หอบน้องหนีนาซี: Serraillier
ความไร้เดียงสาที่มิอาจทำลายได้
ผมสะดุดตากับหนังสือเล่มนี้ในร้านมือสอง online ร้านหนึ่ง ในบทบรรยายรายละเอียดไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือนิยาย หลังจากได้ลิ้มลองรสชาติของหนังสือแนวนี้จาก "เมื่อฮิตเลอร์ขโมยกระต่ายสีชมพู" มาแล้ว จึงไม่เป็นการยากที่จะตัดสินใจเลือกหนังสือเล่มนี้มาอ่าน
เป็นวรรณกรรมเยาวชน แต่งโดย Ian Serraillier (ค.ศ. 1912-1994) ชาวอังกฤษ เป็นกวีและนักเขียน เรื่องนี้แต่งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1956 (นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สองครั้งโดย BBC เมื่อปี ค.ศ. 1957 และ 1971) วรรณกรรมเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง แปลเป็นไทยโดย สุพรรณิการ์
..........
โปแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สองนั้นเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวที่เป็นเป้าของการทำลายล้าง หรือแม้กระทั่งชาวโปแลนด์เองก็หนีไม่พ้นการถูกจองจำ ทำร้าย จับกุม รวมไปถึงกระทั่งการสังหาร และย่อมเป็นที่แน่นอนว่าชาวโปแลนด์ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือโปล ต่างก็ลุกขึ้นสู้เพื่อแสดงถึงการไม่ก้มหัวให้กับสงครามครั้งนี้
ครูใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงวอร์ซอว์สู้กับทหารนาซีที่เข้ามายึดตำราภาษาโปแลนด์ของเขา บังคับเขาให้สอนหนังสือด้วยภาษาเยอรมัน และเอารูปฮิตเลอร์มาติดไว้ในห้องเรียน เขาต่อสู้ด้วยการหมุนให้ภาพฮิตเลอร์หันเข้าหาผนังห้องในชั่วโมงศีลธรรม... เขาถูกทหารนาซีจับตัวไปขังไว้ในค่ายกักกันแห่งหนึ่ง ต้องพบกับความลำบากยากเข็ญ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผลักดันให้เขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดออกจากค่ายกักกันแห่งนั้นให้ได้ก็คือครอบครัวของเขานั่นเอง
ภรรยาของเขา ...แม่ของลูกสามคน ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานในประเทศเยอรมันเมื่อเกิดภาวะขาดแคลนแรงงานขึ้นระหว่างสงคราม ทันทีที่ทหารนาซีจับเธอออกจากบ้าน ลูกชาย (ลูกคนกลาง) ปีนขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาแล้วหยิบปืนยาวประจำตัวออกมายิงทหารเยอรมันคนหนึ่ง... พวกนั้นตอบแทนด้วยการใช้ระเบิดถล่มบ้านของครอบครัวนี้ย่อยยับ
เด็กสามคนต้องเผชิญกับสงคราม การตามล่า ความอดอยากหิวโหย ความหนาวเย็นกลางหิมะในฤดูหนาวที่ยาวนาน ในซากปรักหักพังของกรุงวอร์ซอว์ระหว่างช่วงสองปีหลังของสงครามโลกครั้งที่สอง เด็กชายจรจัดร่างเล็กอีกคนหนึ่งเข้ามาร่วมขบวนการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดครั้งนี้ด้วยอีกคนหนึ่ง ขบวนการอันประกอบไปด้วยพี่สาวคนโตที่เพิ่งจะย่างเข้าวัยรุ่น น้องชายที่อายุไล่เลี่ยกัน น้องสาวคนเล็กที่ยังเด็กเกินกว่าจะรู้ความ และเด็กจรจัดคนที่ว่านี้ ทั้งหมดได้พยายามหาทางดำเนินชีวิตด้วยความช่วยเหลือของผู้คนรอบข้างและโชคชะตา
จนกระทั่งเมื่อสงครามสงบ พวกเขาจึงเริ่มต้นการเดินทางเพื่อไปยังสถานที่ที่พวกเขาคิดว่าพ่อและแม่จะไปรอพวกเขาอยู่
..........
นิยายดำเนินเรื่องเหมือนการผจญภัยของพวกเด็ก ๆ ตามแนววรรณกรรมเยาวชน โดยที่ไม่ได้สร้างให้ทหารนาซีเป็นคนที่น่าเกลีดน่ากลัวจนเกินจริง เด็กแต่ละคนมีประสบการณ์อันเลวร้ายจากสงครามก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์อันเลวร้ายกับมนุษย์ด้วยกัน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พวกเขาพบได้สอนให้พวกเขารู้จักผู้คนมากมายที่คอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ไม่มีฉากสงครามที่โหดร้าย ไม่มีการฆ่าฟันที่เลือดท่วม แต่เพียงเท่านี้ก็สามารถสั่นคลอนศรัทธาในความเป็นมนุษย์ได้แล้ว เพียงแค่เด็ก ๆ ที่ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่ ต้องอดอยาก ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปในวันรุ่งขึ้น แม้จะไม่มีการรบราฆ่าฟัน นั่นก็เป็นเหมือนนรกสำหรับพวกเขาแล้ว
สิ่งที่หนังสือถ่ายทอดออกมาได้ดี นอกจากจะเป็นความบริสุทธิ์และใสซื่อของเด็กทั้งหลาย ยังเป็นภาพของความวุ่นวายและสับสนของวอร์ซอว์ระหว่างสงคราม ภาพความสิ้นหวังของผู้คน กระทั่งความยุ่งเหยิงหลังสงครามสงบที่ใครหลายคนอาจไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร เด็กที่พลัดหลงกับพ่อแม่ ผู้อพยพที่ต้องการไปแสวงหาแผ่นดินที่ดีกว่า และที่สำคัญที่สุดคือความหวังที่ไม่เคยสิ้นสูญ แม้จะเป็นเพียงความหวังน้อย ๆ ของเด็กตัวน้อย ๆ จำนวนหนึ่งก็ตาม
..........
ถ้าสงครามสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง สิ่งสุดท้ายที่สงครามจะทำลายลงได้ก็คือความไร้เดียงสาของวัยเยาว์นั่นเอง
Create Date : 24 ตุลาคม 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 0:32:41 น. |
Counter : 1541 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.202.217 25 ตุลาคม 2550 14:54:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนคนหนึ่ง IP: 58.8.65.158 28 เมษายน 2551 13:49:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: เตย IP: 1.4.249.246 9 กันยายน 2561 10:53:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อยากอ่านทั้งกระต่ายฯ ทั้งเรื่องนี้เลยค่ะ