|
บินละค่า
คืนนี้ตอนสองทุ่ม ห้าสิบห้านาที
มีความหวังและความหวาดกลัวมากมายมหาศาล
ไม่อยากแค่เรียนให้ดี แต่อยากเรียนแล้วได้ความรู้ที่ใช้ประโยชน์ได้ สมกับที่ป๊ะป๋ากะหม่ามี้ส่งไป
อยากเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ อยากเก่งกว่านี้ อยากเข้มแข็งกว่านี้
อยากได้งานหลังจากเรียนจบหนึ่งปีแล้ว (ไม่เอางานล้างจานนะ)
น้ำเน่าไปหน่อย แต่อยากเป็นคนดี แบบว่าไม่ว่าทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ก็ยังเป็นคนดีอยู่ได้
สาธุ -/\-
Create Date : 14 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 14 กันยายน 2550 12:22:30 น. |
Counter : 819 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
กับดัก
เขียนไว้ก่อนที่จะลืม
บล็อคนี้อาจจะสปอยล์เรื่องอมตะ (ของคุณแก้วเก้า) เพราะงั้นใครแพลนจะอ่านอมตะก็ข้ามไปเลยได้ แต่จริง ๆ ที่เขียนมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอมตะในฐานะหนังสือเท่าไหร่หรอก
มันเกี่ยวกับวิธีที่พระเอกแก้ไขความเป็นอมตะของตัวเอง แต่ถ้าให้พูดแบบนั้น มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง "ขนาดนั้น" เหมือนกัน
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า คุณพระเอกแกเป็นมหาราชาแคว้นนึงในอินเดียเมื่อนานแสนนานมาแล้ว แกไปทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่ง (ตลอดจนเจี๋ยนชีในภายหลัง) เลยถูกชีทำให้เป็นอมตะ ตอนแรก ๆ ก็คิดว่าเป็นอมตะก็ดีนุ แต่อยู่ไป ๆ มา ๆ ก็พบว่าความเป็นอมตะคือความทรมาน (นี่หว่า) อะไรประมาณทำยังไงก็ไม่ตายสักที ถึงแคว้นล่ม คนรักตาย ตัวเองซมซานไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะทำอะไร รักใครเขาก็ต้องตายก่อนตัว ทำนองนั้น (นึกถึงฮิโนะโทรินิดหน่อย เพราะเรื่องนั้นเล่นกับความเป็นอมตะและความอยากเป็นอมตะเหมือนกัน)
ทีนี้วิธีแก้ก็คือ ต้องให้ผู้หญิงคนนั้นมา "ให้อภัย" พระเอก แต่ผู้หญิงคนนั้นชีก็ไปเกิดมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว ไม่มีทางรู้ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นเด็กหรือคนแก่ บางทีอาจจะเป็นสัตว์ก็ได้
แน่นอน ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นางเอกเรื่องนี้ เพราะมัน "ง่ายเกินไป"
ทีนี้ ปัญหาก็อยู่ที่ว่า ผู้หญิงคนนั้นมาเกิดเป็นใคร
