ปฏิรูปการศึกษา II : กรณีศึกษา ครู และตรรกะ มาถึงตอนที่สองว่าด้วยเรื่องครู อย่าลืมนะครับครูดีๆ มีเยอะ น่าเห็นใจครับ วันนี้ว่าด้วยเรื่องครูและการใช้ตรรกะ โดยคราวนี้จะเน้นเป็นกรณีศึกษา ครูดีๆ มีมาก ผมอาจจะโชคร้ายเองที่เจอครูที่แย่ เพราะครูที่แย่มีแค่เพียง 0.1% ของครูทั้งหมดเท่านั้น จำนวนนักเรียนในห้อง ทำไมถึงเล่นประเด็นนี้อีกครั้ง? อย่างที่เคยได้เขียนไว้ ถ้าจำนวนนักเรียนมากเกิน ครูจะควบคุมการเรียนการสอนได้ลำบาก หากครูสั่งการบ้านก็ต้องตรวจการบ้านมากตามไปด้วย ทำให้ครูหลายคนใช้วิธีการให้นักเรียนตรวจเอง โดยตนเองเพียงแค่เฉลยแล้วก็เซ็นชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เนื่องจากครูท่านนั้นไม่อาจจะทราบได้เลยว่าตนเองสอนได้ดีแค่ไหน จุดไหนที่เด็กทำผิด และไม่เข้าใจ ผมขอเทียบกับเมื่อสมัยอยู่จีน ครูให้การบ้านเยอะจริง แต่ท่านตรวจเองทั้งหมดและเขียนคอมเม้นต์ด้วย จุดไหนที่นักเรียนชาติไหนมักจะผิดท่านรู้หมด ที่น่าตกใจเขาสามารถบอกได้ว่าชาติไหนมักจะผิดในจุดไหน นี่แหละมันทำให้ครูพัฒนาได้ สมมติว่า นักเรียนทำข้อ 4 ผิดเสียส่วนมาก แสดงว่าข้อนี้มีจุดที่นักเรียนไม่เข้าใจ การที่ครูแค่เฉลยแล้วให้นักเรียนตรวจเอง นักเรียนก็ทราบแค่ว่าข้อนี้ผิด แต่ครูจะไม่มีวันทราบว่านักเรียนเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เหตุการณ์นี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ฝ่ายนักเรียนจะไม่ทราบว่า เพราะเหตุใดคำตอบที่ได้จึงเป็นอย่างนี้ เพราะมันก็เหมือนข้อที่ผิดแค่ข้อหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายครูผู้สอน จะไม่สามารถพัฒนาวิธีการสอนใหม่ๆ เพื่ออธิบายให้นักเรียนเข้าใจได้ เพราะไม่ทราบว่าทำไมนักเรียนถึงทำผิดข้อ 4 กันเยอะ กรณีดังกล่าวอาจมีคนบอกว่าให้ถามครูเองสิ เนื่องจากจำนวนนักเรียนที่มากเกินไป ถ้าต่างคนต่างสงสัยถามกันหมดจนครูต้องอธิบายหมดทุกข้อ ครูจะระเบิดลง ตอนผมอยู่จีนมีเทอมหนึ่งในห้องที่เรียนมีแค่ 9 คน เรียกได้ว่าตื่นตัวตลอดเวลาในการเรียน ต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่กลับสนุกในการเรียนมาก ถ้าจำนวนนักเรียนในห้องมากเกินไปครูจะจำชื่อนักเรียนไม่ได้ เมื่อจำไม่ได้ความสนิทสนมก็ไม่เกิด ผมอยากให้เราจินตนาการดู ถ้าเราไปซื้อของแล้วเจ้าของร้านนั้นจำเราได้ เราจะรู้สึกดีขนาดไหน กรณีนักเรียนก็ไม่ต่างกัน การที่ครูจำชื่อนักเรียนไม่ได้ก็เท่ากับปฏิสัมพันธ์ไม่มี ไม่ต้องพูดเรื่องความสนิทสนมอะไรเลย อำนาจของครู ด้วยความที่วัยวุฒิต่างกันมาก โดยทั่วไปนักเรียนก็จะกลัวครูกันอยู่แล้ว แม้ว่าในช่วงหลังจะได้ยินบ่อยขึ้นว่า เด็กสมัยนี้มันไม่กลัวครู!! แล้วทำไมต้องกลัวล่ะ? ที่ถูกต้องคือให้นักเรียน "เกรง" ไม่ใช่ "กลัว" การเรียนภายใต้ความกลัว มันไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ดีได้หรอก ครูไปซื้อข้าวที่โรงอาหารสามารถแซงคิวซื้อข้าวได้ แต่สอนเด็กว่าต้องต่อคิวให้เป็นระเบียบ โดยอ้างว่าเดี๋ยวครูมีสอน เด็กมันก็มีเรียนเหมือนกัน ครูสามารถเอาจานข้าวออกนอกโรงอาหารได้ แต่ห้ามนักเรียนเอาจานข้าวออกนอกโรงอาหาร ครูมีห้องอาหารครู แต่เด็กนักเรียนใช้ส่วนกลาง จะแยกทำไม? แปลกดีครับสอนว่าอะไรไม่ดี แต่ตัวเองทำซะเอง ยิ่งเรื่องกินข้าวตอนผมอยู่จีนบางทีก็ไปกินข้าวด้วยกันนะเออ คำพูดคำจา อำนาจของครูมีมากจนน่ากลัว ครั้งหนึ่งมีนักเรียนคนหนึ่งโกนศีรษะมาโรงเรียน ชั่วโมงเรียนชั่วโมงหนึ่ง ในจังหวะที่ต้องนำงานไปส่ง ครูท่านนั้นถามว่า "พ่อมึงตายเหรอถึงโกนผม" ผมไม่หวังให้ใครเจอเหตการณ์แบบนี้ ใช่ครับ!! คุณพ่อของเขาเสียชีวิตจริงครับ เขาจึงโกนศีรษะบวชให้คุณพ่อ แต่มันสมควรพูดแบบนี้หรือไม่? เรื่องแบบนี้เอามาล้อเล่นได้หรือ? มีครูท่านหนึ่งกล่าวว่า "มันเป็นประโยคคำถาม" ไม่ผิดครับ งั้นย้อนถามว่า ครูควรใช้ประโยคคำถามแบบนี้หรือไม่? ในทางกลับกันถ้าถามคำถามนี้กับครู ครูจะรับได้หรือไม่? ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่มากกว่าควรที่จะรู้ว่า กาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญ ทำไมต้องล้อพ่อแม่ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนที่ทำหน้าที่คุมกฎทำผิดเสียเอง โดยยึดคติที่ว่า ข้าคือคนคุมกฎข้าคือความถูกต้อง "I am the game, you don't wanna play me, I am control, no way you can change me." "ไม่พอใจมึงก็ไปเรียกพ่อแม่มึงให้มาลาออกไปเลย มีเด็กมากมายอยากเรียนที่นี่" เจอคำพูดแบบนี้ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน มันแสดงให้เห็นถึงการใช้ตรรกะที่ล้มเหลว ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากของคนที่เรียกตัวเองว่าพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ง่ายดีไล่มันเลย ตรรกะป่วยแบบนี้แต่คุ้นๆ มั้ยครับ "ไม่พอใจก็ออกนอกประเทศนี้ไป" ทำรายงาน การสั่งให้ทำรายงาน ครูมักจะสั่งให้ทำรายงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ มีข้อกำหนดมากมาย ต้องตัวอักษรขนาดเท่านี้ ฟอนต์นี้ จำนวนกี่หน้า รูปประกอบเท่านี้ ผมมองว่าไม่มีประโยชน์ เพราะงานที่ได้ไม่ต่างจากก๊อปปี้ข้อมูลที่มีราคาสูง ยุคที่อินเทอร์เน็ตกำลังเข้ามาในเมืองไทย นับเป็นโชคดีของผมที่บ้านมีคอมพิวเตอร์ สมัยนั้นหากใครมีคอมพิวเตอร์จะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในการทำรายงาน ทุกคนจะมองคนๆ นั้นดุจดังพระเจ้า สมัยนี้คงน้อยลงเพราะมีคอมพิวเตอร์กันหมด ยุคนั้นใครไม่มีปริ้นเตอร์ก็ต้องไปจ้างตามร้าน ราคาแผ่นละ 15.- บาท (ขาว-ดำ ถ้าสีจะแพงขึ้นอีก) รายงานหนึ่งเล่ม อย่างน้อย 20 หน้าสำหรับในส่วนเนื้อหา ถ้ารวมพวกคำนำ สารบัญ ภาพ แหล่งที่มา รวมไปถึงปก ก็ประมาณ 30 หน้า สรุปหนึ่งเล่มราคา 450.- บาท นี่เป็นราคาขั้นต่ำในยุคที่ก๋วยเตี๋ยวชามละ 30.