The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 
มาโอ: สู่ทุ่งน้ำแข็งสุดสายตา๒

๒.

รุสโซออกจากห้องประชุมแล้ว ก็คิดจะกลับไปห้องทำงานเพื่อแจ้งข่าวให้เจ้ามาโอฟัง เขาคิดว่าแมวตนคงดีใจ ปรกติมันชอบปีนหายขึ้นไปบนชั้นหนังสือ หาเรื่องเรียนเวทมนตร์พวกวิธีเดินบนน้ำแข็งไม่ให้ลื่น วิธีหาทิศทางในทุ่งน้ำแข็งโดยไม่ต้องดูท้องฟ้าไม่ต้องมีเข็มทิศ เจ้าแมวดำมักอวดว่าตนควรต้องรู้เรื่องพวกนี้ไว้ ยามไปเจอยายผ้าพันคอจะได้สบาย สุดท้ายรุสโซต้องข่มขู่ว่าหากเรียนเวทมนตร์ด้วยตัวเองแล้วถูกปีศาจในตำราลากไปแดนสนธยาเขาจะไม่ช่วยเด็ดขาด มาโอจึงค่อยหายซ่า ยอมเลิกเรียนแบบงู ๆ ปลา ๆ

ทว่ายามไปถึงห้องทำงานจริง ๆ ชายหนุ่มกลับพบมาโออยู่ในร่างสองขา ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่ง ท่าทางตื่น ๆ ครั้นหันมาเห็นเขาเข้า เจ้าแมวดำก็เร่งยื่นกระดาษให้ บอกว่าจากวิทยาลัย

"เขาไม่ได้ใส่ซอง...ข้าขอโทษที่อ่าน แต่รัสเซลไม่สบาย ในนั้นเขาบอกว่ารัสเซลไม่สบาย"

รุสโซไม่ทันตั้งตัวก็สะดุ้ง เขากวาดตาผ่านกระดาษปราด เห็นเป็นหมายแจ้งสั้น ๆ บอกว่ารัสเซลน้องชายเขาไม่สบายจริง ๆ ตอนนี้รัสเซลพักที่หอ จึงอยู่ในความดูแลของแพทย์ประจำวิทยาลัย แต่อาการของเด็กชายแปลกไม่น่าไว้ใจ ควรให้ตัวรุสโซเองมาดู

"ข้าจะไปเรียกรถม้า" พ่อมดบอกทันทีที่อ่านหมายจบ

"ข้าไปด้วยได้ไหม" เจ้าแมวดำถาม

"ตามใจเจ้า" รุสโซบอกทั้งหันร่างจากไปเรียบร้อยแล้ว

มาโอไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับรัสเซล น้องชายของรุสโซมากนัก เขาไม่ค่อยมีโอกาสพบเด็กคนนั้น ก่อนนี้ตอนที่รุสโซยังประจำอยู่ชายแดน เจ้าแมวดำเคยคิดจะไปแนะนำตัวกับเด็กชายสองสามครั้ง แต่ทุกครั้งรัสเซลไม่เคยอยู่บ้าน มาโอเองก็ค่อยไม่ว่างเพราะต้องเรียนหนังสือปีสุดท้าย กว่าเขาจะได้ผ่านจบจากโรงเรียนเพราะทำรายงานไปแดนมนุษย์ร่วมกับยายลียา รัสเซลก็สอบได้ระดับสิบ และย้ายเข้าวิทยาลัยไปแล้ว

ที่จริงกว่าเด็กชายจะได้ระดับสิบก็อายุสิบสามปีเข้าไปแล้ว ตามมาตรฐานแดนเวทมนตร์ถือว่าช้ามาก คนจึงมักเล่าลือกันว่าน้องชายของรุสโซ บุตรคนเล็กของจิ้งจอกโรเซเป็นปัญญาอ่อน แต่ทุกครั้งที่มาโอเห็นตู้เก็บของของรัสเซลซึ่งเต็มไปด้วยสมุนไพร ตัวอย่างต้นไม้ และสินแร่ เขาก็ไม่เคยแน่ใจสักครั้งว่าเด็กคนนั้นโง่จริงดังคนพูดกันหรือไม่ รุสโซไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขา ว่าไปแล้วรุสโซก็ไม่ใคร่ชอบพูดเรื่องครอบครัวตน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าแมวดำยังคงเห็นชัดอยู่นั่นเองว่าแม้ไม่มีเวลา และทำเหมือนปล่อยปละละเลยน้องอย่างไร รุสโซก็รักรัสเซล เขาทำงานหนักตลอดมาตั้งแต่อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดก็เพื่อเลี้ยงน้องคนนี้ ดูเหมือนนานแล้ว พ่อมดจะเคยพูดว่าตนกับน้องห่างกันแปดปี พ่อแม่ล้วนตายไปหมดสิ้นตั้งแต่รัสเซลอายุเพียงสองขวบ ที่จริงตอนนั้นเด็กชายควรถูกส่งไปยังบ้านเด็กกำพร้า แต่รุสโซไม่ยอม เขาว่าตนดูแลน้องได้ เงินทองของพ่อก็มีอยู่ คนทั้งปวงอย่าได้เอารัสเซลไป