ทีนี้ (อีกแล้ว) ก็มีอีกอย่างที่จุดชนวนให้มาเขียนบล็อคนี้ คือตัวร้ายเรื่องนี้มัน "เจี้ย" แบบว่า ชั่วจริง ๆ ให้ตายเถอะ ตบตี ๆๆๆ (คนอ่านแอบ love to hate) พออ่าน ๆ ไปแล้วเลยเกิดคิดขึ้นมาว่า ถ้า "ผู้หญิงคนนั้น" มาเกิดเป็น "ไอ้เวรนี่" จะทำยังไงเหวย เพราะรับรองได้ว่าแกไม่ใช่คนที่จะให้อภัยใครได้ (และไม่ใช่คนที่ใคร ๆ ในเรื่องจะอยากให้อภัยด้วย)
ดังนั้นจึงถือว่าโชคยังดีที่ผู้หญิงคนนั้นไม่มาเกิดเป็นไอ้เวรนี่ เพราะถ้าขืนใช่แล้ว รับรองว่าพระเอกต้องเป็นอมตะลอยตุ๊บป่องกลางทะเลต่อไปอีกเท่ากะชาตินึงของ "ผู้หญิงคนนั้น" แหง ๆ
อย่างไรก็ตาม ก็ชวนให้คิดต่อไปถึงเรื่องเวรเรื่องกรรม คือมันทำให้รู้สึกว่า "อ๊ะ กับดักนี่หว่า" ขึ้นมาแบบแปลก ๆ
ว่ายังไงดีล่ะ มันทำให้รู้สึกว่าชีวิตนี้เหมือนทุ่งที่มีกับระเบิดฝังอยู่เต็มไปหมดน่ะ เพราะตามความรู้สึกของคนทั่วไป การที่มีคนทำร้ายมา การทำร้ายเขาตอบก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดาใช่ไหม แต่ว่าการกระทำของเราเนี่ย มันไม่ได้จบลงตรงนั้นหรอกนะ มันเป็นห่วงโซ่ที่ยาวมาก ๆ ที่ลากมาจากอดีต และจะลากต่อไปถึงอนาคตต่างหาก
ถ้าทำร้ายเขาตอบไปแล้ว ซ้อนสามชั้นสี่ชั้นห้าชั้น ในที่สุดก็จะกลับไปแก้ไขอะไร สมมุติง่าย ๆ เช่นไอ้เวรนั่น ตอนแรกที่รู้จักกันก็ยังพอจะพูดจาขอให้มันให้อภัยให้ได้ (มองโลกในแง่ดีว่ามันอาจจะยังมีดีอยู่บ้าง) แต่ถ้าสมมุติว่ามันตบมาผัวะนึง พระเอกก็ตบกลับไปผัวะนึง ผัวะกันไปผัวะกันมา พระเอกชนะเลิศ แต่มันก็ไม่ยอมอภัยให้เหมือนกัน (แต่จะไม่ตบก็ไม่ได้ เพราะมันจะมาทำร้ายนางเอกและมันชั่วจริง ๆ)
อาจจะเป็นบล็อคที่สับสนสักหน่อยเพราะยังคิดไม่สุด แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าคิดดีน่ะนะ
Create Date : 10 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 10 กันยายน 2550 19:23:22 น. |
Counter : 487 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เอ่อ
อาโทรมาคุย บอกว่าตอนแรกกะจะชวนดู Cats แต่เพิ่งเห็นว่ามันเล่นพฤศจิ เพราะงั้นยังไงคงไม่ได้ดูอยู่แล้ว จากนั้นก็คุยอะไรกันนิดหน่อย เรื่องละเม็งละคร (อาชอบดูการแสดงบนเวที แต่หลานจำกัดเฉพาะละครกับเต้น คอนเสิร์ตดูไม่ค่อยเป็น)
นึกไปนึกมา นึกขึ้นมาได้ถึงละครหุ่นกระบอกที่รอมาหลายปี (ยังคงใฝ่ฝันอยากดูอยู่เสมอ) คือลิลิตเตลงพ่าย ของ อาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต
แต่พอนึกได้ขึ้นมาก็บังเกิดฟ้าผ่าลงกลางกบาลทันที ค่าที่นึกได้ขึ้นมาเหมือนกันว่า ถ้าเกิดอาจารย์แกเปิดแสดงตอนที่ตูไม่อยู่พอดีนี่จะทำยังไง จะให้บินกลับมาย่อมเป็นไปไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง...