- บาท หลังจากตรวจเสร็จก็ไม่ได้ส่งคืน สุดท้ายก็ทิ้งเป็นขยะให้โลกร้อน นับเป็นขยะที่มีราคาแพงพอสมควร สมัยนั้นผมเคยคิดนะว่าทำไมไม่ให้นักเรียนเขียนด้วยลายมือล่ะ? ผมไม่แน่ใจว่าสมัยนี้เป็นอย่างไร อาจจะให้ส่งทางอีเมลแล้วก็ได้ แบบนั้นก็ดีช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่แบบนั้นก็น่าเห็นใจครู ตรวจตาแฉะเหมือนกัน กฎกูเหนือกฎหมาย แม้จะมีกฎหมาย หรือข้อบังคับแต่ครูไม่ทำตามซะอย่าง ใครจะทำไม "ไม่พอใจมึงก็ไปเรียกพ่อแม่มึงให้มาลาออกไปเลย" ผมเคยเห็นการวอร์มไม้ฟาดไม่ยั้งกว่า 30 ที แล้วฟาดเต็มกำลัง 6 ที อะไรคือการวอร์ม? ผมอยากจะเชื่อในคำพูดครูแต่หลายๆ ครั้งมันไม่ใช่อย่างที่ครูพูด เราก็มักจะเห็นการลงโทษแบบไม่เป็นธรรม เหมือนเมื่อวานครูทะเลาะกับเมีย แล้วเมียไม่ให้เข้าบ้านเลยมาลงที่นักเรียน เคยมีเคสหนึ่งน่าสนใจ เวลามีเรื่องทะเลาะกันเข้าห้องปกครองฟาดก่อนคนละ 6 ที แล้วค่อยคุยกัน ต่อให้คุณยอมโดนอีกฝ่ายทำร้าย และคุณวิ่งเข้าห้องปกครอง ผลก็ไม่ต่างกันคือ ฟาดก่อนคนละ 6 ที แล้วค่อยคุยกัน ถ้ามานั่งคิดถึงเรื่องกำไรขาดทุนคนอ่อนแอขาดทุนเห็นๆ กฎเขามีแต่เอาไว้ปกป้องคนดี ป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำผิด แต่นี่กลับตรงข้าม อย่างนี้สู้ชกกันเลยดีกว่า ยังไงก็โดนฟาด ชกกันไปเลยอย่างน้อยได้เอาคืนหลายหมัด ปัญหาจึงยิ่งลุกลาม ปัญหาสังคมที่มันเกิดขึ้นทุกวันนี้คือ ความยุติธรรมมันไม่มี เราส่งเสริมให้คนทำความดี แต่สิ่งที่เรียกว่าความดีมันไม่สามารถปกป้องตัวเราได้ ทำไมเราต้องรับโทษทั้งที่เราไม่ได้ก่อ? มันถูกต้องแล้วหรือ กับการที่ลงโทษนักเรียนด้วยกฎหมู่เหมาะรวม ตียกห้อง? ผมมองเจตนาของครูที่ตั้งกฎแบบนี้ว่า มีเจตนาที่ดีในการป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ท่านคงจะขาดความรอบครอบ ลืมนึกถึงช่องโหว่ที่มี และคิดไม่ถึงว่าจะมีเด็กที่ยอมไม่ลงมือ แต่มุ่งหน้าเข้าหาครูเพื่อหวังความช่วยเหลือ เมื่อเด็กไร้ที่พึ่ง ผู้ปกครองเลยพาเด็กไปแจ้งความเรื่องโดนทำร้ายร่างกายจนเป็นคดีความ สุดท้ายครูต้องเชิญผู้ปกครองมาพูดคุย ยังถือว่าเป็นเรื่องดีที่เรื่องนี้ไม่กระจายออกไป ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นข่าวสถาบันจะเสียชื่อ แต่คนที่ซวยคือเด็กที่โดนทำร้าย เขาจะโดนสังคมประณามว่าทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสีย แต่เดี๋ยวก่อนเขาคือผู้รับเคราะห์มิใช่หรือ? จากเหตุการณ์ดังกล่าว ครูได้ประกาศหน้าเสาธงว่า หากมีเรื่องอะไรให้มาปรึกษาครู ไม่ใช่ไปแจ้งความ ปรึกษาครูแล้วครูฟาดก่อนคนละ 6 ที จากนั้นค่อยคุยกัน? เขียนมาถึงตรงนี้เราน่าจะเห็นถึงวงจรอุบาทว์แล้ว มีเรื่องมีปัญหา -> เข้าหาครูโดนตีทั้งคู่ ครูแก้ปัญหาไม่ได้ -> ฝ่ายถูกกระทำแจ้งความ -> เรื่องกลับมาที่โรงเรียน -> มีปัญหาต่อ กรณีตีทั้งห้องเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ทำไมคนที่ไม่ได้ทำความผิดจะต้องเป็นเหยื่อจากการลงโทษที่ไม่สมเหตุสมผล โดยอ้างว่าเพราะไม่เตือนเพื่อนเลยต้องโดนด้วย เตือนเพื่อนมันจะฟังเหรอ? เราไม่ใช่พ่อมันนี่ การทำโทษทั้งห้องจุดประสงค์ของครูอาจจะต้องการให้ในห้องประณามคนที่ทำผิด แต่กรณีเลวร้ายที่เจอคือ คนที่ทำให้เพื่อนโดนลงโทษโดนทุกคนกระทืบ น่าคิดเหมือนกันว่าสุดท้ายถ้าเกิดฆ่ากันตายขึ้นมาคงสนุกดีพิลึก ยิ่งสมัยนี้เด็กหัวร้อน ปืนหาง่ายจะตาย ไล่ตัดผม ทรงนักเรียน มีผู้รู้ท่านหนึ่งได้ให้ความรู้ว่า ในสมัยก่อนสุขอนามัยของประเทศไทยยังไม่ดี ดังนั้นจึงต้องให้ตัดผมสั้น ฟังดูมีเหตุผล แต่ปัจจุบันยังตัดอยู่ ถ้าจะพูดเรื่องสุขอนามัย แสดงว่าการสาธารณะสุขของประเทศไทยนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ที่สำคัญท่านทราบหรือไม่ว่า ผมทรงนักเรียนเกิดขึ้นเมื่อสมัยต้นๆ ปี 2500 นี้เองจากคณะปฏิวัติคณะหนึ่ง และมีคำสั่งกระทรวงยกเลิกกฎนี้ไปแล้ว เมื่อประมาณปี 2550 นับถึงตอนนี้ 10 ปีแล้วนะ ตรวจผม ฟังดูเหมือนนักโทษดีครับ ครูบางท่านบ้าอำนาจเกิน แค่ไปตรวจผมแล้วพูดเลขที่และห้องเสียงเบาไปหน่อย ก็โดนเอากรรไกรตัดผมข้างหน้า ฟาดอีก 3 ที แล้วไล่ไปต่อแถวหลังสุด มันเป็นความผิดร้ายแรงขนาดนี้เชียวหรือ จรรยาบรรณครูมิได้กล่าวไว้หรือว่า "ครูต้องรักและเมตตาศิษย์" แบบนี้จะเรียกว่าทำเพื่อสนองความใคร่รึเปล่า ครูบางท่านลงทุนไปซื้อบัตตาเลี่ยนมาเพื่อกล้อนผมโดยเฉพาะ เงินที่ซื้อบัตตาเลี่ยนคงไม่พ้นงบหลวงซึ่งเป็นภาษีของเราๆ ท่านๆ แทนที่จะเอาเงินไปซื้ออุปกรณ์เพื่อพัฒนาการศึกษา กลับไปซื้อบัตตาเลี่ยนมาเพื่อกล้อนผมเด็ก แทนที่จะเอาเวลาไปนั่งวางแผนคิดแผนการศึกษา หรือเอาเวลาไปหาข้อมูลเพื่อพัฒนาการสอน กลับเอาเวลาไปนั่งตรวจผม กล้อนผม ทุกเดือนเราต้องเสียเวลามากเท่าไหร่ในการทำเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างการตรวจผม เวลามีต้นทุนนะครับ!! ที่น่าอนาถยิ่งกว่าคือการกล้อนหัวเด็กในวันสอบ เพราะอย่างไรเสียเด็กก็หนีไม่ได้ ครู ตามความหมายของพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า ผู้สั่งสอนศิษย์ ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ ไม่ได้มีหน้าที่ตัดผม นั่นมันหน้าที่ของช่างตัดผม คนที่ได้ชื่อว่าครู ขนาดหน้าที่ของตนคืออะไร ยังไม่ทราบ แล้วจะสอนศิษย์ได้อย่างไร ประเทศไทยที่มีปัญหาเรื่องความวุ่นวายไม่รู้จักจบเพราะคนในชาติไม่รู้หน้าที่ของตน หน้าที่ของครูสอนหนังสือคือตัดผม? ถ้าคำตอบคือใช่เราคงต้องเผาตำราครั้งใหญ่เลยทีเดียว ยังจำได้มั้ยว่าใครกล่าวไว้ว่า "ให้เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยไม่ก้าวก่ายสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตน" จำได้มั้ย? เหตุผลที่ไร้เหตุผล ครูบางท่านสู้ด้วยเหตุผลไม่ได้ก็เริ่มแถ แล้วถ้าปล่อยให้ไว้ผมยาวจะทำให้ฉลาดขึ้นหรือ? ที่ร้ายกว่าเคยครูท่านหนึ่งกล่าวว่า ไว้ผมยาวจะทำให้โง่ ไม่ฉลาด ไว้ผมสั้นจะฉลาด มันทำให้เราเข้าใจทันทีว่า ประเทศทางยุโรปเป็นประเทศที่ล้าหลัง ด้อยพัฒนา และคนยุโรปนั้นโง่ เพราะไว้ผมยาว แม้แต่ประเทศอย่างญี่ปุ่นก็เช่นกัน เด็กไม่ฉลาดโง่กันหมด จีนประเทศกำลังพัฒนาก็พัฒนาไปในทางโง่ ต้องอย่างประเทศไทยเด็กฉลาด เก่งกาจไร้คู่แข่ง สมกับเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมสั้นฉลาดล้ำ แตกต่างจากประเทศด้อยพัฒนาอย่างพวกยุโรป ถ้าผู้อ่านเห็นด้วยกับครูท่านนี้ก็สมควรที่จะไปเช็คสมองที่โรงพยาบาล เพราะมันแสดงให้เห็นว่าสมองท่านมีปัญหาแล้ว ศีลถ้าปฏิบัติได้ครบ 5 ข้อ = มนุษย์ (นับในรอบ 1 วัน) ครูท่านนี้ยอมที่จะโกหกนักเรียน ทำให้วันนั้นท่านไม่ใช่มนุษย์ อะไรคือสิ่งที่ทำให้ครูท่านนี้ยอมละทิ้งการเป็นมนุษย์ ความรักลูกศิษย์ หรือ ทิฐิ การดูถูกเหยียดหยาม ผมรู้สึกแย่กับครูประถมท่านหนึ่ง โดยท่านสั่งให้นักเรียนซื้อคนหนึ่งกระเป๋าใหม่ ห้ามใช้กระเป๋าที่เป็นแบบซิปปิดด้านบน ซึ่งกระเป๋านั้นก็ไม่ได้ผิดระเบียบ พร้อมทั้งพูดเชิงดูถูกเหยียดหยามว่า ไม่มีใครใช้กระเป๋าแบบนี้กัน ปัญญาอ่อนรูดซิปด้านบน เหมือนเด็กอนุบาล แล้วพูดทุกวัน แต่พอเราแยกย้ายไปเรียนมัธยม ปรากฏโรงเรียนมัธยมที่ผมรู้จักแทบทุกที่ใช้เป้ (อนุบาลก็ใช้เป้นะ) ไอ้เตี้ย ไอ้แว่น ไอ้เบี้ยว ไอ้เป๋ ไอ้ดำ เป็นคำพูดที่ racists มาก แต่ครูหลายท่านชอบเรียกนักเรียนแบบนี้ ทั้งที่หน้าอกก็มีชื่อปักอยู่ แต่กลับไม่เรียกชื่อ จะว่าไปไม่ว่ากรณีไหนก็ไม่ควรเรียกสิ่งที่ส่อเจตนาเหยียดหยามแบบนี้ คิดนอกกรอบ เรื่องรองเท้าหาย เหตุที่หายเพราะถอดรองเท้า การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ถ้าไม่ถอดรองเท้า รองเท้าก็ไม่หาย ปัญหาง่ายๆ แบบนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมครูคิดกันไม่ได้ แล้วก็ปล่อยให้ปัญหารองเท้าหายวนเวียนซ้ำซาก เด็กถามคำถามว่าเข้าแถวหน้าเสาธงทำไม แดดร้อน ครูตอบว่าสมัยก่อนครูก็ทำแบบนี้เหมือนกัน บ้างก็ว่าเป็นการฝึกความสามัคคี แต่ครูไปหลบแดด? คำตอบของครูแต่ละอย่างมันคือ การแถ ไม่สามารถให้เหตุผลที่สมเหตสมผลได้ ซ้ำร้ายถ้าครูคนไหนแย่หน่อยก็จะด่าเด็กว่าไม่รักชาติ การรักชาติคือการเคารพธงชาติแต่ทำผิดกฎหมายอย่างนั้นรึเปล่า? หรือต่อให้ครูมาร่วมตากแดดเคารพธงชาติด้วยก็ตาม ทำไมต้องมาตากแดดด้วยกันล่ะ? ทำไมไม่คิดนอกกรอบโดยหาสถานที่ใหม่ที่ไม่ร้อนเพื่อเคารพธงชาติ มัวแต่ทำตามๆ กันมา เชื่อตามๆ กันมา ดีงามเหลือเกิน การใช้ตรรกะ หลายครั้งครูไทยใช้ตรรกะไม่ถูกต้อง ยกตัวอย่าง ครูมีสิทธิ์อะไรในการตัดผมเด็ก เรามักจะได้ยินคำตอบเพี้ยนๆ ว่า "ไม่พอใจก็ลาออกไป" หรือ "ไม่ก็ตอนเข้าเรียนไม่ได้แหกตาดูกฎที่เขาตั้งเหรอ" ขอย้ำนะ กฎกระทรวงไม่ได้ระบุว่าครูสามารถตัดผมเด็กได้ กฎไม่ได้อนุญาตให้ครูตัดได้ จะแจ้งเตือนเป็นวาจา หรือเป็นใบเตือนตามที่กฎระบุไว้ก็ทำไป ตราบเท่าที่กฎได้ระบุไว้ไม่มีใครว่าครูได้หรอก สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำตามกฎ เด็กไม่ตัดผม กฎให้ครูตักเตือน ก็ต้องทำตามโดยการตักเตือน อย่าใช้ตรรกะวิบัติที่ว่า เด็กทำไม่ทำตามกฎไม่ตัดผมครูเลยไม่ทำตามกฎบ้าง มันไม่ถูกต้อง เดี๋ยวนี้มีไลน์มีกล้องกันทุกคนถ่ายส่งผู้ปกครองสิ ให้ผู้ปกครองได้ทราบเลยว่าลูกตัวเองทำไม่ถูกต้อง แถมมีหลักฐานในการลงโทษครั้งต่อไปด้วย ถ้าทุกคนยังคิดแต่ว่า "ยอมให้ครูตัดผม ดีกว่าโดนตัดคะแนน มันก็ไม่ต่างกับยอมยัดเงินให้ตำรวจดีกว่ารับใบสั่งหรอก" แม้ว่าโดยส่วนตัวจะเชื่อว่าหลายๆ คนชอบที่จะยัดเงินตำรวจมากกว่าก็ตาม ครูบางท่านก็ไร้สาระเกิน อ้างว่าคำสั่งยังมาไม่ถึง คำสั่งนี้ออกนานถึง 10 ปี และประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว โรงเรียนคุณอยู่ที่ไหน คำสั่งถึงยังมาไม่ถึง ถ้าครูคนไหนอ่านข้อความนี้ได้ ก็น่าจะอนุมานได้ว่าเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ในยุคที่เราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือได้การอ้างแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงคุณภาพครูคนนั้นได้เป็นอย่างดี การประเมินครูที่ไร้สาระ ครูมักจะอ้างเรื่องไม่มีเวลาสามารถพัฒนาการเรียนการสอน ส่วนหนึ่งเพราะต้องทำแบบประเมิน และประเมินวิชาการบ้าบอตลอด อันนี้เป็นปัญหาของจริงที่เรามักจะพบทั่วไป ตราบใดที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังบ้า KPI เราก็จะได้แต่ KPI แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ครูที่ทำประเมินเก่งก็ได้ดีไป ทำประเมินไม่เก่งขโมยผลงานเด็กไม่ได้ก็จบสิ้น ผมไม่ได้มองว่า KPI มันไม่ดี แต่คนไทยบ้ากับระบบนี้มากเกินไป สุดท้ายจะก็ได้แต่ KPI ตามที่ต้องการ แต่ปัญหาก็ยังคงอยู่ สิ่งที่ครูเรียกร้องกันมากมายคือ ยกเลิกเรื่องการประเมินโง่ๆ แบบนี้ วันๆ นอกจากหน้าที่สอนหนังสือ ยังต้องมาทำการประเมิน และหน้าที่อื่นๆ อีก น่าเห็นใจนะ เสียงครูผู้น้อยก็ส่งไปไม่ถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วย "พูดมากมึงก็ไสหัวไปอยู่จีนสิวะไอ้สัตว์ อวยจีนอยู่ได้" อาจจะมีคนคิดแบบนี้ แต่นั่นก็เป็นการแสดงออกถึงสติปัญญา และการใช้ตรรกะที่ดีของเขา ครั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีกรณีศึกษาต่างๆ มากมายจากครู และที่เกี่ยวข้องกับครู น่าเห็นใจในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องประเมิน ผมทำได้ก็แค่มาถกประเด็นปัญหาที่มองเห็น ใครสนใจจะแชร์แลกเปลี่ยนข้อมูลจัดมาได้เลย อย่าให้ต้องรอนาน ผมไม่ได้ต่อว่าครูที่ดี ครูที่ดีมักอยู่ไม่ได้ มันเหนื่อยครับ เงินเดือนก็น้อย ครูฝ่ายปกครองใช่ว่าเด็กจะเกลียดอย่างเดียว แม้แต่ครูด้วยกันเองก็เกลียด เพราะมันท่ามาก วางอำนาจแม้แต่ครูด้วยกันเอง เอาล่ะ!! เรื่องนั้นช่างมันก่อน ในเมื่อเราเห็นถึงจุดด้อย และปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขอย่างไรล่ะ ทุกประเด็นแก้ไขได้ แน่นอนมันอาจเป็นปัญหาปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบนี้ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมีปัญหาแบบนี้จริงๆ แวะมาอ่านและโหวตให้คะ
มีแนวคิดที่กล้าเขียนกล้าแสดงออกก็ดีนะคะ เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่ได้แขร์กัน toor36 Education Blog โดย: Tui Laksi วันที่: 2 กรกฎาคม 2560 เวลา:23:06:53 น.
