Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ 17 The Attitude

สมัยลุงยังเป็นเซลส์วัยเอาะๆ อยู่ เฮีย (เจ้าเก่า) เขาก็เอาคำนี้มาสอนลุง

เฮียเขาเรียก ดิ แอททิทูด พวกเราก็เลยแปลงเป็น ดิ แอททิตูด…….ต่อมา คุณธวัชมาเป็นเจ้านาย ก็ให้เราเรียก คำนี้ว่า
ดิ แอททิทิว

มันจะเป็น ดิแอททิทูด ดิแอททิตูด หรือ ดิ แอททิทิว อะไรก็ช่างมันเฮอะ…….มันก็เป็น The Attitude ซึ่งความหมายของมันนั้นสำคัญหนักหนา

ลุงเดินไปซื้อหนังสือที่ร้านซี เอ็ดหรือที่ร้าน B2S อยู่เป็นประจำ ก็เห็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มใหญ่ ขนาดหนาสัก 700 หน้าเห็นจะได้ ชื่อว่า “The Attitude”……..เอาพลิกๆ
ดูหลายหนแล้ว เห็นมีคำอธิบาย ศัพท์ทางวิชาการเยอะแยะไปหมด คิดว่า คงมีเนื้อหาสาระเยอะแยะ………………..

แต่กลัวโดนหลอก เหมือน 7 HABITS ที่คนติดกันทั้งเมือง ก็เลยซื้อภาคภาษาไทยมาอ่านหวังจะได้ทันสมัยกับเขาบ้าง ก็รู้สึกผิดหวัง แค่คำสอนของพระพุทธองค์ของเราเรื่อง “อริยสัจสี่” ก็กินขาดแล้ว เลยเลิกอ่าน…………นี่ได้ยินว่ามี
HABIT ที่ 8 ออกมาอีกแล้ว……เฮ้อ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 21 ส.ค. 48 20:23:18 ]






ความคิดเห็นที่ 2

มันแปลว่าอะไร……..ก็ “ทัศนคติ”……ทำเป็นเซ่อไปได้
ไม่ต้องอธิบายหรอก คนเขารู้กันทั้งเมือง

เจ้าฝรั่งมันเอาคำว่า “ทัศนคติ” มาฝอยได้ตั้ง 700 หน้า สงสัยมันจะมีแต่น้ำ เนื้อปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ ก็แค่วิญญาณ….เอามาผสมต้มโคล้งให้พวกเรากินอีกเป็นแน่แท้………………..

ไว้เขาแปลเป็นไทยก่อน ลุงจะไปแอบอ่านแล้ว เอามาอธิบายเป็นภาษาไทยให้พวกเราฟัง ตอนนี้ จะอ่านของฝรั่งทั้งดุ้น ก็อ่านไม่ค่อยออกแล้ว เพราะมันอายุมากแล้ว หูตามันชักมองไม่ค่อยเห็นเข้าเต็มที….อีกอย่างหนึ่งคือภาสง ภาษามันกลับไปบ้านเก่าหมดแล้ว…..ไม่ใช้มันนาน ๆ มันก็งอนหนีเรากลับบ้านไป

แต่ลุงยังจำได้ ที่เฮียสอน…….อันว่า “ทัศนคติ” นั้น คือความคิด……..ความเห็น…….ความรู้สึก…………ความชอบ……..ความรัก…ความเกลียด……ความชัง…….ความเหม็นหน้า…….ความเอาแน่ไม่ได้ บางครั้งก็รัก บางครั้งก็หมั่นไส้……….ฯลฯ

ของบุคคล……คนหนึ่งคนใด……ที่มีสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ

เอาแค่นี้ก่อน……..มันแปลว่าอะไร

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 21 ส.ค. 48 20:24:54 ]






ความคิดเห็นที่ 3

ก็คือแปลว่า อะไรต่อมิอะไรข้างบนนั้นแหละ……ซึ่งเป็น “ทัศนคติ” ของเรา ที่มีต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยเฉพาะ

ถามว่ามันเป็น “อารมณ์ใช่ไหม” …….จะตอบว่า ใช่ ก็ได้ จะไม่ใช่ก็ได้…..เพราะ อารมณ์ บางทีมันก็เกิดขึ้นทุกครั้ง บางทีไม่เกิด

แต่เจ้า “ทัศนคติ” นี้ ส่วนมากมันจะเกิดทุกครั้ง
นอกจากเราแก้เจ้า “ทัศนคติ” นี้ได้ บางครั้งมันก็อาจจะไม่เกิด แต่ก่อนจะแก้ บางครั้งหากเรา “กด” เจ้าทัศนคตินี้ไว้ได้
มันก็จะไม่เกิดขึ้นเป็นการชั่วคราว หมายถึงบางครั้งเราก็ควบคุมได้ บางครั้งก็ไม่รู้ตัว ควบคุมไม่ได้

ไอ้ที่บอกว่า “มันเป็นของเราโดยเฉพาะ” หมายความว่าไง…..

