bloggang.com mainmenu search
วันนี้มาเปิดห้องคุยสบายๆสไตล์หนุ่มร้อยปีเป็นครั้งที่ 3 ครับท่าน วันเวลาล่วงเข้ามาเดือนที่ 10 (ตุลาคม) ของปี หลายท่านก็อุทานว่าวันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน แป๊บเดียวก็จะสิ้นปีอีกแล้ว ความจริงวัน เวลา มันก็เคลื่อนไปตามปกติเช่นทุกปี แต่ใจคนเราสิมันรู้สึกไปเองว่าวัน เวลา มันเคลื่อนไปเร็ว

ผมมีหลานสาวคนแรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว วันนี้เธอมีอายุ 4 ขวบแล้ว ผมเฝ้ามองความเจริญเติบโตของหลานสาวอย่างมีความสุข ลืมไปว่าเมื่อหลานสาวอายุ 4 ขวบ ผมก็มีอายุมากขึ้น 4 ปีเช่นกัน

หลานสาวเจริญเติบโตขึ้น เธอก็มีพัฒนาการเกี่ยวกับร่างกายมากขึ้น มีสุขภาพแข็งแรงสมวัย สามารถพูดจาได้ดีขึ้น เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น ส่วนผมนั้นกลับเป็นปฏิภาคกลับกัน ผมเริ่มมีสุขภาพที่อ่อนแอมากขึ้น เดินเหินช้าลง ความจำเริ่มเสื่อมถอยลงตามวัยที่สูงขึ้น สายตาเริ่มมัวฝ้าฟางขึ้น โรคภัยไข้เจ็บเริ่มมาเยือนมากขึ้น นี่คือสัจธรรมของชีวิต

ว่ากันว่าการบริหารชีวิตในวัยสูงอายุยากกว่าตอนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว สิ่งที่ต้องระวังและบริหารให้ดี นักวิชาการกล่าวสรุปว่ามี 3 อ.คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ หากบริหารสามสิ่งนี้ได้อย่างเหมาะสม ชีวิตในวัยสูงอายุของท่านก็จะมีความสุขได้ตามสมควรแก่อัตถภาพ

ผมขอเสริมอีก 1 อ.คือ งานอดิเรก ชีวิตวัยสูงอายุไม่มีงานประจำทำ จำเป็นจะต้องมีกิจกรรมงานอดิเรกทำบ้าง มิเช่นนั้นท่านจะเหงาและเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวัน และรู้สึกว่าวันเวลาในชีวิตประจำวันมันช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน ส่วนจะมีงานอดิเรกอะไรทำ ขึ้นอยู่กับความสนใจและความชอบของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป บางท่านอาจจะไปเป็นอาสาสมัครตามโรงพยาบาล ช่วยดูแลคนไข้ เล่นดนตรี บางท่านอาจจะเข้าวัดไปคุยธรรมะกับพระสงฆ์ ฯลฯ

ส่วนผมนั้นมีงานอดิเรกทำตั้งแต่เกษียณงานใหม่ๆ นานกว่าสิบปีมาแล้ว คือการไปช่วยสมาคมการบริหารโรงแรมไทย จัดอบรมหลักสูตรต่างๆของสมาคม นอกจากนี้เมื่ออยู่บ้านก็มีงานอดิเรกคือ ชอบดูหนัง ฟังเพลงเก่า เล่าความหลัง (เขียนบล็อกพันทิป) นั่งเล่นเน็ต ด้วยอุปกรณ์ คอมฯพีซี สมาร์ตโฟน แทบเล็ต เป็นต้น