- -'' ยี่สิบปีที่ฉันเฝ้ารอมาตั้งแต่ดูหุ่นกระบอกสามก๊กจนถึงตอนนี้ หวังว่าคงไม่สูญเปล่าไปหรอกใช่ไหม (ใช่สิ อ.แกยังทำไปเรื่อย ๆ อยู่เลยนี่นา...ตั้งความหวังให้ตัวเอง)
เมื่อก่อนนี้ ตอนที่หุ่นสามก๊กของ อ.จักรพันธุ์ลงโรง จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ดู และบิดามารดาไปได้ข่าวมาจากไหน แต่คิด ๆ ดูแล้ว สงสัยอยู่ว่ามันคงเป็นงานใหญ่ระดับที่คนสนใจรู้กันทั้งเมือง ยังจำได้ว่ารอบที่ไปดูตัวเองยังเด็กมาก ๆ และตอนนั้นคนไทยยังเห่อปุ๋ย ภรทิพย์ (เขียนงี้เปล่าหว่า) ที่ได้เป็นนางงานจักรวาลอยู่พอสมควร อ.จักรพันธุ์เลยเอามาล้อซะแอบเสียหายไปเลย - -''
หุ่นกระบอกสามก๊กคราวนั้นติดอยู่ในความทรงจำอย่างแรง ขนาดที่ว่าพอดูจบแล้วยังมีการซื้อวีดีโอมาดูกันต่อ และเป็นหนึ่งในวีดีโอฮิตประจำบ้าน (พอ ๆ กับโรบินฮู้ดของดิสนีย์) ถึงแม้ว่าจะไม่ขนาดจำได้ทุกซีน แต่ก็จำเพลงร้องในเรื่องได้เกือบครบ โดยเฉพาะพวกเพลงที่จังหวะมันชวนจำ พวกบทพูดบางบทก็จำได้ด้วย เดี๋ยวนี้วีดีโอม้วนนั้นเสื่อมไปตามสภาพแล้ว ก็ได้ซีดีมาแทน (น่าจะเป็นดีวีดี) เพราะมีการทำขายใหม่ หนังสือสูจิบัตรเล่มแดง ๆ ก็ยังอยู่ เป็นประมาณของดีประจำบ้านอย่างหนึ่ง
ได้ยินว่าแต่นั้นมา อ.จักรพันธุ์ก็นั่งทำเตลงพ่ายมาเรื่อย ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้แสดงเมื่อไหร่ เคยมีตัดเอาบางส่วนมาแสดงบ้างแล้วเหมือนกัน เท่าที่ซ้อมไว้และมีตัวหุ่น
อย่าเพิ่งเล่นก่อนหนูจะกลับมานะคะ พลีส = =''
###
ยังไม่อยู่ในสภาพจะนั่งเขียนอะไรยาว ๆ ได้เท่าไร แต่เห็นว่ามีคนมาถามถึง เลยรู้สึกเกรงใจ มาตอบไว้ก่อนนะคะ
จขบ.จะไปอังกฤษวันที่ ๑๔ เดือนนี้ค่ะ ไปเรียนปริญญาโทอีกใบด้าน publishing (คล้าย ๆ นิเทศ แต่เจาะลึกเรื่องในวงการทำหนังสือโดยเฉพาะ จขบ.อยากรู้ว่าวงการหนังสือนานาชาติเขาเป็นยังไงกันบ้าง) คอร์สกินเวลาหนึ่งปี ถ้าหากหางานทำที่โน่นต่อได้ก็จะทำงานต่อไปอีกหนึ่งปี เพราะอังกฤษเพิ่งออกกฎหมายอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติทำงานต่อได้
ที่เรียนคือมหาวิืทยาลัยลอนดอน คอลเลจชื่อ UCL ส่วนเรื่องนิยายก็คงเขียนต่อไปเรื่อย ๆ และคงไม่เลิกง่าย ๆ หรอกค่ะ หนูหนืดก็หิ้วไปด้วยกัน
ใครยืมหนังสือไป เก็บไว้ก่อนจนกว่าจะมีเวลาอ่านก็ได้ ไม่ซีเรียสนะคะ^^
Create Date : 29 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 3 กันยายน 2550 17:53:46 น. |