ก็หมายความว่า มันเป็นของเรา เราหามีสิทธิไปบังคับให้มีทัศนคติของคนอื่นเหมือนของเราหาได้ไม่ ทุกคนต่างก็มีทัศนคติเป็นของตัวเอง จะรัก จะชอบ อะไร ใคร ที่ไหน…..
ก็เป็นเรื่องส่วนตัว คนอื่นหาได้เกี่ยวไม่…………………..

แล้วเอามาพูด…เขียนกันตั้ง 700 หน้า หาพระแสงอันใด….

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 21 ส.ค. 48 20:26:53 ]






ความคิดเห็นที่ 4

ที่ต้องเอามาพูด……(แต่ฝรั่งมันเอามาเขียนได้อย่างไรได้ตั้ง 700 หน้า…นั้นหาทราบไม่) ก็เพราะ

1. มันสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราเหลือหลาย

2. ทัศนคติ กับ ความเป็นจริง มันหาได้เป็นคนละเรื่องเดียวกันไม่ บางทีมันต่างกันโดยสิ้นเชิง


3. มันเป็นยาเสพติด ที่แก้ไม่หาย แก้ได้ยาก ติดบุหรี่ ติดเหล้า ติดยาบ้า ติดการพนัน ติดฟุตบอล พอจะแก้ได้บ้าง แต่เจ้าทัศนคตินี้ หากติดเข้าไปในทางใด ทางหนึ่งที่ไม่มีประโยชน์แล้วไซร้ พระท่านว่า มันหาวิธีแก้ได้ยาก บางคนก็แก้ได้ บางคนก็แก้ไม่ได้

4. มันเป็นสิ่งเดียว บางคนพูดเช่นนั้น ลุงพบในหนังสือของฝรั่ง (อีกแล้ว) ว่า มันว่า The Only One…………
ที่จะทำให้บุคคลนั้น ร่ำรวย หรือยากจน…..มีความดีงาม
หรือความชั่วโฉด……มีความเป็นคนดี หรือคนเลว….
มีความอาวุโส หรือเป็นเด็กไร้เดียงสา…..มีความยางอาย หรือโกงชาติ ไร้คุณค่า น่าเหยียบ……เป็นรัฐบุรุษที่น่าเคารพ หรือเป็นนักการเมืองผู้ต้องติดคุกในที่สุด……..

พูดง่ายๆ มันเป็นสิ่งเดียว ที่ทำให้คนเป็นคน หรือคนเป็นหมา ก็ได้ทั้งนั้น


และถ้าเจ้า Attitude นี้มัน เป็นโรคระบาด มันก็เป็นยิ่งกว่าอหิวาตกโรค เป็นยิ่งกว่าโรคเอดส์ เป็นยิ่งกว่าไข้หวัดนก เป็นยิ่งกว่าโรคทุกโรค…ที่มนุษย์เคยผจญกับมันมาแล้ว

มันจะระบาดไปในกลุ่มชนเล็กๆ ที่ “ทัศนคติคล้ายๆ กัน”
ซึ่งเราเรียกมันว่า “ค่านิยม”

และถ้ามันระบาดหนัก ระบาดกันในระดับประเทศ ระบาดกันยาวนาน จนบางครั้งเราก็ลืมเสียแล้วว่าทำไมเราจึงมี ทัศนคติแบบนี้ เราก็เรียกมันให้สวยหรูว่า “วัฒนธรรม”

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 21 ส.ค. 48 20:29:11 ]






ความคิดเห็นที่ 5

ลองถามคนไทยทุกคนซิว่า เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ถ้าเจองูกับแขก ให้ตีใครก่อน”

คนไทยต้องบอกว่า “ก็ต้องตีแขกก่อน”

ถามว่า “ทำไม…..” ก็บอกว่า “แขกร้ายกว่างู”

ถามว่ารู้ได้ไง……ก็ปู่ย่าตายายเขาสอนกันมาทั้งนั้น

ถามว่าเคยรู้จัก “แขก” ไหม……..บอก ก็เคยเห็นที่เขามาขายผ้า ขายโรตี ขายถั่วมันๆ ……แล้วไง……ก็ไม่ค่อยชอบ ไม่อยากสุงสิงด้วย ถามว่า แล้วเคยเห็นสาวแขกไหม…..ตอนยังสาว วัย 16 น่ารักจะตาย……ก็ยังทำหน้าเอียนๆ น้ำมันแขกอยู่…บอกว่า ไม่หวาย….พออายุมากหน่อย….ฉุจะตาย…..ผู้หญิงแขกเป็นอย่างนี้ทุกคนแหละ

