ในหลวงกับชาวไทยมุสลิม




ในหลวงกับชาวไทยมุสลิม



พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“อิสลามิกชนมีพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน อันประกอบพร้อมด้วยบทบัญญัติทางศีลธรรม จริยธรรม นิติธรรม เป็นแม่บทศักดิ์สิทธิ์สำหรับการประพฤติปฏิบัติและการดำเนินชีวิต ส่วนใหญ่จึงมีชีวิตที่เจริญมั่นคง มีความฉลาด
รู้ผิดชอบชั่วดี มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และนับเป็นบุคคลที่มีคุณค่า ถ้าแต่ละคนจะพยายามศึกษาพระคัมภีร์ให้เข้าใจถ่องแท้ยิ่งขึ้น พร้อมกับเอาใจใส่วิทยาการด้านอื่นๆให้กว้างขวางและก้าวหน้าอยู่เสมอ ก็จะส่งเสริมให้เป็นผู้มีความดี มีความรู้ความสามารถครบถ้วนสมควรยิ่งที่จะเป็นหลักและเป็นกำลังในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม”






ในหลวงเสด็จเยี่ยมราษฎรในจังหวัดชายแดนทางภาคใต้หลายครั้ง โดยจะเสด็จแปรพระราชฐานประทับ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส ในช่วงประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม

คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด คณะกรรมการมัสยิด และชาวไทยมุสลิมทั้งที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ต่างรอรับเสด็จแม้ว่าจะมีฝนตก ทุกคนต่างก็เต็มใจรอรับเสด็จ

จนมีอยู่ครั้งหนึ่งในหลวงทรงทราบว่ามีราษฎรยืนตากฝนรอรับเสด็จอยู่ จึงทรงมีรับสั่งให้เข้าไปหลบฝนก่อนที่คณะเสด็จจะเสด็จผ่าน


เนื่องจากชาวไทยมุสลิมยังใช้ภาษาท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ เมื่อในหลวงทรงรับสั่งถามถึงทุกข์สุขและการทำมาหาเลี้ยงชีพ ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่จะไม่กล้าถวายคำตอบเนื่องจากเกรงว่าจะพูดโดยใช้ภาษาไม่เหมาะสม พวกเขาได้แต่ยิ้มด้วยความดีใจ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงจึงทรงรับสั่งให้ใช้ภาษาท้องถิ่นธรรมดาสามัญไม่ต้องใช้ราชาศัพท์ แล้วจะมีผู้แปลความถวายให้



พระราชกรณียกิจในการเสด็จเยี่ยมราษฎรนั้น ทำให้ในหลวงทรงทราบถึงความแห้งแล้งของการขาดน้ำ สภาพดินเค็มดินเปรี้ยวในการทำนาทำสวน จึงทรงมีพระราชดำริให้มีโครงการต่างๆขึ้น ทรงพระราชทานพันธุ์ไม้ พันธุ์สัตว์ให้ชาวไทยมุสลิมนำไปเลี้ยงเป็นอาหารประจำวันและสามารถนำไปเป็นอาชีพประจำได้ต่อไป


ถ้าในบริเวณนั้นมีศาสนสถาน หรือโรงเรียนสอนศาสนา ในหลวงจะเสด็จเยี่ยมพระราชทานเวชภัณฑ์ และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้แก่ศาสนสถาน และโรงเรียนสอนศาสนา ยิ่งกว่านั้นยังทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวงทำการรักษาผู้ป่วย และผู้ป่วยบางรายหากไม่สามารถรักษาในท้องถิ่นได้ ก็จะทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์




ในปีพ.ศ. 2533 ในหลวงทรงแปรพระราชฐานประทับ ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านชาวไทยมุสลิม ณ โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

