ภาพลับอ๋องจิ้ง หลิงเป้าจือ เขียน 6/8/2019 ภาพลับอ๋องจิ้ง หลิงเป้าจือ เขียน ยูมิน แปล สำนักพิมพ์ Deep ในเครือสถาพรบุ๊คส์ 240 บาท 270 หน้า
หลังปก
‘เฉียวหย่งจ้วน’ คุณชายสามแห่งสกุลเฉียว ผู้มีอาชีพลับเป็นนักวาดภาพหนังสือปกขาวที่ขายดิบขายดีในตลาดมืด เกิดเรื่องวิวาทและพลั้งมือไปล่วงเกิน ‘หลี่เหยียนฮวน’ หรือ ‘อ๋องจิ้ง’ พระอนุชาคนโปรดของฮ่องเต้ ทำให้ถูกลงโทษโบยยี่สิบไม้
หย่งจ้วนแค้นใจอย่างหนัก จึงแก้แค้นด้วยการวาดภาพกามกิจระหว่างชายกับชาย โดยใช้ใบหน้าและบุคลิกของอ๋องจิ้งเป็นต้นแบบ ปรากฏว่าหนังสือภาพเล่มนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และตกไปถึงมืออ๋องจิ้ง แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเนื้อหาในหนังสือปกขาวไปกระตุ้นปมในอดีตของอ๋องจิ้งจนเกิดอาการวิปลาส หนีออกจากวังไป
หย่งจ้วนได้พบอ๋องจิ้งในสภาพสติไม่สมประกอบ ความคิดความอ่านเหมือนเด็กแปดเก้าขวบ จึงพามาอยู่ที่จวนด้วยหวังจะแก้แค้นต่อ แต่กลับต้องเดือดร้อนวุ่นวายไม่รู้จบ เพราะเจ้าเด็กในร่างผู้ใหญ่คนนี้เฝ้าลวนลามเขาไม่หยุดหย่อน และยังโปรดปรานหัวผักกาดยักษ์ของเขาเสียนี่กระไร!
คุยกันหลังอ่าน
เป็นแนวคอมเมดี้ค่ะ
นายเอกชื่อเฉียวหย่งจ้วน นิสัยเกเรชอบหาเรื่องระรานคนอื่น เป็นที่เดือดเนื้อร้อนใจของผู้เป็นพ่อ วีรกรรมล่าสุดของเขาคือการไปล่วงเกินอ๋องจิ้ง ซึ่งเป็นพระอนุชาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ เลยโดนโทษโบยไปยี่สิบไม้ ยิ่งเจ็บเฉียวหย่งจ้วนก็ยิ่งแค้น เลยวาดอ๋องจิ้งเป็นตัวเอกในนิยายปกขาวชายกับชายที่ตนแต่ง งานเขียนนี้เป็นที่โด่งดังไปทั้งเมือง ไม่นานเรื่องก็ไปถึงอ๋องจิ้ง แทนที่จะโกรธ อ๋องจิ้งกลับมีอาการวิปลาส หนีออกจากวัง เฉียวหย่งจ้วนไปเจอเขาเข้า จึงพบว่าอ๋องจิ้งในยามนี้มีสภาพสติเหมือนเด็ก เฉียวหย่งจ้วนเลยใช้ประโยชน์จากสภาพของอ๋องจิ้งแก้แค้นคนที่ไม่ดีกับตน
เรื่องหลักก็จะเกี่ยวข้องกับคำถามที่ว่าอ๋องจิ้งเป็นอะไร ทำไมจึงมีสภาพเช่่นนั้น เรื่องรองก็อย่าง ประเด็นครอบครัวของเฉียวหย่งจ้วน ที่พ่อไม่รักเขากับพี่ชายคนโต แต่กลับไปเชิดชูอนุกับลูกของนาง และการที่สกุลของเขาต้องเกือบย่อยยับเพราะพ่อเลือกข้างฮ่องเต้ผิดคน ซึ่งพฤติกรรมฉาวโฉ่ของเฉียวหย่งจ้วนก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
โอขำตอนแรกที่พ่อกับเฉียวหย่งจ้วนทะเลาะกัน พ่อก็ด่าว่าลูกไม่ได้ความ ลูกก็คิดว่าพ่อช่างไม่ได้เรื่อง หรือมุกตลกของหนังสือปกขาวของเฉียวหย่งจ้วนที่ทำให้คนทั้งเมืองตาเป็นหมีแพนด้า
