ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ไทย...กับข้อหาค้างาช้างในสายตาโลก




เหตุสะเทือนใจ ที่อดีตคนงานวางยาล้มพลายวัย 50 ปี เพียงเพื่อตัดเอางาช้าง ในวังช้างอยุธยา จังหวัดใกล้กรุงเทพมหานคร แม้เป็นการกระทำของคนคนเดียวหรือกลุ่มคนเล็กๆ ก็ตาม แต่อาจเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยให้ตกต่ำลงอีกในสายตาของวงการอนุรักษ์ประชากรช้างของโลกอีกครั้งหนึ่ง

               เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เครือข่ายเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่าและพืชป่า (ทราฟฟิก-TRAFFIC) เพิ่งออกรายงาน "เปิดโปงการค้างาเลือด; ผลสำรวจตลาดงาช้างในประเทศไทย" ซึ่งพบว่า ในช่วง 18 เดือน มีจำนวนสินค้าทำจากงาช้างที่วางขาย เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า และจำนวนร้านที่ขายงาช้างในเมืองหลวงของไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก

               จำนวนผลิตภัณฑ์ทำจากงาช้างที่พบว่ามีการวางขาย เพิ่มขึ้นจาก 5,865 รายการ ในเดือนมกราคม 2556 เป็น 14,512 รายการ ในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ในขณะที่มีจำนวนร้านค้าปลีกงาช้างช่วงเดือนมกราคม-ธันวาคม 2556 เพิ่มขึ้นจาก 61 ร้านเป็น 105 ร้าน

               ทั้งหมดนี้เป็นรายงานถึงปริมาณงาช้างที่พบเกินจำนวนที่จำกัดไว้ตามกฎหมายไทย ซึ่งอนุญาตให้มีการขายงาช้างจากช้างเลี้ยงได้ ซึ่งหมายความว่า งาช้างส่วนใหญ่ที่ขายกันอยู่นั้น เป็นงาช้างที่ผิดกฎหมายภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ

               ถือว่าเป็นความล้มเหลวในการควบคุมตลาดงาช้างของไทย ซ้ำเติมวิกฤติการลักลอบล่าช้างแอฟริกาด้วย

               สถิติในปี 2556 มีช้างแอฟริกาอย่างน้อย 2 หมื่นตัว ถูกฆ่าเพื่อเอางา ส่วนใหญ่เพื่อตอบสนองความต้องการจากตลาดเอเชียที่มีสูงมาก และไทยก็ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นตลาดงาช้างที่อาจผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดตลาดหนึ่งของโลก

               ทราฟฟิกระบุว่า สาเหตุส่วนหนึ่งของวิกฤติลักลอบค้างาช้างในปัจจุบัน คือ กฎหมายอายุ 75 ปี ที่อนุญาตให้ค้างาช้างจากช้างสายพันธุ์เอเชียที่เลี้ยงกันอยู่ในประเทศไทย แต่การไม่มีระบบขึ้นทะเบียนทำให้ไม่สามารถติดตามงาช้างได้ จึงเป็นช่องโหว่ให้มีการฟอกงาช้างจากแหล่งที่ผิดกฎหมายเข้าสู่ตลาด

               รายงานฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า ปริมาณงาช้างสูงสุดที่ได้จากช้างเลี้ยงในประเทศไทยมีประมาณ 650 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณที่ “น้อยกว่าที่พบเห็นในตลาดในกรุงเทพฯ มาก”         

               และเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้รายงานบนเว็บไซต์ เกี่ยวกับการประชุมครั้งที่ 65 ของคณะกรรมการถาวรของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส-CITES) ที่นครเจนีวา สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า หลายประเทศที่เกี่ยวข้องกับการค้างาช้างผิดกฎหมายมีความคืบหน้าในการดำเนินการมาตรการสกัดกั้นการค้างาช้าง ยกเว้นประเทศไทย

               ย้อนหลังไปถึงการประชุมไซเตสที่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว ไซเตสได้ระบุชื่อ 8 ประเทศที่มีส่วนกระตุ้นการค้างาช้างผิดกฎหมาย ทั้งเป็นแหล่งจัดหา ขนถ่ายหรือบริโภค ได้แก่ จีน เคนยา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ แทนซาเนีย ไทย อูกันดา และเวียดนาม พร้อมเรียกร้องให้ประเทศทั้ง 8 ที่ถูกเรียกขานว่า "Gang of Eight" จัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไข มิเช่นนั้นอาจจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรการค้า

               อีกหนึ่งปีผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมประชุมไซเตสในปีนี้ ลงความเห็นว่า 7 ใน 8 ประเทศมีความก้าวหน้า

               ทอม เด มูเลแนร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์ของไซเตส กล่าวว่า 8 ประเทศนี้ ได้แจกแจงว่า ได้ทำอะไรไปบ้าง เพื่อให้บรรลุพันธกรณีของประเทศภายใต้อนุสัญญาฉบับนี้ แต่ประเทศที่ถูกวิจารณ์หนักที่สุดว่าปราศจากความเคลื่อนไหวและการปฏิบัติใดๆ ก็คือ ประเทศไทย และเชื่อว่าจากนี้ไป ไทยจะถูกจับตาใกล้ชิดกว่าที่เคย 