Counter : 1292 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ของที่ทำกินเวลาไม่มีอะไรจะกิน
๑. กล้วยหอมแช่แข็ง
วัตถุดิบ - กล้วย (จริง ๆ กล้วยอะไรก็ได้) - ตู้เย็น
วิธีทำ โยนกล้วยเข้าไปในตู้เย็น (ช่องฟรีซ) รอจนแข็งได้ที่แล้วค่อยเอามากิน จะแช่ทั้งเปลือกหรือจะแช่ปอกเปลือกก็ได้ แต่้ถ้าแช่ปอกเปลือกแล้วมันเกิดดีฟรอสต์ขึ้นมา กล้วยจะสีน่าเกลียด
ส่วนถ้าแช่ทั้งเปลือก เปลือกจะสีน่าเกลียด แต่ไส้จะสีสวยนิ้ง เสียแต่ตอนปอกนี่มันเย็นมือสุด ๆ (ต้องใช้มีดปอกด้วยนะ)
เป็นอาหารที่ดีมาก รสชาติเหมือนไอติม
๒. มาม่าไข่ตุ๋น
วัตถุดิบ - มาม่า - ไข่ - ไมโครเวฟ
วิธีทำ ต้มมาม่าให้เส้นนิ่ม ถ้าชอบรสมาม่านั่นอยู่แล้วก็ต้มเหมือนต้มมาม่าปรกตินั่นแหละ แล้วตีไขใส่ลงไปเลย ถ้าไม่ชอบรสมาม่านั่นก็ต้มน้ำเฉย ๆ แล้วใส่น้ำใส่ไข่ ปรุงรสเอาเองอีกที กวน ๆ ให้เข้ากัน โยนเข้าไมโครเวฟ
ปรกติแล้วที่บ้านจะใช้เวลาทำประมาณสิบนาที
หมายเหตุ : เมนูนี้ใช้ข้าวทำก็ได้ หรือจะกินแต่ไข่ตุ๋นเฉย ๆ ก็ใส่ไปแต่ไข่กับน้ำ
๓. สปาเกตตี้มั่ว
วัตถุดิบ - เส้นสปาเกตตี้ - อะไรก็ได้ที่เจอในตู้เย็น มีเบสเป็นซอสอะไรสักอย่าง เช่น ซอสมะเขือเทศ ก็ดี
วิธีทำ ต้มเส้นสปาเกตตี้ โยนของมั่วทุกอย่างลงไปรวมกัน ต้มทำซอส (จขบ.ชอบปลากระป๋อง ไข่ กับซอสมะเขือเทศ) เอาซอสราดเส้นสปาเกตตี้
หมายเหตุ : เมนูนี้เคยมีผู้ลองใส่ ไมโล น้ำผึ้ง คอฟฟี่เมต หมูหยอง ออริกาโน่ และอะไรอีกก็ไม่รู้ลงไปแล้ว แต่คนกินยังมีชีวิตเป็นปรกติสุขดีอยู่ ...ร่างกายของมนุษย์ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ
หมายเหตุ๒ : เขียนเสร็จก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะไปเรียนทำอาหารกินเหมือนมนุษย์มนาอื่นได้แล้ว
Create Date : 13 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 13 สิงหาคม 2550 16:56:44 น. |
Counter : 515 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หารเศษส่วน
ดูการ์ตูนจิบลิเรื่อง Only Yesterday ไป เป็นเรื่องเกี่ยวกับสาวคนหนึ่งที่ลางานไปเที่ยวบ้านนอก (บ้านเกิดของพี่เขย) ช่วยครอบครัวพี่เขยทำงานในไร่ safflower (หญ้าฝรั่น? ไม่ใช่มั้ง - -') ระหว่างเรื่องก็มีการหวนนึกถึงชีวิตสมัย ป.ห้า ของตัวเองไปด้วย