มาโอคิดมาถึงตอนนี้ รุสโซก็เรียกรถม้าประจำทำเนียบมาเรียบร้อยแล้ว ทำเอาเจ้าแมวดำปีนตามขึ้นไปแทบไม่ทัน เขาอยู่ในร่างสองขาตามธรรมเนียม ทำเนียบอยู่ไม่ห่างจากวิทยาลัยมากนัก รถม้าแล่นเพียงครู่เดียวก็ถึง ครั้นถึงแล้วรุสโซก็เปิดประตูลงไป สาวเท้าผ่านอาคารต่าง ๆ ไม่ได้เหลียวหลัง มาโอแทบจะต้องวิ่งตามให้ทัน

ตอนนั้นวิทยาลัยยังเปิดอยู่ ตามตึกเรียนและลานยังมีนักเรียนอยู่ไม่น้อย นักเรียนเหล่านั้นส่วนใหญ่รู้ว่ารุสโซเป็นใครก็พูดจากันท่าทางตื่นเต้น แต่พ่อมดไม่ได้สนใจ เขาเดินไปจนถึงส่วนรับแขกของวิทยาลัย ครั้นบอกคนที่นั่นเรียบร้อยว่าตนเป็นใครแล้วก็มีคนมาพาเขากับมาโอไปยังห้องพยาบาล

"รัสเซลอาจจะป่วยมาก่อนหน้านี้ เรายังไม่แน่ใจนัก เขาไม่ได้มาแจ้งว่าตัวเองป่วย และไม่ได้แสดงอาการ ที่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นเพราะเพื่อนที่นอนห้องเดียวกันมาแจ้ง พอรู้เรื่องนี้ผู้ดูแลหอพักก็สั่งให้เขาไปพบหมอทันที" คนที่นำทางเล่าให้รุสโซฟัง "หมอให้แยกตัวเขาไว้เพราะไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไรแน่"

ยามรุสโซไปถึงห้องที่รัสเซลถูกแยกไว้ เด็กชายตื่นอยู่ เขาเอนหลังครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง ครั้นเห็นว่าใครมาก็ชันร่างขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากเรียกพี่ชาย รุสโซจึงเข้าไปใกล้เตียงน้อง สอบถามอาการว่าเป็นอย่างไร

ยามที่พี่น้องคุยกัน มาโอไม่ทราบว่าควรไปที่ไหนได้จึงยืนพิงประตูห้องอยู่ทางหนึ่ง ระหว่างนั้นรัสเซลก็ถอดเสื้อออกตามที่พี่ชายบอก ทั้งรุสโซและเจ้าแมวดำจึงได้เห็นว่าแม้เด็กชายดูไม่เป็นไรก็จริง แต่บนผิวใต้เสื้อกลับเต็มไปด้วยรอยผื่นแดง รอยดังกล่าวประหลาดน่ากลัวยิ่งนักดูคล้ายเปลวไฟ พันเป็นลวดลายไปทั้งตัว

"เป็นมาแต่เมื่อไร" รุสโซถามน้อง

"ข้าไม่แน่ใจ...อาจจะสองสามวันก่อน" รัสเซลตอบอ้อมแอ้ม

"เหตุใดไม่บอกอาจารย์ปกครอง" พี่ชายเขาถามต่อไปทันที

"ข้าเห็นเป็นแค่ผื่น...ไม่น่ามีอะไร"

"ผื่นประหลาดอย่างนี้แม้แต่หมอที่มาดูเจ้าก็บอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าใช้คาถาหรือทดลองอะไรผิดพลาดหรือเปล่า"

"...เปล่าครับ"