บุคลิกและบทบาทของพระเอกไม่เด่น แต่จะเด่นด้วยประโยชน์ของพล็อตมากกว่า ในแง่ความรักเรื่องนี้ทำได้ไม่ดีนัก จะเป็นมุกบนเตียงทะลึ่งตึงตังไป
ภาพรวมพล็อตใช้ได้ แต่การดึงอารมณ์ร่วมยังไม่ดี ไปเน้นมุกบางมุกจนทำให้เรื่องอืด พอเป็นปมใหญ่ ๆ กลับเล่าให้ผ่าน ๆ ไป เลยเหมือนใช้ประโยชน์จากปมเรื่องเพื่อดึงคนอ่านไม่ได้
มีทั้งส่วนที่ชอบและส่วนที่ไม่ชอบ แต่ส่วนที่ไม่ชอบมีอิทธิพลมากกว่า เลยกดให้ที่ 2.5 ดาว
ภาษาก็ยังมีที่อ่านแล้วติดขัดอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการแทน ‘เจ้าตัว’ ในตัวละคร ซึ่งปกติไม่ใช้กัน โอพยายามค้นหากับคิดเรื่องนี้จนหัวฟูเลย
‘เจ้าตัว’ เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 เป็นสรรพนามที่ผู้พูดกล่าวถึง เหมือนกับ เขา เธอ หล่อน นาง
แต่โอคิดว่ามันมีความเฉพาะมากกว่า หนึ่งคือเป็นภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน สองคือมีน้ำเสียงและอารมณ์อยู่ในนั้น (มีความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างผู้พูดกับผู้ที่ได้รับการกล่าวถึง มีอารมณ์ เช่น เอ็นดู ห่วง หมั่นไส้)
เช่น ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากมา จะทำยังไงได้ รอให้เจ้าตัวออกมาพูดเองดีกว่า เจ้าตัวอยากให้เพื่อนทุกคนใส่สีเขียว พอปฏิเสธไป เจ้าตัวได้แต่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
ในขณะที่ ‘เขา’ ‘เธอ’ ‘หล่อน’ ‘นาง’ จะเป็นได้ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน และไม่มีอารมณ์อยู่ในตัว
จึงไม่ควรใช้ ‘เจ้าตัว’ ในบทบรรยาย ที่ต้องการความเป็นทางการ และไม่มีน้ำเสียงและอารมณ์ปนอยู่ในนั้น
เพราะฉะนั้นเมื่อโออ่านในเรื่องแล้วเจอการแทนสรรพนามบุรุษที่ 3 ว่า ‘เจ้าตัว’ ในบทบรรยาย โอจึงรู้สึกขัดแย้งทุกครั้ง
โอยกตัวอย่างในเรื่องมา . *91 เฉียวหยุ่งจ้วนจุ๊ปาก ครั้งแรกไม่คุ้น ครั้งที่สองไม่ชิน ครั้งที่สามชำนาญ จากนั้นเจ้าตัวก็ลากร่างใหญ่โตกำยำของอีกฝ่ายกลับเข้าไปพักผ่อนในห้อง
*109 ตั้งแต่กลับมาจากภูเขาซีซาน หลี่เหยียนฮวนก็ตกอยู่ในภวังค์สลบไสลอีกครั้ง ทั้งยังเกาะเฉียวหย่งจ้วนแน่นเหมือนเคย รอจนกระทั่งฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้งและเห็นว่าเฉียวหย่งจ้วนยังคงเฝ้าอยู่ข้าง ๆ กาย เจ้าตัวก็อดโน้มตัวเข้าไปจุมพิตอีกฝ่ายไม่ได้ *114 เฉียวหย่งจ้วนพูดโพล่งออกมารวดเร็วราวกับจุดประทัด ด้วยเกรงว่าหลี่เหยียนฮวนจะฟังไม่เข้าใจ เจ้าตัวก็เลยเปรียบเทียบกับอวัยวะท่อนล่างของตนให้เห็นชัด “ข้าก็เป็นเหมือนกัน”