ลุงเคยมี ดอกเตอร์ (Ph.D.,) ที่บินผ่านประเทศไทยมาประชุมที่สิงคโปร์ เขาเป็นดอกเตอร์ที่เก่งมาก เป็นคนหนึ่งในทีมที่สร้างเครื่องยูนิแวคที่ลุงขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตใช้…….ทางอีแกตก็ดีใจเป็นหนักหนา ที่ได้มีผู้เชี่ยวชาญตัวจริงมาเยี่ยมและจะบรรยายความก้าวหน้าทาง
ด้านเทคโนโลยีใหม่ให้ฟัง

ก็นัดแนะกันเป็นอย่างดี ทางอีแกตก็ออกจดหมายเวียนให้รองผู้ว่าการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ผู้อำนวยการฝ่าย ผู้อำนวยการกอง เข้าฟังกันทุกคน เกือบร้อยคน

พอลุงบอกว่า แขกผู้ใส่เกือกคนนี้ คือแขกจริงๆ ชื่อ ดร.กุมาร มหาซุปเปอร์ วอระซิง…..ซึ่งเกิดในอเมริกา และจบ PhD ที่หมา’ลัยฮาร์วาด…เท่านั้นละครับ….วงแตก…

ถามว่า ทำไมเอาแขกมาพูด……คนฝรั่งไม่มีแล้วหรือ

ลุงก็บอกว่า เขาไม่ใช่แขกพาหุรัด เป็นแขกจากอเมริกา
ตัวจริงเสียงจริง ไม่ได้มาย้อมแมวขาย……เขาเป็นคนหนึ่งในทีมที่สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับเมนเฟรมที่อีแกตใช้อยู่จริง……นี่ถ้าเขาไม่บินมาพูดให้รัฐบาลที่สิงคโปร์ฟัง เราหามิอาจเอื้อมได้เชิญเขามาพูดให้ลูกค้าคนไทยฟังไม่

ก็อิดออด….ไม่เชื่อ…..ยังพูดกันลับหลังว่า แขกมันเก่งจริงหรือ…..พูดจาทีหนึ่งก็ทำคอกระดุก กระดุก เหมือนกิ้งก่า……ไม่น่าเลื่อมใส

ไม่อยากฟัง…..ขอให้เป็นฝรั่งจริงๆ ได้ไหม……………

เป็นกันหมดทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต…..สาบานให้ฟ้าผ่าแมวตาย ลุงสาบานได้ว่า “ไม่เคยเจอทัศนคติอะไรที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน”

ตกลงเชิญเขามาแล้ว ก็ต้องจัดให้เขาพูด……………….

ก็เป็นจริงดังที่คาดหมายไว้…….พอบรรยายจริงๆ …..
ท่านดร. กุมาร มหาซุเปอร์ วอระซิง ท่านก็บรรยายเสียหยดย้อย ส่ายหน้าไป พูดไป…..ส่ายก้นไป พูดไป…..
จนคนเดินออกกันไปทิวแถว…โดยยังไม่ทันหมดเวลา

ทำเอาลุงเข็ดไปจนตาย กับคำว่า “ทัศนคติ” สำหรับไทยกับแขก

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 21 ส.ค. 48 20:30:54 ]






ความคิดเห็นที่ 6

พอผ่านไปได้สักหนึ่งอาทิตย์ ลุงก็เห็นหนังสือพิมพ์ในสิงคโปร์ลงพาดหัวข่าวตัวโตเบอเร่อว่า

“ดร. กุมาร มหาซูเปอร์ วอระซิง….นักวิทยาศาสตร์เอกของโลกจาก SPERRY UNIVAC ได้มาบรรยายบทบาทใหม่แห่งนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ล่าสุดของโลกให้แก่รัฐบาลสิงคโปร์เพื่อทิศทางที่จะดำเนินต่อไปอีก 10 ปีข้างหน้า”

ลุงถึงกับหัวร่อก๊าก…ด้วยความสมใจกับ The Attitude ของคนไทยในสมัยนั้น……

แต่ เอ…เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่ไม่ใช่หรือ……ดังนั้น ใครขายคอมพิวเตอร์ให้คนไทย กรุณาอย่าเอาแขก….ไม่ว่าเกิดที่ไหน จบอะไร..ไปบรรยายให้ลูกค้าฟังเป็นอันขาด…..