"ได้ต้นไม้หรือแร่อะไรใหม่มาหรือเปล่า"

เมื่อถามมาถึงคำถามนี้ สีหน้าของรัสเซลก็เปลี่ยนไปแวบหนึ่ง ทั้งพี่ชายเขาและมาโอต่างเห็นชัดเจน กระนั้นเด็กชายกลับบอกว่าไม่มีอะไร ตนไม่ได้ต้นไม้หรือแร่ใหม่มา รุสโซถามอีกหลายคำ ครั้นรัสเซลไม่ยอมตอบตรง ๆ เขาก็จนใจ สุดท้ายจึงบอกว่าจะไปคุยกับแพทย์ประจำวิทยาลัยดู

"หากว่ามีอะไรควรรีบบอก เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว" ชายหนุ่มบอกน้องเป็นคำสุดท้าย ก่อนจะหันไปทางแมวของตน "มาโอ เจ้าอยู่นี่ก็แล้วกัน"

หลังจากนั้นรุสโซก็รีบจากไป ทิ้งน้องไว้กับเจ้าแมวดำ

"ปรกติเป็นน้ำแข็งแท้ ๆ วันนี้อย่างกับพายุ" มาโอเอ่ยขึ้นลอย ๆ ครั้นแล้วจึงหันมาทางรัสเซลที่อยู่บนเตียง เขาเห็นเด็กชายครั้งสุดท้ายเมื่อสองปีก่อน...ตอนอายุสิบสอง เวลานี้รัสเซลอายุสิบสี่ปีแล้ว ตัวยืดขึ้นมาก เริ่มดูเก้งก้างกำลังจะเป็นหนุ่ม เด็กชายมีเค้าหน้าคล้ายพี่ ตาสีเขียวเหมือนกัน แต่ผมสีทองเข้มกว่า แม้ไม่ได้มีท่าทางเยือกเย็นน่าเกรงขามเหมือนรุสโซ แต่ก็เป็นคนหน้าเฉยคล้ายกัน ทำให้มาโออดค่อนขอดไม่ได้ว่าพวกตระกูลหน้าตาย

"สวัสดี" เจ้าแมวดำบอกเด็กชาย

"สวัสดีครับ" อีกฝ่ายตอบ

"ไอ้ใต้เตียงนั่นอะไร" มาโอตั้งกระทู้ถามต่อไป

"อ้อ..." รัสเซลก้มลงค่อย ๆ ดึงชายผ้าออกมา ว่ากันตรง ๆ ...มันคือผ้าห่มชั้นที่สอง ซึ่งบัดนี้ได้รับการผูกมัดแน่นหนาเป็นเชือกยาวอย่างดิบดี ที่จริงเด็กชายก็เก็บมันไว้ดีแล้ว แต่เผอิญมาโอตาไวจึงเห็นชายแลบออกมา ว่าไป...เขาก็สงสัยอยู่ว่าทำไมรุสโซซึ่งเป็นคนละเอียดรอบคอบจึงไม่เห็น บางทีรุสโซคงร้อนใจเกินไปกระมัง

"เจ้าจะปีนหน้าต่างหนีออกไปเหมือนในนิยายหรือ" เจ้าแมวดำสงสัย

"ข้าสะเดาะกุญแจไม่เป็น...เคยคิดว่าจะเรียนแต่ไม่มีโอกาส" เด็กชายบอกตามตรง "และก็ใช้มนตร์ลอยตัวไม่ได้ด้วย เลยคิดว่า...ไว้มืด ๆ แล้วจะปีนออกไปครับ"

"แล้วคิดว่าจะรอดหรือ"

"ยังไม่ได้ลองเลยครับ"

เมื่อถึงตอนนี้ มาโอก็ได้ข้อสรุปชัดเจนไม่ต้องพิสูจน์ใด ๆ ว่ารัสเซลไม่ค่อยจะเหมือนพี่ชายของเขาเท่าไหร่นักหรอก

...