*117 เฉียวหย่งจ้วนทำใจสงบนิ่งประหนึ่งคนรอความตาย ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เจ้าตัวไม่คิดจะปกปิดหรือปัดป้องอีก
*187 พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย กลับได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจกระสับกระส่ายของขันทีคนสนิทที่รับใช้ข้างกายมาตลอด เจ้าตัวก็อดแปลกใจไม่ได้
*210 นางเดาไม่ถูกว่าจะเป็นทางใดกันแน่ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกกริ่งเกรงเลยแม้แต่นิด
ในตัวอย่างข้างบน สามารถละคำว่า ‘เจ้าตัว’ ออกได้ทั้งหมด โดยเฉพาะถ้ารู้สึกว่าใช้สรรพนามบุรุษที่ 3 เดียวกันมากเกินไป
ตัวอย่างที่อ่านแล้วติดขัด
18-19 ฝ่าบาททรงพอใจในตัวท่านอ๋องจิ้ง พระอนุชาที่แสนดีคนนี้เป็นอย่างมาก หากรู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ขาดสิ่งใด เขาก็จะหาสิ่งนั้นมาให้ ทั้งยังแอบบอกเป็นนัยกับท่านอ๋องจิ้งว่าตอนที่กวาดล้างหากเห็นสิ่งใดแล้วพอใจก็สามารถเก็บเอาไว้เองได้ ถึงอย่างไรท้องพระคลังก็มีสมบัติเต็มแล้ว ไม่ขาดของพวกนั้นอีก ‘ทั้งแอบบอกเป็นนัย’ แทนประธานคือ ฝ่าบาท ไม่ใช่ อ๋องจิ้ง จึงต้องหาคำเชื่อมไม่ให้สับสน และใส่ประธานใหม่อีกครั้ง เช่น ฝ่าบาททรงพอใจในตัวท่านอ๋องจิ้ง พระอนุชาที่แสนดีคนนี้เป็นอย่างมาก ‘เพราะ’ หากรู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ขาดสิ่งใด เขาก็จะหาสิ่งนั้นมาให้ ‘ฝ่าบาท’ ยังแอบบอกเป็นนัยกับท่านอ๋องจิ้งว่าตอนที่กวาดล้างหากเห็นสิ่งใดแล้วพอใจก็สามารถเก็บเอาไว้เองได้
43 ที่ทหารองครักษ์เข้าใจเหตุการณ์ได้อย่างถ่องแท้ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขาก็ติดตามหนังสือเล่มนี้เช่นกัน จ้วนจ้วนที่อยู่ในนั้นช่างน่ารักเสียจริง ๆ มิแปลกใจเลยที่หนุ่มสาวจะนิยมชมชอบกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าจะไว้หนวดเคราบนใบหน้า แต่อีกฝ่ายก็เพิ่งจะอายุสิบแปดเท่านั้น พวกเขาแทบจะหลงจ้วนจ้วนจนหัวปักหัวปำอยู่แล้ว ‘ถึงแม้ว่าจะไว้หนวดเคราบนใบหน้า แต่อีกฝ่ายก็เพิ่งจะอายุสิบแปดเท่านั้น’ ท่อนนี้เล่าความรู้สึกของทหารองครักษ์ที่มีต่อจ้วนจ้วนในหนังสือ ถึงจะไว้หนวดเคราก็อายุเพิ่งจะสิบแปด สรรพนามที่ควรใช้คือ ‘พวกเขา’ ไม่ใช่ ‘อีกฝ่าย’ (อีกฝ่าย มันคือฝ่ายตรงข้าม หรือคนอื่น แต่ตอนนี้เล่าถึงทหารองครักษ์อยู่ ...อ่านตอนแรกโอเข้าใจว่าจ้วนจ้วนมีหนวด...)