ที่นั่นมีมัสยิดเล็กๆหลังหนึ่ง ชื่อมัสยิด นูรุ้ลเอียะห์ซาน หมู่บ้านนี้เป็นชาวไทยมุสลิมยากจนที่อพยพมาจากที่อื่นเพื่อมาประกอบอาชีพ อิหม่ามได้กราบบังคมทูลเชิญในหลวงเสด็จประทับในมัสยิด ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดิน 1 ไร่ แต่ยังไม่สามารถจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลามได้ เนื่องจากที่ดินไม่ใช่ที่ของมัสยิด จึงขอพระราชทานที่ดินตรงนั้นให้เป็นที่ของมัสยิด

ในหลวงได้พระราชทานตามคำกราบทูล และยังมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเพิ่มให้อีก 5 ไร่ พร้อมทั้งมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการให้เป็นของมัสยิดอย่างถูกต้องเรียบร้อยด้วย


ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 เป็นต้นมา ในหลวงจะเสด็จเยี่ยมมัสยิด นูรุ้ลเอียะห์ซาน และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้มัสยิดนี้เป็นประจำทุกครั้งที่เสด็จ เพื่อสมทบทุนสร้างโรงเรียนสอนศาสนา


ในปีพ.ศ. 2539 มัสยิด นูรุ้ลเอียะห์ซาน ชำรุดทรุดโทรมมากและคับแคบ อิหม่ามจึงขอพระบรมราชานุญาต สร้างมัสยิดหลังใหม่แทนหลังเก่าบนที่ดินพระราชทาน ในหลวงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งแสนบาทในการสร้างให้ นับเป็นมัสยิดแห่งแรกที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ และเป็นมัสยิดที่อิหม่ามได้ทูลเกล้าฯถวายให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ มัสยิดแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นใหม่ด้วยความประณีตงดงาม โดยสร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นปีแห่งมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


(หมายเหตุ : ไม่ปรากฎว่ามีที่ใดๆที่มีรูปภาพหรือWeb siteของ
มัสยิด นูรุ้ลเอียะห์ซาน ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จึงไม่สามารถจะนำมาเสนอได้)



ก่อนปีพ.ศ. 2505 จะเป็นปีใดไม่แน่ชัด ท่านกงสุลแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้เข้าเฝ้าถวายพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับที่มีความหมายเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อในหลวงทอดพระเนตรและทรงศึกษาดู ทรงมีพระราชดำริว่าควรจะมีพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับความหมายภาษาไทย ให้ปรากฏเป็นศรีสง่าแก่ประเทศชาติ

เมื่อนายต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรีในสมัยนั้น เป็นผู้นำผู้แทนองค์การ สมาคม และกรรมการอิสลามเข้าเฝ้าถวายพระพรในนามของชาวไทยมุสลิมในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนั้น ในหลวงทรงมีพระกระแสรับสั่งให้จุฬาราชมนตรี แปลความหมายของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน จากพระมหาคัมภีร์ฉบับภาษาอาหรับโดยตรง สิ่งนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อศาสนาอิสลาม และทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกอย่างแท้จริง


ในช่วงเวลาที่จุฬาราชมนตรีแปลพระมหาคัมภีร์ถวาย ทุกครั้งที่เข้าเฝ้า ในหลวงจะทรงแสดงความห่วงใยตรัสถามถึงความคืบหน้า อุปสรรค ปัญหาที่เกิดขึ้น และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้พิมพ์เผยแพร่



ในปีพ.ศ. 2511 อันเป็นปีครบ 14 ศตวรรษแห่งอัลกุรอาน ประเทศมุสลิมทุกประเทศต่างก็จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างสมเกียรติ ประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ประเทศมุสลิม แต่ก็ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลอง 14 ศตวรรษแห่งอัลกุรอานขึ้น ณ สนามกีฬากิตติขจร เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2511 เป็นวันเดียวกันกับการจัดงานเมาลิดกลาง ในปีนั้นในหลวงพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี และในวันนั้นเป็นวันเริ่มแรกที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับความหมายภาษาไทย ได้พิมพ์ถวายตามพระราชดำริและได้พระราชทานแก่มัสยิดต่างๆ ทั่วประเทศ



ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสในงานเฉลิมฉลอง14 ศตวรรษ
แห่งอัลกุรอาน ว่า