"ข้าชื่อมาโอ" เจ้าแมวดำตัดสินใจแนะนำตัว ลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง แถมยังช่วยเอาเท้าเขี่ย 'เชือก' ของอีกฝ่ายซ่อนเข้าไปให้เสียด้วย

"ข้ารู้จักท่าน พี่พูดถึงบ่อย ๆ" เด็กชายบอก "ข้าชื่อรัสเซลครับ"

"ไหนเล่ามาสิว่ามีอะไร" อีกฝ่ายถามต่อไป

รัสเซลดูไม่ใคร่แน่ใจนัก แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง บางทีอาจจะเพราะแม้ตัวเด็กชายเองก็รู้ว่าปีนเชือกหนีคงไม่ได้ผลดีอะไรนัก ในที่สุดเขาจึงได้พูดออกมา

"ท่านอย่าเอาไปบอกพี่รุสโซ" เขาบอก "ข้าได้นี่มา"

ยามพูดว่า "นี่" เด็กชายก็ยกมือข้างหนึ่งแบขึ้น เมื่อแรกมาโอมองไม่เห็นอะไรสักอย่างเดียว แต่ผ่านไปราวชั่ววินาที ก็มีแสงอะไรเรือง ๆ เกิดกลางฝ่ามือของเด็กชาย เจ้าแมวดำเห็นแต่แสงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มเห็นชัดเจนว่าในแสงนั้นมีอะไรบางอย่างลักษณะคล้ายต้นไม้อยู่ มันลอยกลางฝ่ามือของรัสเซล เห็นตั้งแต่ปลายถึงราก กะแล้วน่าจะประมาณสิบนิ้ว ลำต้นไม้เป็นสีขาว ลักษณะเหมือนผลึกหรือน้ำแข็ง บนบริเวณที่ควรเป็นใบกลับมีบางอย่างดูเป็นปุยหนาเรืองวิบวับอยู่แทน ยามมาโอยื่นมือเข้าไปใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น รัสเซลก็ไม่ได้ถอยหนี แต่ครั้นเจ้าแมวดำแตะถึงต้นไม้จริง ๆ กลับต้องสะดุ้งชักมือกลับ หากใช้ร่างแมวคงขนฟูทั้งตัว ...ลำแสงบนมือของรัสเซลเย็นยิ่งนัก เย็นเหมือนน้ำแข็ง มาโอรู้สึกได้เพียงความหนาวสุดขั้วหัวใจ ส่วนจะแตะถูกอะไรหรือเปล่านั้นไม่ทราบเลย

"นี่คืออะไรกัน"

"คือต้นเกล็ดหิมะ ข้าได้มาจากตลาดนัดใหญ่"

"หือ เจ้าไปตลาดนัดที่กำแพงตะวันตกมาอีกแล้วหรือ" เจ้าแมวดำส่งเสียงในคอ เป็นเหตุให้เด็กชายต้องก้มหน้าลง

"พี่บอกว่าพอเข้าวิทยาลัยได้แล้วอย่าไปอีก จะถูกไล่ออกได้" เขาบอก "แต่...ข้าปลอมตัว พอกยาแถมยังเปลี่ยนสีตาสีผมทุกครั้งที่ไป ข้าคิดว่า...คงไม่เป็นไร"

ตลาดนัดใหญ่ที่กำแพงตะวันตกเป็นย่านเดียวในเมืองหลวงที่คนในแดนเวทมนตร์จะติดต่อซื้อขายกับคนจากต่างแดน แต่ตามประเพณีของคนแดนนี้ ซึ่งหวงตัวและไม่ชอบชาวต่างชาติ ตลาดดังกล่าวถือเป็นย่านไม่ดี คนที่จะไปกันมีเพียงคนเหลื่อมระดับหรือพวกเรียนหนังสือได้ไม่สูง ทว่ามีความชำนาญในด้านค้าขายแลกเปลี่ยนเท่านั้น

กระนั้นแต่เล็กมา รัสเซลมักไปที่นั่นเป็นประจำ พี่ชายไม่มีเวลาดูแลเขา เด็กชายจึงหาเรื่องเล่นด้วยตัวเอง เขาอ่านหนังสือเรื่องต้นไม้เรื่องสินแร่ ครั้นหาของจริงที่ใดไม่ได้ก็ไปหาซื้อแลกเปลี่ยนเอาที่ตลาดนัดใหญ่ บางทีก็ไปที่นั่นเพื่อเช่าม้าขี่ออกไปยังป่านอกกำแพงเมือง

ต้นเกล็ดหิมะเป็นไม้ดอกหายาก ดูเหมือนจะขึ้นเพียงในบริเวณทุ่งน้ำแข็งสุดสายตา ประมาณสัปดาห์ก่อน พ่อค้านักผจญภัยคนหนึ่งไปได้มันมาด้วยความยากลำบาก เขาภูมิใจมากก็นำมาวางตั้งไว้ที่ร้านตน ติดราคาเสียงแพงลิบลิ่ว รัสเซลไม่เคยเห็นต้นเกล็ดหิมะมาก่อน พอได้เห็นย่อมตื่นเต้นยิ่งนัก รีบซื้อมาทันที