จำนวนนักเรียนในห้อง ::
ที่น้องต่อเขียนถึง พี่ก็เคยได้เจออยู่ แบบที่ว่าครูให้ตรวจเอง หรือบางทีก็แลกกับเพื่อนตรวจ แต่ของพี่จะไม่ใช่เป็นการบ้าน แต่เป็นแบบทดสอบในห้องเรียน ส่วนการบ้าน ครูจะเป็นคนตรวจเอง บางทีก็แก้มาให้ บางทีก็มีแค่กาว่าผิด โจทย์ไหนคนผิดเยอะๆ ครูจะมาเฉลยในห้อง โจทย์ไหนคนผิดน้อย ก็คงต้องไปถามเพื่อนเอา คือ ถ้าเด็กที่ไม่กระตือรือร้นก็จะผ่านๆ ไป อย่างพี่ ถ้าเป็นวิชาคณิตศาสตร์ วิชาที่ไม่ชอบ พี่ก็จะผ่านๆ ไป ถ้าครูไม่อธิบาย ไม่เรียกไปทำ ก็จะนั่งมึนๆ เงียบๆ อยู่คนเดียว อำนาจของครู :: บางทีก็ต้องมีบ้าง เพื่อให้เด็กไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง สามารถคุมเด็กได้ คือ ถ้าครูไม่สามารถคุมเด็กได้ บางทีห้องมันจะเละมาก ถ้าไปเจอห้องที่เฮี้ยวๆ โรงเรียนตอน ม.ต้น ของพี่ เคยมีครูผู้หญิงคนหนึ่งเรียบร้อยมาก ต้องไปสอนห้องเด็กเฮี้ยวๆ ผู้ชายทั้งห้อง แต่เขาไม่ฟังเลย สุดท้าย ครูไม่ไหวก็เดินร้องไห้ออกมา แต่ในส่วนที่น้องต่อพูดถึง เรื่องสิทธิ์ของครูในโรงอาหาร อันนี้ก็เข้าใจ จริงๆ ครูไม่จำเป็นต้องแซวคิว เพราะเราคิดว่า ครูต้องมีคาบที่ไม่ได้สอน ซึ่งครูสามารถเอาเวลานั้นไปกินข้าวได้ ต่างกับนักเรียนที่มีเรียนทั้งวัน มีพักแค่ชั่วโมงเดียว คำพูดคำจา :: ถ้าครูถึงขั้นพูดจาหยาบคายกับนักเรียน พี่ว่าไม่โอเค ครูบางคนอาจจะติดล้อเล่นกับนักเรียนมากเกิน ทำให้ลืมนึกไปว่า ถ้าเขาเกิดสถานการณ์อย่างนั้นขึ้นจริงๆ ล่ะ ทำรายงาน :: ในยุคของพี่ รายงานต้องเขียนด้วยลายมือ พี่ว่ามันดีนะ เพราะยุคนั้นหลายคนไม่มีคอมฯ พี่มาพิมพ์งานส่งก็ตอนเข้ามหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันคิดว่าการส่งงานอาจเปลี่ยนรูปแบบไป รวมถึงการสั่งงานด้วย ครูบางคนอาจจะสั่งงานและให้นักเรียนส่งงานในกรุ๊ปเฟซบุ๊ก กฎกูเหนือกฎหมาย :: ถ้าพูดถึงเรื่องการวิวาทของนักเรียน จริงๆ มันมีวิธีหลายวิธีที่สามารถใช้แก้ปัญหาได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เรียว ไล่ตัดผม :: ในส่วนของผู้หญิงที่พี่เคยเจอปัญหา (ม.ปลาย) ก็คือ ถ้าใครจะไว้ผมสั้นต้องสั้นประมาณติ่งหู ถ้าใครยาวเลยติ่งหู คือ ตั้งใจจะไว้ผมยาว ถ้าสามารถรวบได้ต้องรวบ ถ้าไม่รวบ และครูเห็นว่ารวบได้ โดน! ใครเอาหนังยางมัดถุงแกงมัดผม ก็โดน ต้องเป็นหนังยางสีดำ พวกสีๆ หวีสับอะไรพวกนี้ห้าม โดย: comicclubs วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:1:22:46 น.
วิ่งมาโหวดก่อนค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต toor36 Education Blog ดู Blog โดย: newyorknurse วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:2:39:42 น.
toor36 Education Blog
เมื่อปีที่แล้ว ห้องน้องซี เกือบ 40 คนค่ะ ครูประจำชั้นยังเป็นสาวเพิ่งจบด้วย เอาเด็กๆ ไม่อยู่ มีเด็กดื้อซนมากทำให้เพื่อนคนอื่นได้รับผลกระทบจากการกวนของเด็กดื้อไปด้วย ปีนี้ซีย้ายห้อง อยู่ 30 คน ค่ะ โดย: kae+aoe วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:9:14:37 น.
เห็นด้วยทุกข้อค่ะ โดยเฉพาะจำนวนนักเรียนต่อห้อง บางทีอัดๆกันเข้าไปเยอะๆ ครูก็ดูแลได้ไม่ทั่วถึงค่ะ
โดย: Gorjai Writer วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:9:52:40 น.
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมยุคปัจจุบันจริง ๆ ครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:10:47:48 น.
บางอย่างก็เห็นด้วยนะ แต่บางอย่างก็รู้สึกว่า น้องต่อคงเจอครูที่ไม่ดีมาเยอะมากๆ จริงๆ น่ะแหละ
สมัยพี่เป็นครู นักเรียนในห้อง 35 คน ที่พี่เป็นครูประจำชั้น พี่จำชื่อได้หมดนะ รวมทั้งนักเรียนห้องอื่นที่สอนด้วย เพราะพี่ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่เราแสดงถึงความใส่ใจนักเรียน และตรวจการบ้านเองทุกเล่ม (ถึงได้นอนแค่วันละสองชั่วโมงตอนเป็นครู) พูดเรื่องตัดผม เคยมีคนย้อนในตรรกะเดียวกับที่น้องต่อยก แต่เป็นลูกศิษย์ย้อนถามว่า ผมสั้นมันจะทำให้ผมได้เกรดเอหรือยังไง แต่งชุดนักศึกษามันจะทำให้ผมเรียนเก่งขึ้นเหรอ ซึ่งวิทยากรเขาก็ตอบได้ดีนะ เขาบอกว่า การที่ให้นักเรียนตัดผมเหมือนๆ กัน บางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องผลการเรียน (หรือสุขอนามัย) แต่เป็นเรื่องของการทำให้นักเรียนไม่ว่าจะจน รวย จะไม่มีความเหลื่อมล้ำในเรื่องการแต่งตัวหรือทรงผม และทำให้ระบบความปลอดภัยเรื่องของการแยกระหว่างนักเรียนกับคนนอก (อันหลังนี่ชัดในเรื่องมหาวิทยาลัยมากกว่าร.ร.นะ ร.ร.โอกาสคนนอกเข้าไปมันยากกว่า) ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งมันดีต่อสวัสดิภาพของนักศึกษาเอง บางเรื่อง มันก็มีเหตุผลของมันอยู่ เหมือนที่พี่เคยบอกเพื่อนว่า ถ้าพี่เลือกที่จะเรียนร.ร.นี้ พี่ต้องรู้อยู๋แล้วว่ากฎของที่นี่เป็นยังไง พี่เลือกได้ว่าจะเรียนหรือไม่เรียนที่นี่ ถ้าพี่เลือกจะเรียนที่ร.ร.นี้ เท่ากับพี่ต้องยอมรับว่าพี่ต้องเคารพกฎของที่นั่น ไม่ใช่ตรูอยากเรียนอ้ะ แต่ตรูไม่ชอบกฎ กรุณาเปลี่ยนกฎให้ตรูชอบ อันนี้พี่ว่าก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลไปหน่อยอะนะ (อันนี้ไม่ได้ว่าต่อนะ แต่พี่เคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนเรื่องกฎระเบียบต่างๆ นี่แหละ) เพราะงั้นเมื่อพี่สอบติดหลายที่ พี่จึงเลือกเรียนธรรมศาสตร์ เพราะไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษาไปเรียน นี่คือเหตุผลหนึ่ง บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog toor36 Education Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:12:50:56 น.
@Tui Laksi
มันเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ อย่างที่บอกไปครูดีๆ มีเยอะผมอาจจะเจอครูไม่ค่อยดีเองก็ได้ @comicclubs ผมมองว่าครูควรจะตรวจเองครับ ไม่งั้นมันเหมือนการโยนงานมันไม่ถูกต้องหรอก เราไม่ได้บอกว่าครูต้องใจดี ผมยังเห็นด้วยกับการตี แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไขของการลงโทษที่เหมาะสมครับ การที่ครูไม่ไหวก็เดินร้องไห้ออกมา ครูคนนั้นต้องกลับไปสอบซ่อมใหม่แล้วครับ ขึ้นมาเป็นครูแบบนี้ไม่ผ่าน บางเรื่องอย่างพวกหวีสับ เรายังพอทำความเข้าใจได้ว่าถ้ามันหาย โรงเรียนเดือดร้อน มันเปลืองเงินผู้ปกครองด้วย แต่หนังยางมัดถุงแกงมัดผมอันนี้นี่สิ ทำไมใช้ยางแบบนั้นไม่ได้ ไปๆ มาๆ ผมชักจะสับสนกับกฏที่ออกมาโดยอ้างเรื่องความประหยัดแล้ว ว่าตกลงมันยังไงกันแน่จะยึดตรรกะตัวไหนกันแน่ เพราะถ้าต้องการความเป็นระเบียบมาก่อน ยังไงมันก็มีค่าใช้จ่ายแน่นอน @kae+aoe แสดงให้เห็นว่าจำนวนนักเรียนมีผลกระทบต่อการสอนของครู น่าสนใจครับ ขอบคุณที่เอามาร่วมแชร์ @Gorjai Writer จริงๆ มอยากมีมีการค้านครับ (ฮา) จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน (ฮ่าๆๆ) @The Kop Civil ในปัจจุบันผมไม่แน่ใจว่าจะไปถึงขั้นไหนแล้ว ที่เขียนมาจากประสบการณ์ตรงจากอดีตบวกกับการพูดคุย และภาพที่ปรากฎตามสื่อ เรื่องราวหลายๆ เรื่องตามสื่อ มันมีมานานแล้ว เพียงแต่สมัยก่อนมันไม่มีสื่อสังคมออนไลน์แบบนี้ ดังนั้นเลยดูเหมือนไม่มีเรื่องลักษณะนี้ แต่ถามว่าแต่ก่อนมีมั้ย มี!! @สาวไกด์ใจซื่อ ยินดีครับ เราไม่ได้หวังว่าทุกคนจะต้องเห็นด้วย แบบนั้นมันน่าเบื่อเกิน ไม่ต้องห่วงเรื่องจะทำให้เคืองหรอก เข้ามาพูดคุยด้วยเหตุผลนี่ แถมได้อดีตครูมาให้ความคิดเห็นยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ผมเป็นคนเคร่งกฏมากนะครับ กฏว่าอย่างไร ต้องทำตาม เพราะอย่างนั้นผมจึงตำหนิคนได้อย่างเต็มที่ เราเข้ามาบล็อกแก๊งเราต้องรู้ว่าบล็อกแก๊งห้ามอะไรบ้าง ถ้าเราทำผิดเราก็ต้องพร้อมที่จะได้รับโทษตามที่ทางบล็อกแก๊งระบุไว้ เช่นเดียวกัน เราไปโรงเรียน เราก็ต้องทำตามกฎของโรงเรียน แต่ปัญหาที่พบคือ ครูนี่แหละที่ไม่ทำตามกฏของโรงเรียน การลงโทษของครูไม่เป็นไปตามกฏของกระทรวงศึกษาธิการ (แล้วเราก็ทำอะไรครูไม่ได้) เรื่องทรงผม และชุดนักเรียนที่เล่าให้ฟัง ถือเป็นการใช้ตรรกะที่ดี แบบในบทความต้องเรียกครูเหล่านั้นว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ตรรกะที่ล้มเหลว เรื่องความเหลื่อมล้ำยังไงมันก็แยกออกได้ เป็นต้นว่าเครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน ก็พอจะแยกออกได้แล้ว ตัดผมไม่ได้ช่วยหรอก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่ข้องใจจริงๆ คือเรื่องของกฏที่ครูไม่เคารพมากกว่า จะสังเกตได้ว่า บทความเน้นไปที่กฏว่าทำไมครูไม่ทำตามกฏ แม้ในใจลึกๆ ผมจะรู้สึกไม่พอใจเรื่องการตัดผมก็ตาม โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:14:55:54 น.