53-54 ซวยแล้ว! ความลับของเขาถูกเปิดเผยแล้วหรือ ศัตรูมาถึงหน้าประตู? เขาต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝังหรือไรกัน ‘ศัตรูมาถึงหน้าประตู?’ โอว่ามันต้องมาจากต้นทางภาษาจีนที่ชอบมีปรัศนีหลังประโยคบอกเล่า แต่ช่วยทำให้เป็นภาษาไทยด้วย อ่านอย่างไรก็ไม่ใช่ประโยคคำถาม ถ้าไม่ควรใส่ก็ไม่ต้องใส่มา
65 เฉียวหย่งจ้วนกลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิด จิตใจว่างเปล่าราวกับคนตาย อยากหาบ่อน้ำกระโดดให้ดับดิ้นไปเสีย เขาถูกจูบโดยบุรุษ ไม่เพียงแต่ริมฝีปากสัมผัสกันเท่านั้น แม้แต่ลิ้นก็ยังสอดเข้ามา ฮือ ๆ ๆ ไฉนตัวเขาถึงได้น่าเวทนาเช่นนี้หนอ ‘เขาถูกจูบโดยบุรุษ’ ไม่ใช่ภาษาไทยที่ดีและควรใช้
92 คำสรรเสริญเยินยอดังลอยเข้าหูมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกที่ถูกเตะก็แทบจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกว่าเจ็บเบาเกินไปนิดด้วยซ้ำ ‘เจ็บเบาเกินไปนิด’ ไม่ใช้ค่ะ จะเป็น ‘เจ็บน้อยไปสักนิด’
163 ฮ่องเต้เฉียนอี๋เดือดดาลในใจเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่อยากให้เรื่องราวพัวพันไปถึงหลี่เหยียนฮวน เฉินซิงขัดราชโองการของเขา แต่พอเห็นกายของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผล และเหยียนฮวนที่อาการกำเริบก็ทำให้เขาแทบสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ซ้ำที่ศีรษะยังห่อหุ้มเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล คำกล่าวโทษจึงติดอยู่ที่ริมฝีปาก เฉินซิงพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว จะให้ตำหนิติเตียนอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน
ควรเรียงลำดับข้อความใหม่ค่ะ และ ‘ที่ศีรษะยังห่อหุ้มเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล’ ในภาษาไทยไม่มีการใช้แบบนี้อยู่
เป็นราว ๆ นี้
แต่พอเห็นร่างกายของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยบาดแผล แทบสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงจากอาการกำเริบของเหยียนฮวน ซ้ำที่ศีรษะยังมีผ้าพันแผลห่อหุ้มไว้
ปกเรื่องนี้เป็นปกพับค่ะ กระดาษมีลวดลายด้วย . . . “ท่านพ่อ ท่านจะตีข้าแบบนี้ไม่ได้ ข้ามีเหตุผล ข้าเพียงแต่ผ่านทางไปพอดีและเข้าช่วยเหลือหญิงสาวที่กำลังถูกรังแกเอาไว้” เฉียวหย่งจ้วนรีบแก้ต่างพัลวัน ทั้งยังหลบหลีกไม้พลองของบิดาอย่างชำนิชำนาญ หลบซ้ายทีขวาที ซ้ายทีขวาที ซ้ายทีขวาที ถึงจะหลับตาก็ยังหลบพ้น
ไม้พลองกระบวนท่านี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะโดนตีมาตั้งแต่เล็กจนโต ปกติแล้วบิดาของเขาจะตีไปทางซ้ายก่อนแล้วค่อยตีมาทางขวา หลังจากนั้นก็ทำซ้ำตามเดิมเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าจะให้พูด บิดาของเขาตีเขามาสิบกว่าปีแล้ว แต่กระบวนท่าสิบปีไม่ต่างอันใดจากหนึ่งวัน ไร้ความก้าวหน้า เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าบิดาของเขาไม่ได้คิดจะก้าวหน้า ไม่แปลกที่จวนจงหย่งโหวนับวันก็ยิ่งตกต่ำลงทุกที ๆ
หน้า 7 บทที่หนึ่ง . . .
ขอบคุณคุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ สำหรับโหวตนะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2563 เวลา:20:58:52 น.
|
บทความทั้งหมด
|