ที่จริงชีวิตในชนบท กับชีวิตในวัยเด็กของสาวคนดำเนินเรื่องไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน แต่ที่หวนนึกถึงมากเป็นพิเศษก็เพราะเธอบอกว่า ชีวิตในช่วงนั้น และชีวิตในปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เหมือนกัน คือเป็นเวลาที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง (ในหนังเรียกว่า เป็นช่วงที่กำลังจะอยู่ในดักแด้) เหมือนกับว่ากำลังจะต้องตัดสินใจว่าต้องทำยังไงต่อไปในชีวิต
เป็นการ์ตูนน่ารักดี มีท่วงทำนองเรียบ ๆ ที่สุดเท่าที่ดูจิบลิมา แต่ก็ให้ความรู้สึกสงบ กับอารมณ์ขันทำให้อมยิ้มได้เรื่อย ๆ เรียกว่าเรคคอมเมนต์ให้เพื่อนกันดูได้
มีช่วงหนึ่ง นางเอกคุยกับพระเอกเรื่องหารเศษส่วน (หรือคูณเศษส่วนหว่า) เธอถามพ่อหนุ่มว่า ตอนเด็ก ๆ คุณทำเลขเศษส่วนเก่งหรือเปล่า พระเอกมันก็ ฮะ อะไรนะ นางเอกก็ว่า ฉันคิดว่าคนที่ทำเศษส่วนเก่งจะเป็นคนที่จัดการกับชีวิตได้ดี แล้วเธอก็ยกตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่ง ที่ทำเลขเศษส่วนไปตามกฏ พอโตขึ้นมาก็ใช้ชีวิตไปตามทำนองปรกติ แต่งงานมีลูกอะไรพวกนั้น
นางเอกบอกว่าตัวเองไม่เคยทำเศษส่วนได้ แล้วก็มีซีนตัดไปสมัยเด็ก ๆ ทำยังไง ๆ นางเอกก็ไม่เข้าใจว่าเศษส่วนหารเศษส่วนได้ยังไง ว่าแล้วก็วาดแอปเปิ้ลแล้วหั่นให้พี่สาวดู พี่สาวดู ๆ แล้วก็ไม่รู้จะตอบยังไง เลยบอกอะไรทำนองว่า มันมีวิธีทำอยู่ เธอก็ทำไปตามวิธีสิ
ที่จริงเราว่านางเอกเป็นเด็กฉลาดนะ คืออย่างน้อยก็คิดน่ะ เราคิดว่าคนที่คิดเป็นคนฉลาด
แต่อีกทีหนึ่ง เราก็คิดว่าในกรณีนี้มีคนอยู่สามแบบ คือ ๑. คนที่ทำไปตามกฎ ๒. คนที่คิด พอคิดแล้วไม่เข้าใจก็เลยไม่ทำตาม กับ ๓. คนที่คิด แต่ก็ยังทำตามอยู่ดี
ไอ้เบอร์หนึ่งกับเบอร์สองนี่คงเรียกได้ว่าเป็นสุดโต่งของตาชั่งคนละด้าน ส่วนเบอร์สามเป็นอะไรที่อยู่กลาง ๆ บางที พออยู่มาจนถึงอายุหนึ่ง คนเราก็เรียนรู้ที่จะขยับจากสุดปลายไปอยู่ตรงกลาง ๆ (บางคนก็ตรงข้าม และบางคนก็อยู่ที่เดิม) บางทีก็เพราะเกิดเห็นความจริงขึ้นมาว่า มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฝืนกระแสตลอดไป และบางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เหน็ดเหนื่อยที่จะทวนน้ำเสียแล้ว
ที่จริง ไม่มีแบบไหนผิดทั้งนั้นแหละ
เราคิดว่า การเป็นมนุษย์ที่ดี ก็คือการใช้ชีวิตแบบ sensible ไปตามวิธีการของตัวเองน่ะนะ
Create Date : 09 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 9 สิงหาคม 2550 23:00:46 น. |
Counter : 807 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|