พี่ไม่เคยสอนเด็ก และตอนเป็นเด็กก็ไม่ค่อยเจอ
เหตุการณ์แบบนี้ อาจเป็นเพราะโรงเรียนสมัยพี่ ต่างกับสมัยนี้ทั้งครูและนักเรียน ไม่แน่ใจ อ่านมาได้ครึ่งทาง รู้สึกสะเทือนใจมากเลย แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนเอามาตีแผ่เสียบ้าง คอมเม็นท์ ทั้งที่เห็นด้วยและเห็นต่างคงจะน่าอ่านมาก พี่จะกลับมาอ่านต่อค่ะ โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:15:30:37 น.
เป็นเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจ
แต่การได้รู้เป็นเรื่องดีค่ะ โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:16:01:24 น.
พี่ก๋าเพิ่งได้อ่านบล็อกน้องต่ออย่างตั้งใจตอนเลิกงานครับ
วันนี้ยุ่งทั้งวัน นั่งฟังคนนั้นคนนี้บ่นรัฐบาลให้ฟังครับ 5555 โห...ถ้าได้นักเรียนห้องละ 9-10 คน สุดยอดนะ ห้องเรียนในฝันเลยครับ ครูปกครองบางคนตอนนี้สอนลูกว่า อย่ากลัวครู ครูเป็นแค่ลูกจ้าง ฟังแล้วเจ็บปวดนะ เหมือนกับเงินฟาดหัวคนได้เลย ................... "พ่อมึงตายเหรอถึงโกนผม" --- คำนี้ไม่น่าหลุดออกมาจากปากครูเลยนะครับ ................... พี่ก๋าเคยเซ็งมากที่สุด อาจารย์สั่งทำรายงาน พี่ก๋าเขียนเองทั้งหมด ได้ C เพื่อนซีร็อกซ์นิตยสาร ตัดแปะมาส่ง อาจารย์ให้ A ....................... ครูตอนนี้คงตีเด็กยากแล้วนะครับ ยิ่งโลกโซเชี่ยลแบบนี้ ตีปุ๊บ ตายกลางวงบาทาแน่ๆ 5555 ...................... ส่วนข้อที่เหลือ ก็คล้ายๆกัน คือ เป็นเรื่องของทัศนคติของครูล้วนๆเลย สรุป --- ในความรู้สึกของพี่ก๋านะ การปฏิรุปการศึกษาของประเทศ ต้องเริ่มต้นที่ครูก่อนเลยครับ ทำยังไงก็ได้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทัศนคติของครู ถ้าทำได้ การศึกษาไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแน่นอน โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:18:55:05 น.
รู้สึกเรื่องราววันนี้
ดูเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีหลาย ๆ ในโรงเรียนนะคะ ขอไม่ออกความเห็นค่ะ แต่พี่เป็นคนโชคดี ที่สมัยเด็ก เจอครูที่เคารพนับถือ จนกระทั่งโต มีความทรงจำในวัยเรียน ให้หัวเราะ และนึกถึงพระครูทุกครั้ง มาจนถึงทุกวันนี้ ครูบางคนที่ยังอยู่และติดต่อได้ ยังรวมพลกับเพื่อนๆ ไปรดน้ำดำหัวกันอยู่ ครูบ้านนอก กับครูในเมือง จะแตกต่างกันเนอะ พี่เติบโตจากเป็นเด็กบ้านนอก โตถึงจะเข้ามาเรียนในเมือง ช่วงชั้นเรียนอนุบาล-มัธยมต้น ทั้งกลัวและเกรง และเชื่อฟังคุณครู ไปนอนเป็นเพื่อนที่โรงเรียน เพราะครูมีน้อย บ้านพักครูบางทีครูอยู่คนเดียวงี้ จนกระทั่งทุกวันนี้ ครูเกษียณแล้วก็ยังติดต่อครูอยู่ ครูวัยมัธยมยิ่งสนิท เรียกแม่ กับบางคน มีเจอบ้าง ครูวัยนี้ ที่รวมตัวกันไปรดน้ำดำหัว ครูประจำชั้นสมัย ม.3 ของเรา พอออกมาเรียนในเมือง สังคมจะแตกต่างจากบ้านนอก ระยะห่างครูนักเรียนมากขึ้น แต่ก็ยังให้ความเคารพครูเช่นเดิม อาจเป็นเพราะพี่ไม่ค่อยได้โฟกัสที่กฎระเบียบ เข้าใจว่ามันเป็นระเบียบวินัย เราทำตาม ส่วนครูจะทำผิดวินัยบ้างมั้ย ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจมั้ง แต่เพื่อน ๆ บางทีตัวพี่เองก็แหกกฎ สนุก คิดย้อนไปก็ขำๆ จะโฟกัสที่ผลการเรียน ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าหน่วยกิจเรียนซ้ำใหม่ อันนี้สำคัญมาก ณ ตอนนั้น 55 โดย: JinnyTent วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:20:02:56 น.
อาทิตย์ก่อน ดูคลิปครูจากเพจอีจัน
คนเค้าแอบถ่ายมา โหดมากก แบบดูถุกเยียดนักเรียนเลยแหละค่า ถ้าถาม่าาครูเปลียนไปเยอะมั้ย ก็ปกตินะ รินว่ามีทุกยุคทุกสมัย ตอนรินเรียนมาก็มีครูหลายประเภทเหมือนกันค่า บางทีทะเลาะกับสามีตัวเอง ก็มาลงที่นักเรียนก็มี 555 บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog หอมกร Movie Blog ดู Blog กิ่งฟ้า Literature Blog ดู Blog phunsud Food Blog ดู Blog toor36 Education Blog ดู Blog The Kop Civil Sports Blog ดู Blog โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:22:02:10 น.
toor36 Dharma Blog ดู Blog
Well well.... เห็นด้วยในหลาย ๆ ข้อเลย หลายครั้งที่ครูใช้อำนาจที่มีในทางที่ผิด อย่างเรื่องผม เล็บ ไรงี้เราโอเคนะ เพื่อความเสมอภาคและความสะอาด สุขอนามัย แต่ก็ไม่ควรเอากรรไกรมาตัดจนมันน่าเกลียด เพราะอาจจะกลายเป็นปมของเด็กไปนานแสนนานเลย โดย: Close To Heaven วันที่: 3 กรกฎาคม 2560 เวลา:22:39:47 น.
โหวตไว้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ ....วันนี้ต่างหาก ตอนดึกๆ มาใหม่จ้า
โดย: ชีริว วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:0:21:27 น.
หลายเรื่องเลยค่ะที่เมืองไทยต้องปฏิรูปเรื่องการศึกษาด่วน
จริงๆแล้วทั้งระบบกาศึกษา โรงเรียน และนักเรียน รวมทั้งครูด้วยที่จะต้องปฏิรูปใหม่ให้หมด เวลาผ่านมาเนิ่นนาน ผ่านมาไม่รู้กี่รัฐบาลก็ยังเฉยๆกับเรื่องนี้นะ พูดแล้วชักของขึ้นค่ะ ขอบคุณที่แวะฟังเพลงค่ะ โดย: mambymam วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:4:27:32 น.
สวัสดียามเช้าครับน้องต่อ โหวต Education Blog ครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:6:36:08 น.
toor36 Education Blog ดู Blog
ตัวหนังสือพรืดไปหมดจริงๆ อย่างคุณต่อว่า โดย: หอมกร วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:9:41:45 น.