"เอ้อ เดี๋ยวก่อนนะ" เจ้าแมวที่ฟังอยู่เร่งปราม "ไหนว่าราคาแพงลิบลิ่ว แล้วเจ้าซื้อมาได้อย่างไร"

"ข้าก็เอาแร่โลหะพิษของแดนปีศาจไปแลกมา" อีกฝ่ายบอก

มาโอเริ่มอ้าปาก แม้ไม่เคยได้ยินเรื่องต้นเกล็ดหิมะ แต่เรื่องแร่โลหะพิษของแดนปีศาจนั้นเจ้าแมวดำที่ทำงานทำเนียบราชการลับย่อมทราบดี แร่ดังกล่าวหายากยิ่งนัก มีแต่เฉพาะในแดนปีศาจ ถือเป็นของสูงมีแต่พวกราชวงศ์หรือคนร่ำรวยมากจึงได้ใช้ ไม่ว่ากรรมวิธีทำเหมืองหรือการนำมาตีแปรรูปเป็นสิ่งของล้วนซับซ้อนวุ่นวาย มีคนทำเป็นน้อยแทบนับตัวได้ แร่ดังกล่าวนี้นอกจากจะนิยมตีเป็นอาวุธที่มีพิษร้ายฝังอยู่ในเนื้อแล้ว พวกผู้ใช้พิษที่มีตำแหน่งหรือมาจากตระกูลสูงจำนวนหนึ่งยังนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับด้วย โดยค่อย ๆ ใส่จากชิ้นเล็ก ๆ ให้ร่างกายทนพิษก่อน จึงเพิ่มมากชิ้น และชิ้นใหญ่ขึ้น ที่ทำอย่างนี้เพื่อให้ร่างกายทนพิษ เชื่อกันว่าหากทนพิษจากแร่ดังกล่าวได้ ก็จะไม่เป็นอันตรายจากพิษใด ๆ ในโลกอีก นอกจากนั้นการใช้เครื่องประดับจากแร่โลหะก็ยังดีกว่าการฝึกดื่มยาพิษจนร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะเครื่องประดับเหล่านั้นยังใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย

"ข้ามีเกินมาก้อนหนึ่งพอดี" รัสเซลอธิบาย "ที่จริงเสียดายอยู่เพราะแลกมายาก แต่ข้าก็ไม่มีที่จะเก็บแล้วเหมือนกัน เลยเอาก้อนใหญ่ไปแลกมา"

เขาได้แร่เหล็กพิษมาได้อย่างไรน่ะหรือ ดูเหมือนก้อนหนึ่งจะได้เป็นการสมนาคุณจากการช่วยดูสินค้าให้แม่ค้าคนหนึ่ง ส่วนอีกก้อนนั้นเอาดอกไม้สายรุ้งไปแลกมา ดอกไม้สายรุ้งเป็นดอกไม้มายางดงามจากแดนเอลฟ์ สิบปีจะบานสักครั้ง ครั้นถามว่าได้ดอกไม้ดังกล่าวมาอย่างไร รัสเซลก็บรรยายสาแหรกวิธีการต่าง ๆ ของตนต่อไปเป็นขั้นเป็นตอน เขาเป็นนักสะสม จึงมักเอานั่นแลกนี่อยู่เป็นประจำ นอกจากนั้นเพราะสะสมมานานสายตาจึงดีอย่างยิ่ง พวกคนค้าขายในตลาดนัดใหญ่หลายคนก็ชอบจ้างเด็กชายดูของให้ แล้วตอบแทนด้วยต้นไม้หรือสินแร่ที่เขาต้องการ

มาโอฟังถึงตอนนี้ก็ชักจะรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา

"เดี๋ยวนะ" เจ้าแมวดำยกมือห้ามในที่สุด "รัสเซล นี่คงไม่ได้หมายความว่า...เจ้ารวยกว่ารุสโซแล้วหรอกใช่ไหม"

เด็กชายชะงักทันที

"ถ้า...ขายบางอย่างไปก็คงได้เงินมา" เขาก้มหน้าลง "แต่พี่มาโอ ข้าไม่ได้คิดจะรวย"