“คัมภีร์อัลกุรอาน มิใช่จะเป็นคัมภีร์ที่สำคัญในศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ยังเป็นวรรณกรรมสำคัญของโลกเล่มหนึ่ง ซึ่งมหาชนรู้จักยกย่อง และได้แปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลายแล้วด้วย การที่ท่านทั้งหลาย ได้ดำเนินการแปลออกเผยแพร่เป็นภาษาไทยครั้งนี้ เป็นการสมควรชอบด้วยเหตุผล อย่างแท้จริง เพราะจะเป็นการช่วยเหลือในอิสลามิกบริษัทในประเทศไทยที่ไม่รู้ภาษาอาหรับ ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมมะในศาสนาได้สะดวกและแพร่หลาย ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาส ให้ประชาชนผู้สนใจทั่วไปได้ศึกษา ทำความเข้าใจหลักคำสอนของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง และกว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นที่ทราบกันดีว่า คัมภีร์อัลกุรอาน มีอรรถรสลึกซึ้ง การที่จะแปลออกมาเป็นภาษาไทยโดยพยายามรักษาใจความแห่งคัมภีร์เดิม ไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ และพิมพ์ขึ้นให้แพร่หลายเช่นนี้ จึงเป็นที่ควรอนุโมทนาสรรเสริญ และร่วมมือสนับสนุนอย่างยิ่ง ...”



ในปีพ.ศ. 2512 พระราชกรณียกิจอีกประการหนึ่ง คือ การส่งเสริมการศึกษาของชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแต่เดิมเยาวชนไทยมุสลิมจะมีการศึกษาภาคสามัญอย่างสูง เพียงแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นภาคบังคับแล้วจะเข้าเรียนภาคศาสนา
เนื่องด้วยผู้ปกครองเกรงว่าบุตรหลานของตนจะไม่รู้ศาสนา ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ โรงเรียนสอนศาสนาในสมัยนั้น ก็ยังเรียนกันแบบปอเนาะ คือ นักเรียนต้องไปอยู่กับโต๊ะครู ช่วยอาชีพและเรียนหนังสือ อย่างไม่มีหลักสูตรว่านักเรียนจะต้องใช้เวลาเรียนกี่ปี ด้วยเหตุที่ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่จะถนัดใช้ภาษาท้องถิ่น ไม่สามารถเขียนอ่านภาษาไทย และใช้ภาษาไทยในการติดต่อราชการได้

ในหลวงทรงเป็นห่วงใยในเรื่องนี้ จึงมีพระกระแสรับสั่งให้กระทรวงศึกษาธิการ หาหนทางส่งเสริมและปรับปรุงการเรียนการสอนภาคสามัญให้ดีขึ้น มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันกับบรรดาโต๊ะครูปอเนาะ จัดให้มีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งยังจัดให้มีการดูงานการศึกษาในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงด้วย ปอเนาะต่างๆจึงเริ่มมีการพัฒนาปรังปรุงดีขึ้น ปอเนาะใดที่มีการพัฒนาปรับปรุงถึงเกณฑ์ ก็จะได้รับการคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนที่มีการบริหารการเรียนการสอนดีเด่น และเข้ารับพระราชทานรางวัลประจำปี นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2512 เป็นต้นมา



ในหลวงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาวไทยมุสลิมด้านการส่งเสริมอาชีพ ทรงให้มีโครงการศูนย์ศึกษาและพัฒนาการเกษตรอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์ฯที่ชาวไทยมุสลิมได้รับประโยชน์ เช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส ทำให้ชาวไทยมุสลิมที่เคยยากจนเพราะไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นจนสามารถยกระดับฐานะครอบครัวให้ดีขึ้นเหมือนกับชาวไทยภาคอื่นๆ


เรียบเรียงจาก บทความเรื่อง “พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม”
โดยท่านผู้หญิงสมร ภูมิณรงค์




โดย yyswim




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2548
13 comments
Last Update : 10 กรกฎาคม 2548 18:43:23 น.
Counter : 3142 Pageviews.