สวัสดีอีกรอบจ้ะ
ใช่ พี่ก็ว่าต่อค่อนข้างเคารพกฎ แต่ก็อย่างที่บอก หลายคนก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อยากอยู่ที่นี่แต่อยากเปลี่ยนกฎให้ถูกใจตัวเอง อันนี้พี่ก็ว่าไม่ถูกอะนะ มาตอบ สมัยประถมยังไม่อยู่ในช่วงที่เยอะเท่าไหร่ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย เห็นด้วยกับต่อเลย คือ ประเมินซะจนหลายคนเอาเวลาไปทำประเมินให้ดี แต่การสอนเป็นยังไงอีกเรื่อง ปล่อยเกรด เพราะต้องการให้ผลประเมินมีดัชนีที่ดีขึ้นยังมีเล้ย เหอๆ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:10:09:41 น.
อืม....ไม่ได้เดินสายไปเยี่ยมเยือนบล็อกไหน ๆ
มาพักหนึ่งกลับมาหนนี้ก็จัดยาวเลยแฮะ ปัญหา(โคตร)ใหญ่โตทีเดียว ที่เรียบเรียงมาให้ อ่านก็มีหลายข้อนะ ขอก็อป comment ของพี่ก๋ามานะ " พี่ก๋าเคยเซ็งมากที่สุด อาจารย์สั่งทำรายงาน พี่ก๋าเขียนเองทั้งหมด ได้ C เพื่อนซีร็อกซ์นิตยสาร ตัดแปะมาส่ง อาจารย์ให้ A " โดนเหมือนกันเลยฮะ ตอนนั้นอยู่ชั้นประถม ครูให้ทำหนังสือนิทานส่งเป็นการบ้านช่วงปิดเทอม รูปเล่มเราวาดเองเขียนเรื่องเองกับมือ ได้คะแนนตามเนื้องาน ก็ไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่ แต่คนที่ได้เต็มสิบ เห็นแล้วน่าเจ็บใจมาก เพื่อนคนนั้นไปเอากระดาษคาร์บอน มาเขียนลอกภาพเรื่องจากหนังสือที่ตีพิมพ์ แล้วลงสี ระบายทับ แล้วคัดลอกเนื้อหามาทั้งฉบับ .... ทีนี้ขอแชร์อีกมุมที่เจอมากับตัวมั่ง อาจจะไม่ได้ เรียบเรียงต่อความตามเรื่องที่คุณต่อเล่ามา แต่ก็ให้เห็นอีกแง่มุมละกันว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น เรามีปัญหาชัดเจนในช่วง ม.ต้น ค่ะ เนื่องจาก เป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีจำนวนห้องเรียนรองรับ อยู่เพียง 2 ห้อง (รุ่นเรานะ) เพราะส่วนมากพอ จบประถมกันก็มักจะแยกย้าย ไปอยู่โรงเรียนที่ ใหญ่กว่าเลยเหลือ ๆ กันไม่กี่คน ปริมาณนักเรียนก็ราว ๆ 42 คน / ห้อง หลังจากเรียนผ่านไปหนึ่งปี เราก็ถูกย้ายห้อง โดนย้ายแล้วก็ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมดนั่นไม่ เท่าไหร่ แต่เราเจอการสอนของครูที่เปลี่ยนไป เลยเกิดคำถามขึ้น ... ทำไม ครูบางคนไม่สอนเหมือนกับห้องนั้น ? หนำซ้ำยังออกแนวดูถูกเด็กด้วยซ้ำ ! แต่ครูที่ดีก็มีนะที่เข้าใจถึงความช้า ความไว ในการเรียนที่ต่างกันและหาวิธีแก้ไขให้เท่าทัน ส่วนครูที่แย่ในสายตาเราก็คือครูที่ปรับบทเรียน ให้เหมือนกับสอนผ่านไปวัน ๆ อ่ะ...เด็กที่ไม่ อยากเรียน มันก็สบาย ครูก็ชิลล์ สิ แต่มันถูกไหม? พอผลสอบที่ออกมาคะแนนแย่ ก็อ้างว่า พวกเธอมันช้าเรียนไม่ทัน เราจึงพอเข้าใจในความต่างของสองห้องนี้นะ ที่ครูให้สิทธิไม่เท่ากัน - แต่กลับกันพอวันไหน มีผู้ตรวจจากข้างนอกมาทำการประเมินการสอน งานเตี๊ยมก็มา ยังกะเล่นละคร สอนดีผิดหูผิดตา (น่าจะมี CCTV ติดตั้งอ่ะ) พอย้ายมาเรียน ม.ปลาย ที่โรงเรียนใหญ่ อันนั้นเด็กเยอะมาก ๆ 10 ห้องห้องละ 40 กว่า ๆ มันก็ยังรู้สึกไม่ทั่วถึงสอนไม่ทันอีก ... แต่ก็มีเปิดโรงเรียนกวดวิชาข้างนอกกันเพิ่มเติม (เพื่อนไปลงเรียนบอกสอนดีกว่าที่โรงเรียนอีกอ่ะ) ยังมีอีกเยอะ แต่บ่นให้ฟังเท่านี้ดีกว่า อิอิ โดย: กาบริเอล วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:11:06:12 น.
@คนบ้านป่า
จริงๆ ผมควรจะเขียนแยกระดับ ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย เพราะแต่ละระดับการเรียนการสอนมันก็ต่างกัน แต่โดยรวมปัญหาที่กล่าวถึงนั้นไม่ว่าระดับไหนมันก็ไม่ควรเกิดขึ้น ขออภัยหากทำให้สะเทือนใจ @JinnyTent อาจจะเป็นปัญหาในเมือง กับชนบทก็ได้ อย่างที่บอกมันเป็นปัญหาเฉพาะตัวบุคคล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หลายๆ เหตุการณ์มันไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เราอยู่ในเหตุการณ์นั้นมันก็รู้สึกแย่ไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น @Rinsa Yoyolive ความจริงมันน่าจะมีมาทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ในปัจจุบันมี Social Network มันเลยทำให้ดูเหมือนเรื่องราวลักษณะนี้มีมาก เมื่อวานก็พึ่งมีข่าวเกี่ยวกับครู https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_429507 เป็นเคสที่น่าพิจารณา @Close To Heaven ประเด็นที่ผมเล่นจริงๆ คือ กฏระเบียบ ในเมื่อมีกฏบังคับให้นักเรียนต้องทำตาม แต่ครูกลับไม่ทำตาม แบบนี้จะสอนเด็กอย่างไร ในบ้านเมืองไทยเป็นแบบนี้เยอะนะครับ ไม่อยากให้พูดคำไม่สุภาพ แต่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองพูดหยาบออกโทรทัศน์ ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน @ mambymam ความจริงเคสที่เอามาเขียนในครั้งนี้มันอาจเป็นปัญหาที่ตัวบุคคล แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า มันมีปัญหาแบบนี้จริง @สาวไกด์ใจซื่อ ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน จะมีประโยชน์อะไรถ้าเด็กเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี เห็นว่าครูมัธยมก็มีพวกประเมินและต้องทำผลงานทางวิชาการเหมือนกัน ที่เล่ามาถือเป็นปัญหาจริงๆ แหละครับ อย่างที่ได้เขียนไว้ เราบ้าการประเมินกันเกินไปรึเปล่า @กาบริเอล ความจริงเราเขียนเองน่าจะได้คะแนนความพยายามมากกว่านะครับ เขียนเองมันฝึกการคัดลายมือด้วย ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเลย มันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของครูท่านนั้นจริงๆ ครับ ประเทศสวีเดนครูที่เก่งจะเคยสอนห้องที่เด็กเรียนอ่อน (น่าสนใจครับกรณีครูเล่นละครตอนประเมิน) โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:11:31:02 น.
จากความเห็นของคุณกาบริเอล
โดยส่วนตัว พี่เองก็เคยเจอนะ เรื่องครูเปรียบเทียบห้องนี้กับอีกห้อง และการสอนที่แตกต่าง เหมือนกับว่าถ้าเป็นห้องที่เด็กเก่งๆ ตั้งใจเรียน ครูจะอัดวิชาให้เยอะ ส่วนห้องที่เด็กอ่อน ครูจะสอนแบบไม่อัดอะไรเท่าไหร่ บางทีก็บ่นเด็กไปเกือบ 20 นาที จากที่ต้องเดินเรียนแล้วมาถึงห้องช้า สรุปคาบนั้นทั้งคาบ ได้เรียนวิชาจริงๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง และบางทีก็มีแบบว่า ครูจะให้นักเรียนไปลงเรียนพิเศษ หลังจากเลิกเรียน ซึ่งจริงๆ ตรงที่ไม่บังคับ แต่ถ้าสมมุตินักเรียนไม่เรียน นักเรียนก็จะไม่รู้ และบางทีข้อสอบมันก็มาจากในห้องเรียนพิเศษนั้น คือ มีความรู้สึกว่าครูไม่ควรจะหากำไร ทำไมจะต้องขยักไว้สอนพิเศษเพิ่ม (นี่เป็นโรงเรียนเอกชน ซึ่งเราก็จ่ายแพงอยู่แล้ว วันเสาร์ก็บังคับเรียน แล้วทำไมเราจะต้องมาเรียนพิเศษอีก) บางทีก็ไม่เข้าใจ แต่พี่ไม่เรียนนะ ไม่ใช่ไม่มีตังค์ แต่เพราะตัวขี้เกียจเกาะตัวล้วนๆ โดย: comicclubs วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:11:51:39 น.
พี่ก๋านี่ถ้าคิดแล้วไม่เขียน
สามนาทีลืมครับ 5555 แก่แล้วล่ะ นั่งอ่านเม้นท์เพิ่มเติมในบล็อกน้องต่อเพลินดีนะ ได้ข้อมูลจากหลายๆมุมมอง ดีครับ ชอบบล็อกแบบนี้ วิวาทะกันอย่างสร้างสรรค์ครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:12:47:03 น.