เอาไอ้ตี๋ฝรั่งหัวแดงที่ไหนก็ได้…..จ้างมันสัก 500.- มาบรรยายให้คนไทยฟังจะได้เป็นที่ชื่นชอบนักหนา

ไอ้นี่ก็เกี่ยวกับ The Attitude อีกเหมือนกัน…….ยังไม่จบครับ ยังไม่จบแน่นอน

พูดเรื่องนี้แล้วมันส์พะยะค่ะ…………………………….

//lungadd.pantown.com/

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 21 ส.ค. 48 20:31:51 ]






ความคิดเห็นที่ 7

^___^

ยังไม่จบ หนูก็รออ่านต่อนะจิคะ

จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด - [ 21 ส.ค. 48 21:26:16 ]






ความคิดเห็นที่ 8

มาเกาะติดสถานการณ์ ฮี่ๆๆ ลุงแอ็ด กั๊บ แสดงว่า นักขาย แบบ อาจารย์ยาซีน เอส เอ็ม มู ตูร์ (เขียนผิดรึเปล่าหว่า) ณ ไทยแลนด์ เนี่ย ฮอต กว่า ดร.แขก ฟรอม อเมริกา ซะอีกนะ เห็นมีสัมมนาทีไร คนไปฟังกันตรึมมม..เลย

จากคุณ : เด็กจอมแก่น - [ 22 ส.ค. 48 01:53:41 ]






ความคิดเห็นที่ 9

5555 มี่กี่คนนะจะรู้ว่าจ้าวแห่งน่านน้ำ "เจิ้งเหอ" ผู้เกรียงไกรกว่าโคลัมบัส+มาโคโปโล แห่งประเทศจีน

จริง ๆ เป็นคนแขกเช่นกัน ^.^









จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 22 ส.ค. 48 05:26:59 ]






ความคิดเห็นที่ 10

เพิ่งมาเห็นอะลุง ตอนที่ 16 อยู่ไหนเจ้า

กุยแกหาไม่เจอ ใครทำลิงค์ให้หน่อยค้า

จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 22 ส.ค. 48 06:14:55 ]






ความคิดเห็นที่ 11

หูยยย กะลังมันส์เลยคะ รีบๆมาเล่าต่อนะคะลุงแอ๊ด

จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 22 ส.ค. 48 08:34:16 ]






ความคิดเห็นที่ 12

เจอแล้วครับคุณกุยแก
ตอนที่ 12 เรื่องนโยบายและระเบียบวิธีการต่างๆ หมายเลข B3654902
กับ ตอนที่ 12 เรื่องวิธีการวางแผน B3659194 Post เลขที่ 12 ซ้ำกันสองตอน

ดังนั้น ตอนที่ 17 เรื่อง The Attitude ถูกต้องแล้วครับ

ฉะนั้นตอนที่ถูกต้อง จะเป็นดังนี้
ตอนที่ 12 เรื่องนโยบายและระเบียบวิธีการต่างๆ
ตอนที่ 13 เรื่องวิธีการวางแผน
ตอนที่ 14 เรื่องข้อคัดค้าน
ตอนที่ 15 เรื่องเขตการทำงาน
ตอนที่ 16 เรื่องคู่แข่ง
ตอนที่ 17 เรื่อง The Attitude

ขอขอบคุณที่ทักท้วงไป

นึกถึงเรื่อง link ที่กุยแกพูดถึง ก็เลยนึกถึง "คุณตอกะจอ" ที่เคยทำ link
ให้ลุงสมัย "อวสานเซลส์แมน" ตอนนี้ไม่ได้เจอะเจอกันเลย คงลืมลุงเสีย
แล้วละครับ

แต่ลุงยังคิดถึงอยู่นะ......จะบอกให้

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 22 ส.ค. 48 08:39:58 ]






ความคิดเห็นที่ 13

คุณเด็กจอมแก่นครับ

ท่านอาจารย์ยาซีน ท่านเป็นปรมาจารย์เรื่อง "การขาย" ที่มีคนติดตาม
กันทั้งเมืองนะครับ ท่านเป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม ท่านไม่ได้
เป็นแขกจากอินตะระเดียครับ

น่าเสียดาย ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว มิฉะนั้นลุงแอ็ดอาจเชิญท่านให้มา
เขียนร่วมกันในพันทิบกับลุงก็ได้ เพราะสนิทกันครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 22 ส.ค. 48 08:45:15 ]






ความคิดเห็นที่ 14

แว๊ก ลุดแอ็ด อาจารย์ยาซีน เสียแล้วเหรอ ตกข่าวอย่างแรง เสียดายจัง สอนสนุกมั่กๆ

จากคุณ : เด็กจอมแก่น - [ 22 ส.ค. 48 13:59:46 ]








Create Date : 01 กันยายน 2548
Last Update : 1 กันยายน 2548 21:12:11 น. 0 comments
Counter : 777 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงแอ็ด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงแอ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.