 




ธรรมะเพื่อสันติสุข

มูลนิธิธรรมอิสระ ร่วมกับ อิหม่ามมัสยิดกอมรุสมาน จ.สมุทรปราการ และผู้นำศาสนาอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกันจัดเสวนาธรรม ภายใต้หัวข้อ “ธรรมะเพื่อสันติสุข” ขึ้น ณ อาคารหอประชุม
วิทยาลัยเทคนิคสตูล จ.สตูล


อิหม่ามสมนึก เจ๊ะมะ มัสยิด กอมรุสมาน จ.สมุทรปราการ ให้ความเห็นว่า

อิสลามเป็นศาสนาที่รักสงบ มีคนไม่กี่คนที่ไม่เข้าใจและสร้างปัญหา เพราะฉะนั้นทุกคนจงสร้างสภาวะจิตใจสร้างภูมิคุ้มกันให้เปรียบเสมือนน้ำเย็น ซึ่งใครก็ตามก็อยากเข้ามา ไม่ใช่น้ำร้อนที่ใครเข้ามาก็รุ่มร้อนจากการใช้ชีวิตและการดำเนินชีวิต

“ผมดีใจที่ผมได้เกิดเป็นคนไทย และนับถือศาสนาอิสลาม แต่ในขณะเดียวกันผมก็มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่คอยห่วงใยดูแลพสกนิกรชาวไทย ผมเห็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีเหงื่ออยู่บนพระพักตร์ เข้าไปบนเขาบนดอย อยู่ร่วมกับประชาชนธรรมดา ผมได้เห็นความวิริยะอุตสาหะ ความเหน็ดเหนื่อย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นตรงนี้แล้วรู้สึกประทับใจ คิดว่าเป็นความสุขเป็นความโชคดีของผม ที่เกิดมาอยู่ในแผ่นดินนี้”

อิหม่ามสมนึก ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “อย่าคิดนะครับว่าท่านเป็นมุสลิมแล้ว ท่านจะไม่สามารถนำคำสอนของศาสนาอื่นมาใช้ได้ ท่านสามารถที่จะเอามาใช้ได้ตลอดเวลา ถ้าหากว่าคำสอนนั้นเป็นคำสอนที่ดี”



บาบอสาอิ เจ๊ะสะอิ โต๊ะครูใหญ่ จ.ปัตตานีให้ความเห็นว่า

มนุษย์ที่แท้จริง มนุษย์ที่ประเสริฐ ต้องดูที่จิตใจเขา ดูที่การงานของเขา ดูที่การกระทำของเขา

“พระอัลเลาะห์ได้พูดว่า สูเจ้าทั้งหลาย เลือดในตัวของมนุษย์ ในก้อนเลือดที่เรียกว่าหัวใจนี้ ถ้าก้อนเลือดดังกล่าวเป็นก้อนเลือดที่เสีย นั่นก็หมายความว่าจะทำให้ลักษณะภายนอกนั้นเสียไปด้วย เช่น คำพูด กิริยามารยาท การแต่งเนื้อแต่งตัว และก็การใช้ชีวิตที่เลวร้าย การเอารัดเอาเปรียบ มันก็จะกลายเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ ดังนั้นการที่เราได้อยู่ร่วมกัน การพูดจาที่ดีต่อกัน การให้เกียรติต่อกัน การมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม การรู้จักสมานสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในขณะเดียวกัน ตรงนั้นคุณค่าความหมายมันมากยิ่งกว่าการบริจาคทานด้วยซ้ำ”

 

โดย: yyswim 10 กรกฎาคม 2548 18:45:55 น.  

