มั้ยพวกแกน่ะ ชั้นจะกระทืบให้พูดไม่ได้เลย”
ไม้ปรากฏตัวออกมาห้ามทิวา
“หยุดนะทิวา”
ทิวาหันมองตามเสียงเจอไม้ยืนอยู่
“แกอีกแล้วไอ้ไม้ แกทุกที ทำไมทุกอย่างในชีวิตชั้นแกจะต้องคอยเข้ามาขัดด้วย”
“ชั้นก็ไม่ได้อยากจะไปพัวพันกับชีวิตแกหรอกทิวา”
“ถ้าไม่มีแกบนโลกซักคน ชีวิตชั้นคงดีกว่านี้แน่”
“แต่มีแกบนโลก ชั้นก็เฉยๆ นะ ชั้นไม่สนใจ”
ทิวาเจ็บจี๊ดกับคำพูดของไม้ขึ้นมาทันที จึงเข้ามาลุยกับไม้ ทิวาต่อสู้ด้วยความโกรธไม่ยั้งมือแต่ไม้ก็รับมือทิวาได้ทุกหมัด
“ชั้นจะฆ่าแกให้ตาย ชั้นจะฆ่าแก”
ทิวาต่อสู้เหมือนหมาบ้าทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างไม่มีชั้นเชิง ทิวาหยิบมีดปังตอจากร้านขายหมูมาได้ กวาดไปเรื่อ ไม้ตะโกนบอกทุกคน
“เจ๊กีพาทุกคนหนีไปก่อน ทิวามันเป็นบ้าไปแล้ว”
เจ๊กีพาชาวบ้านทยอยหนีออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง
“ชั้นเกลียดแก แล้วก็ไอ้เป๋พ่อของแก”
“ทิวา แกไม่ควรเรียกพ่อแบบนั้น”
“มันไม่ใช่พ่อชั้น มันไม่มีทางเป็นพ่อชั้น”
ทิวาบ้าหนักกว่าเดิม ไม้จับตัวทิวามัดมือไพร่หลังไว้ไม่ให้อาละวาดได้มากนัก
“ทิวา ถ้าแกยังไม่เลิกบ้าชั้นจะมัดแกไว้กลางตลาดประจานแกแบบนี้แหละ จากที่คนรู้เรื่องของเราไม่กี่คนจะกลายเป็นรู้ทั้งตลาด แล้วทุกคนก็จะมามุงดูแก”
ทิวาที่คลุ้มคลั่งเริ่มสงบลง
“ไม่ว่ายังไง ชั้นก็จะฆ่าแกให้ได้ ไอ้ไม้”
ไม้เดินออกมาเจอเจ๊กีและชาวบ้านที่กลัวแล้วรออยู่ด้านนอก
“เป็นไงบ้างไม้ ลื้อบาดเจ็บรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้วไอ้ทิวาล่ะ”
“ชั้นปล่อยมันไปแล้ว”
“แล้วมันจะไม่ไปทำร้ายใครเหรอ”
“คงไม่หรอกครับ ตอนนี้จิตใจทิวายังไม่ปกติดี ต้องเข้าใจเค้าด้วยครับ”
“ปกติหรือไม่ปกติ อั๊วก็เห็นอีรังควาญคนอื่นเค้าไปทั่วอยู่แล้ว แต่ยังไงอั๊วก็ขอบใจลื้อมากเลยนะอาไม้ที่มาช่วย ไม่งั้นอั๊วกับชาวบ้านหลายคนคงแย่”
“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ...เจ๊กีครับ ผมก็มีเรื่องให้เจ๊ช่วยเหมือนกัน”
“เรื่องอะไรเหรอไม้ อั๊วยินดีช่วยลื้อทุกเรื่องเพราะอั๊วก็ยังรู้สึกไม่ดีกับลื้อที่อาไกรไล่อาเมฆออก”
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานไกร ไกรนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะอยู่ดีๆ คันเกียร์ก็มีแสงเรืองวาบขึ้นมาไกรหันกลับไปมอง
“แสงเมื่อกี้นั่นมันอะไรน่ะ”
ไกรมองไปที่คันเกียร์ที่เค้ายึดมาจากไม้ ไกรเดินมาดูคันเกียร์ที่วางอยู่ใกล้ๆ เขาหยิบมันขึ้นมาและรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในมือ ไกรสูดกลิ่นของคันเกียร์ได้กลิ่นหอม
“ไม้หอม...หรือว่านี่จะเป็น...” ไกรจะหมุนดูด้านในด้ามเกียร์ จังหวะนั้นประตูเปิดออกมาทันทีไกรตกใจเมื่อเห็นเจ๊กีเข้ามา “ม้า ทำไมพรวดพราดเข้ามาแบบนี้ ผมตกใจหมด”
“นั่นลื้อกำลังทำอะไรน่ะ”
“เปล่าครับ”
เจ๊กีหันไปด้านนอก
“อาไม้ ลื้อเข้ามาสิ”
ไม้ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้อง
“เธออีกแล้วเหรอ ต้องการอะไรอีก”
“ลื้อเงียบไปเลยอาไกร อาไม้อีช่วยอั๊วจากที่ตลาดไม่ให้โดนอาทิวาทำร้าย คราวนี้ถึงคราวที่อั๊วต้องช่วยอาไม้บ้าง ไหน ของชิ้นไหนที่ลื้ออยากขอเอาไปให้อาเมฆ” เจ๊กีถามไม้
“มันอยู่ในมือคุณไกรครับ”
“นี่เธอยังไม่จบเรื่องคันเกียร์นี่กับชั้นใช่มั้ย”
“อาไกร ส่งให้อาไม้”
“ม้าครับ นี่เป็นสมบัติของบริษัท”
“แค่เกียร์รถดัดแปลงอันเดียว ลื้อจะให้ไม่ได้เลยเหรออาไกร อั๊วสอนลื้อว่ายังไง ให้รู้จักบุญคุณคน นี่อาไม้ช่วยอั๊ว อั๊วก็ต้องตอบแทนเค้า ส่งมันให้อาไม้เดี๋ยวนี้”
ไกรส่งมันให้ไม้อย่างไม่เต็มใจนัก
“อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะ...ว่าคันเกียร์นี่มันพิเศษยังไง”
ไกรจ้องไม้เขม็ง ไม้ยังแสดงท่าทีเคารพไกรเหมือนเดิม

“ขอบคุณครับ”




Create Date : 24 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 2:13:08 น.
Counter : 743 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]