กระแส Despicable ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ โดน TF5 กลบหมด อาทิตย์นี้ Spiderman เตรียมตัวชักใยอีกครับ 55
โดย: The Kop Civil วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:16:28:03 น.
ขอขอบคุณสำหรับแวะเยี่ยมชมและโหวตคะคุณต่อ
ที่นี่เหมาะเป็นที่พักตามเม้นท์คุณต่อเลยจริงๆคะ เราพักหยุดเวลาเพื่อเสพความสุขในบรรยากาศที่นั่น ให้คุ้มค่าราคาที่พักเลยล๊ะ(พักหลายคืนก็หลายตังค์55 ) โดย: Tui Laksi วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:21:10:32 น.
ขอบคุณที่ไปชมดอกไม้และโหวตให้นะคะ
ราตรีสวัสดิ์ รักษาสุขภาพด้วย โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:21:16:51 น.
ครูที่แย่มีตั้ง 0.1% เลยเหรอครับ!! ตำรวจเลวยังมีแค่ 0.01% เองนะ (ล้อเล่น) คุณต่อก็เจอครูสารพัดแบบจริงๆนะเนี่ย
สมัยเรียนครูหลายคนให้เด็กสลับกันตรวจการบ้าน บ้างก็โกงให้เพื่อน บ้างก็ฮั้วเพื่อนโกง บ้างก็เลือกของตัวเองมาตรวจ หัดโกงตั้งแต่เด็กกันเลยทีเดียว... ที่สำคัญครูที่ไม่เคยผ่านตางานของเด็ก ไม่รู้จุดบกพร่องการสอน ไม่รู้สิ่งที่เด็กคิด มันเป็นหายนะอย่างคุณต่อว่าครับ ครูอำนาจเหนือเด็กมากจนเด็กหวาดกลัว ไม่กล้าออกความเห็น ไม่กล้าคิดต่าง ก็ทำให้การเรียนเป็นวันเวย์ อีครูที่บอกว่าพ่อตายเหรอเลยโกนผมนี่สุดยอดแห่งความพูดไม่คิดเลยครับ ต่อให้พ่อเขาไม่ได้ตายก็เป็นคำพูดที่แย่ บ้านผมมีทั้งคอม ทั้งปรินเตอร์เป็นคนแรกๆ กลายเป็นเบ๊ทำรายงานเช่นกัน สมัยก่อนพิมพ์ช้าจนพ่อต้องมาช่วยทำให้บางส่วน ว่าแล้วก็คิดถึงปรินเตอร์ dot matrix กับเสียง แตร๊ดดดดดดดดแตร่ดๆๆๆ ของมันเหมือนกันนะ การให้ตัดทรงนักเรียนนี่ก็หลงยุคหลงสมัยมากๆ ช่วงนึงเด็กมันเป็นเหาเยอะ หรือญี่ปุ่นยุคทหารก็สั่งเด็กตัดผมเกรียนเหมือนกัน แต่เขาก็เลิกไปหลายสิบปีแล้วอะนะ ของเราลืมเลิกแล้วมาอ้างเหตุผลโน่นนี่นั่น (ถ้ามันดีจริงๆครูก็ไว้ด้วยสิ) พอๆกับให้เด็กเข้าแถวตากแดดแล้วตัวเองไปยืนในร่ม KPI นี่เป็นปัญหาทุกวงการ อย่างที่ทำงานผมตอนกำหนดก็เป็นต้นๆปี ยังไม่รู้ว่าทำงานไปแล้วจะเจออะไรบ้าง ระหว่างปีก็ปรับแก้กันไปพลาง ปลายปียังจะให้ทำตามแผนมั่วๆเพื่อให้ได้ตาม KPI ที่ตั้งมั่วๆตอนต้นปีอีกก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว วิธีประเมินการศึกษาบางทีก็เฮงซวยเองด้วย ตอนประถมเคยเรียนๆอยู่มีลุงคนนึงเดินเข้ามาในห้องแล้วถาม "พวกเธอรู้มั้ย ส้มตำภาษาอังกฤษว่าไง?" เด็กก็งง ไม่มีใครตอบได้ แกก็เฉลย "ก็ปาปาย่าสลัดไง ไม่รู้กันจริงๆเหรอ" แล้วแกก็ไป สัปดาห์ต่อมาครูแจ้งว่าผลประเมินความรู้โรงเรียนนี้ออกมาแย่ ....อีลุงส้มตำเมื่ออาทิตย์ก่อนเนี่ยนะคือวิธีประเมินผลโรงเรียน?!! ห่วยตั้งแต่ขั้น identify issues ชาตินี้ก็แก้ปัญหาโรงเรียนไม่จบหรอกครับ คนเก่งๆดีๆเป็นครูกันน้อยกว่าที่ควรด้วยครับ เพราะผลตอบแทนอาชีพครูมันไม่ดึงดูดใจ ถ้าสอนเก่งก็ไปเป็นติวเตอร์รวยกว่ากันเยอะ หลายคนก็เรียนครูเพราะสอบเข้าคณะอื่นไม่ได้อะนะ... ใครๆก็บอกว่าปัญหาการศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ก็ให้ความสำคัญ งบกระทรวงศึกษาบ้านเราก็เยอะมากอยู่แล้ว ถ้าใช้ถูกที่อะไรๆคงดีกว่านี้ แต่คงแก้ไม่ง่ายครับ อย่างจะยุบรวมโรงเรียนเพื่อเพิ่มคุณภาพเฉลี่ย (โดยไม่คิดเรื่องเด็กเดินทาง) ก็โดนประท้วงจนต้องกลับไปตั้งหลักกันใหม่ หรือจะพยายามเปิดให้สายอื่นเข้ามาสอบวิชาชีพครูได้ ก็มีคนสายครุประท้วงอีก โดย: ชีริว วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:22:48:06 น.
เรื่องผมนี่ไม่ค่อยเข้าใจเลย จะบังคับกันทำไม 55
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:22:54:55 น.
ชอบประโยคนี้ค่ะ
ตราบใดที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังบ้า KPI เราก็จะได้แต่ KPI แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จริงที่สุดค่ะ 555 โดย: Sai Eeuu วันที่: 4 กรกฎาคม 2560 เวลา:23:40:26 น.
พี่ก็โชคร้ายที่เจอครูที่แย่ และเจ็บตัวด้วย
เพราะสมัยก่อนครูตีนักเรียนได้ไม่ผิดด้วย เรื่องที่เล่าๆมา บางเรื่องพี่ก็โดนเอง แต่ส่วนมากเพื่อนๆจะโดน ไม่ว่าจะโดนตัดผม โกนผม โดนตีด้วยไม้ลบกระดาน เฮ้อ...สารพัดไอเดียจากครู ยกตัวอย่างนักเรียนทำการบ้านผิดก็โดนตี ไม่อธิบายแต่ตีเลย แต่สมัยนี่ครูคงตีนักเรียนไม่ได้แล้ว มือถือเยอะ 555 เปลี่ยนมากี่สมัยก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากน่าเศร้าค่ะ บล๊อกนี้พี่ไม่เห็นเลย ไว้เปลี่ยนวันแวะมาใหม่จ้ะ โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:3:35:45 น.
โดย: vja (สมาชิกหมายเลข 3965168 ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:4:44:26 น.
สวัสดีอีกรอบจ้ะ
ใช่ พี่ว่าเรากำลังหลงทาง คือ การประเมินครูก็ดี แต่มันผิดวิธีกันอยู่อ้ะพี่ว่าอะนะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:9:48:00 น.
@comicclubs
มันไม่ถูกต้องจริงๆ น่ะแหละ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีในสังคมจริง แม้ในทุกวันนี้ก็ยังมี @ชีริว มีแบบนั้นเหมือนกันนักเรียนฮั้วกันเอง ครูควรตรวจเองเพื่อประเมินตัวเอง และประเมินเด็ก นี่เป็นสิ่งที่ครูหลายๆ คน พลาดไป ถ้าเด็กนักเรียนเห็นต่างจากครูจะโดนเพ่งเล็ง ถามมากๆ เจอสั่งรายงานทั้งห้อง จากนั้นคนที่ถามโดนเพื่อนๆ เล่นงาน บางครั้งโดนครูตวาดคนที่ถามทำให้เด็กคนนั้นหมดความั่นใจไปเลยก็มี ครูฝ่ายปกครองส่วนมากปากแบบนี้ครับ จากที่เจอระดับมัธยม 6 ปี มี 4 คนที่แย่ 66% ถือเป็นตัวเลขที่สูงเอาการ ผมไม่ปฏิเสธกฏ แต่ทุกคนต้องอยู่ในกฏเดียวกัน จะสอนเด็กยังไงให้ทำตามกฏในเมื่อตัวเองละเมิดกฏกระทรวงศึกษาธิการเสียเอง ฮาลุงส้มตำ นี่คือการประเมิน? จริงครับติวเตอร์รวยกว่าเยอะ น่าสนใจตรงที่คนพวกนี้ไม่ได้จบครู แต่กลับมีวิธีสอนที่ดึงดูดเด็กได้ สายอื่นสอบเข้ามาผมว่าน่าสนใจ ถ้ามีคุณภาพสอนได้เจ๋งๆ แบบติวเตอร์น่าจะยกระดับการศึกษาได้ @บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทั้งที่ปัจจุบันสามารถไว้ผมได้แล้ว แต่ยังมีครูบางคนอ้างว่าคำสั่งยังมาไม่ถึง ในยุคที่มีอินเทอร์เน็ต แต่อ้างด้วยคำพูดแบบนี้มันแสดงถึงอะไรหลายๆ อย่าง @Sai Eeuu หลายหน่วยงานน่าจะเจอกรณีแบบนี้ สุดท้ายก็หาปัญหาไม่เจอ @ข้ามขอบฟ้า สมัยนี้ก็ยังตีครับ ผมมองว่ามันเกินไป ผมเน้นมากในเรื่องของ "กฏ" กฎไม่ได้อนุญาตให้ทำ เพราะมันผิดกฎหมาย (ที่ใหญ่กว่า) แต่เราก็มักได้ยินตรรกะที่ป่วย เช่น ลูกเทวดาแตะไม่ได้, ไม่รู้จักแหกตาดูกฏก่อนเข้ารึยังไง, ไม่พอใจเรียกพ่อแม่มาลาออกไป ทุกคำพูดมันสะท้อนเข้าหาตัวคนพูดเองนะ @สาวไกด์ใจซื่อ หลงทางเอาจสียเวลา แต่เมื่อมีคนเตือนก็ไม่มีใครฟัง คำถาม... รมต กระทรวงศึกษา มีกี่% ที่มาจากอาชีพครูโดยตรง มันยอดเยี่ยมมากเลยที่เอาคนสายอื่นที่ไม่รู้มากำหนดทิศทางการแก้ปัญหา โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:11:19:42 น.