               พอล ทอดด์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโครงการและนโยบายระหว่างประเทศ กองทุนสวัสดิภาพสัตว์สากล (ไอเอฟเอดับเบิลยู) กล่าวว่า ไทยไม่มีความก้าวหน้าทั้งแง่การเมืองและกฎหมาย ไม่มีกฎหมายที่จำเป็นสำหรับการกำกับดูแลตลาดงาช้างในประเทศ จึงไม่ต้องพูดถึงการป้องกันการค้าผิดกฎหมายข้ามประเทศ ซึ่งไทยมีตลาดไร้ขื่อแปบนข้ออ้างว่า งาช้างทั้งหมดมาจากช้างเลี้ยง ซึ่งเป็นไปไม่ได้                

               อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่แน่ว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ท่องเที่ยวของไทยในอนาคตอันใกล้หรือไม่ หากความล้มเหลวในการปกป้องช้างกลายเป็นกระแสขึ้นมา           

               เนื่องจาก เว็บไซต์โกลบอล โพสต์ สื่อออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา ได้จับอีกประเด็นในรายงานของทราฟฟิกมาขยายเป็นด้านมืดของการท่องเที่ยวขี่ช้างในไทย ว่า ช้างในไทยที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์ขี่หลังสักครั้งนั้น แท้จริงเป็นช้างที่ถูกลักลอบนำเข้ามา และความต้องการของนักท่องเที่ยวลักษณะนี้มีส่วนทำให้ประชากรช้างเอเชียลดน้อยถอยลงและทรมานช้าง

               โกลบอล โพสต์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวมักรู้สึกดีกับการขี่หลังช้าง เพราะได้รับการบอกกล่าวว่าเป็นสัตว์ที่ได้รับการช่วยชีวิตมาเพื่อการอนุรักษ์ และค่าธรรมเนียมที่พวกเขาจ่ายไปนั้น ก็จะนำไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ แต่องค์กรอนุรักษ์หลายแห่งระบุว่า ช้างหนุ่มสาวจากประเทศเพื่อนบ้านพม่า กำลังถูกล่าและจับส่งมาขายป้อนการท่องเที่ยวในไทย โดยอาศัยช่องโหว่กฎหมาย

               ประชากรช้างป่าที่เคยดาษดื่นในพม่า ลดลงเหลือระหว่าง 4,000-5,000 ตัว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จริงอยู่ที่การพัฒนาและตัดไม้ทำลายป่าเป็นสาเหตุ แต่การจับช้างป่าที่สมัยก่อนเคยใช้ลากซุง แต่ปัจจุบันจับมาป้อนการท่องเที่ยว ก็เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประชากรช้างลดลง และขณะนี้ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อช้างป่า 

               คริสตีนา การ์เซีย นักสัตววิทยา องค์กรแทรเวิล ฟอร์ ไวลด์ไลฟ์ กล่าวว่า ความต้องการขี่ช้างของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทย ซุกซ่อนการทรมานสัตว์อย่างเป็นระบบ ราคาช้างรุ่นเพิ่มขึ้น 5 เท่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เป็น 3.3 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ และมักไม่ได้รับการดูแลทันทีที่เข้าสู่วงการ

               นอกจากนี้ช้างที่ใช้ในอุตสาหกรรมเดินป่าถูกทรมานร่างกาย เพราะต้องแบกคนไว้บนหลังนานๆ กระดูกสันหลังของช้างไม่เหมาะกับการแบกน้ำหนักคนและน้ำหนักของที่นั่งบนหลังช้าง สร้างความเสียหายระยะยาว และการขี่ช้างท่องเที่ยวถูไถกับหลังของมันตลอดวัน อาจทำให้ผิวหนังติดเชื้อและพอง ยังไม่รวมกับความเจ็บปวดที่เท้าและขา

               เหล่านี้คงเป็นคำถามไปถึงฝ่ายบริหารและหน่วยงานเกี่ยวข้องว่า รู้สึกอะไรหรือไม่ ที่ชื่อเสียงของประเทศถูกพูดถึงเสมอมาว่าเป็นตัวปัญหาค้างาช้างผิดกฎหมายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีส่วนทำให้ประชากรช้างป่าของโลกลดลง...ยังไม่นับสัญญาณด้านลบที่ส่งถึงการท่องเที่ยวขี่ช้างในไทย

               วันนี้...คงถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องเข้ามาจัดระเบียบแก้ปัญหาการค้างาช้าง ตลอดจนข้อครหาอื่นๆ อย่าปล่อยให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่านี้ !

ขอขอบคุณ




Create Date : 13 กรกฎาคม 2557
Last Update : 13 กรกฎาคม 2557 17:57:35 น. 1 comments
Counter : 1599 Pageviews.  

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 3757448 วันที่: 20 มีนาคม 2560 เวลา:17:19:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]