 



ถามคำถามชาวมุสลิม

มีคำถามมาถามเยอะแยะเลยค่ะ

1.ชาวมุสลิมสามารถไปร่วมงานใดของชาวพุทธได้บ้าง และยกตัวอย่างงานที่ไปไม่ได้ด้วยนะคะ
2.ปัจจุบันนี้มุสลิมที่ยังเคร่งครัดในศาสนาแบบเคร่งๆเลยนะคะ ยังมีอยู่มั้ย เฉพาะในไทย
3.ในมัสยิด ผู้หญิงสามารถเข้าไปได้มั้ย ส่วนใดบ้าง
4.ถ้าสมมุติว่ามุสลิมะห์จะเปลี่ยนศาสนาออกมาตามแฟน จะมีบาปแค่ไหน แล้วผลที่ตามมาจากสังคมที่เธออยู่ เช่นพ่อแม่จะเป็นอย่างไร แล้วในกรณีนี้จะส่งผลบาปถึงพ่อแม่มั้ย
5.สังคมอิสลามทางใต้ กับในกรุงเทพมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

คงถามแค่นี้ค่ะ แต่อยากจะหาที่ปรึกษาที่สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม เอาที่ให้ความรู้ทางชีวิตจริงที่เป็นอยู่นะคะ ไม่เอาคัมภีร์จ๋า... ไม่ทราบว่าใครพอจะช่วยเหลือได้บ้าง เป็นผู้หญิงยิ่งดีเลยค่ะ ผู้ชายก็ได้ค่ะ ที่นับถือศาสนาอิสลามนะคะ
จากคุณ : makamkaw makamkaw@hotmail.com ค่ะ


ตอบ

1. ร่วมได้ทุกงาน (งานศพ งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฯ ) แต่งานศพ เราจะไม่ไปวางดอกไม้จันทร์ ทำแค่แสดงความเสียใจ ให้ซอง
2. คำว่า เคร่ง เป็นยังไง มุสลิมทุกคนปฏิบัติตนตามหลักศรัทธาค่ะ เช่น ละหมาดวันละ 5 เวลา ถือศีลอด ทำทาน ฯ ซึ่งทุกคนก็จะปฏิบัติกันอยู่ ไม่เข้าใจว่าคนที่ไม่เคร่งเขาจะละเลยข้อไหนค่ะ
3.ในมัสยิดเขาจะแบ่งส่วนชาย-หญิง โดยใช้ม่านกั้น ด้านในมัสยิดจะเป็นห้องโถงโล่งๆ ค่ะ
4. ข้อนี้รอผู้รู้มาตอบนะคะ
5. คิดว่าเหมือนกันนะคะ
จากคุณ : บุหงาตานี


ตอบ

ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ
1.ชาวมุสลิม สามารถไปร่วมงานใดของชาวพุทธได้บ้าง และยกตัวอย่างงานที่ไปไม่ได้ด้วยค่ะ
>>>ที่มุสลิมหลายท่านตอบว่า ร่วมได้ทุกงาน นั้น...ต้องกำหนดขอบเขตของการร่วมงานด้วยครับ เช่น ต้องไม่เข้าร่วมงานในส่วนของพิธีกรรมของศาสนานั้นๆ หรืองานนั้นต้องไม่ส่งเสริมความเชื่อในพื้นฐานของศาสนานั้นๆ เป็นต้นครับ

2.ปัจจุบันนี้มุสลิมที่ยังเคร่งครัดในศาสนา แบบเคร่งๆเลยนะคะยังมีอยู่มั้ย เฉพาะในไทย
>>>ผมว่า ในศาสนาอิสลาม ไม่น่าจะมีคำว่า เคร่ง หรือไม่เคร่ง นะครับ เพราะหลักการของศาสนาคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติ ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ ...หากปฏิบัติได้ไม่ครบ โดยไม่มีเหตุผลสมควร ผมว่านั่นไม่น่าจะเรียกว่ามุสลิม

3.ในมัสยิดผู้หญิงสามารถเข้าไปได้มั้ย ส่วนใดบ้าง
>>>โดยปกติ หากคุณแต่งกายสุภาพ เรียบร้อย (หากเป็นหญิงต้องไม่มีรอบเดือน) ก็สามารถเข้าไปในมัสยิดได้ครับ

