ภาพที่ท่านเห็นอยู่นี้คือจำนวนผู้สมัครผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครจำนวน 16 ท่าน ซึ่งได้ดำเนินการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม 2551

และวันนี้ชาวกทม.ทั้งหลายก็คงจะรับทราบกันแล้วว่า ผู้ที่สามารถชิงชัยตำแหน่งนี้กลับมาเป็นสมัยที่สองคือ คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯคนที่แล้ว ผู้สมัครหมายเลข 5 โดยได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งจากทุกเขต (จำนวน 50 เขต) จำนวน 991018 คะแนน
ตลอดระยะเวลาการตระเวณหาเสียงประมาณหนึ่งเดือนกว่า ท่านได้รับบทเรียนซึ่งเป็นปัญหาและอุปสรรคเล็กน้อยจากผู้สมัครรายหนึ่ง ซึ่งมุ่งโจมตีผลงานในอดีตที่ผ่านมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ตามสไตล์การหาเสียงแบบน้ำเน่าของนักการเมืองในอดีต ซึ่งควรจะเลิกไปนานแล้ว

มีนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์หลายท่านได้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนว่า การหาเสียงของผู้สมัครตำแหน่งผู้ว่าฯปีนี้น่าสนใจ คือมีการนำเอานโยบายมาเสนอให้ประชาชนพิจารณา ซึ่งในทางปฏิบัติจะทำได้ตามที่เสนอหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็เป็นการพัฒนารูปแบบเดิมๆที่สมัยก่อนมักจะเสนอจะทำนั่นทำนี่หากได้รับเลือกตั้ง

กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาสลับซับซ้อน อีกประการหนึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศด้วย ความคาดหวังจากผู้อยู่อาศัยในเมืองนี้จึงค่อนข้างสูงกว่าจังหวัดอื่นๆ อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯก็มีข้อจำกัด หลายๆเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น การไฟฟ้า การประปา การขนส่งมวลชน การรักษาความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ฯลฯ

พูดถึงงบประมาณที่ได้รับจำนวนหกหมื่นกว่าล้านบาท ดูแล้วอาจจะคิดว่ามาก ในทางเป็นจริงเป็นงบประมาณค่าจ้างเงินเดือนของเจ้าหน้าที่และพนักงานกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจึงจะนำมาใช้จ่ายในการพัฒนาบ้านเมือง

แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังเอาใจช่วยให้คุณอภิรักษ์ ฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคต่างๆให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ เพราะเคยทำงานในตำแหน่งนี้มาก่อน จุดอ่อนจุดแข็งเป็นอย่างไรก็รู้หมดแล้ว บรรดาเจ้าหน้าที่ประเภทเสือ สิงห์ กระทิง แรดมีอยู่ที่ไหนก็ย่อมรู้ดีอีกเช่นกัน ย่อมได้เปรียบกว่าคนอื่นๆเป็นอันมาก

เพราะเราเบื่อกับประโยคที่นักการเมืองเข้ารับตำแหน่งใหม่มักจะพูดกันติดปากว่า "ขอเวลาศึกษางานก่อนสักระยะหนึ่ง"
หวังว่าคุณอภิรักษ์คงไม่เผลอพูดประโยคนี้ออกมานะ ขายหน้าเขาแย่เลย โดยเฉพาะผู้ที่ลงคะแนนเลือกคุณเข้า...ฮา












จาก //www.oknation.net/blog/centuryboy