จริง...เขาไม่มีความคิดจะรวยเลยแม้แต่น้อย รัสเซลเห็นคุณค่าของการเก็บตัวอย่างและการทดลองมากกว่า ยามได้ต้นไม้งดงามวิเศษอย่างดอกไม้สายรุ้งหรือต้นเกล็ดหิมะมา เด็กชายเพียงคิดตรวจสอบบันทึก วิเคราะห์ไว้เป็นหลักฐาน เขาไม่เคยมีเจตนาจะเป็นคนค้าขาย ไม่มีความคิดกักตุนสินค้า ไม่รู้จักตัดราคา ยามมีเงินหากไม่ซื้อแร่ซื้อต้นไม้ก็จะเก็บไว้ เขาเห็นพี่ชายทำงานมาแต่เล็ก ย่อมทราบว่าเงินทองหามายากลำบาก ที่จริงรัสเซลเคยบอกรุสโซหลายครั้งแล้วว่าตนจะทำงานพิเศษ จะอยู่เองให้ได้ แต่รุสโซเคยชินกับการส่งเสียน้อง หรือพูดอีกอย่างคือเขาชินกับการใส่เสื้อผ้าเก่า กินอาหารธรรมดา อยู่บ้านเช่าเล็ก ๆ ไปเรียบร้อยแล้ว เงินเดือนที่เหลือส่วนใหญ่หากไม่เป็นค่าใช้จ่ายของรัสเซล ก็เก็บเข้าบัญชีร้านเงินหมดสิ้น ไม่มีกระเด็นเลยสักเหรียญเดียว

"นี่ข้าถามเล่น ๆ นะ ระหว่างเจ้าสองคนพี่น้อง มีเงินไม่ได้ใช้กองอยู่เท่าไรแล้ว" เจ้าแมวดำสงสัย

"ข้าไม่รู้หรอกครับ" เด็กชายบอกโดยซื่อ "...เอ้อ...ต้นเกล็ดหิมะ"

"ได้ ๆ ไม่ถามแล้ว" มาโอยกมือ "ต้นเกล็ดหิมะเป็นอย่างไรเล่า"

ต้นเกล็ดหิมะมีลักษณะพิเศษ นอกจากขึ้นในบริเวณทุ่งน้ำแข็งสุดสายตาแล้ว ยังเชื่อกันว่าหากใครกลืนใบของมันลงไปจะมีพลังเยือกแข็งอยู่ในตัว รัสเซลทดลองไปทดลองมาไม่เห็นมีอะไรคืบหน้า ไม่รู้จะพิสูจน์อย่างไรดี วันดีคืนดีเมื่อสองสามวันก่อนเด็กชายก็เลยจัดแจงกลืนใบต้นเกล็ดหิมะของตนลงท้องไป

มาโอเริ่มเหลือกตาขึ้นเพดาน

"ฤทธิ์มันอยู่ไม่นานหรอกครับ" เด็กชายรีบบอกก่อนจะโดนแมวของพี่ชายเตะ "แต่ข้าคิดว่ามันได้ผล ปรกติข้ามีพลังเวทมนตร์น้อย เรียนอะไรไม่ค่อยได้ แต่พอกลืนลงไปแล้วก็เรียกต้นไม้ออกมาที่มือได้อย่างที่ท่านเห็น แล้วก็ใช้มนตร์น้ำแข็งได้ดีขึ้นด้วย แต่ไม่รู้ทำไมกลับมีผื่นขึ้นมาอย่างนี้ ตอนแรกมันน้อย แต่ไป ๆ ก็เยอะ พวกเพื่อนร่วมห้องเห็นเข้าเลยไปแจ้งอาจารย์ ข้าก็เลยต้องถูกกักอยู่ที่นี่"

"แล้วอย่างไรไม่ทราบ" เจ้าแมวดำเริ่มไม่อยากช่วยแล้วอย่างไรชอบกล

"ข้าคิดว่าข้าแพ้ต้นเกล็ดหิมะ" เด็กชายบอก "ในหนังสือบอกว่าบางคนก็แพ้เหมือนกัน อาการก็แล้วแต่ว่าใครมีธาตุอะไรมากน้อยอย่างไร แต่ปรกติข้าก็มีธาตุน้อยทุกอย่างอยู่แล้ว ยิ่งธาตุไฟยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ข้าคิดว่ารักษาตัวเองได้ แต่ต้องการของมาผสมยาแก้ ต้องไปซื้อที่ตลาดนัดใหญ่ถึงจะมี"

"ไปบอกพี่ชายเจ้านั่นเลยไป" อีกฝ่ายโบกมือไสส่ง "เล่นอะไรแผลง ๆ อย่างนี้ ควรโดนหมอนั่นเทศนาด่าทอสักห้าชั่วโมง"

"แต่พี่มาโอ..."