4.ถ้าสมมุติว่ามุสลิมะห์จะเปลี่ยนศาสนาออกมาตามแฟน จะมีบาปแค่ไหน แล้วผลที่ตามมาจากสังคมที่เธออยู่ เช่นพ่อแม่จะเป็นอย่างไร แล้วในกรณีนี้จะส่งผลบาปถึงพ่อแม่มั้ย
>>>หากเปลี่ยนศาสนา ในทัศนะของอิสลามถือว่าบาปครับ เป็นบาปหนักประการหนึ่งด้วย ผลที่จะตามมาในทางศาสนาก็คือ การมีชีวิตและต้องรับสภาพการมีชีวิตเฉกเช่น ผู้ปฏิเสธ
...ส่วนในทางสังคมนั้น แล้วแต่สังคมที่เธออยู่ครับ บางแห่งอาจเฉยๆ หรือบางแห่งก็อาจจะประณามเธอก็ได้

ส่วนพ่อแม่นั้น หากให้การศึกษาด้านศาสนาแก่เธอผู้นั้นครบถ้วนแล้ว ก็ไม่มีบาปผิดอันใดครับ เพราะการเปลี่ยนศาสนาเป็นการเลือกของเธอเอง ไม่มีผู้ใดรับบาปผิดของอีกคนหนึ่งได้ครับ ทุกคนต้องรับผิดชอบ เฉพาะการกระทำในหน้าที่ของตนเองเท่านั้น

5.สังคมอิสลามทางใต้ กับในกรุงเทพมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
>>>แตกต่างกันในบางส่วนครับ ในกรุงเทพฯนั้น สังคมมุสลิมจะมีการติดต่อ และวางตัวในสังคมกับคนต่างศาสนิกอย่างสงบครับ ค่อนข้างอนุโลมในความสัมพันธ์กับคนต่างศาสนิกค่อนข้างมาก

ส่วนสังคมมุสลิมทางใต้นั้น ค่อนข้างที่จะอยู่รวมกันเป็นหมู่เป็นกลุ่ม เป็นปัจเจกสังคมมากกว่า และมักจะไม่ค่อยติดต่อกับคนต่างศาสนิกเท่าไหร่ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากความคิดเรื่องเชื้อสายมาลายู และวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นต้นครับ

มีปัญหาปรึกษาทางศาสนาอิสลาม ก็เมล์มาหาผมได้ครับ ยินดีให้ความรู้ทางศาสนาตามที่ผมพอจะให้ได้ครับ
ด้วยจิตคารวะ
จากคุณ : kheedes kheedes@yahoo.com

 

โดย: yyswim 10 กรกฎาคม 2548 18:47:18 น.  

 




แผนยกคุณภาพชีวิต ชาวไทยมุสลิม

รศ.อิศรา ศานติศาสน์ จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า

ปัญหาของพี่น้องชาวชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศที่ผ่านมา ยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านสุขอนามัย หน่วยงานราชการเองก็ให้ความรู้ไม่ได้อย่างทั่วถึง การจัดทำแผนงานครั้งนี้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้ว 1 ปี 9 เดือน

โดยนำหลักคำสอนในคัมภีร์อัลกุรอาน มาปรับเป็นกิจกรรมที่ชาวบ้านเข้าได้ง่าย เช่น หลักคำสอนด้านอาหาร ที่ไม่ให้กินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรจะกินหลายๆอย่างหมุนเวียนกันไป อาหารที่กินก็ควรจะต้องเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ตามบทบัญญัติ วิธีการรักษาโรคที่สามารถแบ่งเป็นรักษาด้วยยาและธรรมชาติบำบัด และรักษาด้วยทางจิตวิญญาณ ความสะอาดที่เน้นให้ชำระร่างกายก่อนละหมาดซึ่งจะต้องอาบน้ำทั่วร่างกาย การดำรงชีพอย่างพอเพียงไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่ให้กลัวความยากจน และให้ผู้มีฐานะดีช่วยเหลือผู้ด้อยกว่า