สวัสดีค่ะคุณต่อ
บล็อกนี้ เหมือนสภากาแฟ เหมือนโต๊ะกลมนั่งถกปัญญากันระหว่างเพื่อนบล็อก บรรยากาศตึงเครียดแต่หลากหลาย มากกว่านั้นคือ ได้พูดคุยกันอีกแนว ทำให้รู้สึกดี ได้แสดงความคิดเห็นกัน ได้รู้ ได้เห็น ได้หลากมุมมอง เหมือนเหรียญสองด้านนะคะ มองคนละมุมก็องศาผิดกันละ แต่ก็ต้องยอมรับอย่างคุณต่อว่าแหละ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ตะก่อนก็อาจจะมีเยอะกว่านี้ก็ได้ เพียงแต่การสื่อสารมันยังไม่ทั่วถึง แต่เดียวนี้โลกเปลี่ยนไป ทำให้เรารู้ข่าวสาร ทั้งดีและไม่ดีเยอะแยะมากมายเลย ถ้าพี่เจอแบบที่คุณต่อเจอ ก็คงจะรู้สึกแย่เหมือนกันค่ะ แต่ดีที่ไม่เจอ อะไรก็แล้วแต่ถ้าเป็นการกระทำที่เกิดกว่าเหตุ ไม่สมเหตุสมผล มันย่อมกระทบไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง กฎระเบียบมันถึงมีขึ้นเผื่อให้เป็นแกนกลางการปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ครูก็คนธรรมดา บังเอิญเรียนสายวิชาชีพมาประกอบวิชาชีพครู แต่จะมีจิตวิญญาณของความเป็นครูมากน้อยแค่ไหน อันนี้ มันอยู่ที่พื้นฐานจิตใจของคนเป็นครูแต่ละคน ผู้ปกครองสมัยนี้ นอกจากจะเลือกโรงเรียนให้ลูก ๆ แล้ว ยังต้องคอยสอดส่องพฤติกรรมครูอีกนะคะ ใช่ว่าจะส่งไม้ต่อให้ครูดูแลดวงใจเราได้ วางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ซะทีเดียว โดย: JinnyTent วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:11:40:41 น.
เพื่อนน้องซีได้รางวัลคัดลายมือค่ะ ส่วนน้องซีบอกว่า ลามือหนูห่วยแตกมากๆ ค่ะ 5555555555
โดย: kae+aoe วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:13:01:37 น.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต The Kop Civil Movie Blog ดู Blog นาฬิกาสีชมพู Dharma Blog ดู Blog สาวไกด์ใจซื่อ Review Food Blog ดู Blog ฟ้าใสวันใหม่ Food Blog ดู Blog kae+aoe Parenting Blog ดู Blog toor36 Education Blog ดู Blog เห็นด้วยกับน้องต่อเลยจ๊ะ โดย: อุ้มสี วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:13:31:31 น.
ดูรายชื่อคนที่มาเม้นท์
ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบล็อกที่ไม่ใช่เพิ่งรู้จักกัน พี่ก๋าว่ามันคัดกรองคนที่จะเม้นท์ได้ดีกว่าเฟสบุ๊คครับ อันนั้นถ้าเกรียนก็เกรียนมาเลย 5555 พูดคุยกันแบบนี้ได้ประโยชน์ครับ ได้เปิดมุมมองใหม่ๆในเรื่องเดียวกัน โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:13:44:45 น.
ผมอยากยกอันนี้มาให้ได้อ่าน เผื่อมีคนแวะเข้ามาจะได้อ่านทำความเข้าใจ และเคารพ "กฏ" สำคัญที่เราต้องเคารพกฏที่ตั้งไว้ ไม่ใช่ใช้ตรรกะวิบัติที่ว่า คุณทำผิดฉันก็ทำผิดได้
ทราบหรือไม่ว่าระเบียบกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดบทลงโทษนักเรียนไว้ 4 สถาน 1. ว่ากล่าวตักเตือน 2. ทำทัณฑ์บน 3. ตัดคะแนนความประพฤติ 4. ให้ทำกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การที่ครูลงโทษด้วยการตัดผมนักเรียนนั้นเกินกว่าเหตุ และขัดกับระเบียบของกระทรวงหรือไม่? เนื่องจากไม่ได้มีระบุว่าทำได้ ทำทัณฑ์บน 3 ครั้งโดนไล่ออกได้เลยนะ ผมย้ำนะครับว่าครูไม่มีสิทธิ์ลงโทษโดยการตัดผมนักเรียน ถ้าเด็กโดนทำทัณฑ์บน 3 ครั้ง ต่อให้ต้องไล่ออกก็ต้องทำ ไม่ต้องมาพูดว่าเดี๋ยวจะเป็นการทำลายอนาคตเด็ก ทำลายแล้วไง? ก็เด็กทำผิดกฏจะได้รับโทษก็สมควรแล้ว แต่สำคัญที่คนเป็นครู ต้องไม่ละเมิดกฏเสียเองต่างหาก โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:14:23:10 น.
ประสพการณ์เรียน ตอนเด็ก ตอนนั้นไม่ค่อย
รู้เรื่องกับเขาหรอก 555 ยัง งง เลยว่า ตรู ผ่านมาได้ไง.... ครูสอนเรา ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง..... จำนวนนักเรียนเยอะมากครับ ยิ่งเป็นห้อง ค. ครูมักจะ สอน ๆ งั้นเอง.. ผมเอง เรียนไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นคง สมองคงยัง ไม่พัฒนาด้วย... ครูให้เขียนตอบจนกระดาน เขียว ผมเขียนไม่ได้ ยืนบื้อ... เลยถูกจับ หัวโขก 2 ครั้ง... เลยจำชื่อครูหญิงได้ดี ... พอโตมา ค่อยเรียนในสายที่ตนเองสนใจเลย ผ่านฉลุย เช้ามาต้องรีบมาแต่เช้า ให้เพื่อน ลอก 555 และแล้ว คนให้เพื่อนลอก สอบตก วิชาที่ เขียนเป็นภาษาไทย ต้องสอบซ่อม.. แต่ที่ เป็นภาษาอื่น กลับผ่าน.. ผมเห็นข่าวที่จีน หลายเรื่อง มีทั้งดีและไม่ดี ครับ... toor36 Education Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:15:09:36 น.
สวัสดี จ้ะ น้องต่อ
อ่านจบแล้ว ใช้เวลาอ่านนานมาก โหวดก่อนนะ ดึกแล้ว ขอนอนก่อน พรุ่งนี้ ก็ต้องไปอบรม การต่ออายุบัตร อาจจะตอบดึกอีก อิอิ โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 5 กรกฎาคม 2560 เวลา:23:14:40 น.
สวัสดีจ้ะน้องต่อ
ปรกติน้องต่อก็ไม่ได้เขียนยาวแบบนี้ นานๆเขียนครั้ง ก็ถือว่ามาถกปัญหากัน สมัยนี้ก็ยังมีตีนักเรียนอีกเหรอ ถ้าที่นี่ครูโดนหนักแน่ โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 6 กรกฎาคม 2560 เวลา:2:40:37 น.
สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณต่อ
นึกถึงสมัยเรียนเราก็เจอมาสารพัดเหมือนกัน ตัดผม ตัดกระโปรงก็มีค่ะ แต่สมัยนี้ รร.เอกชนบางที่ ครูก็สปอยนักเรียนเกินไปก็มี บอกแนวข้อสอบก็มีค่ะ สงสัยกลัววัดผลออกมาไม่ดีมั้งคะ โดย: ann_shinchang วันที่: 6 กรกฎาคม 2560 เวลา:5:52:19 น.
อยากให้คุณเข้าใจว่า "หลังฝนตก...ย่อมเกิด รุ้ง ที่สวยงาม" ความทุกข์ในวันนี้....เวลานี้ แค่คุณทำใจ ก้าวผ่านมันได้ ชีวิตข้างหน้าที่ดี ๆ คนดี ๆ สิ่งดี ๆ ความสุขย่อมมีอยู่ข้างหน้า เป็นกำลังใจให้กันและกัน ในเส้นทางชีวิตนะ ขอให้มีความสุข...ทุกวัน...ทำการของหัวใจ *~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~* |
บล็อกนี้อยู่ในหมวด Education Blog ยินดีเปิดรับทุกความคิดเห็นของเพื่อนๆ ที่มีล็อคอิน เพื่อพูดคุยอย่างสร้างสรรค์
แม้ท่านจะใช้ตรรกะวิบัติมาพูดคุย แต่เราจะไม่ใช้ตรรกะวิบัติกับท่านแน่นอน