"ทำไมอีกเล่า"

"ถ้าข้าบอกพี่ ข้าก็คงไม่ได้ไปตลาดนัดใหญ่อีกไม่ใช่หรือครับ" เด็กชายถาม "ถ้าหากไม่ได้ไปตลาดนัดใหญ่อีก ข้า...จะทำอย่างไร"

มาโอขยับจะบอกว่ารัสเซลทดลองอะไรแผลงถึงเพียงนี้ ไม่ควรได้ไปตลาดนัดใหญ่อีกยี่สิบปีเป็นอย่างต่ำ แต่พอเห็นสีหน้า ได้ยินน้ำเสียงของเด็กชายเข้าจริง ๆ เจ้าแมวดำก็ชะงัก ...เขาลืมไปสนิทว่านอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว รัสเซลคงไม่มีเรื่องสนุกอื่นใดเท่าไรนัก เขาเรียนหนังสือช้า พวกเพื่อนร่วมชั้นก็คงอายุน้อยกว่าหมดสิ้น แม้เด็กชายจะดูสุขภาพจิตดีไม่มีปัญหาอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้พี่ชายรู้ ...คงกลัวถูกริบของชอบหนึ่งในไม่กี่อย่างของตนไปจริง ๆ

"ที่จริงรุสโซก็มีเหตุผล คุยกับเขาก็คงมีทางออกดี ๆ" เจ้าแมวดำบอกอ้อมแอ้มในที่สุด "แต่ว่า...ก็ได้ ข้าจะช่วยเจ้า ครั้งนี้ครั้งเดียวหรอกนะโว้ย"

รัสเซลดีใจเป็นกำลัง ตั้งใจจะบอกขอบคุณ แต่ว่าตอนนั้นรุสโซก็เข้ามาในห้องเสียก่อน และบอกว่าจะพาน้องชายกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน

..................................................................................................................................................................

...รุสโซ เจ้าอย่าบอกใคร หากบอกไปจะมีอันตรายมาก หากบอกไปน้องจะต้องตาย...

รุสโซตื่นขึ้นกลางดึก เขามึนงงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะจำได้ว่าตนกลับมานอนที่บ้าน เมื่อบ่ายหลังเลิกประชุมแล้วมีคนส่งหมายมาว่าน้องเขาไม่สบาย รุสโซคุยกับแพทย์ประจำวิทยาลัย หมอบอกเขาไม่ได้ว่ารัสเซลเป็นอะไร และแนะนำให้ชายหนุ่มติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านพิษ รุสโซฟังคำเหล่านั้นแล้วก็ไม่ได้โต้ตอบ เพียงบอกว่าจะพาตัวน้องกลับบ้านก่อนแล้วจึงค่อยจัดการเรื่องอื่น ๆ ต่อไป

ยามเจรจากับหมอและอาจารย์ฝ่ายปกครอง รุสโซสงบนิ่งอย่างยิ่ง...นิ่งจนเกือบคล้ายเย็นชา เขาก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่ที่จริงทันทีที่เห็นรอยผื่นรูปคล้ายเปลวไฟบนตัวน้อง พ่อมดก็มีความกลัว ความกลัวเก่าแก่ที่ไม่เคยบอกใคร มาจากความทรงจำอันแสนไกล ในวันหนึ่งเมื่อสิบสี่ปีก่อน ยามที่พ่อสั่งให้เขาปิดประตูหน้าต่างทุกบานเอาม่านลง และตัวพ่อเองเร่งกางข่ายคาถาหนาแน่น หลอกให้คนทั้งปวงคิดว่าบ้านที่เขาพักอยู่เวลานั้นยังเป็นปรกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

...รุสโซ อย่าได้ไปบอกใคร...