รศ.อิศรา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการดำเนินงานตามแผนพบว่าชาวบ้านให้ความสำคัญด้านสุขภาพมากขึ้น สนใจการออกกำลังกาย รู้จักการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ไม่มีสารเคมีเจือปน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนในชุมชน ตัวอย่างชาวบ้านที่เขตหนองจอกจะรวมตัวกันปลูกข้าวปลอดสารพิษ และเผยแพร่ความรู้ไปยังญาติพี่น้องและเพื่อน ส่วนชุมชนชาวชาวไทยมุสลิมในภูมิภาคก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความรู้ผู้นำชุมชนถึงการรู้จักนำธรรมชาติใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์ สมุนไพร อบรมสตรีในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูบุตร การอบรมอาชีพ ซึ่งสามารถเสริมรายได้
ในครอบครัว

 

โดย: yyswim 10 กรกฎาคม 2548 18:49:58 น.  

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ




 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 10 กรกฎาคม 2548 21:53:33 น.  

 

หายไปซะนาน แต่คิดถึงเสมอค่ะ

 

โดย: พี่เจี้ยวค่ะ (sutida_jeaw ) 11 กรกฎาคม 2548 10:03:49 น.  

 

ที่บ้านผมเองนะนั่น

ผ่านเกือบทุกวันเลยครับมัสยิดกลาง

 

โดย: พ่อน้องโจ 11 กรกฎาคม 2548 22:24:29 น.  

 

โห คุณ yyswim ข้อมูลปึกเลยอะเกี่ยวกับพระองค์ท่าน

เรื่องอนามัย ยอมรับว่าลำบาก 1.เพราะการสื่อภาษา 2.เมืองไทยยังเน้นเรื่องการรักษามากกว่าป้องกัน 3.ชาวบ้านนิยมไปหาหมอบ้าน (ไสย) มากกว่า

 

โดย: ลองตอบ 11 กรกฎาคม 2548 23:08:13 น.  

 

แวะมาบอกว่ายินดีเสมอค่ะ ไว้ตามโอกาสนะค่ะ ว่างก็ค่อยเข้าไปแวะทักทายพี่บ้างละกัน พี่เข้าใจค่ะ คนเราความชอบไม่เหมือนกัน แต่พี่ว่ายังไงคุณก็เป็นคนน่ารัก จริงใจ น่าคบคนหนึ่งละค่ะสำหรับในสายตาของพี่ จริงๆนะค่ะ ไม่ได้โกหกค่ะ อิอิ....

 

โดย: พี่เจี้ยวค่ะ IP: 24.238.35.167 12 กรกฎาคม 2548 4:43:15 น.  

 

ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่าน ทำให้พวกเราหลายชนเผ่า ศาสนา สามารถดำรงอยู่ด้วยสันติเสมอมา
หากจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น เชื่อค่ะว่า จะผ่านพ้นไปได้

ขอพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญ

 

โดย: MDA 12 กรกฎาคม 2548 9:26:37 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณเจ้าของบล็อค สบายดีนะคะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ

 

โดย: Hana* 12 กรกฎาคม 2548 21:06:20 น.  

 

รักในหลวงมากที่สุด
รักคนที่มีศาสนา
รักทุกศาสนา
รักประเทศไทย ไชโย

 

โดย: U2 IP: 61.90.184.243 9 สิงหาคม 2548 15:00:57 น.  

 

รักเมืองไทย ชูชาติไทย คุณเป็นใคร
ผมคือคนไทย สาบาน
รักจริง อย่าสร้างภาพ ...
ความแตกแยก
ตนไทยรักเมืองไทยมีจริง
138 ม 4 ต.น้ำชำ อ.เมือง จ. แพร่
ครูสัญชัย พรหมเสนา
52 k
สาบาน

 

โดย: บัง IP: 222.123.16.48 30 สิงหาคม 2550 20:20:20 น.  

 

ถึงแม้ว่าคนเราจะต่างศาสนากันแต่ก็ไม่ได้แบ่งแยกให้เราต่างกัน เราแตกต่างแต่เราไม่ได้แตกแยก เพราะเชื่อว่าทุกศานาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี .......... pooh

 

โดย: ขวัญเรือน พานแก้ว IP: 58.147.117.50 23 พฤศจิกายน 2552 15:15:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.