พ่อกับแม่ตายแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้วนอกจากเขา...ชายหนุ่มนึกในใจ ชันตัวขึ้นนั่ง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหน้าผาก...รัสเซลเองก็ไม่รู้ ดังนั้นตลอดมา...ตลอดมาเขาจึงคิดว่าไม่น่าเป็นอะไร แต่ตอนนี้จะมีอะไรหรือเปล่า รุสโซไม่อยากยอมรับเลยว่าเขาตกใจเสียจนนำน้องกลับบ้านทันทีโดยไม่มีแผนการล่วงหน้า เขาควรเชิญผู้เชี่ยวชาญพิษหรือแพทย์มาดูน้องหรือเปล่า หากว่าคนเหล่านั้นเกิดทราบความจริงจะทำอย่างไร แต่ถ้าหากน้องเขาป่วยด้วยโรคร้าย ไม่เชิญหมอมาดู รัสเซลก็จะยิ่งไม่สบายไม่ใช่หรือ

พ่อมดถอนใจ คิดว่าคงต้องมอบงานไปทุ่งน้ำแข็งสุดสายตาให้คนอื่น เจ้ามาโอคงเซ็งเป็นกำลัง แต่ก็ช่วยไม่ได้...

ตอนนั้นเอง ไหล่ของรุสโซก็ไหวหน่อยหนึ่ง พ่อมดทำงานราชการลับย่อมมีนิสัยระมัดระวังตัว แม้ยามอยู่บ้านตนเองเขาก็วางโครงตาข่ายเวทมนตร์ไว้ หากมีอะไรผิดปรกติในบ้านย่อมรู้สึกได้

...มีหน้าต่างบานหนึ่งถูกเปิด...ชายหนุ่มนึก เขาโบกมือผ่านหน้า สร้างรูปจำลองขึ้นในความมืด...หน้าต่างห้องนั่งเล่น ส่วนไอ้ตัวที่เปิดนั้นบัดนี้มายืนโบกหางอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว

รุสโซแปลกใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมาโอต้องลอบเข้าบ้านตน ชายหนุ่มจึงเพียงรอดูต่อไป เขาเห็นเจ้าแมวดำกางหนวดสำรวจสภาพรอบตัว มันเดินผ่านห้องนั่งเล่นมายังทางเดินกลาง เท้าเบากริบยิ่งนัก ก่อนจะไต่บันไดแผ่วเบาขึ้นสู่ชั้นบน ผ่านประตูหน้าห้องเขาไปยังห้องของรัสเซล

เมื่อถึงตอนนั้น รุสโซจึงเพิ่งสังเกตว่ารัสเซลแง้มประตูห้องทิ้งไว้หน่อยหนึ่ง...ราวกับตั้งใจ เจ้ามาโอแทรกตัวผ่านช่องดังกล่าวเข้าไป ไม่นานนักทั้งรัสเซลทั้งมาโอก็ออกมา ย่องด้วยปลายเท้าผ่านหน้าห้องเขา ส่งผลให้คนข้างในรู้สึกเกือบเหมือนถูกดูถูก...นี่พวกเจ้านึกว่าข้าจะจับไม่ได้จริง ๆ หรือไง

แต่รุสโซสงสัยว่าหนึ่งคนกับหนึ่งตัวนั้นจะไปทำอะไร ดังนั้นยามเด็กชายกับแมวออกจากบ้านแล้ว ชายหนุ่มจึงสวมเสื้อคลุม ตามออกไปด้วยเช่นกัน




Create Date : 24 มิถุนายน 2553
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 23:35:08 น. 5 comments
Counter : 1182 Pageviews.

 
สนุกมากๆเลยค่า แต่งต่อไวๆน้า อยากรู้จังว่าจะเป็นไงต่อ55+


โดย: jam IP: 61.90.76.169 วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:8:42:31 น.  

 
ตามไปดูที่บอร์ดถนนนักเขียนได้นะคะ มีถึงตอนที่ 4 แล้ว


โดย: ลวิตร์ วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:13:57:05 น.  

 
ที่บอร์ดถนนนักเขียนหาไม่เจอเลยคะ ทำยังไงดีละฉัน TT


โดย: wolfram IP: 58.9.56.233 วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:21:05:23 น.  

 
งั้นเดี๋ยวเอามาปะบล็อคให้นะคะ รอหน่อยนุง


โดย: ลวิตร์ วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:22:04:39 น.  

 
ง่า อยากอ่านต่อจัง ตามไปที่ถนนนักเขียนก็เจอแค่ตอน 5 เป็นนิยายที่สมัยเด็กๆอ่านจนเยินไปหมด จะสายไปรึเปล่าน้อ ตั้ง 3 ปีเข้าไปแล้ว T^T


โดย: JAMM__ IP: 125.25.61.74 วันที่: 21 เมษายน 2556 เวลา:14:45:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.